แต่งงานกันอีกแล้ววว..ว

วันเสาร์ซึ่งเป็นวันเด็กแห่งชาติ เป็นวันแต่งงานของเทพรัตน์ โสภาค หรือไอ้เทพ

เทพรัตน์เป็นเพื่อนสมัยอยู่พระบาทเมื่อหลายสิบปีก่อนโน้น  หลังจากแยกย้ายตามวิถีของแต่ละคน ก็มีอันต้องพลัดพรากจากกัน แต่ก็ได้ยินข่าวคราวและข่าวคาวของมันเป็นระยะๆ แต่ไม่ได้มีโอกาสได้ปะหน้ากันจริงๆจังๆสักที จนเมื่อกลางปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไปงานแต่งของมิสเตอร์สิงห์ จึงได้พบหน้าค่าตากันในตอนนั้น

เจ้าสาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของแฟนมิสเตอร์สิงห์ ทราบจากมิสเตอร์สิงห์ว่า เทพรัตน์จีบเจ้าสาวอยู่ก่อนแล้ว แต่เวลาเข้าไปหา จะไปคนเดียวก็เขินอาย เลยชวนมิสเตอร์สิงห์ไปด้วย แต่ครั้นจะชวนมิสเตอร์สิงห์ไปบ่อยๆ ก็จะเกรงใจ จึงใช้อุบายให้มิสเตอร์สิงห์รักกับคนพี่ซะ ทีนี้จะได้มีแรงจูงใจที่จะไปด้วยกัน จากวันนั้นถึงวันนี้ทุกอย่างก็ลงเอยอย่างที่ควรจะเป็น มิสเตอร์สิงห์ชิ่งแต่งงานก่อนเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นจึงถึงคิวของเทพรัตน์ นักรักจอมวางแผน (555+)

งานแต่งเขามีแห่ขันหมากในตอนเช้า และเลี้ยงฉลองในตอนเย็น ตอนเช้าผมไม่ว่าง ก็เลยถือโอกาสไปตอนเย็นแทน งานเลี้ยงจัดที่สมาคมศิษย์เก่าอำนวยศิลป์ ข้างๆโรงเรียนเพชรัตน์ ประชาชื่น เป็นอาคารอเนกประสงค์เก่าๆ ข้างในจัดเป็นโต๊ะจีนประมาณ 50 โต๊ะ แขกเรื่อคับคั่งดี แต่ผมข้องใจธีมของงาน หน้างานจัดซุ้มดอกไม้ให้คู่บ่าวสาวได้ถ่ายรูปกับแขก มีภาพบ่าวสาวถ่ายคู่กัน น่ารักน่าชัง หวานแหวว สดใส กุ๊กกิ๊ก  แต่พอก้าวขาเข้าไปข้างใน นึกว่ามางานหมอลำซิ่งพาเพลิน มีเพลงหมอลำ สลับเพลงลูกทุ่งโจ๊ะๆ พอพิธีบนเวทีเริ่ม พิธีกรมาในชุดสีดำ!! โอ่ะ..นี่กูมางานศพเหรอเนี่ยะ ตะกี้ยังเป็นงานหมอลำพาเพลินอยู่เลยนะ ทั้งนักร้องบนเวที ทั้งพิธีกรชวนกันแต่งชุดดำมาซะอย่างนั้น นี่ถ้าผมเป็นเจ้าของงาน คงโดดตีลังกา 2 รอบ ก่อนจะเสยหน้าทั้งคู่ด้วยปลายรองเท้า ช่างให้เกียรติกับงานแต่งอันเป็นมงคลซะเหลือเกิน

หลังพิธีบนเวทีเสร็จ ผมก็ถือโอกาสลาเพื่อนๆกลับก่อน คืนนี้ไม่กล้าแตะแอลกอฮอลล์ เพราะวันอาทิตย์ตั้งใจจะไปบริจาคเลือด งานนี้ไม่ได้แอ้มเค้กแต่งงานเลย ดูท่าแล้วคงไม่เหลือถึงเราแน่ๆ ผมไม่ชินการร่วมโต๊ะกับคนแปลกหน้า และไม่ชอบการรับประทานอาหารแบบค่อยๆทยอยมาทีละจานๆ เลยขอตัวกลับก่อนแบบเกรงใจๆ

ผมได้เขียนอวยพรคู่บ่าวสาวในสมุดแล้ว และปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้คำอวยพรนั้นสัมฤทธิ์ผล ผมอวยพรสั้นๆไปว่า

“ขอให้รัก อยู่คู่กับทั้งคู่ตลอดไป”