โดดเดี่ยว..เที่ยวภูเขาทอง

ตั้งใจมาหลายวันแล้วว่าวันนี้ จะไปบริจาคเลือด !!

นับเป็นครั้งที่  35 แล้ว ภูมิใจเล็กน้อย เมื่อกล่าวถึงจำนวนครั้ง บริจาคครั้งละ 400 ซีซี ถึงวันนี้ผมบริจาคเลือดไปแล้ว 14,000 ซีซี น่าจะได้ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ไม่น้อย แม้ไม่รู้ว่าใครได้เลือดผมไป แต่ทุกครั้งที่มีคนได้เลือดผม นั่นคือชีวิตของเขา และบุญของผม การให้โดยไม่หวังคืนเช่นการบริจาคเลือดนี้ เปรียบเหมือนแม่ที่ให้ทุกอย่างแก่ลูก โดยไม่หวังสิ่งใดๆจากลูกเลย เราไม่รู้เลยว่าใครได้เลือดเราไป เช่นเดียวกัน พ่อแม่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเมื่อลูกโตแล้ว จะให้อะไรแก่พ่อแม่บ้าง

วกมาถึงการเดินทางไปบริจาคเลือดในวันนี้ การเดินทางต้องมีการวางแผนครับ เพื่อประหยัดเวลาและค่าเดินทาง ผมจะไปโดยเรือ ขึ้นเรือที่ท่าเรือคลองตัน โผล่ที่ท่าเรืองอโศกเพชรบุรี แล้วขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเพชรบุรี ไปโผล่ที่สามย่านฝั่งตรงข้ามกับวัดหัวลำโพง หรือฝั่งจามจุรีสแควที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน เดินตรงขึ้นไปก็จะถึงสถานเสาวภาหรือสวนงู หลังสวนงู คือสภากาชาด คาดว่าใช้เวลาไม่น่าจะถึงชั่วโมง (ปกติไปรถเมล์สาย 113 ใช้เวลาชม.กว่า) หลังจากบริจาคเลือดตั้งใจจะไปเดินเล่นที่วัดสระเกศ หรือวัดภูเขาทอง

คลองตัน

เวลาบ่ายโมงสี่สิบห้านาทีผมไปนั่งรอเรือที่ท่าเรือ วันนี้เรือมาช้ากว่าปกติ เพราะเป็นวันอาทิตย์ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการครับ ผมขึ้นจากเรือโผล่ที่เพชรบุรีต่อรถไฟ มาโผล่ที่สามย่าน ตรงหน้าจามจุรีสแควนี่เอง มีเรื่องให้พิจารณานิดหนึ่ง ขณะผมเดินด้านหน้าห้างนั่นเอง มีรถซีวิคฮอนด้านสีบรอนด์ ไม่ทราบเลขทะเบียน เพราะไม่สนใจ จอดริมฟุตบาทด้านหน้าผมไม่ถึงสิบเมตร พอรถจอด ก็มีชายคนหนึ่งรีบลงจากรถพร้อมด้วยถือสิ่งหนึ่งมาด้วย วางลงข้างฟุตบาทหน้าห้าง แล้วรีบขึ้นรถออกไป เมื่อผมเพ่งมองที่วัตถุที่ชายนิรนามนำมาวาง ปรากฏว่าเป็นสิ่งมีชีวิตครับ เป็นลูกแมวสีเทาตัวเล็กๆ ท่าทางอ่อนแรง และงงๆ กับชะตาชีวิต ร้องเหมียวๆท่ามกลางแดดที่ร้อนจ้า ผมจำใจเดินผ่านไป โดยไม่รู้จะทำอย่างไรกับเจ้าแมวนั่น ขณะที่เจ้าของที่ทิ้งก็ยังไม่ได้ไปไหนไกลเพราะรถติดอยุ่ ผมพยายามมองทะลุกระจกเข้าไปในรถ อยากจะดูว่าหน้าตาไอ้คนใจดำระยำห่านั่น หน้าตามันเป็นอย่างไร มากันกี่คน น่าเสียดายกระจกมืดดำ เลยอดเห็น ผมเองก็รู้สึกตัวเองผิดที่ไม่ได้ดูดำดูดีกับลูกแมวตัวนั้น ไม่ได้ทำอะไรที่ดีกว่านี้เลย

ถึงสภากาชาดในเวลาบ่ายสองห้าสิบ วันเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตตฤกษ์ ที่นี่จะปิดให้บริการเร็วคือจะปิดในเวลา 15.30 น. ดังนั้น ผมมีเวลาไม่่มาก เวลาขนาดนี้คนจะไม่เยอะเท่าไรแล้ว ไม่เหมือนตอนเช้าที่คนเนืองแน่นจนหน้ามืด ใช้เวลาในการบริจาคไม่ถึงสามสิบนาทีครับ (บริจาคจริงๆแค่สิบนาที ที่เหลือคือการรอคิว คิวตรวจเลือด คิวบริจาค)

สภากาชาดไทยจ๊ะ

ออกจากสภากาชาด ตามแผนอย่างต่อเนื่องเลยครับ จับรถแท็กซี่ไปวัดสระเกศในทันที ด้วยราคามิเตอร์ 70 บาท ถ้าอยากประหยัดกว่านี้ก็ได้ แต่ต้องเดินเกือบๆ  800 เมตรไปสยาม เพื่อขึ้นรถเมล์สาย 15 ผมกลัวจะเป็นลมเพราะพึ่งให้เลือด เลยนั่งแท็กซี่ไปสบายๆดีกว่า

วัดสระเกศในเวลาสี่โมงเย็น ไม่ร้อน มีลมเย็นๆ อากาศครึ้มๆสบาย คนเริ่มทยอยมาแล้ว ร้านรวงเต็มพรึ่บสองข้างทาง ทั้งในและนอกวัด

ภูเขาทอง

กาแฟบุญ

ระหว่างทางขึ้น มีร้านกาแฟด้วยครับ ร้านกาแฟบุญ ไม่ได้เข้าไปชิม เพราะเย็นแล้วกลัวจะนอนไม่หลับ

ภูเขาทอง

ภูเขาทอง

มองจากด้านบน

ไม่ตั้งใจจะเดินให้รอบงานหรอกครับ ไหว้พระในโบสถ์ แล้วขึ้นไปบนยอดภูเขาทอง (มาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยขึ้นถึงยอดสักที) ครั้งนี้สมใจยาก ขึ้นไปจนสุด อยากรู้ว่าผ้าแดงๆที่พันรอบๆภูเขาทองนั่นคืออะไร วันนี้ได้เห็นละ

ภูเขาทอง

ว่ากันว่า เมื่อใดก็ตามที่เสียงระฆังดังขึ้น นั่นหมายถึงการประกาศบอกบุญให้เหล่าเทวดาทราบ ไม่น่าแปลกใจที่ตามระฆังมีชื่อคนบริจาคปรากฏอยู่

ภูเขาทอง

ภูเขาทอง

ภูเขาทอง

ภูเขาทอง

ภูเขาทอง

ภูเขาทอง

ภูเขาทอง

ภูเขาทอง

ภูเขาทอง

ภูเขาทอง

พอห้าโมง จริงๆตั้งใจจะกลับแล้วละ จะกลับโดยเรือ ทีนี้ด้วยความที่ร้านค้าเยอะมาก ดูๆไปก็เหมือนกันไปหมด ผมเลยเกิดอาการหลงทาง เดินไปเดินมาตั้งสองรอบ ว่าจะไม่เดินให้ทั่วงาน แต่ได้เดินหลงจนทั่วงานจริงๆ ลืมตัวไปว่าพึ่งให้เลือดมา เกือบหน้ามืดเหมือนกันเมื่อเจอคนเยอะๆ ไหนๆก็มาแล้ว เลยซื้อขนมถังแตกชิ้นหนึ่ง ได้กางเกงเลมาสองตัว

กว่าจะหาทางออกเจอ เล่นเอาซะเกือบมืด
ได้กลับบ้านแล้วครับ มาถึงต้องรีบโด๊บด้วยสปอนเซอร์

ว่างๆลองไปเดินดูครับ ช่วงเย็นๆจะดีกว่า กลางคืนคนเยอะไปหน่อย เอาสักสี่โมงถึงหกโมงเนี่ยะแหละกำลังดี อาหารเยอะดีราคาถูก ผัดไทจานละสิบบาท ผัดซีอิ้วสิบบาท ก๋วยเตี๋ยวสิบบาท ที่นี่มีครับ

ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับบ