สยองขวัญ..แท็กซี่ผีสิง

หลังจากยืนรอรถโดยสารราคาถูก ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถสองแถว หรือรถตู้ ไม่มีวี่แววว่ารถที่จะผ่านเส้นทางที่ผมต้องการจะไปผ่านมาสักที ด้วยความเหนื่อยล้า กอปรกับเวลาที่ดึกขึ้นทุกที ผมจำเป็นจะต้องเลือกการเดินทางแบบอื่นที่ไม่ใช่รถเมล์ รถสองแถว หรือรถตู้

แท็กซี่..!!

มือไวเท่าความคิด ผมรีบยืนมือไปข้างหน้าเป็นภาษากายสื่อให้รถแท็กซี่ที่วิ่งเตร่มาพอดีหยุดทันที เป็นรถแท็กซี่สีชมพูหวานแหวว ทะเบียน ทร xxxx กรุงเทพมหานคร นี่คือการขึ้นแท็กซี่อย่างถูกต้อง หลังจากขึ้นรถและบอกจุดหมายแก่โชเฟอร์แล้ว อันดับต่อไปต้องจำข้อมูลของรถแท็กซี่ให้หมดแล้วจึงโทรหาเพื่อน เพื่อบอกว่าเราได้ขึ้นแท็กซี่แล้ว ทะเบียนอะไร สีอะไร ส่วนหนึ่งเพื่อให้คนขับแท็กซี่กลัวที่จะทำมิดีมิร้ายกับเรา เพราะเราไม่ได้อยู่ลำพังแค่คนขับกับผู้โดยสารแล้ว มีบุคคลที่สามรับรู้ด้วย

ผมจดจำทะเบียนรถและชื่อผู้ขับได้แล้ว แต่ไม่ได้โทรบอกใคร ดูลักษณะคนขับภายนอกไม่น่ามีพิษมีภัย แต่ผมหารู้ไม่ว่านั่นคือความคิดที่ผิด !!!

ผมนั่งโดยสารที่เบาะหลังเยื้องกับคนขับ ไม่มีบทสนทนา ไม่มีการพูดคุยหรือบอกทางระหว่างผมกับคนขับ ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น จนกระทั่งรถวิ่งถึงทางเปลี่ยวแห่งหนึ่งระยะทางที่จะถึงที่หมายมาถึงครึ่งทางแล้ว จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น .. เป็นโทรศัพท์ของโชเฟอร์แท็กซี่ ด้วยความที่ภายในรถเงียบ เพราะไม่ได้เปิดเพลงหรือวิทยุสือสาร ทำให้เสียงโทรศัพท์และเสียงสนทนาดังชัดเจนจนผมขนลุก !!

โชเฟอร์กดรับโทรศัพท์ และเริ่มสนทนา น้ำเสียงแผ่วเบา นิ่งเรียบจนขนลุก !!

ผมสัมผัสถึงกลิ่นบางอย่าง มันพุ่งมาตามแรงของแอร์กระแทกเข้าโพรงจมูกอย่างจัง .. ผมกระพริบตาถี่ๆ ปฏิกิริยาโต้ตอบช้าลง มองข้างทางเห็นตึกราบ้านช่องลางเลือน ก่อนที่ผมจะตั้งตัวว่ากลิ่นมาจากไหนและเกิดอะไรขึ้น โชเฟอร์ก็เริ่มบทสนทนาอย่างออกรสออกชาติ บางประโยคสนทนาหวาดเสียวและน่าคลื่นไส้ เขาทำราวกับว่าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นด้วย พอผมตั้งใจฟัง จึงพอปะติดปะต่อเป็นรูปเป็นร่างได้ว่าคู่สนทนาของโชเฟอร์คือกิ๊ก มีการป้อนคำหวานเป็นระยะๆ ต่อด้วยการนัดแนะเพื่อไปเที่ยวกัน

กลิ่นภายในรถเพิ่มปริมาณมากขึ้นๆทุกที ผมจะเอ่ยปากถามพี่โชเฟอร์ว่าได้กลิ่นเหมือนผมไหม ก็ใช่ที่ เพราะพี่แกกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มจีบกันอย่างออกรสออกชาติปานนั้น ผมพยายามไม่คิดเรื่องที่ไม่ดี เรื่องที่มองไม่เห็นและไม่ควรหลบลู่..

รายการเรื่องจริงผ่านจอ เคยทำสกู๊ปรถแท็กซี่ผีสิง รถแท็กซี่คันนั้นก็สีชมพู รายงานบอกว่า โชเฟอร์ได้ข่มขื่นและฆ่าผู้โดยสารหญิงสาวบนรถ ทำให้หลังจากนั้นวิญญาณหญิงสาวก็วนเวียนอยู่ภายในรถแท็กซี่คันนั้น บางวันมาเป็นกลิ่นเน่าเหม็น บางวันมาเป็นร่างที่โชกเลือดนั่งด้านหลัง หลอกหลอนจนโชเฟอร์ใจบาปคนนั้นต้องมามอบตัวกับตำรวจ..โชเฟอร์ถูกจับดำเนินคดี แต่รถแท็กซี่สีชมพูคันนั้นยังอยู่!!

“มันคงไม่ใช่แท็กซี่คันนั้น..ใช่มั้ย?” ผมถามตัวเอง และตอบตัวเองว่า

“ไม่ใช่”

“แล้วกลิ่นละ.กลิ่นมาจากไหน และกลิ่นอะไร? มันเป็นกลิ่นเน่าเหม็นสาป ขยะเปียกก็ไม่ใช่ ลำไส้เน่าก็ไม่ปาน มันเหม็นกว่านั้น”

ระหว่างที่ผมพยายามหาคำตอบและปลอบใจตัวเองอยู่นั้น โชเฟอร์ยุติการสนทนากับกิ๊กด้วยประโยคสุดคลาสิก “จุ๊บๆ”

หรือว่าผมจะถามโชเฟอร์ดี ว่าได้กลิ่นเหมือนผมมั้ย แต่หากถามไปแล้ว เกรงว่าจะยิ่งทำให้โชเฟอร์ประสาทกินและหลอนขึ้นอีก เพราะแกต้องใช้รถคันนี้หากินอีกทั้งคืน ..และที่สำคัญตอนนี้กลิ่นมันหายไปแล้ว

บรรยากาศบนรถเงียบอีกครั้ง มันอาจจะดูน่ากลัว แต่ก็ดีกว่าบรรยากาศที่มีเสียงแต่อุดมด้วยกลิ่น!!

ผมยังเก็บความสงสัยเรื่องกลิ่นเน่านั้นไว้ในใจ และทำใจแล้วละว่า คงหาคำตอบไม่ได้กับสิ่งลี้ลับนี้ แต่แล้วโชเฟอร์ก็เฉลยคำตอบในตอนท้ายก่อนผมลงจากรถ ..พี่แกหันมาถอนเงินให้และพูดว่า

“นี่ครับเงินทอน..ขอบคุณครับ”

ขอบคุณครับ..เต็มหน้าผมเลย พร้อมด้วยกลิ่นเหม็นเน่าที่คุ้นเคยมาตลอดทาง

 

ภาพประกอบจาก unsplash-logoTertia van Rensburg