KMUTNB Run Walk 2017
เป็นรายการวิ่งที่พลาดเมื่อปีที่แล้ว เพราะตรงกับรายการวิ่งบนทางด่วนศรีรัช ปีนี้เลยบอกน้องที่หมู่บ้านไปว่า ถ้าหาเบอร์วิ่งได้หาให้ด้วย และเมื่อถึงวันวิ่งน้องก็หามาให้จนได้สมใจ
Find your Heart, Find the Happiness.
เป็นรายการวิ่งที่พลาดเมื่อปีที่แล้ว เพราะตรงกับรายการวิ่งบนทางด่วนศรีรัช ปีนี้เลยบอกน้องที่หมู่บ้านไปว่า ถ้าหาเบอร์วิ่งได้หาให้ด้วย และเมื่อถึงวันวิ่งน้องก็หามาให้จนได้สมใจ
นี่คือของเล่นสำหรับนักวิ่ง หรือนักปั่น..มันจะจับเส้นทางและระยะทางที่เราวิ่ง แล้วสร้างเป็นวีดิโอ 3D
งานวิ่งครั้งแรกคืองานวิ่ง Samsung Galaxy และนี่เป็นการจัดงานวิ่งครั้งที่ 2 ของซัมซุง รายการนี้จึงเป็นเหมือนการมาระลึกถึงสนามแรกของการวิ่ง
งานนี้ถือเป็นฮาล์ฟมาราธอนครั้งที่ 4 และเช่นเคยครับ ไปวิ่งคนเดียวแม้ตอนสมัครจะสมัครด้วยกันสองคนก็ตาม!
งานวิ่งของไทยคมจัดที่สะพานพระราม ๘ นั่นคือสิ่งเดียวที่ทำให้ผมสนใจใคร่หยิบรองเท้าออกไปวิ่งด้วย สะพานพระราม ๘ เป็นสัญลักษณ์ของงานวิ่งหลายๆงานในกรุงเทพฯ และสักครั้งหนึ่งก็อยากไปสัมผัสบรรยากาศบนสะพานนั้นบ้าง การเปิดรับสมัครในรอบแรกเต็มไปตั้งนานแล้ว เพราะจำกัดจำนวนแค่ 2,000 เท่านั้น แต่เหมือนเทพแห่งการวิ่งได้ยินเสียงวิงวอนจากผม มีการรับเพิ่มอีก 500 ซึ่งผมไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน พอถึงวันวิ่ง ..จุดปล่อยตัวอยู่ตรงสวนสาธารณะพระราม ๘ มุ่งหน้าไปแยกอรุณอัมรินทร์ แล้วเลี้ยวเข้าไปจุดกลับรถใต้สะพาน เนื่องจากวันนี้มีงานวิ่งของกรุงเทพมาราธอนด้วย แม้จะปล่อยตัวกันคนละจุด แต่ใช้สะพานเดียวกัน ดังนั้น การปล่อยตัวจึงต้องเลื่อนออกจากไป จากเดิม 6 โมง เลื่อนเป็น 6 โมงครึ่ง และปล่อยตัวจริงๆคือ 6 โมง 45 นาที การวิ่งในครั้งนี้ผมตั้งใจจะทำเวลาให้ดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แต่เหมือนสถานที่จะไม่ค่อยอำนวย คนเยอะบนสะพานแคบๆ การแซง การวิ่งเป็นไปด้วยความยากมากใน 2 – 3 กิโลเมตรแรก การพยายามแซง การหลบ การเร่งสปีด การผ่อนช้าเมื่อเจอกลุ่มวิ่งแช่ ทำให้เหนื่อยง่าย บวกกับต้องวิ่งขึ้นสะพาน จึงทำให้ไม่สามารถทำลายสถิติเดิมของตัวเองได้ จบที่เวลา 59.23 นาที เสน่ห์ของที่นี่ คือ วิวดี บรรยากาศดี ปิดถนนได้ 100% จุดให้น้ำมีมากมายพอเพียง .. แต่งานนี้สำหรับผมในแง่ของการวิ่งโอเคครับ ถึงไม่สามารถทำลายสถิติตัวเองได้ แต่ในแง่ของภาพ พังมาก ไม่มีภาพดีๆ มุมสวยๆ อย่างที่ตั้งใจไว้เลย ไม่ถูกบัง ก็ไม่เข้ากล้องไปเลย .. งานครั้งหน้าที่เขาใหญ่มาราธอน ค่อยว่ากันใหม่.
การไปวิ่งจอมบึงมาราธอนถือเป็นความใฝ่ฝันของนักวิ่งทั้งหลาย เพราะไม่ใช่ว่าใครจะไปวิ่งได้ นอกจากมีเงิน มีเวลาแล้ว ยังต้องลุ้นว่าสมัครแล้วจะได้รับเลือกให้ไปวิ่งหรือเปล่า ตอนสมัครวิ่งใจยังไม่พร้อมสำหรับมาราธอนเลยเลือกในระยะที่ตัวเองสามารถทำได้ก่อน นั่นคือระยะฮาล์ฟ แต่พอถึงเวลาจริงกลับเสียดายระยะมาราธอน.. เราน่าจะจบมาราธอนแรกเสียทีนี่เลย
จากกิจกรรมการวิ่งของพี่ตูน บอดี้สแลม 10 วัน 400 กิโลเมตร เพื่อนำรายได้ไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาล หลายคนได้ร่วมบริจาคกับกิจกรรมครั้งนี้ และอีกหลายๆคนเกิดแรงบันดาลใจในการออกไปวิ่ง “ก้าวเล็กๆ ที่ออกไปวิ่ง มาจากชัยชนะของจิตใจที่ยิ่งใหญ่” เมื่อต้นปี 59 มีการสร้างเพจเล็กๆ เพจหนึ่ง ชื่อ Recon Running เป็นการรวมกลุ่มเพื่อจัดวิ่งออกกำลังกาย และในฐานะเพจของคนส่งเสริมการวิ่ง จึงเกิดกิจกรรมชาเลนท์ตัวเอง 10 วัน 100 กิโลเมตร ทั้งนี้ กิจกรรมนี้ไม่มีการบริจาค ไม่มีเส้นทาง มีแต่ระยะทางที่ท้าทาย ว่าต้องทำให้ได้ภายใน 10 วัน 100 กิโลเมตร ระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 3 – 12 ธันวาคม 2559 สิ่งที่ต้องต่อสู้และเอาชนะให้ได้ คือการต้องตื่นเช้าเพื่อมาวิ่ง ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ที่ 05.30 น. หลังจากเสร็จธุระส่วนตัวได้ออกสตาร์ทวิ่งจริงในเวลาประมาณ 05.45 น. อากาศกำลังดี เย็น สบาย 3 วันแรกแรงขายังดีอยู่ ทำเวลาได้ดี วิ่งจบแบบไม่เจ็บและไม่เหนื่อยจนเกินไป แต่พอเข้าวันที่ 4 เย็นวันก่อนนั้นไปตีแบด ทำให้เกิดอาการล้าสะสมหนักกว่าเดิม มีผลให้เช้าวันที่ 4 วิ่งได้ไม่ดีนัก จบที่ 6 กิโลเมตรเท่านั้น ต้องมาวิ่งในตอนเย็นให้ครบ 10 กิโลเมตร วันที่ 5 ตรงกับวันพุธ แน่นอนทุกวันพุธมีนัดตีแบดในตอนเย็น เช้าวันนั้นจึงต้องตุนไว้ก่อนให้ได้ 10 กิโลเมตร และทำได้ไม่ยากนัก สิ่งที่น่ากลัวคือเช้าในวันต่อมา เพราะจะล้าสะสมจากวิ่งตอนเช้าและตีแบดในตอนเย็น วันที่ 6 เช้าวันนั้นก็เป็นไปตามคาด ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ เพราะมีอาการท้องเสียทำให้เพลียหนักไปกว่าเดิม เช้าวันนั้นพลาด แต่ตอนเย็นกลับมาวิ่งได้ 10 กิโลเมตร วันที่ 7 ตรงกับเช้าวันศุกร์ วิ่งได้แค่ 6 กิโลเมตร ถึงวันนี้ระยะทางรวม 60 กิโลเมตร วันที่ 8 ตรงกับวันเสาร์เช้าวิ่ง…
เป็นการลงวิ่งในระยะฮาล์ฟ (21.5km) เป็นครั้งที่ 2 ครั้งนี้ทำเวลาดีกว่าเดิม ครั้งแรกวิ่งสามัคคีศรีรัช ทำเวลาได้ 2.25 นาที ครั้งนี้ทำเวลาได้ 2.23 นาที ดีกว่าเดิมนิดหน่อยถือว่ามีการพัฒนาไปในทางที่ดี พูดถึงการจัดงาน ระยองมาราธอน แต่เดิมเป็นงานวิ่งของกลุ่มวิ่งชาวบ้านเพ ตอนหลังมาพอกลุ่มใหญ่ขึ้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็นระยองมาราธอน แต่ก็ยังคงจัดที่บ้านเพเหมือนเดิม ด้วยความที่เป็นงานบ้านบ้าน ของชาวบ้านถึงแม้จะมีการจัดต่อเนื่องยาวนานมาถึง 16 ครั้งแล้วก็ตาม การจัดการก็ยังเป็นแบบบ้านบ้าน เริ่มตั้งแต่วันไปรับbib มีความช้า ปล่อยให้คนเข้าแถวยาว ในสถานที่ที่คับแคบจนต้องยืนเข้าแถวตากแดด bib ต้องมาเขียนตัวเลขกันสดๆตรงหน้างานผิดบ้างถูกบ้าง ที่เลวร้ายไปกว่านั้น คือ มีการเปิดรับสมัครกันหน้างาน แต่..ผู้ที่สมัครหน้างานจะไม่ได้เสื้อ! และไม่ได้เหรียญ!! สำหรับนักวิ่ง สัญลักษณ์หนึ่งที่เป็นความภาคภูมิใจของเขาคือเหรียญที่ระลึก พลาดมาก แต่มีพลาดมากกว่านั้นอีก ในรายการนี้เหรียญที่ระลึกสำหรับ มินิ ฮาล์ฟ และมาราธอนแตกต่างกัน มินิ เหรียญทองแดง ฮาล์ฟ เหรียญเงิน และมาราธอน เหรียญทอง แต่คนแจกเหรียญไม่รู้เรื่องด้วย ใครเข้าเส้นชัยก่อน กูให้เหรียญทอง ใครมาทีหลังก็ให้เหรียญเงิน และเหรียญทองแดงตามลำดับ เหรียญทองจึงตกไปอยู่กับมือคนวิ่งระยะมินิหมด พังมากครับ มาพูดถึงบรรยากาศในงานบ้างดีกว่า ยกเว้นเรื่องความผิดพลาดในการจัดการที่มั่วข้างต้นนั้นแล้ว เรื่องอื่นๆ โอเคครับ ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางที่วิ่งเลียบหาด แม้จะปิดถนนไม่ได้ 100% แต่รถราในช่วงเช้าก็มีไม่มากนัก โชคร้ายตรงที่ว่าในจำนวนรถที่ไม่มากนักนั้น มีรถบางคันที่ขับเร็วมาก เรื่องน้ำท่าตามจุดบริการต่างๆ ถือว่าทั่วถึงครับ สิ่งที่ขาดไปคือห้องน้ำ ตลอดเส้นทางวิ่ง ไม่มีรถห้องน้ำเคลื่อนที่เลย จึงเห็นภาพนักวิ่งบางท่านต้องวิ่งแวะข้างทาง อาศัยพุ่มไม้เป็นจุดปล่อยทุกข์ชั่วคราว ทุกข์เบาพอทำได้ แต่ถ้าเป็นทุกข์หนักละต้องทำไง..สิ่งนั้นเกิดขึ้นกับผมตั้งแต่กิโลเมตรแรกจนถึงกิโลเมตรที่สิบ! งานนี้โชคดีอย่างหนึ่งคือที่พักใกล้จากจุดปล่อยตัวมาก ประมาณ 500 เมตร ตื่นเช้าเข้าห้องน้ำพยายามอึให้เสร็จ แต่ดูเหมือนมันไม่หมด พอไปถึงจุดสตาร์ทมวลสารที่ยังไม่หมดเริ่มมีปฏิกิริยา ก่อนถึงเวลาปล่อยตัว 10 นาที ผมวิ่งหาห้องน้ำ หาเจอครับ แต่เห็นจำนวนคนเข้าแถวเพื่อเข้าห้องน้ำแล้วต้องถอดใจ เริ่มปล่อยตัว วิ่งไปด้วยความรู้สึกตุ่ยๆที่ท้อง ตลอดระยะ 10 กิโลเมตรผมวิ่งไปมองหาห้องน้ำไป เจอพงป่าข้างทางเกือบตัดสินใจไปปลดปล่อยหลายรอบ แต่ทำใจไม่ได้ จึงต้องอดทนและวิ่งไปเรื่อยๆ มีบางจังหวะที่มันเริ่มมาถึงประตูหลัง นึกว่าเป็นแค่ลม แต่พอค่อยๆปล่อยออกมา มันจะออกมาทั้งกากใย…
มีโอกาสที่ต้องไปบางแสนแบบปัจจุบันทันด่วน ก็เลยตั้งใจว่างานนี้น่าต้องตื่นเช้ามาวิ่งหาดบางแสนซะหน่อย. การเดินทางไปบางแสน ถ้าจะให้เร็วก็ต้องใช้ทางด่วนบูรพาวิถี แต่ถ้าจะให้ง่ายก็ใช้มอเตอร์เวย์ยิ่งตรงไปจนถึงถนนข้าวหลาม เห็นถนนข้าวหลามแล้วออกซ้ายเพื่อยูเทิร์นแล้วเลี้ยวซ้ายแรกไปยังหาดบางแสน เดินทางง่าย งานนี้ผมไม่พลาดที่จะหิ้วชุดและรองเท้าวิ่งไปด้วย กลางคืนวันเสาร์ฝนตกหนักมาก แต่ผมยังหวังว่าเช้าฝนจะหยุด จนกระทั่ง 6 โมงเช้านาฬิกาปลุก ผมแต่งตัวเตรียมออกไปวิ่ง …. แต่เมื่ออกจากตัวตึกกลับพบว่า ฝนยังคงโปรยปรายแม้ไม่หนักมาก แต่ก็ทำให้ไม่สามารถออกไปวิ่งได้แน่นอน กลับเข้ามานอนต่อ จนกระทั่ง 9 โมง จึงหิ้วรองเท้าออกไปใหม่ ฝนหยุดแล้ว และแดดยังไม่มา วิ่งสิครับรออะไร ริมหาดบางแสนแม้จะมีร้านรวงค่อนข้างหนาตา แต่ตรงกลางเขาได้เว้นทางเอาไว้ และปูด้วยหินอ่อน วิ่งไปจนสุดหาดจะมีระยะทางถึง 5-6 กิโลเมตร แม้ทางหินอ่อนจะกว้าง แต่ข้างทางเต็มไปด้วยร้านและผู้คน วิ่งต้องคอยหลบคอยระวังตลอดเวลา หินอ่อนหลังฝนตกก็มีความลื่น ต้องเพิ่มความระวังเป็นพิเศษ งานนี้วิ่ง 10 กิโลเมตรครับ งานหน้าจะไปฝากรอยเท้าไว้ที่ไหน ค่อยว่ากันอีกที