ผู้ชนะสิบทิศ

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย จริงๆมีแผนจะไปเที่ยวสัตหีบกับเพื่อนๆที่ทำงานในวันเสาร์ที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่มีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถเดินทางไปกับเพื่อนๆได้

ฝนตกเกือบทุกวัน ทำให้ไม่อยากคิดถึงการเดินทาง การเที่ยว คิดถึงสภาพท้องถนนที่คลาคลำด้วยรถ ถนนลื่น อุบัติก็เกิดขึ้นง่าย ทะเลคงไม่สวยนัก หากท้องฟ้าไม่สดใส น้ำตกเองคงขุ่นคลั่กหากมีฝน ภูเขาหินผาก็ลื่นเกิดอุบัติเหตุได้ในหน้าฝน หน้าฝนจึงเป็นฤดูที่ไม่เหมาะแก่การเที่ยวเท่าไรนัก แล้วเหมาะแก่อะไรละ??

อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง

ผมเลือกของแรกเป็นหลัก ผสมด้วยข้อสอง และไม่ละข้อสาม!

 

เหตุที่ผมไม่สามารถไปเที่ยวกับเพื่อนๆได้ นั่น เพราะติดงานศพครับ ผู้วายชนม์เป็นอดีตข้าราชการทหารผู้ยิ่งใหญ่ ทำคุณประโยชน์แก่สยามประเทศเป็นอเนกอนันต์ ในอดีตท่านเคยออกรบในสงครามเวียดนามในนาม “จงอางศึก” และทำคุณประโยชน์ในฐานะชายชาติทหารแก่ประเทศชาติอย่างมากมาย ด้วยคุณงามความดีนี่เอง ในงานศพถึงคลาคลำด้วยแขกมากหน้าหลายตา และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือ ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อพระองค์ท่านทราบข่าวก็เสียชีวิต ก็ทรงประทานพวงหรีด เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัว

ผมได้มีโอกาสไปที่บ้านของอดีตนายทหารผู้ยิ่งใหญ่ จึงได้พบเบื้องหลังแห่งความยิ่งใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพความยิ่งใหญ่, บันทึกต่างๆที่ท่านเขียนบันทึกไว้ตลอด(ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตทุกคนรักการอ่านและการบันทึก ข้อนี้ผมได้ยินมาจากหลายๆท่าน) รวมถึงหนังสือหลากหลาย และหนังสือกองหนึ่งที่สะดุดตาผมยิ่งนัก นั่นคือ หนังสือนิยาย “ผู้ชนะสิบทิศ” โดยยาขอบ

แต่ละเล่มมีความหนากว่า 500 หน้า พิมพ์แบบเก่า หนังสือมีความเก่าแก่หน้ากระดาษออกสีเหลืองจนซีด รวมทั้งหมด 10 เล่ม ผมลองหยิบเล่มหนึ่งมาอ่านคำนำที่ยาวเกือบ 5 หน้า เป็นหนังสือที่มีคำนำจากผู้เขียนยาวมาก จึงพบว่า คำนำนี้มิใช่คำนำอย่างหนังสือทั่วๆไป แต่เป็นคำนำที่ผู้เขียนได้กล่าวแก้ต่างจากมีผู้โจมดีในสมัยนั้น เกี่ยวกับเรื่องที่ท่านเขียน โดยถูกกล่าวหาว่าไปลอกคนอื่นบ้าง ไม่ได้คิดเองบ้าง ต่างๆนานาๆ ก็ไม่แปลกใจใครที่ดัง มีชื่อขึ้นมา มักจะเจอข้อกล่าวหาทั้งสิ้น อาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการกล่าวอ้าง นอกจากนี้ท่านยังได้กล่าวขอบคุณ กล่าวถึงความยากลำบากในการประพันธ์ รวมถึงการกล่าวฝากฝังหนังสือยิ่งใหญ่ไว้ในแผ่นดิน

 

พออ่านคำนำจบ ก็ให้เกิดความกระหายอยากอ่านเนื้อหา ก็เลยอ่าน ตั้งใจว่าจะอ่านฆ่าเวลา อ่านผ่านไปบทแรก บทสอง บทสาม ก็เกิดความติดใจในรสประพันธ์ประหนึ่งกวางติดใจในรสหญ้าอ่อน ศัพท์สำนวนล้วนเป็นภาษาเก่า ต้องทำความเข้าใจ แต่กระนั้นก็หาใช่อุปสรรคไม่ ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุก ยิ่งอ่านก็ยิ่งวางไม่ลง ใครที่เคยอ่านแฮรี่พ็อตเตอร์แล้วติดงอมแงมวางไม่ลง ก็คงจะเข้าใจอาการนี้ของผมได้อย่างดี วางไม่ลง พอหลับตาลงก็ฝันถึง..

 

ผู้ชนะสิบทิศ เคยเป็นละครที่ยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ผมไม่เคยดู หลายๆคนที่มีอายุเลยเลข 3 ขึ้นไป รู้จักกันดี

 

ผู้ชนะสิบทิศ เป็นเรื่องราวของชายหนุ่มผู้มีบุญบารมีมาแต่เกิด บวกกับความใฝ่ดี มีความเป็นสุภาพบุรุษ เป็นที่รักใคร่ของหญิงสาวตั้งแต่นางสนมจนถึงพระราชธิดา เป็นชายชาตินักรบที่ครบเครื่องด้วยความศิลปะทั้งเก่งรบ เก่งดนตรี เก่งวาทศิลป์ เลิศทางสติปัญญา และเป็นนักรักผู้ยิ่งใหญ่ จะหาชายใดในโลกที่สามารถเป็นที่รักของหญิงหลายๆคนพร้อมกันได้ โดยที่เธอเหล่านั้นก็ยินดี ไม่ตบตีแย่งชิง มีแต่จะสนับสนุนส่งเสริม และชายดังกล่าวนั้น เรารู้จักในนามนักรบผู้ยิ่งใหญ่ “บุเรงนอง”

 

วันนี้ ผมพึ่งอ่านจบเล่มแรก และถวิลจะหาเล่ม 2 มาอ่านอย่างใจจดใจจ่อ การได้อ่านเรื่องผู้ชนะสิบทิศ นอกจากความบันเทิงที่ได้จากนวนิยายแล้ว ผมเชื่อว่าเป็นการอนุรักษ์ภาษาไทย และช่วยเสริมทักษะความคิด สติปัญญา แนวคิด คุณธรรมที่ถูกสอดแทรกในเนื้อหาอย่างเต็มเปี่ยม

 

ผมใจจดใจจ่อรออ่านอีก 9 เล่มที่เหลืออย่างกระหาย ราวชายที่ขาดน้ำอยู่ท่ามกลางทะเลทราย
แม้นว่าได้อ่านสมใจ คงเกิดรอยยักใดๆบ้างที่กลางสมอง..

รักคนอ่าน ครับ