นั่งรถไฟไปขุนตาล 2 วัน 1 คืน

นานเท่าไรแล้วที่เราไม่ได้นั่งรถไฟไปเที่ยว เสน่ห์ของการนั่งรถไฟคือการใช้เวลาบนรถไฟ เราอยู่กับความเร่งรีบทุกวัน รีบเพื่อไปให้ถึงจุดหมาย รีบเร่งจนลืมสังเกตสิ่งรอบข้าง ความเร่งรีบทำให้เราไม่ทันเห็นความงดงามที่อยู่รอบข้าง ไม่ได้พูดคุย ไม่ได้รับฟัง

ทริปนี้เกิดขึ้นเพราะโหยหาความสุขในระหว่างทางมากกว่าพยายามไปให้ถึงปลายทาง เรามักตั้งหมุดหมายที่จะไป และพยายามตะบึงตะบอนตะบี้ตะบันไปให้ถึงให้ไวที่สุด จนต้องย้อนกลับมาถามตัวเอง เราต้องรีบกันขนาดนั้นเลยเหรอ ทริปนี้จึงเกิดขึ้นในกลุ่มคนที่ไปด้วยกันทั้งหมด 11 คน ซึ่งเป็นคนที่ผมรู้จักเพียง 2 คน ที่เหลือเป็นเพื่อนใหม่!

เริ่มเดินทางที่สถานีรถไฟบางซื่อ พร้อมกระเป๋าใบขนาด 15 กิโลกรัมที่บรรทุกเครื่องนอน เต๊นท์ อาหารและเสื้อผ้า

บรรยากาศตลอดทางมีสายฝนไม่ขาดสาย พวกเราเตรียมใจไว้แล้วว่าการเดินทางครั้งนี้คงหนีไม่พ้นความเปียกชื้น หากต้องการลูกเสือก็ต้องไม่ปฏิเสธแม่เสือ เช่นเดียวกัน อยากชมสายหมอกต้องไม่ปฏิเสธสายฝน

การเริ่มบทสนทนากับกลุ่มเพื่อนใหม่เกิดขึ้นไม่ยากนัก เพราะเราชอบในสิ่งเดียวกันนั่นคือการเดินทางและการแค้มปิ้ง แต่ละคนต่างถ่ายทอดประสบการณ์ในการเดินป่าที่ตัวเองประสบพบเจอมาอย่างออกรสชาต ผมฟังอย่างตั้งใจ พยายามเรียนรู้นิสัยของเพื่อนใหม่ อย่างน้อยประสบการณ์ที่เพื่อนใหม่จะนำไปเล่า ต้องไม่มีส่วนที่ไม่ดีของเรา

โชคดีมากที่เพื่อนใหม่ของทริปนี้เราคุยภาษาเดียวกัน เลยได้เฮฮากันทั้งขบวนจนเวลา 4 ทุ่มทุกคนก็เข้านอนในตู้นอนของตัวเอง

ถึงจุดหมายขุนตาลในเวลาประมาณ 8 นาฬิกา ฝนที่ตกตลอดทางยังคงทำหน้าที่ต่อเนื่องจนถึงที่นี่ หลังจากลงรถไฟต้องเดินเท้าประมาณ 1 กิโลเมตรเพื่อไปยังจุดเช็คอินของอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล

ถ้าใครมีพาสปอร์ตอุทยานก็สามารถไปประทับตราและให้เจ้าหน้าที่เซ็นต์ให้ได้ เจ้าหน้าที่จะแนะนำการเดินป่าคร่าวๆ เพื่อบอกจุดเสี่ยง จุดที่อนุญาตให้ค้างแรมได้

ดอยขุนตาลแบ่งเป็น 4 ชั้นเรียกแต่ละชั้นว่า ย. ซึ่งย่อมาจากยุทธศาสตร์ จุดที่สามารถกางเต๊นท์ได้คือ ย.1 และย.2 ส่วน ย.3 และย.4 ไม่อนุญาตให้พักแต่สามารถเดินไปเที่ยวชมได้

เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการแบกเป้เดินขึ้นไป ย.2 ทางเดินที่มีฝนตกตลอดทางต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก มีความลื่นและขรุขระ หลังจากกางเต๊นท์เพื่อใช้เป็นที่นอนค้างเรียบร้อยแล้ว เราพอมีเวลาว่างพอที่จะไปเดินเล่นยัง ย.3 และย.4 ซึ่งมีระยะทางประมาณ 4 กิโลเมตร

ฝนตกหนักกว่าเดิม หลังจากที่เราลงมาจากย.4 ทำให้การประกอบอาหารช่วงเย็นทุลักทุเลอย่างมาก เรากินอะไรง่ายๆไป เป็นอาหารแห้งอย่างมาม่า และข้าวสำเร็จรูป ห้องน้ำข้างบน ย.2 มีแค่ 4 ห้อง และน้ำเย็นมากกกกกกก หลัง 6 โมงเย็นความมืดเข้ามาปกคลุมที่นี่ไม่มีไฟฟ้า มีแต่ความมืดและความเงียบ มีเพียงแสงไฟจากกลุ่มที่มากางเต๊นท์ กลุ่มเรายังคงนั่งคุยกันรอบกองไฟจากแก๊สกระป๋อง การได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขตลอด 1 วัน 1 คืนที่ผ่านมาทำให้พวกเราสนิทกันเร็วขึ้น คุยกันอย่างออกรสออกชาต บางคนเริ่มเล่าถึงแพลนทริปการเดินป่าครั้งหน้าแล้ว

เราแยกย้ายเข้านอนตอนประมาณ 4 ทุ่ม คืนนี้นอนฟังเสียงฝนที่กระทบลงบนหลังคาเต๊นท์ เสียงไพเราะฟังเพลินจนหลับไปเมื่อไรไม่รู้

บางคนอาจตั้งคำถามต่อการเที่ยวแบบลำบากนี้ว่าสนุกอย่างไร ผมก็ตอบไม่ได้ชัดนักว่าสนุกอย่างไร แต่ความทรงจำ และเรื่องราวของการเที่ยวแบบนี้มันมีมากมายจริงๆ ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธการเท่ี่ยวแบบสบาย พักโรงแรมดี แต่นานๆครั้งเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวแบบนี้บ้างก็สนุกดีเหมือนกันนะครับ ได้ประสบการณ์แปลกใหม่ ได้เพื่อนใหม่ ได้บรรยากาศใหม่ๆ อาหารเดิมๆที่เคยบอกไม่อร่อย จะมีรสชาตที่อร่อยขึ้นเมื่ออยู่ที่แบบนี้ และแน่นอนถ้าคุณไปกับคนรัก คุณจะเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้นและจะรักกันมากกว่าเดิม

เช้าวันรุ่งขึ้นเก็บของเดินลงจากดอย ฝนหยุดแล้ว ทิ้งความชื่นฉ่ำไว้ให้พวกเรา รถไฟจะมาตอน 4 โมงเย็น เช้ารุ่งขึ้นก็จะเดินทางถึงกรุงเทพ

บอกลาขุนตาล บอกลาเพื่อนใหม่ มีโอกาสคงได้ร่วมทริปกันอีกครั้ง