ตัวตาย ตัวแทน

ในค่ำคืนเดือนมืด ผมยังคงจับพวงมาลัย มองไปข้างหน้าท่ามกลางทางที่มืดสนิท ข้างทางมีป่าไม้ สลับกับทุ่งนาร้าง เวิ้งว้างในหน้าแล้ง

กว่า 10 ปีที่ผมไม่ได้เจอกับเพื่อนๆสมัยเรียนประถม เป็นครั้งแรกหลังจากที่เราแยกย้ายกันมาที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ต้องขอบคุณไอ้กิ่ง และไอ้ยศที่มันเป็นคนริเริ่มจัดงานเลี้ยงรุ่น ทั้งยังอุตส่าหติดต่อเพื่อนๆเราในรุ่นจนครบ พรุ่งนี้ตอนเย็นงานเลี้ยงอันอบอุ่นจะเริ่มขึ้น ผมรีบเคลียร์งานที่ค้างทั้งหมด แล้วบึ่งรถตามเพื่อนๆที่ล่วงหน้าไปก่อนกันแล้ว

เส้นทางนี้ เมื่อก่อนเป็นทางที่ใช้วิ่งเป็นประจำ ดังนั้น แม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผม แม้จะไม่ได้ใช้เส้นทางนี้แล้วกว่า 10 ปี แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม มีเพียงต้นไม้ และทุ่งนาอันเวิ้งว้างที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามฤดูกาล

ขณะนาฬิกาบนหน้าปัด บอกเวลาตีหนึ่ง ผมรู้สึกง่วงเล็กน้อย อยากจะหาปั้มงีบสักแห่ง แต่ทางข้างหน้ายังเป็นทุ่งร้างสลับป่าเช่นเดิม เส้นทางนี้หากไม่ชินทาง ให้เกิดความน่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะเวลาขณะนี้ ยากที่จะหารถวิ่งบนท้องถนนเป็นเพียง ราวกับว่ามีเราเพียงคันเดียวที่กำลังเดินทางในค่ำคืนนี้

ความรู้สึกปล่าวเปลี่ยวเริ่มทวีขึ้นทุกที ผมเริ่มเหยียบคันเร่งขึ้น เพื่อให้เจอเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนบ้าง หรืออย่างน้อยเจอหมู่บ้านบ้างก็ดี เพราะขณะนี้มีเพียงความมืดและป่า

ขณะที่ผมพยายามเร่งความเร็วอยู่นั่นเอง ผมเหลือบดูกระจกหลัง ปรากฏมีรถคันหนึ่งวิ่งจากระยะไกล  และด้วยความเร็ว รถคันนั้นค่อยๆใกล้ผมมากขึ้น มากขึ้น จนแซงหน้าผมไป ขนาดผมวิ่งที่ความเร็ว 120/ชม รถคันนั้นยังแซงผมไปได้  ผมไม่คิดจะขับตาม คงขับไปเรื่อยๆ จนรถคันดังกล่าวลับตาไป

ไม่ทันที่คันหน้าลับตา คันหลังก็ปรากฏขึ้น ผมรู้สึกดี ไม่เปล่าเปลี่ยว อย่างน้อยบนถนนนี้ก็ยังมีผู้ขับขี่ร่วมเส้นทาง

ผมเริ่มสนุกกับการนับจำนวนรถที่แซงขึ้นหน้าไป จากคันแรกที่ปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้มีรถแซงผมไปแล้ว 5 คัน!!

แต่เมื่อคันที่ 6 ปรากฏตัวขึ้น ผมรู้สึกถึงความผิดปกติ!!
ทุกคันที่ปรากฏตัว มักจะเวลาเดียวกันกับที่คันหน้าลับตาไป เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง และที่น่าแปลกใจ ทุกคันเป็นรถเก๋งสีขาวเหมือนกัน!!

ผมเริ่มสังเกตป้ายทะเบียน อยากจะรู้ว่าเป็นอันเดียวกันหรือไม่?

“xxxx กรุงเทพมหานคร” ผมพึมพำป้ายทะเบียนในลำคอ

เมื่อคันที่ 6 ผ่านหน้าไป ผมจำป้ายทะเบียนได้อย่างแม่นยำ..
ขณะที่รถคันที่ 6 ลับตา ไฟจากรถคันหลังก็ปรากฏขึ้นทันที!!
เป็นไปตามที่ผมตั้งข้อสังเกตไว้ไม่มีผิด

แต่เมื่อรถคันนั้นแซงไป ผมโล่งใจ  ไม่ใช่รถเก๋ง มันเป็นรถกระบะยอดนิยมที่มีสมรรถนะดีเยี่ยม โฉบเฉี่ยว และทรงตัวดี เหมาะกับการขับในต่างจังหวัด VIGO

ผมคงคิดมากไป กับข้อสังเกต 2 ข้อนั่น คงเป็นความบังเอิญ

แต่ทันทีที่รถกระบะลับตา แสงไฟจากรถคันหลังอีกคันก็ปรากฏขึ้น!!
เร็วและแรงเช่นเดิม มันแซงรถผมอย่างรวดเร็ว โดยที่ผมไม่ใส่ใจ แต่เมื่อมันมาอยู่ด้านหน้าผม สิ่งที่ทำให้ผมแทบช็อค คือ..

รถคันนั้น..สีและรุ่น รวมถึงทะเบียนรถ เป็นเป็นคันเดียวกันกับรถ 6 คันก่อนหน้า เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ผมจำได้แม่นยำ..

ผมขนลุกทั้งตัว ข้างทางยังเวิ้งว้างและมืดเหมือนเคย

ความกลัวทำให้ผมไม่กล้ามองกระจกหลัง เกรงรถคันนั้นจะปรากฏขึ้นมาอีก ผมเหยียบคันเร่งจนมิดเหยียบจนสุด!!!

มันมาอีกแล้ว …สิ่งที่ผมกลัวที่สุด รถคันนนั้นมันโผล่อีกแล้ว ผมต้องไม่ให้มันแซงขึ้นมาได้ ผมไม่อยากจะเจอกับรถคันแล้วคันเล่า คันแล้วคันเดิมผ่านหน้าผมไป และผมไม่รู้ว่าจะมีคันไหนสักคันที่จะไม่เพียงผ่านหน้าไปเฉยๆ กริ่งเกรงจะมีสักคันที่เปิดกระจกมาทักทาย และสิ่งที่จะมาทักทายผมนั้น..มันจะเป็นอะไรไปไม่ได้!!!!

ความแรงของรถทำให้รถส่าย ข้างหน้าเป็นทางค่อนข้างมืด รถทะลึ่งไปอย่างเร็ว พอไปใกล้ผมจึงได้รู้ ~ ข้างหน้าไม่ใช่แค่ความมืดอย่างเดียว

มีสัญญาณไฟฉุกเฉิน..กลุ่มเจ้าหน้าที่เก็บศพ….รถพยาบาล และตำรวจ

ผมชะลอรถขับเข้าไปใกล้ๆ
แม้สภาพรถจะพังยับเยินแค่ไหน แต่ป้ายทะเบียนปรากฏชัดเจน

“xxxx กรุงเทพมหานคร” คันนั้นนั่นเอง

แต่..มีอะไรผิดปกติ เมื่อเจ้าหน้าที่งัดศพคนขับรถออกมาตั้งข้างนอก

แม้สภาพศพจะเละจนจำไม่ได้ แต่ไม่มีใครที่จำตัวเองไม่ได้….
สีเสื้อ กางเกง น..นั่นมันผมนี่ ผ..ผม ตะ..ต ตายแล้วเหรอนี่??

ทะเบียนรถนั่น ใช่สิ มันไม่ใช่รถของผม รถผมเสีย ผมจึงใช้รถของเพื่อนขับมาแทน..

ผมคงต้องร่อนเร่อยู่แถวนี้ … จนกว่าจะมีใครมาตายแทน