เสียงจากความมืด

คงเคยได้ยินมาบ้างแล้วนะครับ กรณีที่เพื่อนหรือคนที่เรารู้จักเสียชีวิตไปแล้ว แต่เรายังไม่ได้ลบเบอร์เขาออกจากมือถือของเรา แล้วเวลาดึกของวันหนึ่ง ก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะงัวเงียจะรับโทรศัพท์อย่างเคยชิน แว่บหนึ่งก็มองหน้าจอมือถือ ยังไม่คิดอะไร ยกโทรศัพท์มาประกบที่ข้างหู แต่ไม่ทันโทรศัพท์จะถึงหูและฟังเสียงปลายสาย ก็เอ่ะใจ..จึงดูหน้าจอมือถืออีกครั้ง แล้วชื่อที่ปรากฏในหน้าจอนั้นคือ .. คนที่เสียชีวิตแล้ว
กดวางแล้วโยนโทรศัพท์นั้นทิ้งทันที..

ยังไม่ทันได้ฟังและพูดอะไรเลย และหลังจากวันนั้นก็ได้สอบถามไปยังญาติผู้เสียชีวิต ได้รับข้อมูลว่า สิ่งของส่วนตัวผู้ตายส่วนใหญ่ ถ้าไม่เผาไปพร้อมกับศพ ก็ถวายวัดหมดแล้ว.. !

เรื่องประมาณนี้ คงเคยได้ยินได้ฟังบ้างใช่มั้ยครับ

แต่เรื่องที่จะเล่านี้ คล้ายๆกัน แต่มันมีมากกว่านั้นครับ
เกิดขึ้นกับไอ้แจ๊ส..

ไอ้แจ๊ส พ่อเป็นตำรวจ แม่เป็นครู เป็นรุ่นน้องผมประมาณ 2-3 ปี
ผมรู้จักไอ้แจ๊สจากพี่ชายของมัน พี่ชายมันเป็นเพื่อนผม เมื่อก่อนผมชอบไปค้างที่นั่น ดึกๆ เวลาหิว ไอ้แจ๊สทำหน้าที่เป็นพ่อครัวที่ดีเสมอ หลังจากถูกพี่มันบังคับและขู่ (ถ้าเมิงไม่ทำนะ กูจะบอกพ่อว่ามึงสะสมหนังโป๊) แจ๊สจึงลวกมาม่าให้พวกเรากินอย่างจำยอม

แจ๊สมีเพื่อนเยอะมาก ทั้งหญิงและชาย ชอบพามาแนะนำให้รู้จักอย่างไม่ซ้ำหน้า เพื่อนส่วนใหญ่เป็นเพื่อนเที่ยว เพื่อนกินมากกว่า แต่ในที่สุด แจ๊สก็ได้เพื่อนตาย..!

ตอนที่เพื่อนคนนี้ตาย แจ๊สไม่สามารถไปร่วมงานศพได้ เพราะงานศพจัดที่ต่างจังหวัดทางภาคเหนือค่อนข้างไกล และกระทันหัน เสียชีวิตวันเดียว วันต่อมาก็เผาแล้ว

เพื่อนของแจ๊สคนนี้ชื่อมี้ เป็นหญิงมาดมั่น น่ารัก สดใส เธอเสียชีวิตพร้อมกับผู้โดยสารบนเรือด่วนอีก 4 คน เรือที่เทอใช้โดยสารในวันเกิดเหตุ เกิดพลิกคว่ำกลางแม่น้ำเจ้าพระยาที่เชี่ยวกราด ผู้โดยสาร 20 กว่าชีวิตว่ายน้ำได้ จึงรอด มี้เป็นคนเหนือ ว่ายน้ำไม่เป็น เธอจมน้ำเสียชีวิต กว่าเจ้าหน้าที่จะช่วยกู้ศพขึ้นมา ร่างเธอก็ขึ้นอึดจนจำแทบไม่ได้

หลังจากมี้เสียชีวิตไปประมาณ 2 อาทิตย์ ทุกคนเกือบลืมเรื่องเศร้าๆของมี้หมดแล้ว แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่ง เป็นวันศุกร์ปลายเดือนที่ทุกคนมักไปเที่ยวยามค่ำคืน คืนนั้นก็เช่นกัน แจ๊สไปกับเพื่อนๆในกลุ่ม กลับถึงบ้านตอนเกือบตีสามด้วยอาการสลึมสลือด้วยฤทธิ์แอลกอฮอ ขณะกำลังไขกุญแจบ้านด้วยความลำบากยิ่ง โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้น แจ๊สกดรับทันทีโดยไม่ทันดูหน้าจอว่าใครโทรเข้า
“ฮาาาา..า โหลล”
“……”
“ฮาาโหล ใครอ่ะ” สองมือของแจ็สยังไขกุญแจอย่างยุ่งยาก โทรศัพท์เหน็บข้างหู ใช้ไหล่หนีบไว้
“ฮาโหลๆๆๆๆ ๆ ๆ ไม่พูดจะวางแล้วน่ะ”
“…….แจ๊ส มี้อยากกลับบ้าน” เสียงค่อยและเบามากก แจ๊สบอก
“ไรน่ะ…ยังไม่กลับถึงบ้าน? ไม่ได้ไปแท็กซี่กะพวกยัยสิเหรอ” ขณะพูดแจ๊สไขกุญแจเข้าบ้าน เข้าห้องได้แล้ว มันไปนั่งห้อยขาบนเตียง

“อยากกลับบ้าน” ปลายเสียงยังพูดประโยคเดิม
“โอเคๆ ๆ เดี๋ยวจะไปรับ ตอนนี้อยู่ที่ไหนอ่าา ” แจ๊สทิ้งตัวนอนบนเตียง
“ท่าน้ำ..”
“ที่ไหนนะ ? แล้วนี่ใครพูด”
“มี้”

แจ๊สดีดตัวจากตัวจากเตียง เหลือบมองดูชื่อผู้โทรเข้า .. เป็นเบอร์ของมี้จริงๆ มันสร่างเมา โยนโทรศัพท์ลงพื้น เครื่องพอกระทบพื้น ระบบก็หยุดทำงาน หน้าจอมืด

เวลาตอนนั้น ตี 3 กว่า บรรยากาศกำลังเงียบสงัด แจ๊สค่อยๆ ย่องไปเหลือบแลดูโทรศัพท์ว่ามันดับไปแล้วจริงหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามันดับสนิทแล้ว จึงเดินอย่างแผ่วเบาอ้อมเครื่องโทรศัพท์รีบบึ่งไปจากห้องทันที..!!

คืนนั้น แจ๊สไปปลุกพี่มันและเล่าเรื่องให้ฟัง
“มันอาจเป็นเบอร์ของมี้ ที่มีคนเอาไปใช้ก็ได้” พี่ชายมันพูด
“ไม่หรอกพี่ ผมจำเสียงมี้ได้ อีกอย่างนะ โทรศัพท์มี้ตกน้ำหายไปตั้งกะวันนั้นแล้ว”

เพื่อความแน่ใจ วันต่อมาจึงพากันไปที่ท่าน้ำที่เกิดเหตุ ไม่พบอะไร
จึงไปสอบถามยังเจ้าหน้าที่ว่า วันนั้นมีคนเสียชีวิตกี่คน
คำตอบก็คือ 4 แต่..
ยังมีศพหนึ่งยังอยู่ที่โรงพยาบาล เป็นแรงงานต่างด้าวจึงไม่มีญาติมารับ
“เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายครับ” แจ๊สถาม
“ผู้หญิง”

พวกเราพากันไปยังโรงบาลทันที ทำเรื่องของดูศพ กระบวนการขั้นตอนยุ่งยากพอสมควรกว่าจะได้ดูก็เกือบค่ำ เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสเข้าไปยังห้องเก็บศพทีเย็นยะเยือก

แต่ละศพถูกเก็บไว้เป็นล็อกๆ ศพถูกห่อหุ้มอย่างมิดชิด เจ้าหน้าที่ให้เวลาเรา 15 นาที พอเปิดดูศพเท่านั้น แจ๊สก็อุทานออกมาทันที
“มี้”
“มึงอย่าพูดมั่วๆไปไอ้แจ๊ส มี้ ญาติๆเขารับศพไปทำบุญแล้ว แล้วศพนี่ก็ขึ้นอึดจนจำไม่ได้ มึงจะมาบอกว่าเป็นมี้ได้ไง”
“พี่ก็ดูนี่สิ”
แจ๊สชี้ให้เราดูรอยสักผีเสื้อเล็กๆ ที่ต้นคอด้านหลัง “พ่อแม่ของมี้เกลียดรอยสักมาก แต่มี้ชอบจึงแอบสักเล็กๆไว้ที่ต้นคอด้านหลัง นอกจากเพื่อนๆแล้วไม่มีใครรู้” แจ๊สแจง

หลังจากนั้น จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินการตรวจสอบกันใหม่ ผลปรากฏว่า เป็นมี้จริง ส่วนศพที่นำไปทำบุญที่บ้านเกิดนั้น เป็นศพแรงงานต่างด้าว
ญาติๆของมี้ต้องทำบุญกันอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เพื่อนๆไปกันพร้อมหน้า หลังจากฟังเรื่องที่แจ๊สเล่าให้ฟัง

ผมได้รับรู้และร่วมกับเหตุการณ์นี้มาตั้งแต่ต้น
เหตุการณ์การสลับศพไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเคยได้ยินข่าวบ่อยๆเรื่องการสลับเด็กของทางรพ.

แต่เรื่องที่มีโทรศัพท์จากผู้เสียชีวิตไปแล้วนี่..ผมยังคิดหาเหตุผลไม่ได้เลย

ทำไม มี้ ไม่โทรหาเพื่อนคนอื่นๆ อาจเป็นไปได้ว่า มี้จะสามารถโทรหาเฉพาะคนที่ยังไม่ลบเบอร์เขาออกจากเครื่อง เพราะเพื่อนคนอื่นๆ ต่างลบเบอร์มี้กันหมดตั้งแต่รู้ข่าวว่ามี้ตาย
ยกเว้น..ไอ้แจ๊ส