ครั้งนี้ทำเวลาดีกว่าเดิม ครั้งแรกวิ่งสามัคคีศรีรัช ทำเวลาได้ 2.25 นาที ครั้งนี้ทำเวลาได้ 2.23 นาที ดีกว่าเดิมนิดหน่อยถือว่ามีการพัฒนาไปในทางที่ดี
พูดถึงการจัดงาน
ระยองมาราธอน แต่เดิมเป็นงานวิ่งของกลุ่มวิ่งชาวบ้านเพ ตอนหลังมาพอกลุ่มใหญ่ขึ้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็นระยองมาราธอน แต่ก็ยังคงจัดที่บ้านเพเหมือนเดิม
ด้วยความที่เป็นงานบ้านบ้าน ของชาวบ้านถึงแม้จะมีการจัดต่อเนื่องยาวนานมาถึง 16 ครั้งแล้วก็ตาม การจัดการก็ยังเป็นแบบบ้านบ้าน เริ่มตั้งแต่วันไปรับbib มีความช้า ปล่อยให้คนเข้าแถวยาว ในสถานที่ที่คับแคบจนต้องยืนเข้าแถวตากแดด bib ต้องมาเขียนตัวเลขกันสดๆตรงหน้างานผิดบ้างถูกบ้าง ที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือ มีการเปิดรับสมัครกันหน้างาน แต่..ผู้ที่สมัครหน้างานจะไม่ได้เสื้อ! และไม่ได้เหรียญ!!
สำหรับนักวิ่ง สัญลักษณ์หนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของเขาคือเหรียญที่ระลึก พลาดมาก แต่มีพลาดมากกว่านั้นอีก
ในรายการนี้เหรียญที่ระลึกสำหรับ มินิ ฮาล์ฟ และมาราธอนแตกต่างกัน มินิ เหรียญทองแดง ฮาล์ฟ เหรียญเงิน และมาราธอน เหรียญทอง แต่คนแจกเหรียญไม่รู้เรื่องด้วย ใครเข้าเส้นชัยก่อน กูให้เหรียญทอง ใครมาทีหลังก็ให้เหรียญเงิน และเหรียญทองแดงตามลำดับ เหรียญทองจึงตกไปอยู่กับมือคนวิ่งระยะมินิหมด พังมากครับ
มาพูดถึงบรรยากาศในงานบ้างดีกว่า
ยกเว้นเรื่องความผิดพลาดในการจัดการที่มั่วข้างต้นนั้นแล้ว เรื่องอื่นๆ โอเคครับ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางที่วิ่งเลียบหาด แม้จะปิดถนนไม่ได้ 100% แต่รถราในช่วงเช้าก็มีไม่มากนัก โชคร้ายตรงที่ว่าในจำนวนรถที่ไม่มากนักนั้น มีรถบางคันที่ขับเร็วมาก เรื่องน้ำท่าตามจุดบริการต่างๆ ถือว่าทั่วถึงครับ สิ่งที่ขาดไปคือห้องน้ำ ตลอดเส้นทางวิ่ง ไม่มีรถห้องน้ำเคลื่อนที่เลย จึงเห็นภาพนักวิ่งบางท่านต้องวิ่งแวะข้างทาง อาศัยพุ่มไม้เป็นจุดปล่อยทุกข์ชั่วคราว ทุกข์เบาพอทำได้ แต่ถ้าเป็นทุกข์หนักละต้องทำไง..สิ่งนั้นเกิดขึ้นกับผมตั้งแต่กิโลเมตรแรกจนถึงกิโลเมตรที่สิบ!
งานนี้โชคดีอย่างหนึ่งคือที่พักใกล้จากจุดปล่อยตัวมาก ประมาณ 500 เมตร ตื่นเช้าเข้าห้องน้ำพยายามอึให้เสร็จ แต่ดูเหมือนมันไม่หมด พอไปถึงจุดสตาร์ทมวลสารที่ยังไม่หมดเริ่มมีปฏิกิริยา ก่อนถึงเวลาปล่อยตัว 10 นาที ผมวิ่งหาห้องน้ำ หาเจอครับ แต่เห็นจำนวนคนเข้าแถวเพื่อเข้าห้องน้ำแล้วต้องถอดใจ
เริ่มปล่อยตัว วิ่งไปด้วยความรู้สึกตุ่ยๆที่ท้อง ตลอดระยะ 10 กิโลเมตรผมวิ่งไปมองหาห้องน้ำไป เจอพงป่าข้างทางเกือบตัดสินใจไปปลดปล่อยหลายรอบ แต่ทำใจไม่ได้ จึงต้องอดทนและวิ่งไปเรื่อยๆ มีบางจังหวะที่มันเริ่มมาถึงประตูหลัง นึกว่าเป็นแค่ลม แต่พอค่อยๆปล่อยออกมา มันจะออกมาทั้งกากใย เลยต้องอั้นไว้ก่อน ..
รอจนถึงกิโลเมตรที่ 12 ความปวดถึงเริ่มเบาบาง
เส้นทางวิ่งครึ่งหลังต้องวิ่งเข้าหาแดด(อีกแล้ว) โชคดีที่ครั้งนี้เตรียมแว่นกันแดดไปด้วย แต่ถึงกระนั้นแดดก็ยังแรงอยู่ดี ตาแทบปิด
ว่ากันว่างานนี้มีอาหารเยอะ ของกินอร่อย ผมก็เห็นซุ้มอาหารเยอะจริงครับ แต่ดูจำนวนคนที่เข้าซุ้มแถวยาวมาก ถอดใจ เดินกลับกินอาหารเช้าที่รีสอร์ทดีกว่า
ถ้าเทียบกับงานที่ผ่านๆมา งานนี้ถือว่าร่างกายค่อนข้างฟิตครับ ไม่เจ็บ ไม่ล้าเท่าไร น่าจะเกิดจากการซ้อมมาอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรใจก็ยังไม่แข็งพอที่จะสมัครมาราธอน ขอเวลาทำใจและฟิตร่างกายอีกสักระยะก่อน
งานนี้ผมให้คะแนน 6/10 (3 คะแนนจากเส้นทางวิ่ง, 3 คะแนนจากน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ตลอดเส้นทางวิ่ง)
ขออนุญาตหัก 4 คะแนนจากการจัดการเรื่องbib, เรื่องเสื้อ และเรื่องเหรียญที่ระลึกที่ยังดูมั่วๆ แม้จะผ่านงานมาตั้ง 16 ครั้งแล้วก็ตาม.