ทำไม..ฝนตกขึ้นฟ้า

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เป็นเหตุให้ไม่ได้รีวิว แนะนำที่ท่องเที่ยว มีภาำพถ่าย(สวยๆ)มาอวดเลย พึ่งรู้ว่าขาจรส่วนใหญ่ที่พลาดเข้าเว็บผมมาจาก google ด้วยคีย์เวิร์ดเรื่องท่องเที่ยวเป็นหลัก

รู้สึกสิ่งที่ตัวเองทำมา 2 อาทิตย์ไม่ไร้ค่าเสียทีเดียว หลังจากอดอาหารคาวในมื้อเย็น และวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้น้ำหนักหายไป 2 กิโลกรัม !!!!

ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้หายไปสักอย่างน้อย 5 กิโล

วันนี้ตั้งใจจะเล่าเรื่องหนังสืออีกเล่มที่พึ่งอ่านจบไปของคุณวินทร์ เหลียววาริณ “ฝนตกขึ้นฟ้า” ชื่อเรื่องดูธรรมด๊า ธรรมดา จนแทบไม่น่าสนใจ แต่เนื้อหา และวิธีเล่าเรื่องสนุก ได้รสชาติยิ่ง

ผมชอบผลงานของคุณวินทร์ ตรงที่แกมีอะไรแปลกๆมาเล่าให้เราอ่านอยู่เรื่อยๆ ด้วยวิธีที่ไม่ซ้ำ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เด่นชัดของคุณวินทร์ คือการตีแผ่สังคมอย่างตรงมาตรงไป ชัดเจน และแรง ประชดประชัน แดกดันได้สะใจ บทรักมีพอได้อรรถรสไม่ถึงกับลึกซึ้งกินใจ แต่พอทำให้ใจไม่ห่อเหี่ยวเกินไปนัก

ฝนตกขึ้นฟ้า คุณวินทร์บอกว่า เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นแบบหนังฟิล์มนัว (ถ้าไม่เข้าใจคำว่าฟิล์มนัวก็คลิกดู) ทั้งบทพูด เนื้องเรื่อง เป็นในรูปของภาพยนตร์มากกว่าตัวหนังสือ ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าได้อ่านเรื่องนี้ เหมือนได้ดูหนังเรื่องหนึ่งทีเดียว บทพูด ฉากชัดเจนมาก และเสน่ห์ของงานเขียนคุณวินทร์อีกอย่างคือ แฝงปรัชญา ข้อคิด และคำคมในตัวละครมากมาย

ไม่ว่าพระเอก หรือผู้ร้าย มีเหตุผลของตัวเองที่จะทำแบบนั้น ถ้าได้อ่านแค่เหตุผลของผู้ร้าย ผมก็เข้าข้างและเชื่อผู้ร้าย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลจากทางฝั่งพระเอก ตรงนั้นจึงทำให้เราคิด และชั่งใจว่า เหตุผลข้างไหนน่าฟังกว่ากัน ผู้เขียนไม่ได้ชี้ชัดว่า เหตุผลของใครถูก ปล่อยให้ผู้อ่านไปคิดและตัดสินใจเอาเอง นี่ก็คือเสน่ห์อีกข้อของคุณวินทร์ ให้เกียรติผู้อ่านเสมอ  ผู้อ่าน 10 คน ไม่จำเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกันในเรื่องเดียวกันนี้

มองอาร์ตเวิร์ดของเรื่อง “ฝนตกขึ้นฟ้า” แว่บแรกก็นึกแปลกใจ ทำไมภาพประกอบ และเลขหน้าต้องทำกลับหัวให้ผู้อ่านรำคาญใจด้วย แต่พอได้อ่านเนื้อเรื่องจึงเข้าใจ

อยากรู้มั้ยครับ ทำไมคุณวินทร์ถึงจัดอาร์ตเวิร์กกลับหัวอย่างนั้น?

ผมไม่บอกนะครับ อยากรู้ไปหาซื้ออ่านเอาเอง แต่ยืนยันนะครับว่า .. สนุกกว่าหนังบางเรื่องเสียอีก