คนเลว

เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิม ขณะรถวิ่งพล่าน เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ จาก ๓๐ นาที เข้าสู่นาทีที่ ๓๑ จากป้ายรถเมล์ที่มีผู้คนเพียง ๔-๕ คน เพิ่มเป็น ๑๐-๑๕ คน รถเมล์เป้าหมายยังมาไม่ถึง แม้จะเร่งรีบ แต่เขาก็เข้าใจในความจริงที่ว่า มีหลายอย่างในโลกนี้ ที่อยู่นอกเหนือความควบคุมของเรา การแสดงอาการร้อนรน คำสบถด่า การบ่น การด่ารัฐบาล มิได้ช่วยให้รถเมล์มาเร็วขึ้น ที่แย่กว่านั้น มันทำให้คนรอบข้าง หรือกระทั่งบรรยากาศแย่ไปด้วย

เวลาผ่านไปอีก ๑๕ นาที รถเมล์ที่เขาเฝ้ารอมานานเดินทางมาถึง คนเกือบทั้งหมดในป้ายรถเมล์กรูขึ้นอย่างเร่งรีบ ส่งผลให้หญิงชรานางหนึ่งถูกเบียดเสียดเสียหลักล้มลงหน้าประตูรถเมล์ ข้าวของในมือร่วงกระจายเต็มพื้น ไม่ปรากฏผู้กระทำผิดลงมายอมรับผิดพร้อมยื่นค่าชดใช้หรือไม่มีแม้กระทั่งคำขอโทษ เขาเดินเข้าไปช่วยเก็บข้าวของ พร้อมตะโกนบอกรถเมล์ที่ทำท่าจะออกจากท่าให้หยุดรอก่อน กระเป๋ารถเมล์ทำท่าไม่พอใจ ไม่รู้แม่มันจะตายหรือยังไง ถึงต้องรีบอะไรขนาดนั้น เขาถือของให้หญิงชราแล้วค่อยๆพยุงให้เธอขึ้นรถอย่างระมัดระวัง

บนรถเมล์แทบไม่มีแม้ที่จะยืน ไม่ต้องกล่าวถึงที่นั่งสำหรับหญิงชราวัย ๗๐ อย่างเธอ และไม่ปรากฏผู้ใดผู้หนึ่งเสียสละลุกให้เธอนั่ง
“ขอที่นั่งให้คนแก่หน่อยครับ” เขาพยายามพูดอย่างสุภาพ พร้อมก้มตัวเล็กน้อยขอความเห็นใจ ชายผู้เป็นเจ้าของที่นั่งวัย ๓๐ ต้นๆ ลุกให้อย่างไม่เต็มใจ มีคำสบถเล็ดลอดออกจากมุมปาก แต่เขาไม่สนใจ ชายหนุ่มพาหญิงชราเข้าที่นั่งอย่างนิ่มนวล
“ขอบใจนะ พ่อหนุ่ม” เขายิ้มแทนคำตอบ

รถเมล์ค่อยๆผ่าดงรถติดทีละนิด จนกระทั่งลุถึงที่หมายปลายทาง เขาขยับตัวยืนรอที่หน้าประตูรถเมล์ก่อนถึงป้ายประมาณ ๓๐ เมตร กดกริ่งเพื่อให้คนขับรู้ว่า ป้ายหน้ามีคนลง เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น โชเฟอร์เหลือบมองกระจกหลังดูผู้ที่จะลง เมื่อเห็นว่าเป็นเขา จึงแกล้งแถมให้อีก ๒ ป้าย เขายังนิ่งอยู่เช่นเดิม ไม่ได้แสดงอาการไม่พอใจ สบถ หรือก่นด่าสาปแช่ง รถเมล์จอดลง เขาลงจากรถอย่างเยือกเย็น หันมายิ้มให้โชเฟอร์และกระเป๋ารถเมล์อีกครั้งก่อนก้าวลงจากรถไป

ถึงที่ทำงานแล้ว เขาเดินเข้าไปในตึกสูงตระหง่าน กดลิฟต์ไปยังชั้น ๒๖
ภายในลิฟต์ยัดเยียดด้วยมนุษย์เงินเดือนที่ฟุ้งด้วยน้ำหอมจากนานาประเทศ ยกเว้นประเทศไทย ดูเหมือนว่า นอกจากเขาแล้ว คงไม่มีใครในลิฟต์ที่ใช้เสื้อผ้า ชนิด Made in Thailand ไม่น่าแปลกที่เขาถูกมองอย่างเหยียดๆ และไม่กล้าเข้าใกล้ ทุกคนล้วนครองตัวด้วยชุดสูทโก้หรู เสื้อกางเกงเรียบแปร้ รองเท้าหนังมันแวววับ ตั้งแต่หัวจรดเท้าเนียบไร้ที่ติ แต่น่าเสียดาย เขาเนียบเฉพาะภายนอก ภายในรกร้างยิ่ง หลายคนสีหน้าบึงตึง บางคนคุยโทรศัพท์เสียงดังภายในลิฟต์ สิ่งเหล่านี้มันสะท้อนสิ่งที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน ชุดที่โก้หรูมิได้ช่วยปกปิดสันดานให้มิดชิดขึ้นเลยสักนิดนึง

เขาฝ่าฝูงมนุษย์เหล่านั้น มาจนถึงออฟฟิศ
“วันนี้ ทำไมมาถึงสายนัก” Bossยิงคำถามเมื่อเห็นเขาปรากฏตัวขึ้น
“รถติดนิดหน่อย”
“อ่ะนี่ เป้าหมาย งานนี้ใหญ่หน่อย เป็นถึงส.ส. แต่เบื้องหลัง ค้าทั้งยาบ้า ค้าประเวณี มีบ่อนเถื่อน ไม่นับที่มันโกงกินบ้านเมืองอีก คิดว่าคุณคงชอบคนประเภทนี้” เขาหยิบรูปขึ้นมาพิจารณา
“รายนี้ให้เวลากี่วัน”
“หนึ่งวัน นับว่านานเกินไปสำหรับคนเลวๆหยั่งนี้”

เขาหยิบข้อมูลของเป้าหมายที่บรรจุในซองสีน้ำตาล ก่อนก้าวเท้าออกจากที่ทำงานไปอย่างช้าๆ