จอมบึงมาราธอน ครั้งที่ 32

การไปวิ่งจอมบึงมาราธอนถือเป็นความใฝ่ฝันของนักวิ่งทั้งหลาย เพราะไม่ใช่ว่าใครจะไปวิ่งได้ นอกจากมีเงิน มีเวลาแล้ว ยังต้องลุ้นว่าสมัครแล้วจะได้รับเลือกให้ไปวิ่งหรือเปล่า
ตอนสมัครวิ่งใจยังไม่พร้อมสำหรับมาราธอนเลยเลือกในระยะที่ตัวเองสามารถทำได้ก่อน นั่นคือระยะฮาล์ฟ แต่พอถึงเวลาจริงกลับเสียดายระยะมาราธอน.. เราน่าจะจบมาราธอนแรกเสียทีนี่เลย

ผมก็เหมือนกับหลายๆคนที่มีความสงสัยในจอมบึง ทำไมที่นี่ถึงเป็นสถานที่ๆนักวิ่งทุกคนพูดถึง เป็นสถานที่ๆได้รับการโหวดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศ

ต้องไปพิสูจน์ด้วยตนเอง ที่หนึ่งของคนอื่นอาจไม่ใช่ที่หนึ่งของเรา!

งานนี้ผมไปคนเดียวจริงๆ เริ่มจากเดินทางไปคนเดียว ไปหาที่พักคือกางเต๊นท์พักคนเดียว ไปถึงค่อนข้างเร็วประมาณบ่ายโมงกว่าๆของวันเสาร์จึงสามารถเลือกที่กางเต๊นท์ได้ ได้ที่กางเต๊นท์ใต้ร่มไม้ติดสระน้ำและไม่ไกลจากจุดจอดรถและจุดปล่อยตัวมานัก ..

จัดแจงกางเต๊นท์เสร็จสรรพทักทายเพื่อนนักวิ่งที่กางเต๊นท์ใกล้ๆกัน เสร็จแล้วค่อยเดินสำรวจสถานที่ ..
สถานที่สำหรับนักวิ่งที่มากางเต๊นท์ถือว่ากว้างขวางมาก มีทั้งสนามฟุตบอล และสนามริมสระ ห้องน้ำและห้องอาบน้ำนอกจากเปิดให้เข้าได้ในทุกอาคารของมหาลัยแล้ว ยังมีห้องน้ำชั่วคราวที่ใช้ผ้าใบกั้นอีกหลายสิบห้อง ไม่นับห้องน้ำเคลื่อนที่อีกหลายคัน

ถือว่าเรื่องสถานที่ ที่พัก และห้องน้ำ..ผ่านครับ

เย็นวันเสาร์มีอาหารเลี้ยงสำหรับนักวิ่งอย่างพอเพียง เติมได้ไม่อั้น ขอแค่มี BIB ไปยื่น

บรรยกาศในงานตั้งแต่วันเสาร์นี่ไม่ต้องพูดถึง คึกคักมาก อารมณ์เหมือนเทศกาลดนตรี นักศึกษาและผู้จัดการดูพร้อมมาก ชาวบ้านร้านตลาดเองก็ดูมีส่วนร่วมอย่างมาก โดยเฉพาะที่พักโรงแรมหรือรีสอร์ทในละแวกใกล้เคียงกับจุดปล่อยตัวเต็มหมดลามไปถึงสวนผึ้ง นี่ถือเป็นงานใหญ่ที่กระจายรายได้สู่ชุมชนโดยแท้

รู้สึกมีมวลพลังบวกถั่งโถมเข้าใส่ร่าง ถึงแม้จะไปคนเดียว กินคนเดียว เดินคนเดียว แต่มีความสุขครับ คึกคักและครึกครื้น
หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ อาบน้ำเสร็จ เวลาประมาณสองทุ่มกว่าผมก็เข้านอนละ นอนเต้นท์อากาศไม่หนาวและไม่ร้อน กำลังดี สบายสบาย หลับยาวจนกระทั่งตี 2

ตี 2 พิธีกรในงานเริ่มประกาศ และพูดกำหนดการต่างๆ และตั้งแต่เวลานั้นผมก็ไม่หลับอีกเลย นอนฟังยาวไป..จนกระทั่งถึงเวลาปล่อยตัวนักวิ่งในระยะมาราธอนในเวลาตี 4
งานนี้องค์ภาฯ ทรงร่วมวิ่งในระยะมาราธอนด้วย

เวลาตี 5 ใกล้ถึงเวลาของระยะฮาล์ฟ ผมออกจากที่พักมุ่งสู่จุดปล่อยตัว ปล่อยตัวในเวลาตี 5.30 นาที
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับระยะฮาล์ฟของผม ความตื่นเต้นจึงน้อยมากถ้าเทียบกับครั้งแรก

เมื่อถึงเวลาปล่อยตัวออกจากจุดสตาร์ท…ผมตั้งใจจะเกาะลูกโป่งสีแดง คือ ระยะเวลา 2 ชั่วโมง แต่ดูเหมือนว่าตั้งแต่เริ่มสตาร์ทโป่งแดงก็ห่างออกไปเรื่อยๆ

ตลอดทางในการวิ่ง จอมบึงมีสิ่งที่ที่อื่นไม่มี ไม่ใช่วิวริมทางที่ดารดาษด้วยดอกไม้ ไม่ใช่วิวทะเล หรือวิวภูเขา แต่เป็นวิวบ้านบ้านที่เต็มไปด้วยสีสันและพลังบวก เหล่ากองเชียร์ตั้งแต่เด็กประถม มัธยมหรือมหาลัย มีให้เห็นตลอดทางเป็นระยะ หรือแม้แต่ชาวบ้านเองก็มาตั้งกลุ่มเชียร์ บางบ้านตั้งโต๊ะหน้าบ้านเอาน้ำดื่ม ผลไม้ ของกินมาวางให้นักวิ่ง เรียกว่าถนนเต็มไปด้วยของกิน เพราะนอกจากของกินที่ทีมงานจัดให้แล้ว ยังมีของกินของชาวบ้านที่จัดมาให้อีก ..

เสียงเชียร์ เสียงเพลงที่เปิดตามทาง มันส่งพลังให้  นักวิ่งอย่างผมมากๆ ผมวิ่งจนไม่รู้สึกเหนื่อยเลยตลอดระยะทาง 21.7 กิโลเมตร
และแน่นอนครับ การวิ่งในครั้งนี้เป็นสถิติใหม่ของผม Pace 5 สำเร็จ ใช้เวลาในการวิ่งไป 2.04 ชั่วโมง

หลังจากวิ่งเสร็จกลับมาเก็บเต๊นท์ เก็บของ ขับรถกลับบ้าน ..และถึงบ้านในเวลา 10 โมงเช้า

ต้องชมผู้จัดงานครับ จัดได้ดี มีความพร้อมทุกอย่าง ผมให้คะแนนเต็มสิบ.

ครั้งหน้าที่จอมบึง ต้อง ‘ฟูลมาราธอน‘ เท่านั้น.