ผู้โดยสาร
หลังจากรับรถจากอู่ ลุงชม รีบบึ่งออกหาผู้โดยสารทันที! เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี อาชีพที่ใครต่อใครต่างมองว่าง่ายและสามารถทำได้ คือ ขับแท็กซี่ บางคนขับแท็กซี่ เพื่อรองานใหม่ บางคนขับเพราะไม่รู้จะทำอะไร บางคนขับเพราะชอบ บางคนขับเพราะตกงาน ฯลฯ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ณ ปัจจุบันแท็กซี่ในกรุงเทพได้เพิ่มจำนวนขึ้นทุกที คิดเป็นอัตรา 7 ใน 10 หมายความว่า ถ้ามีรถวิ่งมาในถนนเส้นหนึ่ง 10 คัน เป็นแท็กซี่ 7 คัน ลุงชมแกไม่ได้พึ่งตกงาน หรือกำลังรองานใหม่ แกยึดอาชีพขับแท็กซี่มานานกว่า 10 ปีแล้ว แกใช้ชีวิตหลังพวงมาลัย ใต้ป้ายรถ TAXI METER มานาน เห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคม เห็นชีวิตคนกรุง ความวุ่นวาย และความเปลี่ยนแปลงมากมาย ลุงชมขับรถแท็กซี่กะดึก เพราะความวุ่นวายน้อยกว่ากลางวัน แต่ต้องทนสู้รบปรบมือกับพวกขี้เมา คนเที่ยวกลางคืน หญิงกลางคืน และสิ่งที่มองไม่เห็น!! แม้มิจฉาชีพจะชุมพอๆกับยุง แต่ลุงชมก็ยังไม่เคยเจอ และไม่คิดอยากจะเจอ คืนนี้หลังจากส่งผู้โดยสารที่ขนเสื้อผ้าจากประตูน้ำมายังซอยวัดแห่งหนึ่ง ลุงชมแกบึ่งแท็กซี่ออกถนนใหญ่เพื่อหาผู้โดยสารอีกครั้ง จนกระทั่งมาถึงหน้าวัดแห่งหนึ่ง ขณะนั้นเวลาบนหน้าปัดบอกเวลา 2 ทุ่มยี่สิบ ผู้โดยสาร 4 คน ยืนโบกรถหน้าวัด 1ใน 4 ใส่ชุดขาว อีก 3 คนใส่ชุดดำ และ 1 ใน 3 คนที่ใส่ชุดดำนั้น ถือภาพขนาดใหญ่ประกบไว้ที่อก “ไปไหนครับ” ลุงชมถามอย่างสุภาพ ต่อผู้โดยสารสตรีสูงวัยทั้ง 3 “ถ้าจะเหมาไปสุพรรณบุรี..จะไปมั้ย?” ลุงชมใช้เวลาคิดแว่บหนึ่ง ก่อนผงกหัวตกลง และเมื่อต่อรองราคาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้โดยสารทุกคนก็ขึ้นรถแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง มุ่งตรงสุพรรณบุรี “แท็กซี่ ถ้าถึงอำเภอสองพี่น้องแล้ว ปลุกด้วยนะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน” ป้าที่นั่งด้านข้างคนขับบอก ก่อนที่ทั้งหมดจะหลับด้วยความเพลีย ยกเว้นชายชุดขาวที่นั่งตรงกลางด้านหลังคนขับ นอกจากไม่หลับแล้ว ยังมองจ้องมายังคนขับตลอดเวลา จนบางครั้งลุงชมรู้สึกตกใจ ลุงชมแอบมองผ่านกระจกทีไร เป็นต้องสบตากับเขาทุกที ครั้งหนึ่งลุงชมแทบหยุดหายใจ เมื่อแว่บหนึ่งมองเห็นสายตาของชายชุดขาวไร้แววตาดำ มีแต่ตาเหลือกขาว แกรีบหันกลับมา และตั้งใจขับรถต่อไป…..