รักข้ามมิติ

ชายชราสีหน้าเปื้อนยิ้ม เสยผมที่ขาวโพลน ก่อนเอ่ยปากเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
“ข้าอกหัก”

ผู้ที่ใครๆรู้จักในนามลุงมา ผ่านโลกมาแล้วกว่า ๖๐ ปี กว่าครึ่งของอายุแกใช้ชีวิตในชุดสีเขียวเข้ม นั่นคือ เครื่องแบบทหาร

ไม่ใช่ข้าราชการทหารทั่วไป แต่ทว่า แกคือทหารป่าลาดตระเวน

เมื่อ ๕๐ ปีที่แล้ว แกถูกเกณฑ์ทหาร ไม่ต้องรอให้ใครบังคับ แกเลือกที่จะสมัครไปเป็นทหาร แกเชื่อว่าแกเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ และแกจะซื่อสัตย์ต่อคำตอบท่ีเคยตอบครูไปเมื่อสมัยอนุบาลว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร นักเรียนชายเกือบทั้งห้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากเป็นทหาร แต่เอาเข้าจริง เห็นมีแกอยู่คนเดียวที่สมัครเป็นทหาร

ลุงมาเข้ารับการฝึกซ้อม เป็นทหารผู้มีระเบียบวินัยเคร่งครัดคนหนึ่ง เมื่อจวนเจียนจะครบกำหนด ๒ ปีที่ต้องอำลาชีวิตทหาร เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติที่ชายแดน ทหารทุกหน่วยถูกเรียกให้ไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ นั่นรวมถึงลุงมาด้วย

เลือดนายทหารผู้พึ่งผ่านการฝึกฝนอย่างทรหดปะทุเต็มที่
เหตุการณ์ไม่ปกติกลับเข้าสู่ความปกติภายใน ๑ เดือน ทหารฝ่ายลุงมาได้รับชัยชนะ แต่ต้องสูญเสียทหารหาญไปมิใช่น้อย ศพนายทหารหาญทุกนายล้วนถูกลำเลียงมาบำเพ็ญกุศลอย่างสมเกียรติ

ทุกอย่างเกือบจะปกติ แต่เมื่อตรวจเช็คตามรายชื่อ มีชื่อตกหล่น ลุงมา ยังไม่กลับมา

ลุงมามีชีวิตอยู่หรือว่าเสียชีวิตแล้ว ไม่มีใครทราบ แต่ทุกคนมีความเห็นอย่างเดียวกันว่า เสียชีวิตแล้ว ในการบำเพ็ญกุศลศพนายทหารหาญครั้งนั้น จึงมีรูปลุงมาตั้งอยู่ แต่ไม่ปรากฏศพ

“ลุงไปอยู่ไหนมา” ผู้ที่รอคำตอบอย่างจดจ่อ คือ ทิดลั่น

ชายชราถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองหน้าไปยังท้องทุ่งอันเขียววจี ต้นตาลริมถนนที่มุ่งหน้าไปยังทุ่ง ตั้งเป็นแถวเรียงราย สายลมพัดต้นข้าวโอนเอนราววงดุริยางค์ประโคมดนตรีขับขาน

“ข้าหนึข้าศึกเข้าป่าใหญ่ แต่แกรู้ไหม ที่ป่าใหญ่นั้นมีอะไรรอข้าอยู่”

“ไม่รู้”

“ข้าได้พบกับโลกใหม่”

“ยังไงละลุง”

“ที่นั่นนะ ผู้คนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ถักกันเองอย่างเรียบๆ ปลูกบ้านหลังเล็กๆ ทั้งหมู่บ้านไม่น่าจะถึง ๕๐ คน ทุกคนล้วนสื่อสารด้วยภาษาที่ข้าไม่เข้าใจ”

“แล้วลุงทำไง”

“ข้านั่งอยู่สักพัก เขาก็เอาผลไม้มาให้ข้า คล้ายๆลูกพุทรานะ แต่ลูกใหญ่เท่าส้มโอ”

“โอ้โห..แล้วรสชาติเป็นไงลุง?” ทิดลั่นทำท่าตื่นเต้น

“เหมือนมันแกว แต่หวานกว่า”

“แล้วไงต่อ..ลุง”

“ข้าใช้ชีวิตที่นั่นตามวิถีของคนที่นั่น ข้าลืมบ้านเมืองเราโดยสิ้น เพราะที่นั่นไม่มีเสียงรถ เสียงก่นด่า ไม่มีข่าวโหดร้าย ไม่มีคนโกง ไม่มีคำหยาบ ไม่มีควันบุหรี่ ไม่มี..”

“พอๆๆ ลุง แล้วลุงอยู่ได้เหรอ ก็ไอ้ที่ไม่มีๆที่ลุงพูดมานั่นนะ มันมีในตัวลุงทั้งนั้นเลยนา”

“ทีแรกข้าก็คิดเหมือนเอ็งนั่นแหละ แต่สิ่งที่ทำให้ข้าต้องเปลี่ยนความคิด คือ เธอคนนั้น”

“อันแน .. ลุงไปหลงรักสาวที่นั่นละสิ๊”
ลุงมาสะบัดผมที่ยาวลงมาปิดตา ก่อนเหม่อมองท้องฟ้าคล้ายจะเรียกความจำเก่าๆ

“เธอชื่อ ..กัลยา”

“ครั้งแรกที่ข้ารู้จักเธอ ตอนนั้นเวลาบ่ายแก่ๆ ข้าไปหาปลาที่น้ำตก เสียงสายน้ำที่หล่นจากโขดหินบดบังเสียงอื่นใดในป่าสิ้น ข้าคงสนุกกับการหาปลา จนกระทั่งมาถึงธารน้ำตกเล็กๆ ซึ่งรายล้อมด้วยก้อนหิน มีเสียงหญิงสาวร้องไล่ข้าว่าอย่าเข้าไปใกล้ แต่ด้วยความไม่ชินกับภาษาใหม่มากนัก ข้าได้ยินว่าเธอเรียกให้ไปช่วย เมื่อเดินเข้าไปใกล้ ก็จึงรู้ว่าทำผิดเข้าให้แล้ว..เธอกำลังอาบน้ำ”

“โอ ฟลุคเลยสิลุง”

“ข้าพึ่งรู้ตอนหลังว่า นั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งความรักและความเศร้าพร้อมๆกัน”

“คงจะเหมือนที่เขาเคยบอกว่า ถ้าเรียนที่จะรัก ก็ต้องเรียนรู้ที่จะทุกข์?” ทิดลั่นเอ่ย

“อืมม..เรารู้จักกัน สนิทกัน และไม่นานก็รักกัน ห้วงเวลานั้นข้าช่างมีความสุขเหลือเกิน ข้าตั้งใจจะลืมเรื่องราวตัวเองในอดีตทั้งหมด ข้าแค่พลัดหลงเข้ามาในที่ไหนสักแห่งซึ่งไม่รู้ทางเข้าและทางออก สิ่งที่ต้องดำเนินต่อไป คือ ชีวิต ความสุข และสิ่งทั้งสองนั้นได้มารอข้าอยู่ตรงหนี้นี่แล้ว แต่แล้ว..” ลุงมาทำหน้าเศร้า ทิดลั่นจึงลั่นปากเร้า

“แต่แล้วอะไรลุง??”

“ข้าเผลอทำผิดกฏของคนที่นั่นเข้า!”

(โปรดติดตามตอนต่อไป)