กิน-เที่ยว-ถ่ายรูป-รีวิว

Travel Review ท่องเที่ยว

ความสุขหาได้ง่ายๆเริ่มจากสิ่งที่อยู่รอบตัว

แม่ฮ่องสอน..ตะลอนเที่ยว: ปางมะผ้า

วันที่ 3 ของการมาเที่ยวแม่ฮ่องสอน หลังจากเก็บเต๊นท์และสัมภาระที่หยุนไหลใช้เวลาเกือบ 10 โมงกว่า เรามุ่งหน้าไปปางอุ๋งโดยปักหมุดพักกินข้าวเท่ียวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวยอดนิยมอย่าง “ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาจ่าโบ่” ระหว่างทางก็แวะเที่ยวแวะชิมกาแฟไปตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายนั่นคือ ชุมชนบ้านจ่าโบ่ เวลาเที่ยงกว่าๆ จึงทำให้ร้านก๋วยเตี๋ยวจ่าโบ่คึกคัก มีลูกค้าหนาตา ชุมชนบ้านจ่าโบ่ ชุมชนบ้านจ่าโบ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปายมากนัก ใช้เวลาเดินทางจากปายประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ขับรถจากปายตรงไปอีก 12 กิโลเมตร เจอแยกบ้านแม่ระนาเข้าไปยังหมู่บ้านขับรถตรงไปอีก 4 กิโลเมตร เส้นทางทำใหม่ราดยางตลอดทาง เมื่อมาถึงหมู่บ้านเราก็จะได้เจอกับร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาซึ่งเป็นร้านขึ้นชื่อของที่นี่ เพราะนอกจากจะมีก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยในราคาหลักสิบให้ได้ทานแล้ว มองไปรอบๆ จะเห็นว่าตั้งอยู่ในมุมที่เหมาะเจาะมองเห็นภูเขาที่สวยงามสลับซับซ้อน หลังจากอิ่มหน่ำสำราญทั้งก๋วยเตี๋ยว ข้าวและกาแฟแล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ หนทางต่อจากนี้ไปปางอุ๋ง รับรองว่าใครธาตุอ่อนมีอ๊วกออกมาแน่นอน.. มันช่างคดเคี้ยวเลี้ยวลดจนเคลื่นไส้..

แม่ฮ่องสอน..ตะลอนเที่ยว: ปาย-หยุนไหล

หลังจากออกจากห้วยน้ำดัง จุดหมายที่ตั้งใจไว้คืออำเภอปาย เราไม่ได้จองที่พัก หลังรถเรามีเต๊นท์และอุปกรณ์ปิ้งย่าง ดังนั้นจุดที่เรากำลังมองหาคือจุด กางเต๊นท์ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ครั้งที่มาเที่ยวปายครั้งแรก ผมประทับใจจุดกางเต๊นท์ตรงโป่งน้ำร้อนท่าปายมาก มีความเป็นธรรมชาติสูง และน่าจะมีเพื่อนกางเต๊นท์เยอะไม่เหงาไม่น่ากลัว คิดได้ดังนั้นก็มุ่งหน้าไปที่นั่นทันที ระหว่างทางมีป้ายเล็กๆข้างถนนก่อนถึงโป่งน้ำร้อนท่าปาย “ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา” แวะไปห้อยขาซะหน่อย.. หลังจากอิ่มท้องก็ออกจากร้านและมุ่งหน้าโป่งน้ำร้อนท่าปาย..รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย (จริงๆก็ผิดหวังมากเลยละ) ความเป็นธรรมชาติแบบเมื่อก่อนหายไปหมดละ โป่งน้ำร้อนได้รับการทำให้เป็นกิจจะลักษณะด้วยการก่อปูนทุกบ่อ ดูเหมือนจะเจริญขึ้น แต่ทำไมผมไม่รู้สึกประทับใจ บรรยากาศโดยรวมดูเงียบเหงา อาจจะเพราะโควิดด้วยส่วนหนึ่ง พื้นที่ดูเหมือนไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร ถ้าจะกางเต๊นท์นอนที่นี่คืนนี้คงมีแต่เต๊นท์เราหลังเดียวให้เปล่าเปลี่ยวหัวใจ เมื่อภาพในหัวไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ จึงต้องรีบหาที่พักใหม่ก่อนจะมืดค่ำ เราต้องการที่พักแบบกางเต๊นท์ จนในที่สุดก็มาสะดุดกับคำว่า “หยุนไหลทะเลหมอก” คำว่า “หยุนไหล” ไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับภาพประกอบ ภาพที่มีจุดกางเต๊นท์อยู่บนพื้นที่สูงวิวแบบ 360 องศา มองลงมาเห็นอำเภอปายทั้งอำเภอ ไม่รอช้า..มุ่งหน้าไปทันที ขับออกจากอำเภอปายมาทางหมู่บ้านสันติชลประมาณ 30 นาที ทะลุผ่านหมู่บ้านสันติชลเข้าไปอีกครับ จะมีทางเข้าที่ต้องขับผ่านหมู่บ้านเป็นถนนเล็กๆ และเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายจะเห็นป้ายคำว่า “หยุนไหล” อยู่บนเนินเขาเล็กๆ หยุนไหล..จุดชมวิวทะเลหมอก และจุดกางเต๊นท์ ที่นี่มีบริการทั้งเต๊นท์ให้เช่าและเต๊นท์นำมากางเองครับ ถ้านำเต๊นท์มาเองอย่างผมค่าบริการอยู่ที่คนละ 100 บาทเท่านั้น มีห้องน้ำ จุดล้างภาชนะ รวมถึงปลั้กไฟให้ใช้ ส่วนวิวรับรองว่าคุ้มค่ามาก.. เช้าวันรุ่งขึ้นผมตั้งใจจะวิ่งซิตี้รัน เพื่อชมวิถีชาวบ้านแถวนี้สักหน่อย ประมาณ 6 โมงเช้าฟ้าเริ่มสาง ผมก็เริ่มวิ่งจากเขาลงมา และภาพต่อไปนี้คือภาพที่ได้จากการวิ่งซิตี้รันประมาณ 6 กิโลเมตร กลับจากวิ่งประมาณ 9 โมงแล้ว แดดเริ่มมาต้องรีบเก็บเต๊นท์ ทานข้าวเช้าจุดมุ่งหมายของเราต่อไป นั่นคือ “ปางอุ๋ง” ออกจากหยุนไหลละครับ ใครชอบกางเต๊นท์ที่นี่คืออีกทางเลือกหนึ่ง ช่วงนี้ไปยังไม่หนาวมากนักตกกลางคืนแค่ 15 องศา ชาวบ้านบอกว่าช่วงหนาวมากๆ มีต่ำกว่า 10 องศาแนะ โพสต์หน้าเจอกันที่ “ปางอุ๋ง”

แม่ฮ่องสอน..ตะลอนเที่ยว: ห้วยน้ำดัง

กลายเป็นประเพณีของผมไปซะแล้วครับ สำหรับการท่องเที่ยงทางเหนือช่วงหน้าหนาว จุดเริ่มต้นก็จะคล้ายๆกันทุกปี นั่นคือไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายที่ลำพูน หลังจากนั้นค่อยเลือกเป้าหมายต่อไปว่าจะไปไหน ปีที่แล้วไปอินทนนท์ ส่วนสำหรับปีนี้เราเลือก “แม่ฮ่องสอน“ แม่ฮ่องสอน พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน และยังคงเป็นป่าไม้ตามธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยมีเนื้อที่ป่าไม้ ประมาณ 10,976.979104 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 6,860,611.94 ไร่) คิดเป็นร้อยละ 85.99 ของเนื้อที่จังหวัด มีทิวเขาเรียงตามแนวทิศเหนือ–ใต้ขนานกัน  ดูจากข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นของจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว บันเทิงแน่นอนครับ การขับรถขึ้นลงเขาอันสลับซับซ้อนคดเคี้ยวเป็นตัวเอส ต้องมีความระมัดระวังสูงมาก ไม่สามารถใช้ความเร็วได้มากนัก ผู้ที่มีธาตุเบาอาจมีการมึนหัวและอาเจียนได้ หลังจากไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางจากลำพูนตัดเชียงใหม่มุ่งสู่แม่ฮ่องสอน เป้นหมายแรกของวันนี้คืออำเภอยอดฮิตนั่นคือ ปาย ก่อนถึงปายมีร้านกาแฟเล็กอยู่บนยอดเขาระหว่างทาง เราพักกินน้ำกินท่าพอให้หายเมารถก่อน หลังจากได้พักดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ก็เริ่มเดินทางต่อ และจุดหมายต่อมาของเราก็คือจุดชมวิวยอดฮิตอีกเช่นกัน อยู่ก่อนถึงอำเภอปาย นั่นคือ “ห้วยน้ำดัง” ห้วยน้ำดัง เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีสภาพป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 179.5 ตารางกิโลเมตร หรือ 112,187.5 ไร่ ภูมิศาสตร์เป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เป็นป่าต้นน้ำที่มีทัศนียภาพงดงาม มีความสูงตั้งแต่ 400-1,962 เมตร จากระดับน้ำทะเล โพสต์นี้ต้องจบตรงนี้ก่อน เรามัวแต่ดื่มด่ำกับธรรมชาติจนลืมไปว่าคืนนี้เรายังไม่มีที่นอน! ตอนต่อไปเราจะไปหาที่หลับที่นอนในอำเภอปายกัน…

บ้านสวนงาม 3 วัน 2 คืน

หลังจากโควิดเข้ามาเมื่อต้นปี ทุกอย่างในประเทศหยุดชะงัก ทุกคนต้องถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่แต่ในบ้านเพื่อความปลอดภัย ช่วงเวลานั้นกินเวลาถึง 2-3 เดือน เราเรียกช่วงนั้นว่า “ช่วงกักกันตัว” ไม่ต้องพูดถึงการท่องเที่ยว เพราะแม้แต่ออกจากบ้านยังทำได้ยาก สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหารทุกแห่งถูกสั่งปิดหมด และนี่คือทริปแรกหลังจากโควิดซาลง ร่วมคณะกับพี่ๆก๊วนตีแบดเบ็ดเสร็จชาวคณะรวมกันได้ 11 คน จุดหมายคือสวนงามรีสอร์ท สระบุรี ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอมวกเหล็กสระบุรีติดกับนครนายก แต่ก่อนจะเข้าพักนั้นแวะไปเที่ยวที่ตลาดหัวปลีของดีของจังหวัดสระบุรีก่อนครับ ที่นี่มีที่นั่งรับประทานอาหารกว้างขวาง ของกินพื้นบ้านมากมาย น่ามาเดินมาชิมมาช้อปครับ ประมาณบ่าย 3 โมงเข้ามาถึงที่พักครับ บรรยากาศก็เป็นไปตามภาพเลย ร่มรื่นเย็นสบาย.. สวนงามรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทขนาดเล็ก มีบ้านให้พักแค่ 2 หลัง แต่มีกระเต๊นท์กระโจมรวมถึงรถบ้านให้บริการ เน้นให้คนมาเที่ยวแบบแคมปิ้ง กางเต๊นท์ทำอาหารกินเอง คณะเรามากันเยอะ เลยพักเป็นบ้านหลังใหญ่ กับรถบ้านอีกหนึ่งหลัง ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือ เจ้าของใจดีและเป็นมิตรมากๆครับ เดินสอบถามพบปะกับผู้เข้ามาพักด้วยตัวเอง ดูแลอย่างทั่วถึง ใครขาดเหลืออะไรอยากสั่งหมูกระทะ ผ้าห่มที่หลับนอนไม่พอบอกแกได้ครับ 🙂

หมู่บ้านแม่กำปอง

หมู่บ้านแม่กำปอง ตั้งอยู่อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก อยู่บนเนินเขาท่ามกลางธรรมชาติ มีต้นไม้ ลำธาร และน้ำตกอยู่ในตัวหมู่บ้าน ที่นี่ก่อตั้งเมื่อประมาณ 100 กว่าปีมาแล้ว ประชากรส่วนใหญ่ อพยพมาจาก อ.ดอยสะเก็ด เพื่อเข้ามาทำสวนเมี่ยงเป็นอาชีพ และตั้งบ้านเรือนบริเวณใกล้แม่น้ำลำธาร สมัยก่อนมีดอกไม้ชนิดหนึ่ง ลักษณะดอกสีเหลืองแดง ขึ้นอยู่ตามริมลำธาร เรียกว่า ดอกกำปอง จึงเรียกชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ตามชื่อของ ดอกไม้รวม กับแม่น้ำ เป็นบ้านแม่กำปอง นั่นเอง เดินชมหมู่บ้านแม่กำปองกันครับ บรรยากาศยามค่ำคืน เนื่องจากเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่เที่ยวก็จึงมีไม่มากนัก เที่ยว 1 วัน 1 คืนก็น่าจะทั่วหมู่บ้านละ จริงๆน้ำตกแม่กำปองให้เที่ยวด้วย แต่ทริปนี้ขออนุญาตผ่านก่อนเพราะชุดไม่พร้อมเดิน การเดินทาง รถยนต์และมอเตอร์ไซค์ : จากตัวเมืองเชียงใหม่ ใช้เส้น 1141 ข้ามถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่ – ลำปาง และ ภนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จากนั้นตรงต่อไปยังเส้น 1317 และต่อด้วย 3005 แล้ววิ่งขึ้นไปทางตำบลห้วยแก้ว ทางศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก ระยะทางรวมประมาณ 55 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ หรือถ้าออกจากตัวเมืองเชียงใหม่ ทางฝั่งช้างเผือกและตลาดวโรรส ให้ออกเส้น 118 ถนนเชียงใหม่ – ดอยสะก็ด แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้น 3005

เทมวัลลีย์ เขาใหญ่

เขาใหญ่ยังเป็นสถานที่ๆมีมนต์เสน่ห์ ใครคิดอะไรไม่ออกว่าจะไปไหนก็มักจะไปเริ่มต้นที่เขาใหญ่ก่อนเสมอ ใกล้กรุงเทพ เดินทางสะดวก มีธรรมชาติที่สัมผัสได้ และที่สำคัญมีรีสอร์ท โรงแรม ที่พักเยอะมากกก ทั้งราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น วันนี้ขอเสนอที่พักหลักพันของโรงแรมที่เรียกตัวเองว่า “เทมวัลลีย์” ผมพักในเรตราคาต่ำสุดนั่นคือ คืนละสี่พันสองร้อยบาท บรรยากาศโดยรอบโรงแรม ด้วยราคาที่พักและการบริการบวกอาหารอร่อยโรงแรมนี้คุ้มค่าการมาพักผ่อนมากครับ แต่สำหรับผมไปพักบ่อยๆไม่ได้ (เดี๋ยวไม่มีเงินกินข้าว) ทริปหน้าค่อยว่ากันใหม่ครับ

เที่ยวไร่ไฮเดรนเยียร์ เชียงใหม่

ไร่ไฮเดรนเยียร์ที่ผมจะพาไปชมในครั้งนี้อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ครับ จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 (สายเชียงใหม่ – ฮอด) ถึงกม. 82-83 บริเวณสามแยกไปบ้านแปะและวัดตอง ให้เลี้ยวขาวตรงไปผ่านบ้านแปะ บ้านทุ่งพัฒนา บ้านบนนา บ้านขุนแปะ ประมาณ 22 กิโลเมตร ถ้าท่านเคยไปเห็นจากที่อื่นอาจจะมีภาพไร่ดอกไฮเดรนเยียร์ที่สวยและเยอะกว่านี้มาก บังเอิญที่ผมไปเป็นช่วงหมดดอกพอดี (ผมไปช่วงเดือนธันวาคม) ดอกน่าจะสวยเต็มที่ช่วงหน้าฝน ถ้าให้ชัวร์ควรสอบถามก่อนเดินทางไปนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปชมดอกไฮเดรนเยียร์ แค่บังเอิญผ่าน .. เอาล่ะไปชมในแบบของผมกัน อย่างที่บอกครับ ถ้าจะมาชมความสวยงามของดอกไฮเดรนเยียร์ก็ต้องมาให้ถูกฤดูกาลของเขา และขอกระซิบเบาๆนิดนึงครับ ทางมานี่โหดเอาเรื่อง ทริปหน้าค่อยว่ากันใหม่ครับ

3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอนกับอากาศ 3 องศา

เที่ยวอินทนนท์มาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้อยากสัมผัสกับบรรยากาศหนาวจริงๆของอินทนนท์สักครั้งหนึ่ง จึงเป็นที่มาของทริป “3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอน” ขอรวบรัดตัดความข้ามเรื่องการเดินทาง วาปทีเดียวมาโผล่ที่อินทนนท์เลยละกันนะครับ ฉากแรกของทริปนี้คือที่นี่ครับ โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน คิดแค่ว่าขนเต๊นท์ขึ้นบนรถแล้วไปหาที่กางเอาดาบหน้าที่อินนทนนท์ เปิดกูเกิ้ลเห็นแว่บๆว่ามีที่กางเต๊นท์ชื่อชลธารวิว แต่พอไปถึงสถานที่จริง รู้สึกว่าไม่เหมือนที่คิดไว้สักเท่าไร ขณะขับออกมาจากตรงนั้นนิดหนึงก็พบที่แห่งนี้ครับ ค่ำคืนแรกในเต๊นท์บนอินทนนท์ หนาวสะใจมากครับ ..พอพระอาทิตย์ตกดินอากาศลดลงเหลือ 3 องศา หนาวจนหมูกระทะที่สั่งมากินหน้าเต๊นท์ไม่สามารถปิ้งย่างได้ ต้องรีบหลบเข้าเต๊นท์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหนาวลดลง หลังจากค่ำคืนที่หนาวเหน็บผ่านพ้นไป เช้ารุ่งขึ้นก็ยังอุตส่าแหกขี้หูขี้ตาขึ้นไปบนยอดดอยอินทนนท์อีกนะ เราว่าเราไปเช้าแล้วคือออกไปตอนตี 5 ครึ่ง ปรากฏว่ามีคนไปเช้ากว่าเราอีก คนบนนั้นเยอะจนรถติด สุดท้ายจึงลงมาหาข้าวกินข้างล่าง คืนที่สอง “ลานกางเต๊นท์ต้นสน อุทยานแห่งชาติอินทนนท์” อุทยานแห่งชาติอินทนนท์มีจุดกางเต๊นท์ที่เป็นของอุทยานและมีค่าบริการถูกมากครับเพียงคืนละ 50 บาท ที่นี่จึงเป็นที่พักสำหรับคืนที่สองของทริปนี้ และเช่นเคยครับ “นอนเต๊นท์” ข้อดีของคืนที่สอง คือ ที่นี่ความหนาวลดลง หรืออุ่นขึ้นนั่นเอง ที่นี่อากาศอยู่ที่ประมาณ 10 องศา (แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีสำหรับผม) ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือเดินไปไม่ไกลจากจุดกางเต๊นท์ที่เป็นป่าสนนี้ ก็จะมีร้านอาหารให้บริการอย่างหนาตา คืนที่สองนี้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวเท่าคืนแรก มีนักท่องเที่ยวที่ชอบนอนเต๊นท์มากันอย่างหนาตา แต่ก็ไม่หนาแน่นจนอึกกระทึก เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเก็บเต๊นท์รอจนน้ำค้างที่เกาะเต๊นท์แห้งดีแล้ว ก็เก็บข้าวของกลับบ้าน. ทริปนี้อยากสัมผัสความหนาวบนอินทนนท์ ก็ถือว่าได้ดั่งใจ ทริปหน้าไปไหนเดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง

ทริปนอนเต๊นท์ ณ ป้อมปี่ กาญจนบุรี

หลังจากติดอกติดใจในการกางเต๊นท์เมื่อครั้งที่แล้ว ครั้งนี้จึงจัดทริปใหม่อีกครั้ง โดยจุดหมายคืออุทยานแห่งชาติเขาแหลม ป้อมปี่ เดินทางออกจากกรุงเทพในเวลาประมาณ 9.00 นาฬิกา เส้นทางไปกาญจนบุรีเดินทางสะดวกรถน้อยเหมาะแก่การเดินทางไปเที่ยว ป้อมปี่อันเป็นจุดหมายในการเดินทางในครั้งนี้นั้นใช้เส้นทางที่มุ่งหน้าไปสังขละบุรี เส้นทางบางจุดแคบ ขดเคี้ยวและลาดชัน อาจต้องใช้ความระมัดระวังนิดหนึ่ง แต่รถทุกชนิดสามารถวิ่งได้สบาย ก่อนถึงป้อมปี่ประมาณ 4 กิโลเมตรทางด้านขวามือจะจบน้ำตกเกริงกระเวีย ลองเที่ยวแบบเรียบง่ายใช้ชีวิตติดดิน ก็ได้บรรยากาศอีกแบบครับ ที่สำคัญประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้โขเลย การทำอาหารในที่ๆเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อมก็ได้อรรถรสสนุกสนานกันไป ทริปหน้าไปไหนต่อ..เดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง

Cafe’ Review คาเฟ่รีวิว

ความสุขใดเล่าจะเท่าความสุขจากการกิน

เที่ยวไชน่าทาวน์ เยาวราช

วันอาทิตย์ที่แดดไม่ออกมาทำงาน ปล่อยให้เม็ดฝนโรยตัวลงมาประปราย ช่างเหมาะแก่การทอดน่อง เดินชมเมืองยิ่ง ว่าแต่จะเดินเที่ยวเล่นที่ไหนดี .. ~~ คิดถึงบรรยากาศตึกราเก่าๆคลาสสิค แต่เต็มไปด้วยของอร่อยที่หาได้ข้างทาง และแล้วผมก็พาตัวเองมาหยุดอยู่ที่วงเวียนโอเดียน ณ จุดที่เรียกว่า ไชน่าทาวน์ เยาวราช การเดินทางไปเยาวราชปัจจุบันไปง่ายมากครับ และในอนาคตอันใกล้ไม่กี่เดือนนี้จะง่ายกว่าเดิมมาก นั่งรถไฟฟ้าไปโผล่กลางเยาวราชได้เลย ผมใช้วิธีขับรถไปจอดที่วงเวียนโอเดียน แล้วก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ ร้านแรกไปแวะคาเฟ่แมว ใกล้ร้านนาฮิมคาเฟ่ สุดท้ายสำหรับคนที่ชอบสุกี้ ผมไม่มีรีวิวร้านนี้ แต่กินมานานมากและอร่อยมาก นั่นคือสุกี้ท้ายรถกระบะเฮียมานพ อยู่ตรงวงเวียนโอเดียนฝั่งหน้าวัดไตรมิตร ที่ร้านมีทั้งสุกี้หมูและเนื้อ ข้าวหมูกรอบก็เด็ด นี่ยังไปไม่ถึงตรอกสุกรนะครับ แถวนั้นก็แหล่งของกินขึ้นชื่อทั้งนั้น.. งานนี้ต้องมีไปซ้ำแน่นวลลล

NAHIM CAFE ( นะฮิมคาเฟ่ )

หลังจากไปกินข้าวต้มแถวเยาวราช เดินเตร่ๆดูตึกเก่าที่เขารีโนเวททำร้านโน่นนี่ตกแต่งให้สวยงาม จนมาสะดุดที่ร้าน NAHIM CAFE  แม้เป็นร้านเล็กๆประมาณ 1 ล็อกในตึกแถว แต่การตกแต่งร้าน และบรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่น น่ารัก จนชายหน้าโฉดอย่างผมต้องเปิดประตูเข้าร้านอย่างเต็มใจ สำหรับใครที่ชอบงานอาร์ตและศิลปะ ที่นี่มีเยอะครับ ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองได้ ไม่ห่างจาก MRT หัวลำโพงเท่าไรนัก ประมาณ 400 เมตร ถ้าขับรถมา ไม่แนะนำให้ไปจอดที่ร้านครับ ลองไปหาที่จอดที่วัดไตรมิตร หรือไม่ก็วงเวียนโอเดียน จากนั้นก็เดินลัดเลาะชมตึกเก่า หรือร้านน่ารักๆที่มีเยอะแถวนั้น ไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงร้านครับ เยาวราชมีของดีเสมอ และเป็นแหล่งที่ไม่เคยหลับใหลครับ ของกินก็อร่อย ของหวานก็อร่อยไม่แพ้กัน ..ยังมีอีกหลายร้านในละแวกนั้น นี่ยังไม่ได้รีวิวสุกี้รถกระบะคุณมาณพในตำนาน โอกาสหน้าถ้าไปจะไม่พลาดรีวิวเลยครับ

เรื่องสั้น

ปราสาททราย

ดินแดนหลังภูเขาที่สูงตระหง่าน 5 ลูกตั้งติดต่อกัน มีแม่น้ำที่ไหลจากภูเขาสูง ด้านล่างที่แม่น้ำไหลผ่าน มีเมืองเมืองหนึ่งตั้งอยู่

เพียงชายคนนี้ (ไม่ใช่ผู้วิเศษ)

ด้วยความที่เจ้าหญิงพึ่งอายุย่าง 16 ยังไม่เคยรู้จักความรักและความรู้สึกแบบนี้ก็พึ่งเกิดขึ้นกับเธอ

ไม่ใช่เจ้าชาย

ในที่จองจำเจ้าหญิงได้พบกับหญิงงามและหญิงเกือบงามอีก 4-5 นาง ทราบภายหลังว่าเธอทั้งสิ้นล้วนถูกจับขังเพราะแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหญิง แต่ละคนก็มีเหตุผลที่แตกต่างกันไป

เจ้าหญิง

ณ กลางป่าดินแดนแสนไกล เจ้าหญิงในชุดสีขาวปรากฏกายบนท้องทุ่งสีเขียว
รอบๆรายล้อมด้วยสัตว์นานาชนิดที่จงรักภักดี
มีกวาง มีกระต่าย นำหน้าด้วยหมีและนกกระจอก

คนที่ถูกรัก

ใกล้เวลา 4 โมงเย็นนั่นหมายถึงเวลางานผมใกล้จะหมด การทำจะล่วงเวลาย่อมมีค่าใช้จ่าย คือต้องเสียค่าเช่ารถเพิ่มอีกกะหนึ่ง แต่ต้องเสี่ยงกับสภาพร่างกายที่อาจจะหลับในได้ผมจึงบึ่งแท็กซี่หาปั้มเพื่อทำความสะอาดรถก่อนส่งอู่ เพื่อนแท็กซี่หลายคนไม่ยอมปิดไฟสัญญาณว่า “ว่าง” ขณะขับกลับอู่ เผื่อเจอผู้โดยสารที่ไปทางเดียวกับตน จะได้เงินเพิ่มไม่เสียเที่ยว แต่ส่วนใหญ่เจอผู้โดยสารที่ไปคนละทาง นั่นย่อมหมายถึงการต้องขัดใจผู้โดยสารเมื่อกล่าวคำปฏิเสธ ผมปิดไฟสัญญาณ ว่าง บึ่งรถกลับอู่ โทรศัพท์nokiaรุ่นเก่าที่นอนสงบนิ่งมาทั้งวันเป็นปกติ วันนี้มาร่ำร้องขึ้นปรากฏเบอร์ที่ผมไม่รู้จัก!!“สวัสดีครับ..” ผมพูดเสียงเรียบ“อา นี่เราเองนะ” ปลายสายเป็นผู้หญิงเสียงกังวาล“โทษนะครับ ชื่ออะไรครับ”“เราเอง ปลาไง” ปลา ในชีวิตผม ผมรู้จักคนชื่อปลาเพียงคนเดียวเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ไม่เพียงรู้จัก ผมและเธอถึงขั้นเป็นแฟน ตอนนั้นผมยังไม่ขับแท็กซี่ ยังครองชีวิตมนุษย์เงินเดือนเต็มขั้น ปลาทำบัญชีให้บริษัท ผมกับเธอสนิทกันได้ไม่นาน เราทั้งคู่ก็ยอมใช้สรรพนามเรียกกันว่า “แฟน” และเปลี่ยนสถานภาพในเฟสบุคว่า “มีแฟนแล้ว” ความรักของเราเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ทะเลสงบมักมีพายุใหญ่รออยู่ข้างหน้า ปลาขยับฐานะเป็นรองผู้จัดการในปีถัดมาที่เรารู้จักกันและจากวันนั้นเธอก็มีเวลาว่างสำหรับแฟนอย่างผมน้อยลง แต่เธอกลับมีเวลาให้ผู้จัดการหนุ่มมากขึ้น จากนั้นไม่นานผมแอบเห็นสถานภาพในเฟสบุคของเธอเปลี่ยนเป็น “โสด” ผมเอะใจ แต่ไม่เข้าใจ จนที่สุดข้อสงสัยทั้งหมดก็กระจ่าง คืนนั้นเป็นวันเกิดผม แต่เธอลืมโดยอ้างว่าต้องไปต่างจังหวัด เพื่อนที่สนิทและไว้ใจได้คนหนึ่งบอกว่า คืนนั้นเธอไปกับผู้จัดการหนุ่ม..ผมทนปวดใจอีก 2 เดือนจึงลาออก เธอไม่มาแม้เพื่อบอกลา “อ้อ ปลา..” การโทรศัพท์หาผมในครั้งนี้จึงทำให้ผมแปลกใจมาก เพื่อนสนิทหรือคนรู้จักที่ไม่ติดต่อเรามานานมากแล้ว แต่จู่ๆติดต่อกลับมา มีไม่กี่สาเหตุ 1.ยืมตังค์ 2.ขายตรง “อา สบายดีนะ ตั้งแต่อาไปครั้งนั้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยเนาะ” “สบายดีครับ ว่าแต่มีอะไร?” “เปล่า ไม่มีอะไร คิดถึงจึงโทรหานะ อยากเจออยากทานข้าวด้วย” “คงไม่สะดวกหรอกครับ” ผมกล่าวสวัสดีก่อนวางสายด้วยความมึนงง สงสัยเพราะภาวะโลกร้อน ถึงผมไม่มีแฟน แต่คงไม่อยากคืนดีกับคนอย่างเธอแน่นอน คนที่คบคนเพื่อหวังผลประโยชน์อย่างเธอมันน่ารังเกียจ แต่ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ ปลาหวังผลประโยชน์อะไรในตัวผมเหรอ คนที่ไม่มีอนาคตขับแท็กซี่อย่างผมเนี่ยะนะ !?! ยังไม่ทันวางโทรศัพท์ลง มันก็ส่งเสียร้องอีกครั้ง “สวัสดีครับพี่ยง ผมว่าจะเอาเงินไปคืน..พ” “ไม่เป็นไรอา ไม่ต้องรีบร้อน เย็นนี้ว่าจะชวนไปหาอะไรดีๆกินสักหน่อย” นี่ก็อีกรายที่ผมได้ยินคำพูดที่ไม่คาดว่าจะได้ยินจากปาก ยง หรือเฮียยง คนในอู่รู้จักดีว่าเป็นคนพูดเสียงดังโพงพาง เกือบทุกคนติดหนี้แก แม้จะปล่อยดอกที่สูงลิ่ว แต่หลายคนมีทางเลือกไม่มากนักทุกวันจะเจอแกทวงเงิน แต่วันนี้..แกไม่พูดถึงเงินแต่กลับชวนไปกินข้าว! ยังไม่ทันวางสายพี่ยง ก็มีสายซ้อนขึ้นมา ดังนั้น พอพี่ยงวางสายเสียงจากอีกสายก็แทรกเข้ามาในหูผมทันที“อา…

เขียนถึงคนบนฟ้า

ชายหนุ่มนั่งเหม่อบนดาดฟ้าตึก 20 ชั้น สายตาเบิ่งไปยังเบื้องหน้าไร้จุดหมาย บนท้องฟ้าปรากฏกลุ่มเมฆสีดำเป็นสัญญาณเตือนว่าไม่กี่นาทีนับจากนี้จะเกิดฝน หลายคนเริ่มโกลาหลเพื่อเข้าที่พัก กลับบ้าน หรือจัดการกับข้าวของที่คาดว่าจะโดนฝน รถบนท้องถนนเริ่มคลาคล่ำติดขัด แต่ชายหนุ่มบนดาดฟ้ายังคงนิ่งเฉยกับเหตุการณ์รอบข้าง เขายังคงนิ่งและเหม่อลอย จิตใจเขาล่องลอยไป ณ ที่แดนไกล  ด้วยความที่เป็นดาดฟ้าสูง บวกกับฟ้าที่มืดครื้ม จึงไม่มีใครทันสังเกตเห็นเขาผู้ซึ่งอยู่ใกลักับความตายระยะประชิด เขาขยับขาเข้าใกล้ริมดาดฟ้า ในขณะที่สายตาไม่ได้มองขาที่ก้าว ในห้วงความคิดของเขาขณะนี้ วนเวียนด้วยเรื่องราวในอดีตที่เขาและเธอรู้จักและรักกัน!! เธอคนนั้นช่าทำให้เขาเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ รอยยิ้ม คำพูด และอิริยาบถต่างๆข่องเธอผ่านเข้ามาาในหัวของเขาราวสไลด์โชว์ เขายิ้มเมื่อสไลด์โชว์แห่งอดีตนำเสนอเรื่องราวของเธอและเขาช่วงที่รักกัน แต่ฉับพลันเขากลับร้องไห้ เมื่อสไลด์มาถึงจุดสุดท้ายที่เธอจากไป.. เธอทิ้งเพียงเมสเสจสั้นๆบนมือถือของเขา “ฟ้าต้องไปแล้ว..” และหลังจากนั้นโลกของเธอกับเขาก็ขาดหายไป เขาติดต่อเธอไม่ได้ เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย “หรือเธอเป็นเพียงนางฟ้าที่มีเวลามาเล่นสนุกในโลกมนุษย์เพียง 30 วัน” เขาตั้งสมมติฐานอย่าคนบ้าที่ไม่เข้าใจความรัก แต่มันเป็นความจริงที่เขาและเธอรู้จักกันและรักกันในเวลา 30 วันเท่านั้น แล้วเธอก็โบยบินจากเขาไป.. ชายบนดาดฟ้ายังคงจินตนาการเธอเป็นนางฟ้า และตัวเขาเองกำลังจะบินไปหาเธอ เธอผู้ทำให้เขาเป็นบ้าไปแล้วในขณะนี้ บนท้องฟ้าเริ่มปรากฏเม็ดฝน และในที่สุดฝนก็ตกอย่างหนัก ท้องฟ้ามืดสนิท ชายหนุ่มสำนึกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องโบยบิน เขารอสัญญาณฟ้าแล่บอีกครั้ง แล้วเขาจะบิน!! ในชั่วขณะความเป็นกับความตายใกล้กันถึงที่สุด สัญญาณจากฟ้าจะเป็นเครื่องชี้ชะตาชีวิตเขา และทันใดนั้นเอง ฟ้าแล่บปรากฏขึ้นพร้อมเสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหว ชายหนุ่มก้าวขาขวาออกเบื้องหน้าทันที! เขาใกล้ไปพบกับนางฟ้าของเขาในบัดนี้แล้ว ไม่ทันที่เท้าข้างขวาจะทิ้งน้ำหนักลงไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น..ก่อนจะไป ขอพูดเป็นครั้งสุดท้ายไว้กับโลกใบนี้ เขาชักขากลับยืนที่เดิม หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมาดู บนหน้าจอปรากฏเบอร์ของเธอคนนั้น .. นางฟ้าของเขา เขารีบกดรับทันที!! ไม่ทันที่เขาจะพูดอะไร เสียงปลายสายก็ดังขึ้นมาทันที “คุณอยู่ไหนค่ะ ได้รับเมสเสจของฟ้าไหม? ตอนนี้ฟ้าเสร็จธุระที่ตจว.แล้ว ฟ้า..ตู๊ด ..ตุ๊ด ตุด” แล้วสัญญาณก็ขาดหายไป เขารีบโทรกลับ แต่ก็ไร้สัญญาตอบกลับ ชายหนุ่มเปิดอ่านเมสเสจเธออีกครั้ง เขาพึ่งพบว่าเมสเสจของเธอมีทั้งหมด 3 ข้อความ “ฟ้าต้องไปแล้ว..” เมสเสจที่ 2 “..ป่วยหนัก..รีบไป..” และเมสเสจสุดท้าย “ที่บ้าน..สัญญาณ..มี” เขาเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวจนพอเข้าใจได้ รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา แต่มันก็สายไปที่เขาจะกลับไปเสียแล้ว ฟ้าแล่บอีกครั้ง มาพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น ร่างชายหนุ่มบนดาดฟ้าไหม้เกรียม และล่องลอยสู่เบื้องล่าง.. ร่างแหลกละเอียด และไหม้เกรียม แต่ที่มุมปากของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มแห่งความสุข.. * ชื่อเรื่องจากชื่อเพลง เขียนถึงคนบนฟ้า ของพิง…

เมื่อเขามา..ฉันจะไป

บนถนนโค้งแสนเปลี่ยว ข้างถนนรกครึ้มด้วยต้นหญ้าและต้นไม้สูงใหญ่ไล่ระดับ กลางคืนถนนเส้นนี้มืดสนิท ชาวบ้านแถวนี้รู้ดีว่าถนนเส้นนี้ไม่เหมาะกับการคมนาคมในยามวิกาล ได้แต่หวังผู้แทนปากหวานที่เคยให้คำมั่นสัญญาจะดำเนินการทำถนนให้ปลอดภัยมีไฟ มีความสะดวกหากตนได้รับเลือกตั้ง นี่เขาก็ได้รับเลือกตั้งไปแล้ว .. ยังไม่เคยเห็นเงาผู้แทนคนนั้นเลย ก้าวเข้าสู่หน้าหนาวอันเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของคนในเมือง ถนนเส้นนี้เริ่มมีรถรามากขึ้นแม้เป็นยามค่ำคืนมืด นักท่องเที่ยวหลายคนพูดกันหนาหูว่าบนถนนหัวโค้งเปลี่ยวเส้นนั้น มักพบหญิงสาวผมยาวในชุดขาวเดินข้างถนนบ้าง เดินข้ามถนนบ้าง นั่งริมถนนบ้าง เธอเป็นใครมาจากไหน และมาทำอะไรในยามค่ำคืนไม่มีใครรู้ เพราะไม่มีใครกล้าจอดรถลงไปถามสักครั้ง จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง.. ชายหนุ่มจากเมืองหลวงบึ่งรถยามค่ำคืนเพื่อไปหาแฟนสาวที่อยู่ทางเหนือ อำนาจความรักทำให้เขาอดทนรอให้ถึงรุ่งสางไม่ได้ ขับรถมาท่ามกลางความมืดมิดด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงทางโค้งอันเปลี่ยวนั้น รถไม่ได้โค้งไปตามถนนที่ควรจะเป็น กลับตรงดิ่งแหกโค้งออกนอกทางพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ คนขับคอหักตาย ณ ที่ตรงนั้น ส่วนรถมีสภาพยับเยินเกินบรรยาย.. และตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ยามค่ำคืนอันมืดมิด ไม่เคยมีใครพบหญิงสาวผมยาวชุดขาวอีกเลย คนเฒ่าคนแก่บอกว่า “เขาไปเกิดใหม่แล้ว” หลายคนเบาใจคลายกังวล แต่ไม่กี่วันต่อมา มีเสียงร่ำลือกล่าวถึงทางโค้งเปลี่ยวนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่หญิงสาวชุดขาวผมยาว แต่เป็นชายหนุ่มคอหักร่างโชกด้วยเลือดสีแดงนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง ณ ทางโค้งเปลี่ยวแห่งนั้นแทน!! คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่า.. วิญญาณที่ตายด้วยอุบัติเหตุจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดใหม่..จนกว่าจะมีวิญญาณใหม่มาแทนตัว เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นลอยๆมาตามสามลมของค่ำคืนอันเงียบและมืดมิดว่า “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ชื่อเรื่องจากชื่อเพลง “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ของ ดา Endorphine

BLOG I FOUND

เรื่องราวที่พบที่เจอมาระหว่างทาง