Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

Month: February 2011

อ่านต่อ

ที่เดิม

เพลงสั้น 28 February 201111 June 2019

รถอัลติสติดแก๊สสีชมพู หลังคาติดป้ายโฆษณาและตัวหนังสือภาษาอังกฤษ “TAXI METER” วิ่งลัดเลาะเข้าซอย เลี้ยวผ่านมุมตึกตระหง่านผ่านอนุสาวรีย์ปรี่ยังเป้าหมายที่ไม่ซ้ำที่ในแต่ละรอบในแต่ละวัน อาชีพนี้น่าจะเป็นอาชีพที่ง่ายที่สุดในพอศอนี้ ใครก็ทำได้ ขอแค่ขับรถเป็นและมีใบขับขี่ ผู้ที่ยึดอาชีพนี้มีตั้งแต่ตาสีตาสาที่ล้มละลายจากการทำไร่ไถ่นาจนถึงนักธุรกิจ นายธนาคาร หรือผู้จัดการที่ล้มเหลวในหน้าที่การงาน ขออาศัยแท็กซี่เป็นที่พักใจ รายได้ไม่ค่อยแน่นอน ขยันหน่อยก็ได้มาก ขี้เกียจก็ได้น้อย เป็นอาชีพที่สะท้อนพุทธพจน์ที่่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” ได้ชัดเจน “ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย” วันนี้ขับวนมาเกือบชั่วโมงแล้ว ยังไม่เจอผู้โดยสารสักรายเดียว รถเมล์เยอะ ไหนจะรถตู้ และไหนจะรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินอีกละ นับวันคนที่หันมานั่งแท็กซี่น้อยลงทุกที คิดเรื่องนี้ทีไรอยากถอดใจทุกที ขณะขยับหาที่จอดนิ่งๆ รอผู้โดยสารไม่อยากขับรถผลาญแก๊ส ‘เธอ’ ผู้เป็นผู้โดยสารรายแรกก็ชูมือโบกอยู่ที่ริมฟุตบาทพอดี “ไปไหนครับ” ผมพยายามสุภาพที่สุด เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารรายแรกหลุดมือไป “เซ็นทรัลเวิร์ดค่ะ” ริมฝีปากน้อย เผยอออกแต่พองาม เสียงหวานดังบัญชาการจากสวรรค์ ทำให้ผมเคลิ้มชั่วขณะ “ไปไหมค่ะ” “ครับ” ผมรีบตอบสวนไปในทันที นาทีนี้ต่อให้เธอเรียกไปปัตตานี ผมก็ไป !! เสน่ห์ของเธอทำให้ผมลุ่มหลง พลันที่เธอเข้ามานั่งในรถความรู้สึกดังเธอเข้ามานั่งแล้ว ณ กลางใจผม กลิ่นน้ำหอมจางๆกระจายไปทั่วรถ เธอสยายผมที่ยาวประบ่าก่อนหยิบปลายผมมาดม แววตากลมโตสดใสรับกับริมฝีปากสีชมพูอ่อน แก้มทั้งสองข้างไร้เครื่องประทินโฉมแต่ยังงดงามราวแก้มเด็ก อากาศด้านนอกร้อนอบอ้าว แต่ข้างในใจผมร้อนรุ่ม ผมจะเริ่มประโยคสนทนากับเธออย่างไรดี ปล่อยไปแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ “ไปดูหนังหรอครับ?” “ไปเดินช้อปปิ้งที่เซ็นทรัลเวิร์ดบ่อยๆเหรอครับ?” “วันนี้อากาศดีนะครับ” “วันนี้รถเยอะจังนะครับ” “ฟังเพลงมั้ยครับ?” “พี่สีอะไร?” ขณะกำลังคิดหาประโยคสนทนา ดังฟ้ามีตาเธอเริ่มบทสนทนาก่อน แบบนี้ง่ายขึ้นเยอะ แต่เอ่ะ..คำถามของเธอ “น้องหมายถึงสีอะไรครับ?” “ก็สีแดงหรือสีเหลือง?” “อ้อ พี่ไม่มีสีหรอกครับ แต่พี่ชอบมหาจำลอง” “งั้นแสดงว่าพี่สีเหลือง” “เปล่า พี่ไม่มีสี” “ไม่มีสีได้ยังไง ก็จำลองนั่นนะสีเหลือง” “พี่ชอบมหาจำลอง แต่ไม่ชอบสนธิ ไม่ชอบการชุมนุมปิดสนามบิน จำลองเป็นแค่ส่วนหนึ่งของสีเหลือง ไม่ได้หมายความว่าเป็นสีเหลือง พี่จึงบอกว่าพี่ไม่ใช่สีเหลือง” ท่าทางนางฟ้าของผมจะหัวการเมือง เริ่มประโยคสนทนามาทำเอาผมต้องอธิบายยาว เธอเงียบไป คงจะทึ่งกับคำพูดของคนขับแท็กซี่อย่างเรา “งั้น พี่ก็สีเหลืองอ่อน” เอะ น้องนี่ยังไง จะให้เราเป็นสีเหลืองซะให้ได้ หรือว่าน้องเขาเป็นสีเหลือง ? ถ้าน้องเขาเป็นสีเหลือง และเราก็เหลือง เราก็มีอุดมการณ์เดียวกันกับน้องเขา แบบนี้โอกาสผูกมิตรแลกเบอร์…

ชุมนุม สีเหลือง สีแดง แท็กซี่
ชิงเถิดหมา อ่านต่อ

ชิงเถิดหมา

ไดอารี่ 20 February 2011

ถ้าพูดถึง “พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง” หลายๆคนก็คงจะคิดภาพผู้ชายดิบๆ เถื่อนๆ สมัยวัยรุ่นเป็นนักร้องร็อค เพลงกวนตีนอย่าง ครายจะทำมาย หรือเพลงที่โดนใจจิ๊กโก๋อย่าง หัวใจนักเลง เพลงซึ่งๆอย่าง สั่งเสีย และอื่นๆอีกมากมาย ภายหลังนักร้องร็อครุ่นใหญ่ได้มาเอาดีทางการแสดง ก็จัดได้ว่าเป็นนักแสดงขั้นเทพคนหนึ่ง จนปัจจุบันขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับเต็มตัว สร้างชื่อให้ตัวเองโด่งดังจากเรื่อง Be myself ขอให้รักจงเจริญ และเรื่อง Happy Birthday ส่วนงานละครก็มีให้ชมอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าฝีมือเป็นที่ถูกอกถูกใจคอหนังคอละครทีเดียว จนมาถึงเรื่องล่าสุด “ชิงหมาเถิด” ทีแรกก็คิดว่าเป็นหนังตลก เพราะดูจากตัวอย่างหนังที่ตัดมา มีแต่ฉากตลก แต่พอได้ดูจึงรู้ว่าเป็นหนังเสียดสีแดกดันประชดประชันสังคมแทบจะถูกอณูหนัง คือทุกฉากมีการแอบกัดแอบประชดสังคมตลอด อยู่ที่ว่าผู้ดูสามารถตีความหรือดูออกหรือไม่? หนังเล่าถึงยุคที่สังคมเป็นโรคบ้าเห่อ ในหนังทุกคนกำลังเห่อสัตว์ตัวหนึ่งที่เรียกกันว่าเป็น “หมาหิมะ” หมาหิมะเป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศ ยกเว้นสามคน คือ ลูกเจ้าของหมาหิมะที่พ่อสนใจแต่หมาจนไม่สนใจตน รู้สึกตัวเองว่าถูกหมาหิมะแย่งความรักไปจนหมด อีกคนคือ “เด่น” ผู้ถูกให้ออกจากงาน เพราะไม่เอาการเอางาน แต่พาลไปโกรธ “หมาหิมะ” พยายามประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรม แต่ก็ไร้ผล และอีกคนคือ “อาท” เด็กอัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังทางหน้าหนังสือพิมพ์ แต่แล้วทุกคนก็ลืมเขาผู้เป็นเด็กอัจฉริยะ หันไปสนใจและกล่าวถึงแต่หมาหิมะ จนเขารู้สึกมั่นไส้จึงเขียนประกาศในห้องน้ำชายว่า เขาจะลักหมาหิมะมาให้ดู หนังก็เล่าถึงระบบรักษาความปลอดภัยหมาหิมะขั้นสูง พอๆกับระบบรักษาความปลอดภัยของภาพโมนาลิซ่า หรือเพชรพันล้าน  ภาพตอนผ่านเข้าไปทีละขั้น ดูไฮเทคดี แต่พอตัดมาที่ฉากบัญชาการภายใต้ระบบที่โคตรไฮเทคนั้น โลเทคสิ้นดี มีคอมพิวเตอร์เก่าๆ 4-5ตัว และเจ้าหน้าที่หน้าตาโบราณเหมือนข้าราชการแก่ที่ไม่ค่อยรู้จักคอมพิวเตอร์นั่งบัญชาการอยู่ สภาพห้องยิ่งหดหู่ ฉากที่แดกดันประชดประชันมากที่สุดคงเป็นฉากที่ผู้บัญชาการตำรวจกำลังนำทีมสืบหาหมาหิมะที่หายไป แต่แล้วนายตำรวจท่านหนึ่งก็เข้ามารายงานว่า จังหวัดหนึ่งของประเทศกำลังถูกยึดไปแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจกล่าวด้วยเสียงมีอารมณ์ว่า “ประเทศเรามีหลายจังหวัด เสียไปจังหวัดเดียวก็เท่ากับเสียไปแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเสียหมาหิมะที่มีแค่ตัวเดียวในโลกเท่ากับเสียไป 100 ปอร์เซ็นต์ เท่านี้พวกคุณก็เรียงลำดับความสำคัญไม่ได้!!” แต่โดยรวมแล้วหนังก็สนุกดี ส่วนหนึ่งเพราะได้นักแสดงคุณภาพอย่าง บอย ปกรณ์  โก๊ะตี๋ มีฉากซึ้งๆระหว่างพ่อกับลูกให้ซึ่งได้เหมือนกัน แต่ที่ยังสงสัยจนหนังจบแล้วยังไม่หายสงสัยคือ พี่อ็อฟ พงษ์พัฒน์ในเรื่องเป็นใคร??? ดูจนจบแล้วหนังก็ไม่บอกว่าพี่แกเป็นใครมาจากไหน ไล่ยิงชาวบ้านอย่างเดียว พอถามก็บอกแค่ว่า เป็นหน้าที่ !! ยังบอกไม่ได้ว่า หนังของพี่อ็อฟเรื่องเป็นหนังแนวไหน สันนิษฐานว่าเป็นหนังตามใจผู้กำกับที่พยายามจะถ่ายทอดสังคมปัจจุบันในมุมมองของพี่แกเอง ตอนจบเป็นยังไง ไม่ขอบอก เผื่อบางคนอยากไปดู แต่ถ้าใครดูแล้วได้คำตอบว่าพี่อ็อฟเป็นใคร รบกวนช่วยมาบอกด้วยนะ อยากรู้จริงๆ

ชิงหมาเถิด พงษ์พัฒน์
รู้เขา (แต่)ไม่รู้เรา อ่านต่อ

รู้เขา (แต่)ไม่รู้เรา

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 18 February 2011

Facebook, Twitter หรือระบบ Social Network ตัวอื่นๆที่อนุญาตให้ผู้ใช้โพสต์ข้อความลงบนพื้นที่สาธารณะได้ ทำให้เรารู้จักตัวตนของคนอื่นได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบัน สามารถโพสต์ข้อความได้แบบ Everything Everywhere คือโพสต์อะไรจากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ เมื่อเกิดอารมณ์ ความรู้สึก โกรธ โมโห ดีใจ เสียใจ ตอนไหนยังไง ก็แสดงออกออนไลน์มาได้เลย ข้อดี คือ ถ้าเจอเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุบนท้องถนน หรือที่ไหนก็ตาม เราก็โพสต์แจ้งข่าวสารแด่เพื่อนฝูงและชาวโลกได้เลย ณ ขณะนั้น เพื่อนและชาวโลกก็สามารถรับรู้ข่าวสารได้ในทันที ข้อเสีย คือ ถ้าโมโห โกรธ หรือเจอเหตุการณ์ที่น่าสนใจเข้า ไม่ทันได้พิจารณาให้ดีก็รีบโพสต์แจ้งชาวโลก บางข้อความอาจกลายเป็นการด่า ประจาน หรือนำความลับของคนอื่นมาเผยแพร่ เมื่อไม่นานมานี้ พนักงานต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศจีน เห็นดาราเข้ามาเช็คอินเพื่อพักในโรงแรมที่ตนทำงานอยู่ จึงรีบทวิตเตอร์บอกเพื่อนตัวเอง จากข้อความทวิตเตอร์นั่นเอง ทำให้มีแฟนคลับแห่มาขอลายเซ็นต์ จนดาราคนนั้นที่ตั้งใจจะมาพักผ่อนเงียบๆ ไม่ได้รับความสุขตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก ความรู้ถึงผู้บริหาร พนักงานที่ทวิตเตอร์คนนั้นจึงถูกให้ออกจากงาน ข้อความที่ถูกโพสต์ผ่าน Facebook หรือ Twitter ส่วนใหญ่ออกมาจากความรู้สึกและอารมณ์สดๆร้อนๆของผู้โพสต์ เมื่อก่อนถ้าเราไปเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจบางอย่างเข้า ก็ต้องกลับมาถึงบ้าน > เปิดคอมพิวเตอร์ > ต่ออินเทอร์เนต > เปิดเว็บไซต์ > ล็อกอิน > โพสต์ข้อความ จะเห็นว่ากระบวนการกว่าจะถึงขั้นตอนของการโพสต์ข้อความมีมาก จนทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นเบาบาง หรือแทบจะหายไปหมดแล้ว และการปะติดปะต่อเรียบเรียงเรื่องราวก็เริ่มเลือนลางจำไม่ค่อยไ้ด้ แต่ปัจจุบันขั้นตอนการโพสต์ข้อความจาก 5-6 ขั้นตอนลดเหลือขั้นตอนเดียว คือ โพสต์ได้เลยทันที!! ดีใจ== โพสต์ เสียใจ== โพสต์ โกรธ == โพสต์ด่า เมื่อกระบวนการโพสต์สั้นลง มันจึงไม่ผ่านกระบวนการคิด ข้อความทุกอย่างที่เราโพสต์ มันจะบอกตัวตนของเราทั้งหมด!! ผม Follow นักข่าวหลายคน เพื่อหวังติดตามข่าวสารแบบใกล้ชิด จึงทำให้พบว่า นักข่าวที่เราเห็นเขานั่งอ่านข่าวหน้าทีวีทุกวันนั้น เขาอ่านอย่างเดียวตามสคริปต์ที่มีคนเขียนให้อย่างสวยหรู เพราะข้อความที่เขาโพสต์เองบนทวิตเตอร์ พบว่ามันไม่เหมือนเขาในจอทีวี ในโลก พ.ศ. 2554 เราสามารถเรียนรู้อุปนิสัยใจคอคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ผ่านตัวหนังสือไม่กี่ตัว คำถามต่อไปก็คือ คุณอยากให้คนอื่นๆรู้จักคุณในแง่ไหน?…

facebook twitter
อย่าโกรธเลยนะ อ่านต่อ

อย่าโกรธเลยนะ

บ้านบ้าน 16 February 2011

ความโกรธทำให้แก่เร็วขึ้นมาก ถ้าบอกว่าความโกรธทำให้แก่ คนเริ่มไม่กลัว เพราะถึงไม่โกรธคนก็แก่ขึ้นทุกวันอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ความโกรธมักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และไม่ทันได้ตั้งตัว จนบางครั้งทำให้เผลอพลาดทำเรื่องที่ผิดพลาดใหญ่หลวงไปแล้วถึงได้สติ ซึ่งมันก็สายไปเสียแล้ว สำหรับผู้มีสติ ก็จะมองเห็นความโกรธ รู้เท่าทันและจัดการกับมันอย่างเหมาะสม ความโกรธมาได้อย่างไร คนเรามีประสาทรับรู้ 6 แห่ง เรียกว่าอายตนะทั้ง 6 ถ้าสิ่งทีี่รับรู้มาน่ารื่นรมย์ใจก็เป็นสุข แต่ถ้าได้รับรู้ในสิ่งที่ไม่ถูกใจก็เป็นทุกข์ หรือโกรธ จะโกรธมาก โกรธน้อย อยู่ที่ว่าสิ่งที่รับมามากน้อยแค่ไหน ประสาททั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตา ได้เห็นภาพบาดใจ เช่น แฟนของเราไปกับคนอื่น โกรธ หู ได้ยินมาว่า แฟนเราไปกับคนอื่น โกรธ จมูก ได้กลิ่นน้ำหอมแปลกๆติดมากับเสื้อของแฟน โกรธ ลิ้น ได้รับรสอาหารที่ไม่อร่อย ไม่ถูกใจ โกรธ กาย ถูกเตะ/ต่อย/ตี โกรธมาก ใจ หลังจากได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้สัมผัสเรื่องไม่ดีทั้งหมดข้างต้นมาแล้ว เก็บเอามาคิดมาเป็นอารมณ์ .. โกรธ อาฆาต คิดมาก เครียด นั่นแหละครับ ที่มาของความโกรธ แล้วจะรู้เท่าทันมันได้อย่างไร ตา เห็นภาพบาดตา อย่าพึ่งวู่ว่ามโวยวายจนเสียการ ตั้งสติแล้วเข้าไปถามด้วยคำพูดที่ปกติและสุภาพที่สุด หู ได้ยินเรื่องไม่ดีมา อย่าพึ่งเชื่อทั้งหมด 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น หาข้อเท็จจริงด้วยใจที่ไม่ลำเอียงก่อน จมูก ได้กลิ่นไม่ดี ระงับความโกรธ ถามหรือหาความจริงด้วยใจไม่ลำเีอียง ลิ้น ทุกอย่างในโลกมีทั้งดีและไม่ดีเสมอ แม้ในสิ่งดีสำหรับบางคน ก็อาจไม่ดีสำหรับอีกคนก็ได้ เมื่อได้ลิ้มรสชาติไม่ดี ก็แค่ไม่กินมัน แต่ไม่ต้องถึงกับทิ้งหรือโวยวาย เพราะอาหารนั้นอาจถูกใจคนอื่น กาย หากได้รับการเตะ/ต่อย/ตี แล้วตอบโต้ ทุกอย่างจะไม่จบเพียงเท่านั้นจนกว่าจะมีผู้สูญเสีย ซึ่งนั่นแปลว่ามันสายไปแล้ว หากเขาเตะ/ต่อย/ตีเราแล้วมีความสุข เราควรจะดีใจที่ได้ช่วยให้คนอื่นสมหวัง ใจ ทำใจให้เป็นกลาง ปล่อยวาง ไม่นำมาสุมในหัวใจให้เป็นทุกข์ ..สาธุ ปล….

โกรธ
โบราณว่า อ่านต่อ

โบราณว่า

ไดอารี่ 9 February 2011

โบราณว่า ‘ไม้ล้ม..อย่าข้าม’ แต่วันนี้ผมเจอคนชอบฉวยโอกาส รายแรกที่เคยเจอคือ คนขับรถตู้ ถ้าผู้โดยสารโนเนมคือไม่รู้อัตราค่าโดยสารมาก่อน จะแอบบวกเข้าไปอีก 5 – 10 บาท เิงินเท่านั้นจะทำให้รวยขึ้นเท่าไรกัน มันคุ้มมั้ยกับคำว่า “โกง” ที่ปรากฏบนหน้าผาก “มึง” รายที่สองมอเตอร์ไซต์รับจ้าง ถ้าวันไหนรถติดเยอะๆ คนกลัวไปทำงานไม่ทันก็ต้องทิ้งรถเมล์ สละแท็กซี่ เพื่อปรี่ไปหามอ’ไซต์รับจ้าง มันเริ่มเล่นตัวทันที จากเคยคิด 20 บวกไปอีก 10 – 20 บาท หรือมากกว่านั้น พวกแบบนี้ยังมีอยู่เยอะ ไม่ได้เสียดายเงินที่ต้องเพิ่มให้ แต่เสียความรู้สึกที่ถูกโกง ขึ้นรถเมล์จะขึ้นเวลาไหนวันไหนก็ยังราคาเดียวตลอด เข้าเซ่เว่น ไม่ว่าจะเข้าเช้า สาย บ่าย เย็น ดึกๆดื่นๆ ของก็ยังราคาเดิม ไม่เคยเห็นพนักงานขายบอกว่า ดึกแล้วขอค่าล่วงเวลาอีก 5 บาท เศษเงินไม่เท่ากับความรู้สึกที่ต้องเสียไปหรอก โบราณว่าไว้ว่า ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

มอไซต์รับจ้าง รถตู้ เหี้ย โกง
พิมพ์ผิดไม่เป็นไร LayoutFix ช่วยคุณได้ อ่านต่อ

พิมพ์ผิดไม่เป็นไร LayoutFix ช่วยคุณได้

คุยกับคอม 3 February 2011

ต่อคำถามที่ว่า เวลาพิมพ์แล้วไม่ได้มองหน้าจอ แต่พอมองอีกทีปรากฏว่าลืมเปลี่ยนภาษา เช่น จะพิมพ์คำว่า Thailand ลืมเปลี่ยนจากไทยเป็นอังกฤษ ก็ออกมาเป็น ฟรสฟืก ซะอย่างงั้น ถ้าใช้โปรแกรมเวิร์ดเวอร์ชั่นเก่าๆ ก็จะมีตัวสลับภาษาให้ทีเมนูด้านบน แต่เวิร์ดเวอร์ชั่นใหม่ๆกลับไม่มี!! โปรแกรม LayoutFix ช่วยคุณได้ครับ เข้าไปดาวน์โหลดก่อนที่ http://upload.one2car.com/download.aspx?pku=3A3E3A5123QDFVGI4ZOS8J8UKFQWZ3 1. แตกไฟล์ซิบ 2. ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ LayoutFix.exe 3. เป็นอันเสร็จพิธี เราจะได้ไอค่อนตัว @ มาอยู่ที่ทากบาร์ตัวหนึ่ง ทีนี้ลองเปิดไปที่โปรแกรมเวิร์ดเจ้ากรรมของเราและทดสอบดู ลองพิมพ์ผิดดู พิมพ์คำว่า Cyoiyd.os];’ เอ่ะ..นี่เราลืมเปลี่ยนภาษาอีกแล้วหรือนี่..แย่จัง แต่..อย่าพึ่งลบ เอาเมาสท์แดรกข้อความที่ผิดทั้งหมด เสร็จแล้วกด Ctr ค้างไว้ แล้วเคาะ Backspace เพียงเท่านี้เราก็จะได้ข้อความที่ถูกต้องกลับคืนมา ง่ายมั้ยละทีนี้

ธรรมะคือคุณากร

เรื่องทั่วไป 15 January 2010

ว่ากันว่าถ้าหมกมุ่นในเรื่องอะไรมากๆ เวลาพูด แสดงออก หรือคิดก็จะอยู่แต่ในเรื่องนั้นๆ ส่วนตัว นอกจากเรื่องงานแล้ว ก็ไม่ค่อยคิดเรื่องอื่นเท่าไรนัก(ยกเว้นเรื่องเที่ยวที่นานๆคิดที) ดังนั้น จึงพยายามอยากจะหมกมุ่นในเรื่องอะไรดี ในที่สุดจึงคิดได้ว่า ควรหมกมุ่นในเรื่องของธรรมะ เพราะธรรมะคือคุณากร บ่อเกิดแห่งความดี วันนี้ขอนำเสนอธรรมขั้นพื้นฐานปุถุชนเช่นพวกเราๆ ก่อน ถ้าได้เรียนในระดับศึกษาธรรมชั้นตรี ธรรมะข้อนี้ก็จะอยู่ในหมวดต้นๆเลย นั่นคือ “ธรรมอันทำให้งาม ๒ อย่าง อันได้แก่ ขันติ ๑ โสรัจจะ ๑ ขันติ แปลว่า     ความอดทน เป็นลักษณะของผู้มีน้ำใจเข้มแข็ง หนักแน่น เป็นคุณสมบัติของผู้ปกครอง และเป็นมงคลเหตุแห่งความเจริญ ความอดทนยังแบ่งย่อยไปอีก  ๓ ประเภท คือ ๑. อดทนต่อความลำบากตรากตรำ เช่น ทนหนาว ร้อน เป็นต้น ๒. อดทนต่อทุกขเวทนา เช่น เวลาเจ็บไข้ ป่วย เป็นต้น ๓. อดทนต่อความเจ็บใจ มี ๓ ประเภท (๑) ตีติกขาขันติ    อดทนด้วยการกลั้นไว้ได้ (๒) ตปขันติ    อดทนจนเป็นตบะเดชะ (๓) อธิวาสนขันติ อดทนจนยังคำพูดหยาบคาย ของผู้อื่นให้กลับอยู่เป็นเพื่อน เป็นมิตรกันได้ โสรัจจะ แปลว่า ความเสงี่ยม ได้แก่การรู้จักทำจิตใจให้แช่มชื่นเบิกบาน มีกายวาจา  สงบเสงี่ยมเรียบร้อย คือมีอาการปกติเยือกเย็น ภายใน ไม่แสดงอาการขึ้นลง เป็นต้น จากธรรมะสองข้อนี้ ก็พอจะเห็นแล้วว่า ทำไมถึงได้ชื่อว่า เป็นธรรมะอันทำให้งาม ความงามในที่นี้มิได้หมายว่างามด้วยทรวดทรงองค์เอว ผิวพรรณผุดผุ่ง หรือหน้าตาสวยใส หากแต่หมายถึงความงามแห่งกิริยาท่าทางการแสดงออกในสังคมอย่างเหมาะสมตามกาละเทศะ ผู้ที่มีหน้าตาสวยใส หากแสดงกิริยากราดเกรี้ยวโมโหร้าย เพราะไม่อดทนต่อความพูดไม่ถูกหู ก็กลายเป็นคนขี้เหร่ขึ้นมาได้เช่นกัน อดทนเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องมีความสงบเสงี่ยม ทำจิตใจให้แช่มชื่นเบิกบาน มิเพียงแต่แสดงออกภายนอกเท่านั้น แต่ต้องมีความแช่มชื่นที่ออกมาจากข้างใน สกัดกั้นอารมณ์ไม่พอใจเสียได้ แล้วดำรงสภาวะด้วยอาการอันปกติ นโปเลียนนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ข้าศึกขนาบเมืองทั้งหน้าหลัง ทหารรีบเข้าไปแจ้งข่าวด้วยความตื่นตะหนกตกใจสุดขีด จนแทบจะพูดออกมาไม่ถูก แต่พอนโปเลียนรับทราบว่า กลับกล่าวด้วยอาการปกติและบอกแก่นายทหารคนนั้นว่า…

ธรรม
อ่านต่อ

Oh my ghost

ไดอารี่ 10 October 20163 November 2017

หลังจากโบกลาละครไทยอย่างไม่ใยดี ผมหันมาดูซีรีย์ต่างประเทศอย่าง Walking dead, CSI , NCIS  etc. แต่บางครั้งซีรีย์แนวสืบสวนฆาตกรรมของต่างประเทศ ดูบ่อยๆเข้าก็จำเจและเริ่มจะจำทางได้ ผมจึงหันมาทางซีรีย์เกาหลีบ้าง หลายคนเตือนว่าอย่าดู ..เพราะจะติด! เหี้ย! ซีรีย์เกาหลีนะไม่เว้ย ไม่ใช่บุหรี่ จะติดกันง่ายๆได้ยังไง โดยพื้นฐานผมเป็นคนชอบดูละครมาก โดยเฉพาะละครไทย ผมดูตามแม่พี่ป้าน้าอาที่พาดูตั้งแต่เด็กๆ แต่เชื่อเถอะครับ ละครไทยที่ผมเคยดูเมื่อตอนเด็กๆ กับละครไทยในปัจจุบันยุคที่อวดอ้างว่าล้ำหนักหนา ยุคโซเชี่ยล ยุคดิจิตอล ยุคห่าเหวอะไรนั่น .. ละครไทยยังคงมีบทเดิมๆ เนื้อเรื่องเดิมๆ พล็อตเดิมๆ ตัวอิจฉาตบตีแย่งพระเอก อีตัวอิจฉาต้องแต่งตัวแร่ดๆ ยั่วๆ ทำหน้าทำตาแบบอิจฉ๊า อิจฉา นี่แค่พูดถึงตัวอิจฉานะ อย่าให้ต้องพูดถึงนางเอกพระเอก หรือแม้แต่คนทำสวน คนขับรถ ฯลฯ ไม่อยากจะพูด ละครไทย! กลับมาที่ซีรีย์เกาหลีดีกว่า ผมเลือกดูเรื่อง Oh my ghost ดูน่าจะเป็นซีรีย์แนวผี ตลกๆ .. ดูได้ 3 ตอนติดครับ ติดงอมแงมเลยจริงๆ มีผลทำให้ซีรีย์เกาหลีเรื่องอื่นๆ มึงโดนกูเสพแน่ เรื่อง Oh my ghost ดูแรกๆเหมือนจะไม่มีอะไรเป็นซีรีย์เบาสมองสบายๆ แต่สไตล์เกาหลีครับ ทำซีรีย์ทั้งทีจะให้ง่ายๆ เดาทางถูกนั้นมันง่ายไป ตอนแรกๆดูเบาๆ สบายๆ แต่พอถึงกลางเรื่องจนจบจะเข้มข้นจนไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว Oh my ghost เป็นเรื่องราวของผีตนหนึ่งที่ตายแล้วยังไปเกิดไม่ได้ เพราะมีเรื่องที่เป็นบ่วงติดไว้ในโลกมนุษย์ จึงเป็นผีร่อนเร่สิงคนโน้นทีคนนี้ที จนกระทั่งมาเจอกับนางเอก (นางเอกในเรื่องนี้ชื่ออะไรไม่รู้ ..แต่น่ารักมากครับ ทั้งหน้าตา น้ำเสียงและบุคลิก) นางเอกมีความสามารถพิเศษตั้งแต่เด็กคือสามารถเห็นผีได้ และโดยที่เป็นคนเห็นผีนี่เอง จึงทำให้ถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดตั้งแต่เด็กๆ ไม่มีเพื่อน และขาดความมั่นใจ ร่างกายอ่อนแอ พอมาเจอกับผีเร่ร่อนจึงถูกผีสิงโดยง่าย นางเอกทำงานในร้านอาหารของพระเอก ..นางเอกถูกผีสิง ก่อนถูกผีสิงนางเอกก็แอบรักพระเอกซึ่งเป็นเชฟสุดหล่ออยู่แล้ว พอผีมาเจอพระเอกได้รับความรู้สึกดีๆจากพระเอก ก็เกิดหลงรักพระเอกเข้าไปอีก จึงเกิดรักสามเส้า ระหว่างคนและผี เรื่องราวเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆครับ เมื่อผีเร่ร่อนที่เข้าใจมาตลอดว่าตัวเองฆ่าตัวตาย แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ..การสืบสวนหาสาเหตุการตายก็เริ่มขึ้น … ผมเล่าไว้แค่นี้ละกัน เผื่อใครผ่านมาอ่านจะได้ไม่รู้สึกว่าถูกสปอยล์ บอกได้เลยว่า…

oh my ghost เกาหลี
อ่านต่อ

แดดร่มลมตก ณ วัดเล่งเน่ยยี่ ๒

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 13 March 20099 November 2017

วัดเล่งเน่ยยี่ 2 หรือ วัดบรมราชากาญจนาภิเษกอนุสรณ์ ตั้งอยู่ที่บางบัวทองครับ เดินทางไปสะดวก มีทั้งรถเมล์ และรถตู้

วัดเล่งเน่ยยี่
อ่านต่อ

ทริปทุเรียน

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 11 June 201416 June 2019

ไปเที่ยวระยองครับ.. ครั้งสุดท้ายที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด คือ เมื่อปีใหม่  ครั้งนี้อยากไปเที่ยวแนวธรรมชาติ เลยไประยอง ไปกินทุเรียน! ได้ไอเดียจากอ.วีระ แกพึ่งพามิตรรักแฟนเพลงไปเที่ยวชิมทุเรียนที่ระยองมา เราไม่มีโอกาสได้ไปกับแก เลยต้องไปเองครับ เป้าหมายคือ สวนบ้านเรา อ.แกลง สวนเดียวกับที่ อ.วีระไป  และที่พักที่ทำการจองไว้ คือ โรงแรมโกลเด้นท์ ซิตี้ เมืองระยอง ที่พัก กับ ที่เที่ยว อยู่กันคนละที __ แต่ไม่ใช่ปัญหา ถือว่าขับรถเที่ยว เช้าวันเสาร์ออกเดินทาง วิธีเดินทางง่ายมากครับ ขับรถมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าชลบุรี พอพ้นจุดพักรถบนมอเตอร์เวย์ขับต่อไปไม่นาน ก็จะมีป้ายระยองออกขวา ไปทางบ้านบึงครับ ทีนี้ก็ขับยาวอย่างเดียวจนถึงระยอง ผมไปถึงสวนบ้านเรา เวลา 11.00 น. โดยประมาณ จ่ายค่าบุพเฟ่ 200 บาท/คน และหลังจากนั้นก็ได้เวลากินอย่างไม่ยั้ง ไม่ว่า่จะเป็นทุเรียนหมอนทอง เงาะ ลองกอง และมังคุด สวนทีนี่ดูแลโดยคุณขจร แกบอกทำสวนมาได้ 7 ปีแล้ว แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เปิดบุฟเฟต์ เพื่อเปิดตลาดสำหรับนักชิมผลไม้ ทีนี่มีพันธุ์ทุเรียนกว่า 100 สายพันธุ์ แต่ช่วงนี้มีเหลือแค่หมอนทองกับชะนี “ถ้าให้ดีควรมาช่วงหลังสงกรานต์ ช่วงนั้นจะได้ชิมทุเรียนหลายพันธุ์และทุเรียนจะอร่อยมากในหน้าร้อน” กินทุเรียนอิ่มหน่ำก็ตีรถเข้าระยองครับ ระหว่างทางก็แวะเที่ยวชายหาดของจ.ระยอง  มาถึงโรงแรมที่พักในตัวเมืองระยองในเวลา 5 โมงเย็น ระยองเป็นจังหวัดปานกลาง ไม่ใหญ่และไม่เล็กมาก ในตัวเมืองมีรถมาก เจอคนขับรถแย่ๆ  2-3 ครั้ง ทำเอาเสียความรู้สึกไปเหมือนกัน แต่ก็ทำใจว่า คนขับรถแย่ๆที่ไหนก็มี!! เช้าวันอาทิตย์ ต้องเดินทางกลับกรุงเทพละ แต่ก่อนกลับต้องหาของฝากก่อน เลยไปแวะตลาดบ้านเพซื้ออาหารสด อาหารทะเล และแวะไปสวนทุเรียนบ้านเราอีกครั้ง เพื่อซื้อของฝาก จากเมื่อวานที่เห็นของฝากเป็นทุเรียนทอดหลายถุง พอทัวร์มาลงเท่านั้นแหละ เกลี้ยงเลย…จึงได้แค่ทุเรียนหมอนทอง แวะเอาไปฝากพ่อตาที่ บางแสน ชลบุรี ก่อนจึงบึ่งรวดเดียวถึงกรุงเทพ ___รวมระยะทางทั้งไปและกลับ 700 กว่ากิโลเมตร ใช้แก๊ส LPG ไป 700 กว่าบาท จบทริป..ทุเรียน ปล. เย็นวันนั้นกลับถึงบ้าน 5…

ทุเรียน ระยอง สวนบ้านเรา

ทำไม..ฝนตกขึ้นฟ้า

เรื่องทั่วไป 4 February 2010

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เป็นเหตุให้ไม่ได้รีวิว แนะนำที่ท่องเที่ยว มีภาำพถ่าย(สวยๆ)มาอวดเลย พึ่งรู้ว่าขาจรส่วนใหญ่ที่พลาดเข้าเว็บผมมาจาก google ด้วยคีย์เวิร์ดเรื่องท่องเที่ยวเป็นหลัก รู้สึกสิ่งที่ตัวเองทำมา 2 อาทิตย์ไม่ไร้ค่าเสียทีเดียว หลังจากอดอาหารคาวในมื้อเย็น และวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้น้ำหนักหายไป 2 กิโลกรัม !!!! ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้หายไปสักอย่างน้อย 5 กิโล วันนี้ตั้งใจจะเล่าเรื่องหนังสืออีกเล่มที่พึ่งอ่านจบไปของคุณวินทร์ เหลียววาริณ “ฝนตกขึ้นฟ้า” ชื่อเรื่องดูธรรมด๊า ธรรมดา จนแทบไม่น่าสนใจ แต่เนื้อหา และวิธีเล่าเรื่องสนุก ได้รสชาติยิ่ง ผมชอบผลงานของคุณวินทร์ ตรงที่แกมีอะไรแปลกๆมาเล่าให้เราอ่านอยู่เรื่อยๆ ด้วยวิธีที่ไม่ซ้ำ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เด่นชัดของคุณวินทร์ คือการตีแผ่สังคมอย่างตรงมาตรงไป ชัดเจน และแรง ประชดประชัน แดกดันได้สะใจ บทรักมีพอได้อรรถรสไม่ถึงกับลึกซึ้งกินใจ แต่พอทำให้ใจไม่ห่อเหี่ยวเกินไปนัก ฝนตกขึ้นฟ้า คุณวินทร์บอกว่า เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นแบบหนังฟิล์มนัว (ถ้าไม่เข้าใจคำว่าฟิล์มนัวก็คลิกดู) ทั้งบทพูด เนื้องเรื่อง เป็นในรูปของภาพยนตร์มากกว่าตัวหนังสือ ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าได้อ่านเรื่องนี้ เหมือนได้ดูหนังเรื่องหนึ่งทีเดียว บทพูด ฉากชัดเจนมาก และเสน่ห์ของงานเขียนคุณวินทร์อีกอย่างคือ แฝงปรัชญา ข้อคิด และคำคมในตัวละครมากมาย ไม่ว่าพระเอก หรือผู้ร้าย มีเหตุผลของตัวเองที่จะทำแบบนั้น ถ้าได้อ่านแค่เหตุผลของผู้ร้าย ผมก็เข้าข้างและเชื่อผู้ร้าย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลจากทางฝั่งพระเอก ตรงนั้นจึงทำให้เราคิด และชั่งใจว่า เหตุผลข้างไหนน่าฟังกว่ากัน ผู้เขียนไม่ได้ชี้ชัดว่า เหตุผลของใครถูก ปล่อยให้ผู้อ่านไปคิดและตัดสินใจเอาเอง นี่ก็คือเสน่ห์อีกข้อของคุณวินทร์ ให้เกียรติผู้อ่านเสมอ  ผู้อ่าน 10 คน ไม่จำเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกันในเรื่องเดียวกันนี้ มองอาร์ตเวิร์ดของเรื่อง “ฝนตกขึ้นฟ้า” แว่บแรกก็นึกแปลกใจ ทำไมภาพประกอบ และเลขหน้าต้องทำกลับหัวให้ผู้อ่านรำคาญใจด้วย แต่พอได้อ่านเนื้อเรื่องจึงเข้าใจ อยากรู้มั้ยครับ ทำไมคุณวินทร์ถึงจัดอาร์ตเวิร์กกลับหัวอย่างนั้น? ผมไม่บอกนะครับ อยากรู้ไปหาซื้ออ่านเอาเอง แต่ยืนยันนะครับว่า .. สนุกกว่าหนังบางเรื่องเสียอีก

ปราสาทพระวิหาร..มรดกใคร? มรดกโลก

เรื่องทั่วไป 8 July 2008

วันนี้ชาวเขมรต่างโห่ร้องดีใจกันทั่วหน้าครับ หลังองค์การยูเนสโกมีมติให้ปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ผมในฐานะคนไทย ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ หรือแย่อะไรมากมายอย่างที่ข่าวนำเสนอ ข่าวพยายามนำเสนออาการของคนสองประเทศ ประเทศหนึ่ง(เขมร) โห่ร้องดีใจ ตัดฉับมาที่อีกประเทศหนึ่ง(ไทย) เสียใจผิดหวัง อารมณ์ประมาณบอลยูโร ตอนที่สเปนเอาชนะเยอรมันในรอบตัดเชือกได้ยังไงยังงั้น มันไม่ได้มีอะไรแย่มากมายขนาดนั้นครับ คนไทยเข้าใจมานานนมแล้วว่าปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่ของคนไทย เป็นของๆเราแต่เพียงบันไดขึ้น รู้กันอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด แล้วทำไมจู่ๆวันนี้มาเกิดอาการอยากได้ของชาวบ้านเขาละ ถึงแม้วันนี้ปราสาทพระวิหารจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว แล้วยังไง เขาจะลากเอาบันไดฝั่งไทยไปด้วยเหรอ ก็เปล่านี่ ก็ยังตั้งอยู่อย่างนั้น ดีเสียอีก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก คนทั้งโลกจะได้รู้จัก จะได้อยากมาเท่ี่ยว มาดู มาชม เวลาจะมา มายังไงละ ถ้าไม่นั่งเครื่องบินมา นั่งเครื่องบินก็มาลงที่ไทย ไทยก็ได้อีกแหละ พักโรงแรมก็พักที่โรงแรมในไทย ไทยก็ได้อีกแหละ เวลาจะขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทพระวิหาร ก็ต้องขึ้นฝั่งไทย ต้องซื้อโน่นซื้อนี่ที่ข้างบันไดฝั่งไทย ไทยก็ได้อีกแหละ เรื่องนี้ที่ยืดยาวซะขนาดนี้ คุยกันไม่จบซักที ก็เพราะมีการเมืองมาเอี่ยว รู้ทั้งรู้ว่าเราร้องแรกแหกกระเฌอกันแค่ไหน ก็ไม่มีวันได้คืนอยู่แล้ว เหมือนมาณพที่เที่ยวร้องเอาพระจันทร์และพระอาทิตย์ เหมือนพราหมณ์ที่ร่ำร้องเอาลูกชายที่ตายจากไปแล้ว..ไม่มีวันได้คืืนหรอกครับ เอาเวลาทะเลาะๆกันนั่น มาพูดจากัน มองไปข้างหน้า แล้วมาพัฒนาประเทศกันดีมั้ย กรณีปราสาทเขาพระวิหารนี้ ผมก็แหกปากในมุมของคนรู้คนเห็นน้อยนะครับ อาจจะผิดหรือถูก แต่ก็ไม่ได้ให้เห็นตาม ป.ล. ปีนี้มีวันแห่งชาติเกิดขึ้นอีกวันครับ นั่นคือ วันงดดื่มสุราแห่งชาติ ครม.ให้ วันเข้าพรรษา เป็น วันงดดื่มสุราแห่งชาติ

เขาพระวิหาร
อ่านต่อ

ตะลุยแก่งกระจาน

ท่องเที่ยว 12 December 201514 June 2019
เพชรบุรี แก่งกระจาน

กิจกรรมใหม่..รับปี 2554

ไดอารี่ 17 January 2011

เริ่มมีเสียงหนาหูขึ้นว่า ผมอ้วน แรกก็รู้สึกเฉยๆ อ้วนขึ้นก็ดีจะได้มีบุคลิกไปอีกแบบ แต่เอาเข้าจริงมันชักจะรับไม่ได้ เพราะร่างกายก็จะดูไม่ฟิต ทำอะไรเหนื่อยง่าย เสื้อผ้าก็แน่น ฯลฯ บวกกับตั้งแต่เข้าสู่ปีใหม่มายังไม่มีกิจกรรมอะไรที่ทำให้เป็นพิเศษเพื่อตัวเอง จึงคิดกิจกรรมเพื่อตัวเองขึ้นอย่างนึง นั่นคือ “กิจกรรมรีดน้ำหนักภายใน 1 เดือน” กิจกรรมก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่จะลดอาหารมื้อเย็น หรือทานเพียงผักและผลไม้ และจะออกกำลังกายทุกวัน ถ้าไม่ได้ออกวิ่งตอนเช้า ก็ต้องออกวิ่งในตอนเย็น ถ้าไม่ได้วิ่งเย็น ก็ต้องวิ่งเช้า .. กิจกรรมนี้จะทำต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือนเพื่อประเมินผลก่อน และหากได้ผลดีไม่ลำบากจนเกินไป จะทำต่อไปเรื่อยๆ ที่สำคัญและที่ยากที่สุดคือการเริ่มต้น จะเริ่มต้นเมื่อไร และเริ่มต้นได้ไหม.? โอกาสหน้าจะมาแจ้งให้ทราบ สวัสดีปีใหม่ 2554

อ่านต่อ

บ้านกรูด ทะเล – สวย – สงบ

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 17 April 200923 September 2016

ปีใหม่แบบไทยๆ สาดน้ำ ปะแป้ง รดน้ำ ดำหัว ยึดรถเมล์ เผารถ ไล่กระทึบ ยิง ฟัน ฆ่า ฯลฯ กลายเป็นวันประวัติศาสตร์ไปอีกวัน นอกจาก 6 ตุลา , 14 ตุลา, พฤษภาทมิฬ , 7 ตุลา และล่าสุดสดๆร้อนๆ 12 เมษา คนไทยแบ่งเป็นฟักฝ่ายโดยแยกตามสี สีใหญ่ๆมี 2 สี แต่ไม่แน่ใจในอนาคตจะมีสีอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ สีน้ำเงินที่โผล่มาแค่วันเดียวก็หายไป อาจจะเป็นสีเฉพาะกิจ แต่จะสีไหนก็ตาม เสื้อผ้าทั้งสองสีของผม ถูกพับเก็บไว้ในตู้มิดชิด ไม่ยอมใส่มันอีกต่อไป (ถึงจะชอบแค่ไหนก็ตาม)   วกมาเรื่องตัวเองบ้างดีกว่า สงกรานต์ปีนี้ก็เหมือนทุกๆทีครับ ..ไปทะเล ผมไม่ได้ไปเยี่ยมแม่ พี่น้อง หรือญาติผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์นานแล้ว..(จนลืมไปแล้วว่า วันสงกรานต์ต้องทำอะไรบ้าง ถึงจะถูกต้องตามจารีตประเพณี) จารีตประเพณีที่บังคับให้เราทำอะไรเหมือนๆกันในวันเดียวกันนี่เอง ทำให้เกิดปัญหา~ ปัญหารถติดเพราะต้องออกไปไหว้ผู้ใหญ่ในวันเดียวกัน ปัญหาสถิติคนตาย ปัญหาคนตกรถ อุบัติเหตุ ฯลฯ   เราถูกตั้งกฏ(โดยสื่อหรือใครก็ไม่รู้)ให้รักแม่รักพ่อปีละครั้ง รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ปีละ 3 วัน มีการรณรงค์ส่งเสริมให้ไปไหว้พ่อไหว้แม่ในวันดังกล่าว จนคนที่รักพ่อรักแม่อยู่ทุกวัน ไหว้พ่อไหว้แม่อยู่ทุกวัน รู้สึกไม่มั่นใจว่าที่ทำๆทุกวันนั่น ใช่รักพ่อรักแม่รึยัง? ต้องรีบไปไหว้เป็นพิเศษในวันนั้นให้ได้ ส่วนคนอื่นๆที่พ่อแม่อยู่ไกล ก็ต้องรีบออกจากบ้านออกเดินทางพร้อมกันในวันเดียวกัน จะไม่ไปก็ไม่ได้ เปิดทีวีช่องไหน ก็มีแต่ภาพดาราไหว้พ่อไหว้แม่ กอด จูบพ่อแม่อยู่นั่น จนคนดูเริ่มรู้สึก (แรกๆแค่รู้สึกคิดถึงพ่อแม่ แต่หลังๆชักรู้สึกมั่นไส้) ผมก็ไม่ได้แอนตี้ประเพณีแบบนี้กันหรอกนะครับ เพียงแต่ว่า ปีละครั้ง มันพอเหรอ?? รณรงค์ ส่งเสริมกันแค่ปีละครั้งเองเหรอ คนที่รักพ่อแม่จริงๆ ทำได้ทุกวันง่ายๆ ทำตัวให้เป็นคนดี จะทำอะไรไม่ดีก็ขอให้คิดถึงท่านก่อน ก่อนนอนกราบพระและระลึกถึงท่าน อุปัฏฐาก บำรุง ดูแล ตามสมควร ฯลฯ เอาละ พูดมาเยอะแยะนั่นนะ ความรู้สึก ความเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ ไม่ต้องเห็นร่วมก็ได้ เอาภาพที่หนีกรุงเทพฯไปเที่ยวทะเลมาฝาก (ต้องใช้คำว่าหนีจริงๆ เพราะวันที่ไปนั่นนะ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดแล้ว…

อ่านต่อ

กินหอยที่แหลมฉบัง

สุขกะภาพ 8 July 201328 October 2015

ทะเล..ไม่ว่าจะเป็นทะเลที่ไหน มีมนต์เสน่ห์ให้น่าหลงใหลเสมอ

บางแสน แหลมฉะบัง

แบ่งตามหมวด

  • say (8)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (61)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (52)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH