ที่เดิม

รถอัลติสติดแก๊สสีชมพู หลังคาติดป้ายโฆษณาและตัวหนังสือภาษาอังกฤษ “TAXI METER” วิ่งลัดเลาะเข้าซอย เลี้ยวผ่านมุมตึกตระหง่านผ่านอนุสาวรีย์ปรี่ยังเป้าหมายที่ไม่ซ้ำที่ในแต่ละรอบในแต่ละวัน

อาชีพนี้น่าจะเป็นอาชีพที่ง่ายที่สุดในพอศอนี้ ใครก็ทำได้ ขอแค่ขับรถเป็นและมีใบขับขี่ ผู้ที่ยึดอาชีพนี้มีตั้งแต่ตาสีตาสาที่ล้มละลายจากการทำไร่ไถ่นาจนถึงนักธุรกิจ นายธนาคาร หรือผู้จัดการที่ล้มเหลวในหน้าที่การงาน ขออาศัยแท็กซี่เป็นที่พักใจ

รายได้ไม่ค่อยแน่นอน ขยันหน่อยก็ได้มาก ขี้เกียจก็ได้น้อย เป็นอาชีพที่สะท้อนพุทธพจน์ที่่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ได้ชัดเจน “ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย”

วันนี้ขับวนมาเกือบชั่วโมงแล้ว ยังไม่เจอผู้โดยสารสักรายเดียว รถเมล์เยอะ ไหนจะรถตู้ และไหนจะรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินอีกละ นับวันคนที่หันมานั่งแท็กซี่น้อยลงทุกที

คิดเรื่องนี้ทีไรอยากถอดใจทุกที

ขณะขยับหาที่จอดนิ่งๆ รอผู้โดยสารไม่อยากขับรถผลาญแก๊ส ‘เธอ’ ผู้เป็นผู้โดยสารรายแรกก็ชูมือโบกอยู่ที่ริมฟุตบาทพอดี
“ไปไหนครับ” ผมพยายามสุภาพที่สุด เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารรายแรกหลุดมือไป
“เซ็นทรัลเวิร์ดค่ะ” ริมฝีปากน้อย เผยอออกแต่พองาม เสียงหวานดังบัญชาการจากสวรรค์ ทำให้ผมเคลิ้มชั่วขณะ “ไปไหมค่ะ”
“ครับ” ผมรีบตอบสวนไปในทันที นาทีนี้ต่อให้เธอเรียกไปปัตตานี ผมก็ไป !!
เสน่ห์ของเธอทำให้ผมลุ่มหลง

พลันที่เธอเข้ามานั่งในรถความรู้สึกดังเธอเข้ามานั่งแล้ว ณ กลางใจผม
กลิ่นน้ำหอมจางๆกระจายไปทั่วรถ เธอสยายผมที่ยาวประบ่าก่อนหยิบปลายผมมาดม แววตากลมโตสดใสรับกับริมฝีปากสีชมพูอ่อน แก้มทั้งสองข้างไร้เครื่องประทินโฉมแต่ยังงดงามราวแก้มเด็ก

อากาศด้านนอกร้อนอบอ้าว แต่ข้างในใจผมร้อนรุ่ม ผมจะเริ่มประโยคสนทนากับเธออย่างไรดี ปล่อยไปแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ
“ไปดูหนังหรอครับ?”
“ไปเดินช้อปปิ้งที่เซ็นทรัลเวิร์ดบ่อยๆเหรอครับ?”
“วันนี้อากาศดีนะครับ”
“วันนี้รถเยอะจังนะครับ”
“ฟังเพลงมั้ยครับ?”

“พี่สีอะไร?”

ขณะกำลังคิดหาประโยคสนทนา ดังฟ้ามีตาเธอเริ่มบทสนทนาก่อน แบบนี้ง่ายขึ้นเยอะ
แต่เอ่ะ..คำถามของเธอ

“น้องหมายถึงสีอะไรครับ?”

“ก็สีแดงหรือสีเหลือง?”

“อ้อ พี่ไม่มีสีหรอกครับ แต่พี่ชอบมหาจำลอง”

“งั้นแสดงว่าพี่สีเหลือง”

“เปล่า พี่ไม่มีสี”

“ไม่มีสีได้ยังไง ก็จำลองนั่นนะสีเหลือง”

“พี่ชอบมหาจำลอง แต่ไม่ชอบสนธิ ไม่ชอบการชุมนุมปิดสนามบิน จำลองเป็นแค่ส่วนหนึ่งของสีเหลือง ไม่ได้หมายความว่าเป็นสีเหลือง พี่จึงบอกว่าพี่ไม่ใช่สีเหลือง”

ท่าทางนางฟ้าของผมจะหัวการเมือง เริ่มประโยคสนทนามาทำเอาผมต้องอธิบายยาว เธอเงียบไป คงจะทึ่งกับคำพูดของคนขับแท็กซี่อย่างเรา

“งั้น พี่ก็สีเหลืองอ่อน”
เอะ น้องนี่ยังไง จะให้เราเป็นสีเหลืองซะให้ได้ หรือว่าน้องเขาเป็นสีเหลือง ?

ถ้าน้องเขาเป็นสีเหลือง และเราก็เหลือง เราก็มีอุดมการณ์เดียวกันกับน้องเขา แบบนี้โอกาสผูกมิตรแลกเบอร์ แลกอีเมล์ แลกพิน แลกซอ คงมีความเป็นไปได้สูง

“โอเค พี่เป็นสีเหลือง” ผมตอบพลางมองกระจกหลังเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอหลังผมแสดงตัวตน

แต่แล้ว..แว่บที่มองกระจกหลังไปเจอเธอ ผมรู้ทันทีว่าตัวเองเดินหมากผิดเข้าแล้ว
ความผิดพลาดครั้งนี้ใหญ่หลวงเกินแก้ไข เธอถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นเสื้อยืดข้างในชัดเจน มันเป็นเสื้อสีแดงสด และสกรีนข้อความ “truth today”

“ความจริงหนูจะไปราชประสงค์ แต่กลัวพี่ไม่ไป เลยต้องบอกว่าไปเซ็นทรัลเวิร์ด”

“พี่ก็มีความจริงจะบอกน้องเหมือนกัน”

“พี่ก็บอกตะกี้นี้แล้วนี่ว่าตัวเองเป็นสีเหลือง”

“เปล่า ไม่ใช่แค่นั้น”

“พี่จะบอกความในใจของพี่” ผมพูดจริงจัง สายตายังคงเพ่งไปยังถนนที่เต็มด้วยรถรามือจับพวงมาลัยมั่น

“ตั้งแต่แว่บแรกที่เห็นน้อง พี่ประทับใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน แต่พอน้องแสดงตัวตนว่าเป็นสีแดงสดอย่างนี้ ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นมันหายไปเกือบหมด
พี่ไม่ได้รังเกียจการประท้วงเรียกร้องสิทธิ์ต่างๆนานานั่นหรอก แต่ภาพแห่งความโหดร้ายเมื่อปีที่แล้วมันยังอยู่ในหัวพี่ตลอดเวลา ภาพที่กลุ่มคนประท้วง เผาบ้านเผาเมือง ทำร้ายกันจนยากแยกแยะว่าใครทำร้ายใคร นั่นไม่นับรวมความพังของเศรษฐกิจ ทั้งการค้าขาย การท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ของประเทศ น้องกำลังจะไปส่งเสริมให้เรื่องร้ายแบบนั้นเกิดขึ้นอีกเหรอครับ”

“ปีก่อนโน้น เสื้อเหลืองของพี่ยึดทำเนียบ บุกสนามบินมันดีนักเหรอ?”

“พี่ไม่ได้บอกว่าดี พี่ชอบมหาจำลอง ชอบปฏิปทาของท่าน แต่ไม่ได้ชอบที่ท่านพาคนเสื้อเหลืองไปยึดทำเนียบ บุกสนามบิน”

“เศรษฐกิจมันไม่ดีก็ตั้งแต่นายกทักษิณของเราถูกปฏิวัตินั่นแหละ จะมาโทษว่าเพราะผู้ชุมนุมไม่ได้ เราก็แค่เรียกร้องบ้าง”

การโต้เถียงขนาดย่อมกำลังเิริ่มขึ้น บรรยากาศเริ่มมาคุ แต่ดูเหมือนว่าที่หมายยังอยู่อีกไกล
ก่อนที่การโต้เถียงจะบานปลาย ผมจำต้องหาทางยุติอย่างละม่อมนุ่มนวลที่สุด

“น้องครับ..ค่าแท็กซี่พี่ไม่คิด พี่ขอส่งน้องแค่นี้ละกัน” พูดจบผมชลอรถเทียบข้างทางตรงป้ายรถเมล์ เพื่อให้เธอลงและหารถคันใหม่ได้ง่าย แต่การณ์ไม่เป็นไปตามที่คาด เธอนั่งนิ่งแววตามุ่งมั่นโกรธแค้น

“พี่บอกตัวเองไม่มีสี แล้วทำไมรังเกียจสีแดง”

“พี่ไม่มีสีนะจริง แต่พี่ไม่เคยบอกว่ารังเกียจหรือชอบสีไหนเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าสีไหนก็มีแต่ความวุ่นวายแตกแยกทั้งนั้น” ผมเริ่มมีอารมณ์กับเรื่องสีเหมือนกัน

“ความแตกแยกมันเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้าแล้วในวันนี้ ในบ้าน ในครอบครัว ในหมู่ญาติ ในที่ทำงาน หรือกระทั่งในวัด ก็ถูกแบ่งแยกด้วยสองสีนี่แหละ”

“หนูไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้” เธอพูดเสียงเรียบหลังฟังผมระเบิดอารมณ์ขนาดย่อมออกมา

“น้องไม่ชอบก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ดีนี่ ถ้าเขาไม่ดีเขาเองก็อยู่ไม่ได้หรอก ถึงอยู่ได้ก็อยู่ได้ไม่นาน”

ดูนางฟ้าของผมเธอเริ่มจะคล้อยตามสิ่งที่ผมพูด เธอมองออกนอกหน้าต่างรถอย่างเหม่อลอย ผมเลื่อนเกียร์ เหยียบคันเร่ง บึ่งรถออกจากป้ายรถเมล์

“น้องยังจะไปเซ็นทรัลเวิร์ดอยู่มั้ย?”

“ไม่ไปแล้ว”

เธอพูดเสียงเบา แต่ผมก็ได้ยินชัดเจน เธอเปลี่ยนใจเพียงเพราะคำพูดของแท็กซี่อย่างเรา เป็นไปได้หรือนี่?

“จะไปหาแม่”

“ดีครับ..” ผมพร้อมจะเสียเวลาอีกรอบหรือไม่ได้ค่าโดยสารเลยจากนางฟ้ารายนี้ ขอเพียงเธอเป็นนางฟ้าที่อยู่บนฟ้า อยู่ในที่ๆควรอยู่ ไม่ใช่ในที่ชุมนุมอย่างนี้

“ว่าแต่แม่น้องอยู่ที่ไหน?”
เธอมองออกนอกหน้าต่างรถอย่างเหม่อลอยอีกครั้ง ก่อนตอบเสียงเรียบ

“ราชประสงค์”

 

ปล. ชื่อเรื่องจากชื่อเพลง ที่เดิม ของโปเตโต้