Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

Month: June 2010

ดูบอล..แล้วย้อนมาดูตัว อ่านต่อ

ดูบอล..แล้วย้อนมาดูตัว

เรื่องทั่วไป 19 June 2010

กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของคนกทม.ในขณะนี้คือดูฟุตบอลโลก คนที่ดูก็มีเป้าหมายแตกต่างกันไป บางคน..ดูเพราะชอบกีฬาฟุตบอล บางคน..ดูเพราะชื่นชอบทีมใดทีมหนึ่งเป็นพิเศษ บางคน..ดูเพราะชื่นชอบนักเตะคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ บางคน..ดูเพราะมีได้มีเสียกับทุกคู่ที่เตะ!! ผมจัดอยู่ในจำพวกแรกและกึ่งๆจะเป็นจำพวกสองนิดหน่อย คือมีทีมที่เชียร์อยู่ในใจด้วย การมีทีมเชียร์อยู่ในใจทำให้การดูฟุตบอลสนุกขึ้นมาก เหมือนดูละคร ยิ่งอินในบทยิ่งสนุก มันต่างจากละครตรงที่ว่า ตอนจบละครมีบทสำเร็จรูป พระเอกกับนางเอกรักกัน.. ผู้ร้ายตาย.. แต่ฟุตบอลมีฉากจบที่หลากหลาย บางครั้งพระเอก(ทีมที่เราเชียร์)อาจจะตายก็ได้ บางครั้งก็จบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง.. ดูฟุตบอลโลกครั้งนี้ทำให้เห็นอะไรหลายๆอย่างในเกมส์ฟุตบอล 1. ฟุตบอลไม่ใช่เกมส์สำหรับคนเก่ง แต่ต้องโกงเป็น ถึงจะชนะ!! หลายครั้งที่นักเตะแกล้งล้ม แกล้งเจ็บเกินจริง(มากๆ) เพียงเพื่อจะได้ฟาล์ว หรือทำให้คู่แข่งถูกใบเหลือหรือใบแดง ยิ่งดู ยิ่งคล้ายละครไปทุกที เพราะนักเตะ(บางคน)เล่นละครตบตากรรมการและคนทั้งโลกอย่างสมบทบาท ถ้าเป็นแบบนี้กันมากๆ ฟุตบอลไม่เท่และไม่แฟร์เลย 2. เป็นกันเกือบทุกทีมเหมือนมีการสอนเป็นคอร์สเลย สำหรับการถ่วงเวลาหลายๆรูปแบบของทีมที่ มีแต้มนำ ไม่ว่าจะเป็นผู้รักษาประตูที่โอบกอดลูกฟุตบอลนานเป็นพิเศษเมื่อได้ลูก นักเตะที่เดินราวหมดแรงเมื่อต้องไปทุ่มหรือเตะมุม ยิ่งถ้ามีการเปลี่ยนตัวก็จะเดินราวกับว่าสนามฟุตบอลกว้างเป็นหลายร้อยไมล์ กว่าจะเดินมาถึงจุดเปลี่ยนตัวได้ 3. ตำหนิมาสองข้อ แต่ข้อสามขอชมว่านักฟุตบอลเกือบทุกคนมีคุณธรรมเรื่องความอดทนและความไม่ย่อท้อสูงมาก การปะทะกันมีตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการว่าขุ่นเขืองรุนแรง ในยามที่คนเหนื่อยมากๆ การปะทะกันนิดๆหน่อยก็ย่อมเกิดเรื่องได้ง่ายอยู่แล้ว แต่นี่เหนื่อยมาก และปะทะกันก็รุนแรงมาก แต่นักเตะก็แค่ก่นด่าคนเดียวหรือวิ่งไปบ่นไป เรื่องความไม่ย่อท้อก็ต้องยกให้ หลายครั้งที่นักเตะช่วยกันต่อบอลทำเกมส์อย่างสวยหรูไปจนถึงหน้าประตู แต่กลับถูกนักเตะบางคนทำลูกเสียเองไปง่ายๆ อย่างไม่น่าให้อภัย แต่ทุกคนก็ให้อภัยและไม่มัวมาบ่นเพ้อถึงลูกที่เสีย พวกเขารีบวิ่งลงมาช่วยกันป้องกันลูกที่เสียนั้นอย่างรวดเร็ว ลืมเรื่องความเจ็บปวดนั้นได้อย่างเฉียบพลัน และมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ได้ ..ตัวอย่างอันนี้น่ายกย่องและน่าเอาไปคิดนะครับ นอกเกมส์ฟุตบอลหลายคนล้มแค่ครั้งเดียวก็ลุกไม่ได้อีกเลย ถ้านักเะตะไม่ลุกอีกเลยหลังจากล้มทีมก็เสียหายได้ แต่พวกเขาล้มแล้วลุก ล้มแล้วลุก หลายๆครั้ง จนบางครั้งทีมที่เป็นต่อก็กลับมาชนะได้อย่างไม่น่าเชื่ออย่างในบอลโลกปีนี้ ทีมที่อ่อนกว่าชนะทีมใหญ่ๆได้ เพราะพวกเขาล้มแล้วลุก ลุกแล้วลืม ลืมแล้วนับหนึ่งใหม่ มันต้องได้ประตูจนได้สิน่า

บอล
คนบ้าอำนาจ อ่านต่อ

คนบ้าอำนาจ

เรื่องทั่วไป 17 June 20109 September 2019

เราชอบบอกกันว่า ผู้ใหญ่บ้าอำนาจ แต่ความจริงแล้ว เราเกือบทุกคนบ้าอำนาจ ขอให้มีอำนาจสักนิดนึง..ก็เริ่มจะใช้อำนาจ ตัวอย่าง.. ในวัด ไม่เด็กวัดก็มัคทายกวัด พวกนี้ทำตัวแก่วัด พอเราเลี้ยวรถเข้าวัดปุ๊บก็เริ่มใช้อำนาจกับเราทันที ตั้งแต่..ตรงนี้ห้ามจอด, วันนี้พระท่านไม่รับแขก(ซึ่งความจริงพระท่านอาจไม่รู้เรื่อง) ฯลฯ ในร้านอาหาร ..เจ้าของร้าน(บางคน)ก็บ้าอำนาจ ทำกับลูกค้าราวกับว่าเราไปขอมันกิน บนรถเมล์…โชเฟอร์-กระเป๋ารถเมล์ ชีวิตเราฝากกับมันไว้ เผลอกดปุ่มจอดป้าย 2 ครั้งก็ด่า บ้างก็ไม่ยอมจอดตรงป้าย บ้างก็ขับไปบ่น(ด่า)ไป คนบนรถต้องเงียบกริบให้มันบ้าอำนาจต่อไป บนรถแท็กซี่ บอกให้เีลี้ยวซ้ายจะได้เร็วมันก็ไปตรง บอกขับมา 30 กว่าปีแล้ว ขับไปโทรศัพท์ไป ขับไปด่าไป ฯลฯ บนรถตู้ ก็เหมือนกัน.. คนที่มีอาชีพขับรถจะมีลักษณะบ้าอำนาจคล้ายๆกัน จะดุจะด่าจะว่าผู้โดยสารทำได้โดยไม่ต้องเกรงใจ ไม่อยากจะใช้คำว่าไร้การศึกษา เพราะความจริง บอกกันดีๆ นะทำได้ง่ายมาก ไม่ต้องกระโชกโฮกฮาก ไม่ต้องบีบแตรไล่รถคันอื่น ไม่ต้องปาดหน้าใคร ไม่ต้องไปบี้ตูดใคร ่ทุกคนบนถนนรีบเหมือนกันหมด ต้องไม่ใช้อารมณ์กับผู้โดยสาร ต้องซื่อสัตย์กับอาชีพตัวเอง ผมเจอหลายครั้งที่ผู้ขับรถตู้แอบเก็บเกินราคา เราเองบ้าอำนาจในพื้นที่แม้จะเล็กๆก็ตามที่สามารถจะบ้าอำนาจได้ อย่างน้อยที่สุดก็ในบ้านตัวเอง ในสถานการณ์ที่เราต้องตกอยู่ภายใต้คนบ้าอำนาจเหล่านี้ มีคำสอนจากพระพุทธองค์เตือนสติไว้ว่า ‘ความอดทน คือความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง’ บางคนถามว่า ทำไมเราต้องทน? หลายครั้งที่เรื่องเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะเราไม่รู้จักอดทน ความอดทนเป็นการตอบโต้อย่างหนึ่ง และเป็นการยุติปัญหาที่ดีที่สุด ความอดทนที่สุดยอดคือ การอดทนต่อคนที่ต่ำกว่าเราได้ การอดทนต่อคนที่สูงกว่าเรา เช่น ผู้ใหญ่กว่าเรา, เจ้านาย, นายจ้าง ถือว่าธรรมดา เพราะเราจำเป็นต้องทน การอดทนต่อผู้ที่เสมอกับเรา เช่น เพื่อนร่วมงาน, เพื่อนบ้าน ฯลฯ ถือว่าดี แต่ไม่ใช่ดีที่สุด การอดทนต่อคนประเภทนี้เราต้องใช้คุณธรรมพอสมควร แต่การอดทนที่สุดยอดที่สุด คือ การอดทนต่อคนที่ต่ำกว่าเราได้ เช่น คนขับรถเมล์, คนขายของ, คนขอทาน , คนจรจัด ฯลฯ การอดทนต่อคนพวกนี้ได้ต้องอาศัยการยับยั้งใจอย่างที่สุด และหากทำได้ ก็ถือว่าเราเข้าสู่ธรรมะได้อีกระดับหนึ่ง พระพุทธเ้จ้าและพระอานนท์ทนต่อถูกชาวบ้านด่ามาตั้ง 7 วัน โดยไม่ตอบโต้หรือหนีไปไหน แต่สุดท้ายคนเหล่านั้นก็หายไปเอง และคนที่เดือดร้อนที่สุด ก็คือคนที่จ้างชาวบ้านมาให้ด่า นอกจากไม่ได้ผลแล้วยังเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย ดังนั้น คนบ้าอำนาจ…

อ่านต่อ

ททท.เขาครบรอบ 50 ปีแล้วเน้อ ~

ท่องเที่ยว, เรื่องทั่วไป 14 June 201016 June 2019

วันอาทิตย์ที่ 13 มิ.ย. งาน ททท.ครบรอบปีที่ 50 งานเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 และวันนี้เป็นวันสุดท้าย !! จัดที่เมืองทอง งานนี้มีงาน dumping sale ขายสินค้าฉบับโละร้านด้วย คนเลยคับคั่งกว่าปกติ รถแน่นตั้งแต่ฮอลล์ยังไม่เปิดกันเลยทีเดียว ขนาดผมไปตั้งแต่ 9.30 น. รถก็เริ่มแน่นกันแล้ว ว ว ..ว งานนี้จัดได้น่ารักทีเดียวครับ รวมงานโอท็อปมาบวกกับแพกเกจท่องเที่ยว และของกินของเล่นพื้นบ้าน แต่ละภาคมีการจัดกิจกรรมที่เด่นๆ ของภาคตัวเอง  ถ่ายภาพมาไม่หมดครับ เพราะคนเยอะใช้ได้เลย นำขบวนมาด้วยรถททท. 50 ปี อันนี้จำลองพาหุหรัดมาเลยทีเดียว การละเล่นพื้นบ้านของทุกภาคถูกรวมมาไว้ในที่เดียวครับ หนังกลางแปลงก็มีนะ วันเดียว เดินทางไปถึงแม่ฮ่องสอนโน่นแนะครับ นี่มาปั้นหุ่นโชว์กันเลยทีเดียว มีอีกเยอะครับ แต่เอามาให้ดูเพียงเท่านี้ก่อน งานนี้ตื่นตาดีทีเดียว ได้กรอบรูปไม้สวยๆมา 3 อัน ในราคาหาซื้อไม่ได้ตามท้องตลาด และได้เสื้อไหมแท้จากเชียงใหม่มาตัวหนึ่ง งานแบบนี้สนุกดีครับ อยากให้ัจัดบ่อยๆ คนกรุงเทพกับคนต่างจังหวัดจะได้พบปะเจอกันบ่อยๆ ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง หลายๆคนที่มาเปิดบูทเขาทำเองผลิตเองโดยจัดกันเป็นกลุ่มก้อน แบบนี้น่าส่งเสริมมาก ถ้างานหน้ามีอีก ..ก็จะไปอีกครับ ช้อบ ชอบ 🙂

ททท.
ปลูกองุ่นหน้าบ้านดีไหม? อ่านต่อ

ปลูกองุ่นหน้าบ้านดีไหม?

บ้านบ้าน 3 June 2010

หลังๆ ผมหันไปบันทึกแบบสั้นๆ ไว้ที่ thaithaidairy ส่วนเรื่องยาวๆ เป็นเรื่องเป็นราว ก็คงเขียนที่นี่แหละครับ บอกเผื่อมีใครมาๆหายๆ แล้วรู้สึกว่าบล็อกที่นี่ทิ้งช่วงนานไป ก็แว่บไปดูที่นั่นได้ (ที่นั่นคุณสามารถสมัครเขียนด้วยกันได้ด้วยนะ :P) วันนี้มาพูดถึงเรื่องบ้านใหม่(ที่ยังไม่ไปถึงไหน)อีกที ครั้งล่าสุดที่ไปดูบ้าน ก็สำเร็จไปประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ ที่เหลือคงเป็นการตกแต่งรายละเอียดภายในบ้าน ทาสี และอื่นๆ  ระหว่างนี้ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า จะจัดบ้านอย่างไร ปลูกอะไรตรงไหน ใส่สีอะไรไปดี ฯลฯ คิดแต่ว่าจะใส่โน่นใส่นี่อ่ะนะครับ แต่ไม่เคยคิดถึงค่าใช้จ่าย 🙁 วันนี้แอบไปเห็นห้องน้ำแบบอนรักษ์ธรรมชาติ เห็นแล้วก็อยากได้ละนะครับ แต่คิดว่าห้องน้ำที่โครงการให้มา คงไม่ใหญ่พอที่จะทำแบบนี้ หรือถ้าจะขยายทำใหม่ ก็สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายไปเปล่า เอาเป็นว่าใช้ตามที่มีไปก่อน ไอเดียนี้ทดไว้ในใจ ไว้มีเรี่ยวแรงเมื่อไรค่อยลงมือ !! อีกอย่างที่อยากทำมาก คือระแนงหน้าบ้าน เมื่อก่อนหน้านี้คิดว่าคงปลูกไม้เลื้อยทั่วๆไป เช่น ม่านบาหลี ฯลฯ แต่วันก่อนไปทานอาหารแถวถนนอักษะ (หรือชื่อใหม่ ถนนอุทยาน) ไปทานร้านบ้านน้ำเคียงดิน ก็ไปเห็นไอเดียที่เขาปลูกต้นองุ่นให้มันเลื้อยนั่งร้านสวยงามทีเดียว มีลูกองุ่นด้วย แต่รสชาติหวานหรือเปรี้ยวมิได้ชิม  เลยได้ความรู้ใหม่ว่า องุ่นก็สามารถปลูกในกทม.ได้ และปลูกให้เป็นไม้เลื้อยได้เช่นกันหากปลูกอย่างถูกวิธี กลับถึงบ้านหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกองุ่นต่อ ก็ได้ไปเจอที่นี่ครับ ‘ปลูกองุ่นในเมืองก็ได้ ง่ายนิดเดียว‘ เขาสอนวิธีปลูกองุ่นในเมือง ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงการดูแลรักษาและการทำให้องุ่นมีรสหวาน เห็นแล้วก็เกิดไอเดียครับ  เราต้องปลูกองุ่นหน้าบ้านให้ได้ !!! ตามคำแนะนำเขาก็คือว่า ต้องปลูกต้นองุ่นก่อนที่จะสร้างร้านให้มันขึ้นอย่างน้อย 3 เดือน พยายามรักษาต้นให้มันแตกใบให้ได้เยอะๆก่อน แล้วค่อยทำร้านให้มันเลื้อย 3 เดือนก็กำหนดบ้านผมเสร็จพอดี ดังนั้น ตอนนี้ต้องไปหาองุ่นมาเลี้ยงได้แล้วสินะ

องุ่น แต่งบ้าน
อ่านต่อ

คำสัญญาสุดท้ายจากเพื่อน

เรื่องทั่วไป 16 September 201429 May 2015

เควินกับแบรี่ เป็นเพื่อนสนิทกันมาก ทั้งคู่เป็นคนขี้เล่น วันหนึ่งเมื่อเควินซึ่งต่อมาได้สมัครไปเป็นทหาร ต้องไปประจำการที่อัฟกานิสถาน ได้พูดกับแบรี่ว่า “ถ้ากูตายในสนามรบ ในงานศพกู มึงต้องใส่ชุดผู้หญิงมานะเว้ย” และใครจะเชื่อว่าคำพูดนั่นเป็นคำพูดสั่งเสียของเควิน เควินถูกซุ่มโจมตีโดยกลุ่มกองโจรTaliban เสียชีวิตในเวลาต่อมา ในงานศพเควิน แบรี่ไม่ลืมคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับเพื่อนสนิท เขามาในชุดหญิงสาวสีสดใส แต่ทว่าในจิตใจเขาหดหู่ยิ่งนัก ชุดที่สดใสจึงดูขัดแย้งจากสีหน้าคนใส่ นอกจากจะไม่ใช่หญิงสาวแล้ว สีหน้ายังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา นี่คือสิ่งสุดท้าย ที่เพื่อนเท่านั้นถึงจะกล้าทำให้เพื่อน  

เพื่อน

รู้เขา (แต่)ไม่รู้เรา

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 18 February 2011

Facebook, Twitter หรือระบบ Social Network ตัวอื่นๆที่อนุญาตให้ผู้ใช้โพสต์ข้อความลงบนพื้นที่สาธารณะได้ ทำให้เรารู้จักตัวตนของคนอื่นได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบัน สามารถโพสต์ข้อความได้แบบ Everything Everywhere คือโพสต์อะไรจากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ เมื่อเกิดอารมณ์ ความรู้สึก โกรธ โมโห ดีใจ เสียใจ ตอนไหนยังไง ก็แสดงออกออนไลน์มาได้เลย ข้อดี คือ ถ้าเจอเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุบนท้องถนน หรือที่ไหนก็ตาม เราก็โพสต์แจ้งข่าวสารแด่เพื่อนฝูงและชาวโลกได้เลย ณ ขณะนั้น เพื่อนและชาวโลกก็สามารถรับรู้ข่าวสารได้ในทันที ข้อเสีย คือ ถ้าโมโห โกรธ หรือเจอเหตุการณ์ที่น่าสนใจเข้า ไม่ทันได้พิจารณาให้ดีก็รีบโพสต์แจ้งชาวโลก บางข้อความอาจกลายเป็นการด่า ประจาน หรือนำความลับของคนอื่นมาเผยแพร่ เมื่อไม่นานมานี้ พนักงานต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศจีน เห็นดาราเข้ามาเช็คอินเพื่อพักในโรงแรมที่ตนทำงานอยู่ จึงรีบทวิตเตอร์บอกเพื่อนตัวเอง จากข้อความทวิตเตอร์นั่นเอง ทำให้มีแฟนคลับแห่มาขอลายเซ็นต์ จนดาราคนนั้นที่ตั้งใจจะมาพักผ่อนเงียบๆ ไม่ได้รับความสุขตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก ความรู้ถึงผู้บริหาร พนักงานที่ทวิตเตอร์คนนั้นจึงถูกให้ออกจากงาน ข้อความที่ถูกโพสต์ผ่าน Facebook หรือ Twitter ส่วนใหญ่ออกมาจากความรู้สึกและอารมณ์สดๆร้อนๆของผู้โพสต์ เมื่อก่อนถ้าเราไปเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจบางอย่างเข้า ก็ต้องกลับมาถึงบ้าน > เปิดคอมพิวเตอร์ > ต่ออินเทอร์เนต > เปิดเว็บไซต์ > ล็อกอิน > โพสต์ข้อความ จะเห็นว่ากระบวนการกว่าจะถึงขั้นตอนของการโพสต์ข้อความมีมาก จนทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นเบาบาง หรือแทบจะหายไปหมดแล้ว และการปะติดปะต่อเรียบเรียงเรื่องราวก็เริ่มเลือนลางจำไม่ค่อยไ้ด้ แต่ปัจจุบันขั้นตอนการโพสต์ข้อความจาก 5-6 ขั้นตอนลดเหลือขั้นตอนเดียว คือ โพสต์ได้เลยทันที!! ดีใจ== โพสต์ เสียใจ== โพสต์ โกรธ == โพสต์ด่า เมื่อกระบวนการโพสต์สั้นลง มันจึงไม่ผ่านกระบวนการคิด ข้อความทุกอย่างที่เราโพสต์ มันจะบอกตัวตนของเราทั้งหมด!! ผม Follow นักข่าวหลายคน เพื่อหวังติดตามข่าวสารแบบใกล้ชิด จึงทำให้พบว่า นักข่าวที่เราเห็นเขานั่งอ่านข่าวหน้าทีวีทุกวันนั้น เขาอ่านอย่างเดียวตามสคริปต์ที่มีคนเขียนให้อย่างสวยหรู เพราะข้อความที่เขาโพสต์เองบนทวิตเตอร์ พบว่ามันไม่เหมือนเขาในจอทีวี ในโลก พ.ศ. 2554 เราสามารถเรียนรู้อุปนิสัยใจคอคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ผ่านตัวหนังสือไม่กี่ตัว คำถามต่อไปก็คือ คุณอยากให้คนอื่นๆรู้จักคุณในแง่ไหน?…

facebook twitter
อ่านต่อ

น.ส. จิกกี๋

สุขกะภาพ 29 June 201328 October 2015

สมาชิกในบ้านที่่สร้างความปั่นป่วนได้ตลอดเวลา

When We Were Just Kids

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 14 January 201019 September 2016

เก็บตกจาก “วันเด็กแห่งชาติ” ก่อนวันเด็กหนึ่งวัน ได้รับtweet จากคุณสุทธิชัย @suthichai ว่า ผู้ที่follows แก  หากใครมีรูปสมัยเป็นเด็กๆ ให้ส่งให้แกในวันนี้ จะได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ The Nation ฉบับวันเด็ก ผมรีบส่งไปร่วมสนุกทันที ด้วยภาพสมัยเด็กภาพเดียวที่มีอยู่  มันคือภาพนี้ ความจริงภาพไม่ได้เก่ากึ๊กขนาดนี้หรอกครับ ผมใช้โปรแกรม PhotoScape ช่วยอีกแรงหนึ่งให้มันเก่ายิ่งขึ้น ใครเห็นภาพนี้ก็มีแต่คนบอกว่า เหมือนเด็กพม่าหนีเข้าเมือง แบกกราวด์ด้านหลังเป็นเด็กนักเรียนเข้าแถวยาว ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่ ความจริงภาพนี้ ถ่ายโดยฝรั่งใจดีที่ปีหนึ่งเขาจะมาแถวหมู่บ้านสักครั้งหนึ่ง พร้อมด้วยผลไม้ ขนมมาแจกเด็กๆในวันคริสมาต์ ถ่ายปีนี้ แล้วนำรูปมาให้ในปีถัดไป ได้เจอแกอยู่ 3 ปี ได้ภาพแบบนี้มา 3 ใบ หลังจากนั้นไม่เจอแกอีกเลย วกมาเรื่องคุณสิทธิชัย ..หลังจากส่งรูปไป ก็ได้ตีลงในหนังสือพิมพ์ฉบับวันเด็กจริงๆครับ ได้ลงหนังสือพิมพ์ครั้งแรกในชีวิตก็ครั้งนี้แหละ (555) ถ้าอยากดูภาพหนังสือพิมพ์แบบเต็มๆ คลิกที่นี่เลยครับ

อ่านต่อ

จิ๊กกี๋ในวัย 70 กะรัต

สุขกะภาพ, ไดอารี่ 23 September 20163 November 2017

เข้าสู่วัย 10 ขวบแล้วสำหรับจิ๊กกี๋ ถ้าเป็นคนก็เริ่มเข้าสู่วัย 70 นิสัยเธอก็ยังเป็นเหมือนเดิม ขี้อ้อน ขี้กลัว กลัวฝนกลัวฟ้าร้องกลัวฝนตก สายตาเริ่มพร่ามัว มองไกลๆไม่ค่อยเห็นตามประสาหมาสูงอายุ แต่ยังเป็นหมาที่กินยาก ฉี่ยาก อึยากเช่นเคย เอาภาพมาอัพเดตไว้เท่านี้แหละ

จิ๊กกี๋
อ่านต่อ

“อดทนเวลาที่ฝนพรำ.

สุขกะภาพ 28 September 20163 November 2017

.อย่างน้อยก็ทำให้เราได้เห็นถึงความแตกต่าง เมื่อวันเวลาที่ฝนจางหาย ฟ้าก็คงสว่างและทำให้เราได้เข้าใจ ว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่เฝ้ารอ..”

ฝนตก รถติด

ตรุษเลนไทน์

บ้านบ้าน, ไดอารี่ 15 February 2010

วันอาทิตย์อันเป็นวันตรุษจีน และวันวาเลนไทน์ ผมมีนัดต้องไปทำสัญญาซื้อบ้านกับพฤกษาทาวน์ !! ทางเซลล์โดยคุณปรีชา นำเอกสารสำหรับกู้ธนาคารมาให้ 4- 5 ธนาคาร งานนี้กรอกเอกสารกันมือหงิก หงิกจริงๆ ..ธนาคารที่เสนอกู้ มีธอส. , ไทยพาณิชย์ , ออมสิน และ นครหลวงไทย แต่ละธนาคารมีรายละเอียดที่ต้องกรอกไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะให้กรอกมาก  ต้องขอเอกสารนำมากรอกรายละเอียดที่บ้านกันเลยทีเดียว ก่อนจะกรอกเอกสารขนาดมหึมา และเซ็นต์กำกับเอกสารต่างๆนานาๆ ขอหาอะไรรองท้องก่อน แวะร้านไก่ตระกร้า สั่งๆ ๆๆ อย่างไม่ลืมหูลืมตา พอทุกอย่างมาครบบนโต๊ะ..โอ๊ะแม่จ๋า นี่จะกินกันแค่ 2 คนจริงๆเหรอ!!! จากมื้อเที่ยงอันหฤโหด ดิ่งมานั่งกรอก และเซ็นต์เอกสารจนพลบค่ำ นำเอกสารไปยังโครงการพฤกษาทาวน์ วันนี้เสียค่าทำสัญญาไป 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) จากนี้อีก 7 วัน รอฟังข่าวจากเซลล์ว่าธนาคารไหน จะให้กู้เท่าไร ให้กี่เปอร์เซ็นต์ ทำธุรกรรมเกี่ยวกับบ้านเสร็จ วันนี้มีนัดทานข้าวเย็น กับชมรม คน น. หนู อันประกอบด้วย นัท น้อง นงค์ น้อย(แม่นัท) นกและผม  เป็นบุฟเฟต์ปิ้งย่าง ทานกันจนพุงกาง หน้ามัน จนร้านปิด ห้างปิด ..  สรุปว่าวันนี้ ทานหนักทั้งมื้อเที่ยงและมื้อค่ำ ออกกำลังกายทั้งอาทิตย์ น้ำหนักหายไป 2 โล ตรุษจีนวันเดียวโผล่มาอีก 5 ..เฮ้อ

อ่านต่อ

วันเพ็ญเดือน ๑๒ กับน้องเขาใหญ่

สุขกะภาพ 5 November 200921 September 2016

เมื่อวันเพ็ญเดือน 12 ที่น้ำนองเต็มตลิ่ง และเราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันยิ่งวันลอยกระทงนั้น ..ขณะที่ดอกไม้ไฟและพลุระเบิดทั่วท้องฟ้า เด็กแว๊นซ์ เด็กสก๊อยส์บิดมอเตอร์ไซต์ไปลอยกระทงกันนั้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจ้านกเขาลืมตาดูโลก อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว (อ่านเรื่องที่เคยเล่าแล้วนั้นคลิก) ว่าที่ระเบียงบ้าน มีนกเขามาอาศัยอยู่ด้วย ผู้พี่ลืมตามาดูโลกก่อนในวันลอยกระทง ผมตั้งชื่อให้ทันทีว่า “เขาใหญ่” ส่วนผู้น้องที่ยังคงนอนขดอยู่ในไข่ ผมตั้งชื่อให้ล่วงหน้าเลยว่า “เขาเล็ก” เมื่อทั้งสองพี่น้องลืมตาดูโลกในเวลาที่แตกต่างกันเช่นนี้ ย่อมสร้างความลำบากแก่แม่นกเขาไม่น้อย เนื่องจากจะต้องฟักอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตัวที่อยู่ในไข่ได้รับความอบอุ่นและพร้อมที่จะออกจากไข่ ขณะเดียวกันก็ต้องแบ่งเวลาไปหาอาหารเพื่อลูกที่ฟักออกมาแล้วนั้นด้วย เพราะนกเขาไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนม แม้ผมจะพยายามหาข้าวสาร ไปโรยใกล้ๆบ้านของมัน แต่แม่นกเขาเป็นนกที่หยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่แม้แต่จะชายตามอง มันทะยานขึ้นไปสู่ท้องฟ้า มุ่งหาอาหารตามวิถีของมัน ผมพยายามจะมองหานกเขาผู้สามีที่จะมาช่วยดูแล ก็ไม่เห็น เป็นไปได้ว่า เธอถูกพ่อแม่ฝ่ายชายกีดกัด  จึงถูกขับไล่ออกจากบ้านหลังใหญ่ เธอคงไม่ได้บอกเรื่องนี้ต่อคนรัก เพราะรู้ตัวว่าต่ำต้อยไม่คู่ควร เธออยากจะไปเสียให้ไกลๆ ให้พ้นจากนกใจร้ายเหล่านั้น  อยากจะไปให้พ้นหน้าเขา เขา นกผู้เป็นที่รัก ที่แม้เธอจะเจ็บช้ำน้ำใจเพียงไร ก็ต้องใจอ่อนทุกทีที่ปะหน้ากัน ป่านนี้ เขาคงบินหาเธออย่างท้อแท้ เขาคงยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นพ่อนก.. เรื่องนี้จะจบด้วยความแฮปปี้เอ็นดิ้งอย่างละครเรื่อง น้ำตาลไหม้ หรือไม่นั้น ..ต้องติดตามต่อไป แต่วันนี้ผมอยากจะพาไปเยี่ยมชมบ้านเช่าของโบ เอ้ย ของนกเขาและลูกๆกัน พุ่มพลูด่างเป็นบ้านของ(นก)เขา แอบย่องไปดูภายในบ้านของ(นก)เขากัน..แม่มันไม่อยู่อีกตามเคย เขาใหญ่ ณ วันแรกที่ลืมตาดูโลก ข้างๆ นั่นคือเขาเล็ก ยังนอนคดอยู่ในไข่ ป.ล. ถ้าเขาเล็กลืมตาดูโลกเมื่อไร..จะถ่ายรูปมาให้ดูอีกทีละกันนะ

นกเขา เขาใหญ่

เวียงจันทน์เกมส์

เรื่องทั่วไป 14 December 2009

  ช่วงนี้ไม่ได้ไปไหน แต่ไม่เหงา ไม่เซ็ง อาศัยว่ามีถ่ายทอดกีฬาซีเกมส์ ถึงแม้กีฬาแห่งความภาคภูมิใจที่มีคนเล่นข้างตั้งละ 11 คน (แต่เวลาได้เหรียญเขานับแค่เหรียญเดียวเองนะ) ที่ไทยเราครองแชมป์มาตั้ง 8 สมัย มีอันต้องพังพินาศลงในพริบตาตกรอบแรก ด้วยการพ่ายต่อเสือเหลือง 1-2 อย่างน่าเจ็บใจ ..เจ็บใจอย่างไรนะเหรอ 1. เราแค่เสมอก็เข้ารอบ 2. เรายิงเขาได้ก่อน และ 3. เขายิงประตูชัยในเวลาทดเจ็บ นั่นหมายความว่า เราไม่มีสิทธิ์ทวงคืน  ข่าวว่า ซิโก้ ผู้ช่วยโค๊ช แสดงสปิริตลาออกทันที .. อยากจะบอกว่า นั่นไม่ได้เรียกว่าสปิริต เพราะซิโก้ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนซีเกมส์แล้วว่า หลังจบซีเกมส์จะไปทำงานที่เวียดนาม ตกรอบหรือไม่ ก็ไปอยู่ดี ไม่เกี่ยวกับสปิริต ส่วนผู้จัดการทีมที่มาจากประเทศผู้ดี  ไบรอัน ร็อบสัน ขอคุมทีมต่อ ขอโอกาสอีกสักครั้ง!! กีฬามีแพ้ มีชนะ ~ แต่ความพ่ายแพ้ตกรอบแรกในครั้งนี้ ว่ากันว่าเป็นจุดต่ำสุดของฟุตบอลไทยเลยทีเดียว น่าสยดสยองต่อคำพูดของใครบางคนที่ว่า “จะพาไทยไปบอลโลก”  รอให้ถึงปี 2012 ก่อนละกัน โลกแตกหมดเหลือแค่ไทย ลาว พม่า และปาปัวกินี ถึงตอนนั้นไทยคงได้เป็นแชมป์ !!   กีฬาซีเกมส์ไม่ได้มีแค่ฟุตบอล เรายังมีวอลเลย์บอลหญิงที่น่าภาคภูมิใจ ถึงปีนี้ เราเป็นแชมป์ 8 สมัยแล้ว ปีนี้จะไปในฐานะแชมป์เก่า และหวังจะคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 9 ให้ได้ ความสนุกของเกมส์วอลเลย์บอลหญิง ก็ไม่ได้น้อยหน้าฟุตบอล สนุก ลุ้น มันส์ สะใจ ตบกันลูกบอลแทบระเบิด เมื่อวานนี้ไทยเจอกับเวียดนาม ว่ากันว่าเวียดนามคือม้ามืดที่พยายามเทียบชั้นมากระทบไหล่ไทย แต่ดูจากฟอร์มเมื่อวานแล้ว ยังห่างครับ เราชนะขาดลอย   กีฬาอีกประเภทที่เชียร์ทีไร มันส์สะใจทุกที ตระกร้อ ทีมที่เป็นคู่แข่งพอฟัดพอเหวี่ยงกับเรามาแต่ไหนแต่ไร มีทีมเดียว นั่นคือ มาเลเซีย เมื่อวานเป็นการแข่งขันประเภททีมชุดชาย ทีมชุด ก็คือ มีชุดเอ ชุดบี และชุดซี ต้องชนะ 2 ใน 3 ชุด ถึงจะชนะ…

ธรรมะคือคุณากร

เรื่องทั่วไป 15 January 2010

ว่ากันว่าถ้าหมกมุ่นในเรื่องอะไรมากๆ เวลาพูด แสดงออก หรือคิดก็จะอยู่แต่ในเรื่องนั้นๆ ส่วนตัว นอกจากเรื่องงานแล้ว ก็ไม่ค่อยคิดเรื่องอื่นเท่าไรนัก(ยกเว้นเรื่องเที่ยวที่นานๆคิดที) ดังนั้น จึงพยายามอยากจะหมกมุ่นในเรื่องอะไรดี ในที่สุดจึงคิดได้ว่า ควรหมกมุ่นในเรื่องของธรรมะ เพราะธรรมะคือคุณากร บ่อเกิดแห่งความดี วันนี้ขอนำเสนอธรรมขั้นพื้นฐานปุถุชนเช่นพวกเราๆ ก่อน ถ้าได้เรียนในระดับศึกษาธรรมชั้นตรี ธรรมะข้อนี้ก็จะอยู่ในหมวดต้นๆเลย นั่นคือ “ธรรมอันทำให้งาม ๒ อย่าง อันได้แก่ ขันติ ๑ โสรัจจะ ๑ ขันติ แปลว่า     ความอดทน เป็นลักษณะของผู้มีน้ำใจเข้มแข็ง หนักแน่น เป็นคุณสมบัติของผู้ปกครอง และเป็นมงคลเหตุแห่งความเจริญ ความอดทนยังแบ่งย่อยไปอีก  ๓ ประเภท คือ ๑. อดทนต่อความลำบากตรากตรำ เช่น ทนหนาว ร้อน เป็นต้น ๒. อดทนต่อทุกขเวทนา เช่น เวลาเจ็บไข้ ป่วย เป็นต้น ๓. อดทนต่อความเจ็บใจ มี ๓ ประเภท (๑) ตีติกขาขันติ    อดทนด้วยการกลั้นไว้ได้ (๒) ตปขันติ    อดทนจนเป็นตบะเดชะ (๓) อธิวาสนขันติ อดทนจนยังคำพูดหยาบคาย ของผู้อื่นให้กลับอยู่เป็นเพื่อน เป็นมิตรกันได้ โสรัจจะ แปลว่า ความเสงี่ยม ได้แก่การรู้จักทำจิตใจให้แช่มชื่นเบิกบาน มีกายวาจา  สงบเสงี่ยมเรียบร้อย คือมีอาการปกติเยือกเย็น ภายใน ไม่แสดงอาการขึ้นลง เป็นต้น จากธรรมะสองข้อนี้ ก็พอจะเห็นแล้วว่า ทำไมถึงได้ชื่อว่า เป็นธรรมะอันทำให้งาม ความงามในที่นี้มิได้หมายว่างามด้วยทรวดทรงองค์เอว ผิวพรรณผุดผุ่ง หรือหน้าตาสวยใส หากแต่หมายถึงความงามแห่งกิริยาท่าทางการแสดงออกในสังคมอย่างเหมาะสมตามกาละเทศะ ผู้ที่มีหน้าตาสวยใส หากแสดงกิริยากราดเกรี้ยวโมโหร้าย เพราะไม่อดทนต่อความพูดไม่ถูกหู ก็กลายเป็นคนขี้เหร่ขึ้นมาได้เช่นกัน อดทนเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องมีความสงบเสงี่ยม ทำจิตใจให้แช่มชื่นเบิกบาน มิเพียงแต่แสดงออกภายนอกเท่านั้น แต่ต้องมีความแช่มชื่นที่ออกมาจากข้างใน สกัดกั้นอารมณ์ไม่พอใจเสียได้ แล้วดำรงสภาวะด้วยอาการอันปกติ นโปเลียนนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ข้าศึกขนาบเมืองทั้งหน้าหลัง ทหารรีบเข้าไปแจ้งข่าวด้วยความตื่นตะหนกตกใจสุดขีด จนแทบจะพูดออกมาไม่ถูก แต่พอนโปเลียนรับทราบว่า กลับกล่าวด้วยอาการปกติและบอกแก่นายทหารคนนั้นว่า…

ธรรม

แบ่งตามหมวด

  • say (8)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (61)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (52)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH