อาสาฬหบูชา (ผ่านมา ๒๕๕๒ ปีแล้ว)

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร?
เราควรทำอะไรบ้างในวันอาสาฬหบูชา?

จากคำถามข้อแรก หลายคนคิดถึงเทียน เทียนพรรษา วันอาสาฬหบูชา คือวันที่ต้องถวายเทียนพรรษา ถวายเพื่ออะไร ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าต้องถวาย เป็นไปได้ต้องถวายให้ครบ 9 วัด นัยว่าจะได้อานิสงส์ ถูกหวยรวยเบอร์ กิจการค้าขายดี ลูกสอบเข้าโรงเรียนดังได้ ฯลฯ

เรามักจะมองกันผิดด้าน  ผิดวัตถุประสงค์ เหมือนเอากางเกงไปสวมแทนเสื้อ แล้วมาโทษกางเกงว่า ใส่แล้ว ไม่ดีไม่สวย ไม่เท่ ไม่เจ๋ง ไม่ ไม่ ไม่..ฯลฯ

วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเป็นวันที่ทำให้เราคิดได้ว่า อักษรไทยยังมี  ฬ (ลอจุฬา) อยู่ และ ฬ อยู่ที่นิ้วไหน หากวางมือลงบนปุ่มคีย์บอร์ด บางคนพิมพ์สัมผัสไม่เก่ง หาไม่เจอ ก็เลยพิมพ์ ล แทน ฬ ซะ ด้วยความมักง่าย หารู้ไม่ว่านั่นคือการทำลายภาษาอย่างไม่รู้ตัว

วันอาสาฬหบูชา ว่ากันตามรากศัพท์บาลี แปลว่า วันที่มีดิถีที่แปด ก็คือวันที่มีพระจันทร์เต็มดวงในเดือนแปด  นี่คือคำแปล ส่วนความสำคัญคือ ในวันดังกล่าวนี้ หลังจากพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในวันเพ็ญเดือนหก (วันวิสาขาบูชา) แล้ว ก็ทรงพิจารณาว่า ธรรมะของพระองค์ลึกซึ้งนัก ยากที่เหล่าสัตว์จะเข้าใจ แต่ด้วยอาศัยพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์พิจารณาลึกซึ้งไปกว่านั้นอีกว่า เหล่าสัตว์มี 4  จำพวก ดั่งบัว 4 เหล่า ย่อมมีทั้งผู้เข้าใจและไม่เข้าในในธรรมะข้อเดียวกัน ดังนั้น พระองค์จึงเสด็จโปรดสัตว์โลก

และวันนี้เองที่พระทรงประกาศพระธรรมเทศนา อันมีชื่อว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร หลังจากจบพระธรรมเทศนา พระองค์ก็ได้พระสาวกรูปแรกในพระพุทธศาสนา นั่นคือ พระกัญฑัญญะ..

ถามว่า เราควรทำอะไรในวันนี้บ้าง?
ตอบง่ายๆแบบไม่ต้องคิด ทำดีครับ และใช่แต่วันนี้ ควรทำทุกๆวันด้วย  แต่ในฐานะที่วันนี้เป็นวันที่มีความสำคัญในทางพระพุทธศาสนา เราก็ควรทำบุญให้พิเศษหน่อย เช้าเข้าวัดรับศีลห้า ถวายทาน ฟังธรรม และถ้าเป็นไปได้ นั่งสมาธิทำใจให้สงบซะหน่อยก็ดี ชีวิตเดินมาจึงขนาดนี้ ไม่เคยหยุดพักเลย หยุดสักทีก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว(นอนหลับ) ตื่นขึ้นอีกใหม่ ก็ต้องวุ่นวาย เบียดเสียด แย่ง แช่ง ด่า มานั่งหลับตาเพื่อเปิดใจดูตัวเองสักที ท่า(ย่อมาจาก ท่าทาง ไม่ใช่ ถ้า)จะดีไม่น้อย

นั่นคือสิ่งที่เราควรทำครับ  ผมไม่ได้พูดเอง พระท่านบอก

ไหนๆ ก็มาทางธรรมแล้ว พูดถึงธรรมะข้อสำคัญสักบทหนึ่งละกัน นั่นคือ อริยสัจ ๔

๑. ทุกข์ ความไม่สบายกาย ไม่สบายใจ
๒. สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์
๓. นิโรธ ความดับทุกข์
๔. มรรค ข้อปฎิบัติให้ถึงความดับทุกข์

ชายคนหนึ่ง ซื้อรถมาใหม่ เป็นรถมือสอง เขาตื่นเต้นกับรถคันใหม่นี้มาก ทะนุถนอม ดูแลอย่างดี แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาหลังจากที่เขาได้รถคันนี้มา เขารู้สึกปวดหัว เริ่มจากปวดน้อยๆ จนปวดมากขึ้น ถ้าวันไหนขับรถนาน ยิ่งปวดมากกว่าปกติ เขาเริ่มกลัว

หรือรถนี้เจ้าของเดิมเขาตาย หรือเจ้าของเดิมเคยชนคนตาย หรือ..(อะไรต่างๆอีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่โน้มเอียงไปในทางลี้ลับมหัศจรรย์ ปีศาจ ภูต วิญญาณ ฯลฯ) เพื่อความสบายใจ เขาเอารถไปให้พระพรมน้ำมนต์ พร้อมลงอัขระขอมภายในรถอีกห้าจุด ประตูทั้งสี่ และหลังคารถ งานนี้กะว่า ผีคงเข้่ามาไม่ได้แน่ๆ

วันรุ่งขึ้น อาการปวดหัว หายเป็นปลิดทิ้ง!!
แต่..ไม่ถึงอาทิตย์ อาการปวดหัวก็เกิดขึ้นอีก หลังจากพึ่งไสยศาตร์ไม่ได้ผล เพื่อนหลายคนแนะนำว่าอาจไม่ใช่ผีสางเทวดาก็ได้ แนนำให้ไปหาหมอ หมอตรวจอาการร่วมชั่วโมง แล้วสั่งยาแก้ปวดให้มากินที่บ้านถุงหนึ่ง .. อาการยังไม่ดีขึ้น เขาเริ่มกังวล

วันหนึ่งเพื่อนคนหนึ่งมีโอกาสนั่งรถใหม่(คันหวง)ของเขา ด้วยความไม่เต็มใจของเจ้าของรถนัก ด้วยยังอยู่ในอาการหวงรถสุดฤทธิ์  แต่การเปิดประตูรถรับเพื่อนให้มานั่งในรถวันนั้นเอง ทำให้เขาได้คำตอบของอาการปวดหัว

ขณะนั่งรถได้สักพัก เพื่อนที่มารู้สึกเวียนหัว ปวดตา สังเกตไป สังเกตมา จึงเห็นความผิดปกติของกระจกหน้ารถ !!!
กระจกรถ ก็เป็นกระจกธรรมดา แต่ด้วยความเก่าเพราะเป็นรถมือสอง ทำให้กระจกเลือน มองไม่ชัด พอเพ่งไปข้างหน้า สายตามองทางไม่ชัด เลยทำให้ปวดหัว..

หลังจากเปลี่ยนกระจกแล้ว อาการปวดหัวก็หายเป็นปลิดทิ้ง!!

ที่เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ก็เพื่อสนับสนุนธรรมะข้อต้นที่ยกไว้นั่นแหละครับ  อริยสัจ ๔

ทุกอย่างย่อมมีเหตุ มีผล เกิดสิ่งนี้ขึ้น เพราะสิ่งนั้นเป็นเหตุ
มีทุกข์ ก็ต้องรู้ให้ได้ว่าอะไรคือสาเหตุแห่งทุกข์ ถ้ารู้ได้ ก็จะแก้ได้ ถ้าแก้แบบผิดๆ ก็จะไม่มีทางพบความสุขสักที

พระพุทธองค์​ตรัสสอนไว้เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วครับ..

ถึงวันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่มีเปลี่ยนแปลง