ท่องเที่ยว
ทริปทุเรียน
ไปเที่ยวระยองครับ.. ครั้งสุดท้ายที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด คือ เมื่อปีใหม่ ครั้งนี้อยากไปเที่ยวแนวธรรมชาติ เลยไประยอง ไปกินทุเรียน! ได้ไอเดียจากอ.วีระ แกพึ่งพามิตรรักแฟนเพลงไปเที่ยวชิมทุเรียนที่ระยองมา เราไม่มีโอกาสได้ไปกับแก เลยต้องไปเองครับ เป้าหมายคือ สวนบ้านเรา อ.แกลง สวนเดียวกับที่ อ.วีระไป และที่พักที่ทำการจองไว้ คือ โรงแรมโกลเด้นท์ ซิตี้ เมืองระยอง ที่พัก กับ ที่เที่ยว อยู่กันคนละที __ แต่ไม่ใช่ปัญหา ถือว่าขับรถเที่ยว เช้าวันเสาร์ออกเดินทาง วิธีเดินทางง่ายมากครับ ขับรถมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าชลบุรี พอพ้นจุดพักรถบนมอเตอร์เวย์ขับต่อไปไม่นาน ก็จะมีป้ายระยองออกขวา ไปทางบ้านบึงครับ ทีนี้ก็ขับยาวอย่างเดียวจนถึงระยอง ผมไปถึงสวนบ้านเรา เวลา 11.00 น. โดยประมาณ จ่ายค่าบุพเฟ่ 200 บาท/คน และหลังจากนั้นก็ได้เวลากินอย่างไม่ยั้ง ไม่ว่า่จะเป็นทุเรียนหมอนทอง เงาะ ลองกอง และมังคุด สวนทีนี่ดูแลโดยคุณขจร แกบอกทำสวนมาได้ 7 ปีแล้ว แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เปิดบุฟเฟต์ เพื่อเปิดตลาดสำหรับนักชิมผลไม้ ทีนี่มีพันธุ์ทุเรียนกว่า 100 สายพันธุ์ แต่ช่วงนี้มีเหลือแค่หมอนทองกับชะนี “ถ้าให้ดีควรมาช่วงหลังสงกรานต์ ช่วงนั้นจะได้ชิมทุเรียนหลายพันธุ์และทุเรียนจะอร่อยมากในหน้าร้อน” กินทุเรียนอิ่มหน่ำก็ตีรถเข้าระยองครับ ระหว่างทางก็แวะเที่ยวชายหาดของจ.ระยอง มาถึงโรงแรมที่พักในตัวเมืองระยองในเวลา 5 โมงเย็น ระยองเป็นจังหวัดปานกลาง ไม่ใหญ่และไม่เล็กมาก ในตัวเมืองมีรถมาก เจอคนขับรถแย่ๆ 2-3 ครั้ง ทำเอาเสียความรู้สึกไปเหมือนกัน แต่ก็ทำใจว่า คนขับรถแย่ๆที่ไหนก็มี!! เช้าวันอาทิตย์ ต้องเดินทางกลับกรุงเทพละ แต่ก่อนกลับต้องหาของฝากก่อน เลยไปแวะตลาดบ้านเพซื้ออาหารสด อาหารทะเล และแวะไปสวนทุเรียนบ้านเราอีกครั้ง เพื่อซื้อของฝาก จากเมื่อวานที่เห็นของฝากเป็นทุเรียนทอดหลายถุง พอทัวร์มาลงเท่านั้นแหละ เกลี้ยงเลย…จึงได้แค่ทุเรียนหมอนทอง แวะเอาไปฝากพ่อตาที่ บางแสน ชลบุรี ก่อนจึงบึ่งรวดเดียวถึงกรุงเทพ ___รวมระยะทางทั้งไปและกลับ 700 กว่ากิโลเมตร ใช้แก๊ส LPG ไป 700 กว่าบาท จบทริป..ทุเรียน ปล. เย็นวันนั้นกลับถึงบ้าน 5…
ทริป-เที่ยงท่อง-ล่องแพ
พูดถึงจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดที่อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเพียงแค่ 128 กิโลเมตร (ระยะจากกรุงเทพถึงเขตจังหวัดกาญจนบุรี) แต่บรรยากาศและสถานที่เที่ยวของจังหวัดนี้มีเยอะครับ และถ้าพูดถึงกาญจน์ หลายคนก็จะคิดถึงเขื่อน แพ และน้ำตก ..ทริปนี้เราไปเขื่อนครับ ได้ที่พักที่ อนันตาริเวอร์ฮิลส์รีสอร์ท ซึ่งที่พักมีทั้งแบบแพ แบบห้องพัก และกางเต๊นท์ เราไปครั้งนี้ได้ทั้งแบบห้องแพ ห้องพักบนสันเขื่อน และกางเต๊นท์ครับ กลางวันอาจจะร้อนไปหน่อย แต่ขอบอกเลยว่าพอตะวันตกดินเท่านั้นละครับ..ความหนาวเย็นเริ่มมาเยือนทันที จุดแข็งของที่นี่นอกจากมีเครื่องเล่นในน้ำแล้ว อาหารรสชาตถือว่าเด็ดครับ ถ้าไปเป็นหมู่คณะที่นี่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี .. เล่นน้ำเหนื่อยๆ ขึ้นมาแล้วได้ทานข้าวอร่อยๆ ..แค่นี้ก็มีความสุขละครับ 🙂
น่าน..งัย
จังหวัดน่านเป็นจังหวัดเล็กๆในภาคเหนือ มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา และภูเขาส่วนใหญ่ไม่มีต้นไม้ เนื่องจากเมื่อก่อนคนที่นั่นมีค่านิยมตัดไม้มาสร้างบ้าน บ้านต้องมีท่อนไม้ใหญ่ๆ ถึงจะแสดงถึงฐานะ ปัจจุบันค่านิยมนี้เริ่มหมดไปแล้ว แต่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้เห็นตามบ้านเก่าแก่ของคนน่าน ผลที่เกิดจากค่านิยมนี้ทำให้ภูเขาหลายๆลูกในจังหวัดน่านไม่มีต้นไม้!! ระยะทางจากรุงเทพไปน่านประมาณ 860 กิโลเมตร ถ้าจะไปเที่ยวแนะนำให้ไปในช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลปีใหม่ ที่ไม่แนะนำเพราะผมเจอมาแล้วกับตัว! ถึงจังหวัดน่านจะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่การเดินทางไปทางเหนือยังไงเสียก็ต้องอาศัยทางเดียวกันอยู่ดี ดังนั้น ระหว่างทางทั้งไปและกลับผมรถติดเต็มๆ การท่องเที่ยวครั้งนี้ผมเลือกขับรถไปเองครับ โดยน้องพิงกี้ หรือมารชมพู ไปพร้อมกับเพื่อนบ้านอีก 2 คน รวมเป็น 4 คน 2 คัน ไม่มีการจองที่พัก หลังรถเรามีเต๊นท์ อาหาร และเครื่องนอนแล้ว ใยต้องกลัวอะไร? เดินทางวันแรกวันที่ 28 ธ.ค. 56 แต่เช้าตรู่ รถไม่เยอะมาก แต่ก็ใช้ความเร็วมากไม่ได้สักเท่าไร วันแรกเลยไปไม่ถึงน่าน ได้แค่จ.แพร่ อ.สูงเม่น อากาศยังไม่หนาวมากเท่าไร วันต่อมาออกเดินทางท่องเที่ยวเล็กๆน้อยๆในแพร่ก่อน แล้วมุ่งหน้าไปดอยเสมอดาว จ.น่าน ระหว่างทางไปดอยเสมอดาว วิวข้างทางสวยงามมากครับ แต่ไม่มีเวลาจอดถ่ายรูป ต้องรีบไปดอยเสมอดาวเพื่อหาที่นอนให้ได้ก่อนในคืนนี้ ณ ดอยเสมอดาว ปกติที่นี่จะแทบไม่มีคน หรือถ้ามีก็รับคนได้สูงสุดไม่เกิน 30-40 คน แต่วันนี้ที่เราเดินทางไปถึง คนร่วมร้อย!! จุดกางเต๊นท์ที่เจ้าหน้าที่จัดให้เต็มหมดแล้ว ที่เหลือต้องหาจุดกางเอง ซึ่งแทบจะไม่มีที่กางแล้ว ที่ๆเราได้อย่าใช้ชื่อว่าเป็นที่กางเต๊นท์เลยครับ เพราะมันเป็นพื้นที่ไม่เรียบ นั่งตรงๆไม่ได้จะไหล ไม่ต้องพูดถึงนอน นอนไม่หลับเลยทั้งคืน!! แต่อากาศหนาวมาก ตื่นเช้าเริ่มรู้สึกไม่สบาย … หลังจากเก็บเต็นท์เครื่องนอน และทานข้าวต้มที่ทำขึ้นเองในตอนเช้าเสร็จแล้ว ก็มุ่งหน้าไป อ.บ่อเกลือ อ. บ่อเกลือตั้งอยู่บนดอยสูง ถนนถึงแม้จะดี แต่ก็มีความโค้ง เลี้ยวเยอะค่อนข้างน่ากลัว ต้องใช้เกียร์ต่ำตลอด และพอถึง อ.บ่อเกลือซึ่งอยู่บนดอย อากาศกลางวันกับกลางคืนต่างกันสุดขั้ว ส่งผลให้วันรุ่งขึ้น ผมป่วย 100% มีไข้ และไอรุ่นแรง วันต่อมาเดินทางลงจากบ่อเกลือเข้าเมืองน่าน เพื่อที่จะพักในตัวเมืองน่าน ก่อนออกเดินทางกลับในวันถัดไป …เรามาส่งท้ายปีเก่าที่เมืองน่านครับ ตัวเมืองน่านเองเป็นเมืองที่เงียบ ๆ เล็กๆ แม้จะเป็นช่วงปีใหม่ก็ยังเงียบ แต่มีงานส่งท้ายปีใหม่ที่ศาลาว่าการน่าน เช้าของวันปีใหม่ อาการไข้ดีขึ้น…
ทะเล..ทะลุ
เป็นทริปที่เกือบจะปีแล้ว แต่ยังไม่ได้เอามาสาธยายในบล็อก ทริป “ทะเล..ทะลุ” เป็นทริปเล็กๆกับที่ออฟฟิส โดยมีเวลาแค่ 2 วัน คือเสาร์-อาทิตย์ แต่เกาะทะลุอยู่ประจวบฯที่ติดกับชุมพร ต้องใช้เวลาในการเดินทางร่วม 5 ชั่วโมง ดังนั้น เพื่อใช้เวลาในการเที่ยวให้มีค่ามากที่สุด ควรจะถึงที่ดำน้ำในเวลาไม่เกิน 9 โมงเช้าของวันเสาร์ ตอนบ่ายจะได้มีเวลาไปเที่ยวที่อื่นบ้าง และเที่ยงของวันอาทิตย์ก็จะเดินทางกลับ เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้คร่าวดังกล่าวนั้น เย็นวันศุกร์จึงต้องมารวมตัวกัน เพื่อออกเดินทางแต่เช้ามืดของวันเสาร์ …กำหนดหมายที่ล้อหมุน คือ ตี 4 เย็นวันศุกร์จึงมีปาร์ตี้วงไพ่เล็กๆที่บ้านผม ณ บางกร่าง อาจจะแน่นไปนิดนึง ด้วยจำนวนสมาชิก 10 กว่าคน แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เช้ารุ่งขึ้น การเดินทางไม่เป็นไปตามแผนเท่าไรนัก เนื่องจากฝนลงเม็ดแต่เช้า การทำเวลาให้ทัน 8.30 ณ จุดดำน้ำจึงทำไม่ได้ แต่โชคดีที่ทางเจ้าหน้าที่รอ แม้จะเลทไป 1 ชั่วโมงก็ตาม จุดดำน้ำในเกาะทะลุ พูดถึงความใส ความสวยของทะเลก็พอรับได้ครับ ปลาอาจไม่ชุมเท่าเกาะสุรินทร์ หรือกระบี่ทางฝั่งอันดามัน แต่ถ้าไปกันสนุกๆ ที่ไม่ไกลมาก แถวนี้ก็พอดำผุดดำว่ายได้อย่างสบายๆ โชคดีที่ทางผู้ให้บริการเอง ก็จัดการกับนักท่องเที่ยวได้ดี ทั้งที่อาบน้ำ อาหารและผลไม้ หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ที่พักที่บ้านกรูดครับ .. ตอนเย็นมีปาร์ตี้ปิ้งย่างเล็กๆน้อยๆ เป็นโหมดกลางคืนเลยไม่ค่อยมีรูปมาฝาก ในวันอาทิตย์สายๆ ไปทานอาหารเกือบเที่ยงที่หน้าหนูโภชนาที่อยู่ริมทะเล ทางที่จะไปวัดทางสาย ร้านนี้ได้รับการการันตีถึงความอร่อย และก็อร่อยจริงๆ เสร็จจากการรับประทานอาหารก็ขึ้นไปไหว้พระที่วัดทางสาย ซึ่งเป็นไฮไลท์ของบ้านกรูด ใครมาแล้วต้องขึ้นไปกราบไหว้สักการะครับ ก่อนเดินทางกลับบ้าน ___ ถึงบ้าน 1 ทุ่มเป๊ะ