ครั้งแรกในการวิ่ง Half Marathon ณ อยุธยา

sdr

เป็นงานวิ่งครั้งที่ 3 ภายในเดือนเดียว แถมเปิดรับสมัครเร็วมาก คือก่อนวันงานไม่ถึงเดือนและรับเพียง 3000 คนรวมทุกระยะ (5, 10 และ21)
ความยากของงานนี้ไม่ใช่ระยะทางวิ่ง ไม่ใช่ถนนที่วิ่ง แต่เป็นความยากในการตื่นไปวิ่ง!!

งานนี้จัดที่อยุธยา ดูจากกูเกิ้ลแม็ปแล้วระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ไม่ได้มีการหาที่พักที่ใกล้จุดปล่อยตัว ภารกิจคือ ตื่นตีสองครึ่งแล้วขับรถไปให้ถึงจุดปล่อยตัวก่อนตี 5

คืนวันเสาร์รีบเข้านอนตั้งแต่สองทุ่ม แต่ก็เหมือนกับทุกๆครั้ง คือ ก่อนวันงานวิ่งจะนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาจนนาฬิกาปลุก!

วันอื่นๆนาฬิกาปลุกแล้ว อาจจะโอ้เอ้ได้อีกสัก 5-10 นาที แต่วันนี้ไม่ได้เลย รีบถีบตัวเองออกจากที่นอน แปรงฟัน เปลี่ยนชุด แล้วขับรถออกจากบ้านทันที ต้องแวะไปรับนิติ น้องที่ไปวิ่งงานนี้ด้วยกันที่รัชดา

บรรยากาศช่วงตี 2 ครึ่ง ถนนยังโล่ง ผับพึ่งปิด แม้จะมีฝนพร่ำๆ แต่ผมก็บึ่งรถด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

หลังจากรับนิติเสร็จก็บึ่งขึ้นทางด่วน นาทีนั้นขับ 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้กระทั่งลงจากทางด่วนแล้ววิ่งในจังหวัดอยุธยาก็ยังไม่ละความเร็ว บางจุดมีน้ำขังเป็นแอ่ง รถเกิดอาการเหิรน้ำ โชคดีที่จับพวงมาลัยสองมือและจับหนักแน่นอยู่ จึงไม่ทำให้รถหมุน ..วันนั้นเจอถนนลักษณะแบบนี้ถึง 2
หลังจากรับนิติเสร็จก็บึ่งขึ้นทางด่วน นาทีนั้นขับ 120-140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แม้กระทั่งลงจากทางด่วนแล้ววิ่งในจังหวัดอยุธยาก็ยังไม่ละความเร็ว บางจุดมีน้ำขังเป็นแอ่ง รถเกิดอาการเหิรน้ำ โชคดีที่จับพวงมาลัยสองมือและจับหนักแน่นอยู่ จึงไม่ทำให้รถหมุน ..วันนั้นเจอถนนลักษณะแบบนี้ถึง 2 ครั้ง, เกิดความกลัวจึงต้องลดความเร็ว และเปลี่ยนมาขับเลนกลางแทน

ไปถึงจุดปล่อยตัวในเวลาที่ตั้งใจ คือ ตี 4.45 นาที พอมีเวลาติดเบอร์วิ่งและยืดเส้นยืดสายนิดหน่อย

ปล่อยตัวตี 5 ในเช้าที่มีฝนตกพรำ ยังมืดอยู่มาก แม้เส้นทางวิ่งจะสวยงามขนาดไหน แต่ก็เห็นได้แค่เงาตะคุ่มๆ ของวัดวาอาราม วิ่งท่ามกลางฝนพรำๆก็ดูจะเย็นสบายดีนะครับ แต่พอถึงระยะที่ 15 กิโลเมตร ฝ่าเท้าเกิดอาการสีกับรองเท้าจนพอง แสบจนนึกว่ามีหินเข้าไปในพื้นรองเท้า กัดฟันฝืนวิ่งไปจนจบรายการ พยายามจะวิ่งให้ได้ความเร็วเมื่อตอนวิ่งที่จอมบึง ทำไม่ได้ แต่ก็ใกล้เคียงมาก รู้สึกระยะที่ 19 กิโลเมตรแรงตกมากถึงขั้นเดิน

รายการนี้แม้จะฟรี แต่อาหารการกินและเจ้าหน้าที่ก็จัดการได้ดีครับ ตามมาตรฐานของยูนิครันนิ่ง

และจากงานนี้ทำให้รู้ว่า “การตื่นแต่เช้ามืด และรีบๆขับรถ ก็อาจทำให้สมรรถนะในการวิ่งลดลง.”

 

เริ่มวิ่งหน้ายังระรื่น

ก่อนเข้าเส้นชัย หน้าตาไม่ไหวแล้ว