ปราสาททราย

(ต่อจากตอนที่แล้ว..เพียงชายคนนี้(ไม่ใช่ผู้วิเศษ)

ดินแดนหลังภูเขาที่สูงตระหง่าน 5 ลูกตั้งติดต่อกัน มีแม่น้ำที่ไหลจากภูเขาสูง ด้านล่างที่แม่น้ำไหลผ่าน มีเมืองเมืองหนึ่งตั้งอยู่ พระราชาผู้ปกครองเมืองนี้มีพระนามว่าวาลุ มีพระมเหสีทรงพระนามว่าสิยามณี พระองค์ไม่มีพระโอรส มีแต่พระราชธิดาองค์เดียว ทรงพระนามว่า เอกกัลยา

1339380109

ก่อนหน้านี้เมื่อ 20 ปีก่อน พระเจ้าเอนกพลผู้เป็นบิดาของพระเจ้าวาลุปกครองเมืองอยู่ทางด้านหน้าภูเขาใหญ่แห่งนี้ แต่เนื่องด้วยเป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนดินแดนอันอุดมสมบูรณ์จึงมักมีอริข้าศึกเข้ามาโจมตีเพื่อแย่งชิงบ่อยครั้ง แต่พระเจ้าเอนกพลซึ่งมีพระเจ้าวาลุผู้ซึ่งเป็นพระอุปราชในขณะนั้นเป็นแม่ทัพ ร่วมด้วยเหล่าทหารกล้าช่วยกันต่อต้านขับไล่ศัตรูไปได้ทุกครั้งไป แต่เมื่อเล็งเห็นถึงความไม่ปลอดภัยในอนาคต เมื่อสิ้นพระเจ้าเอนกพลผู้บิดาแล้ว พระเจ้าวาลุครั้นได้รับสถาปนาเป็นกษัตริย์และได้อภิเษกสมรสกับพระนางสิยามณีแล้ว จึงดำริย้ายเมืองหลวงไปยังทำเลที่ปลอดภัยและยากต่อการโจมตีจากข้าศึก จึงทั้งหมดทั้งเมืองได้ย้ายจากหน้าภูเขาไปยังทำเลด้านหลังภูเขาอันเป็นเมืองในปัจจุบัน

ครั้นแล้ว เพื่อให้เป็นเมืองที่แข็งแกร่งทั้งพื้นที่และตัวเมือง พระเจ้าวาลุได้ทุ่มเทแรงงานทหารและคนงานทั้งหมดในปีแรกเพื่อร่วมสร้างกำแพงเมืองอันแข็งแกร่ง พร้อมกันนี้พระองค์ได้สร้างปราสาทที่ประทับที่ทรงออกแบบด้วยพระองค์เอง สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของปรสาทแห่งนี้นอกเหนือจากความแข็งแกร่งแล้ว ตัวปราสาททั้งหมดได้สร้างขึ้นจากทรายละเอียดที่ขุดได้จากใต้ทะเลสาป เป็นทรายที่มีลักษณะพิเศษเมื่อไม่ผสมกับวัตถุอื่น จะเป็นทรายสีขาวละเอียดอ่อน แต่เมื่อได้ผสมกับโคลนในประมาณที่เหมาะสมและตากแดดจนแ่ห้งสนิทจะมีความทนทานแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็มีความสวยงามโดดเด่นจากทรายที่บริสุทธิ์

ด้านในปราสาทยังมีห้องเล็กห้องน้อยรวมกว่า 100 ห้อง ชั้นบนสูงสุดของตัวปราสาทเป็นหอคอยที่ประทับส่วนพระองค์ ใต้ตัวปราสาทยังมีห้องใต้ดินที่ขุดลึกลงไปถึง 500 เมตร มีห้องพักในชั้นใต้ดินอีก 20 ห้อง
นับเป็นปราสาทที่ยิ่งใหญ่ สวยงามและทันสมัยที่สุดในขณะนั้น พระเจ้าวาลุตั้งชื่อปราสาทตามชื่อของพระองค์ว่า “วาลุปราสาท” หรือ “ปราสาททราย”

เพื่อให้เมืองของพระองค์ปลอดภัย พระเจ้าวาลุไม่มีรัชทายาทมีแต่ธิดา จึงจำเป็นที่ต้องหาเมืองพันธมิตร พระองค์พิจารณาอยู่นานว่าเมืองไหนเหมาะสมที่จะผูกสมัครรักใคร่เป็นทองแผ่นเดียวกัน ในที่สุดพระองค์ก็ตกลงพระทัยเลือกเมือง “สุภาวัน” โดยให้คำมั่นสัญญาว่า เมื่อพระราชธิดามีอายุ 16 ปีจะมีพิธีอภิเษกสมรสให้สมพระเกียรติของเจ้าเมืองทั้งสอง

แต่เมื่อถึงกำหนด พระราชธิดามีอุปนิสัยผิดสตรีทั่วไป ไม่ชอบงานบ้านงานเรือน แต่ชอบเข้าป่าล่าเนื้อ ขี่ม้ายิงธนู ไม่เคยมีใครขัดพระทัยได้ เมื่อถูกพระเจ้าวาลุใช้ไม้แข็งบังคับให้แต่งงานในอีก 3 เดือนข้างหน้า เจ้าหญิงเอกกัลยาจึงหนีออกจากเมืองในคืนนั้นเอง

เหตุการณ์นี้สร้างความตกใจแก่พระมเหสีและพระเจ้าวาลุยิ่งนัก แต่เมื่อได้รับข่าวว่ามีสัตว์ผู้ภักดีทั้งสี่ติดตามไปด้วยก็เบาใจไปเปลาะหนึ่ง ถึงอย่างนั้นพระองค์ก็ส่งทหารองค์รักษ์เพื่อตามสืบหาเจ้าหญิงกลับมา

ทหารองค์รักษ์ทั้ง 3 ควบม้าไม่หยุดพักเพื่อไปรับตัวเจ้าหญิงกลับมา..

 

จากเพลง ปราสาททราย
ศิลปิน :
สุรสีห์ อิทธิกุล