เคนดะอิจิ ยอดนักสืบ

การนั่งในรถนานๆโดยไม่น่าเบื่อ ไม่หงุดหงิด และไม่หิวเลย คิดว่าเป็นไปได้มั้ย?

ในกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ฯ ของเราเนี่ยะ ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงภาวะรถติดได้เลย ต่อให้มีตังค์มากก็เหอะ ต้องมีสักครั้ง หรือหลายๆครั้งที่ต้องทนนั่งรอรถติด โดยเฉพาะผู้อาศัยรถเมล์เป็นเครื่องเดินทาง และโดยเฉพาะในช่วงนี้ ช่วงที่กทม.กำลังเร่งปรับปรุงสะพานในหลายๆจุด  รถที่เคยติดอยู่แล้ว ก็ทวีความมหาติดอีกเป็นหลายเท่าตัว นี่ไม่นับเหตุการณ์ประท้วง หรือชุมนุมตามท้องถนนอีกนะ ถ้าบังเอิญเกิดขึ้นในเส้นทางที่เรากำลังสัญจรอยู่ด้วยละคุณเอ๊ย..อยากจะร้องไห้เป็นภาษาละติน

ความน่าเบื่อที่ต้องติดอยู่ในรถนั้นจะหมดไปครับ วันนี้ผมพบทางออกที่แสนสดใสแล้วครับ

ผมไม่ค่อยได้เดินทางด้วยรถเมล์เท่าไร เพราะบ้านอยู่ใกล้ที่ทำงานเพียง 2 ป้ายรถเมล์ ตอนเช้าๆอาศัยเดินชมนกชมไม้ ชมหญิง ชมควาย(ขับรถ)บางคน ไม่ต้องง้อรถราที่ติดขัด ตอนเย็นก็เดินกลับเช่นกัน ปัญหาการเดินทางของผมแทบไม่มี แต่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มีเหตุที่ต้องเดินทางค่อนข้างไกล จากพัฒนาการ สู่ปากเกร็ด ผมอาศัยรถเมโทรบัส สาย 35 คันสีขาวๆ หน้าตาดี มีทีวีให้ดูนั่นแหละครับ

เส้นทางจากพัฒนาไปสู่ปากเกร็ดต้องวิ่งบนถนนเพชรบุรีถนนสายโลกีย์อันเก่าแก่ ต้องผ่านแยกอโศกที่โคตรติด และผ่านสี่แยกประตูน้ำ แยกประตูน้ำที่ปกติก็โหดอยู่แล้วในเรื่องรถติด วันนี้ทะลึ่งมีกลุ่มคนมาประท้วงอีก..2+2 = 10 เลยละครับพี่น้อง

รถเมโทรบัสนิ่งสนิท ทุกคนดูกระวนกระวาย แต่ผมไม่ ..เพราะอะไรนะหรือ วันนี้ผมมีหนังสือติดกระเป๋ามาด้วยเล่มหนึ่ง เรื่อง เคนดะอิจิ ยอดนักสืบ

เคนดะอิจิ ยอดนักสืบ เป็นหนังสือนิยายแนวสืบสวนสอบสวนของญี่ปุ่นที่มีคดีสะเทือนขวัญเยอะแยะมากมาย ล้วนแต่น่ากลัว ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ หญิงคิดคด ชายกบฏ รถระเบิด ฯลฯ  มีหลายภาคหลายตอนครับ เล่มที่อยู่ในมือผมขณะนี้ คือ ตอนเจดีย์สามเศียร

ไม่น่าเชื่อว่าผมติดอยู่บนรถเมล์ตั้งเกือบ 3 ชั่วโมง แต่ไม่รู้สึกเบื่อ หงุดหงิด ง่วงนอน หรือหิว อย่างที่ควรจะเป็น ทั้งที่ตอนนั้นเป็นเวลาระหว่าง 6 โมงเย็น – 2 ทุ่ม อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศในรถที่เอื้อตอนการอ่านหนังสือ บวกกับหนังสือที่สนุกอ่านแล้ว น่าติดตาม น่าสงสัย ชวนให้อยากรู้ ผมมักตั้งคำถามและเดาเหตุการณ์ในคดีของเคนดะอิจิเสมอ แต่เดาถูกเพียงเล็กน้อย เมื่อตอนจบมักมีการผลิกล็อกแบบคาดไม่ถึงเสมอ และนั่นคือเสน่ห์ของเรื่อง

ทั้งผู้เขียนคือ โยโคมิโซะ  ชิชิ และผู้แปล มนาด ศีติสาร ได้ใส่อรรถรสและความลึกลับซับซ้อน แต่สามารถคลายปมที่ขมวดไว้ในตอนแรกได้หมด เรียกว่าผูกเงื่อนไว้โดยละเอียดในตอนแรก และสามารถเก็บเงื่อนเหล่านั้นได้อย่างครบถ้วนกระบวนความ แต่ละคดีมีความหวาดหวั่นพรั่นพรึงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตอน เจดีย์สามเศียร ที่ผมอ่านอยู่นี้ เป็นเรื่องราวของสมบัติหมื่นล้าน ที่มีพินัยกรรมประหลาด โดยต้องแบ่งกันระหว่างญาติพี่น้อง 6 คน เนื้อเรื่องเล่าให้เชื่อว่า ทั้ง 6 คนนั้นมีความโลภในสมบัติหมื่นล้านมาก ขนาดพร้อมที่จะฆ่าญาติพี่น้องด้วยกันเอง เพื่อลดจำนวนผู้ได้รับมรดกให้น้อยลง

การฆาตกรรมที่น่ากลัวเปิดฉากขึ้นหลังจากที่ทุกคนรู้พินัยกรรม การฆาตกรรมที่น่าสยดสยองและซ่อนปมไว้หลายอย่างจนยากที่จะมีใครหน้าไหนสืบรู้ได้..มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ …เคนดะอิจิ ฆาตกรเป็นใคร อันนี้ผมไม่บอก แนะนำให้ไปอ่านจะสนุกกว่ามากครับ

อีกตอนที่ผมพึ่งอ่านจบ “อย่าออกมาเดินตอนกลางคืน”

ตอนนี้นับเป็นตอนที่สนุกมากทีเดียว น่าติดตามด้วยความกระหายใครรู้ว่าใครผู้ฆาตกร อ่านไปก็เดาไป แต่สุดท้ายก็ผิดจนได้ แต่ก็มีบางช่วงบางตอนที่ผมเดาถูก (แอบภูมิใจเล็กๆ)  คดีนี้เป็นคดีสะเทือนขวัญมาก เพราะฆาตกรตัดหัวเหยื่อเอาไปซ่อน เพื่ออำพราง .. รับรองว่าตอนจบ ฆาตกรเป็นผู้ที่เราคาดไม่ถึงจริงๆ คาดไม่ถึงและไม่เคยคาด ไม่เคยคิด เพราะเขาอยู่ใกล้ตัวเราจนเราไว้ใจจนสนิทใจ

ฆาตกรรมมักเกิดขึ้นจากคนที่เราไว้ใจมากที่สุดเสมอ และมักเกิดขึ้นจากความชะล่าใจที่ว่า “ไม่น่าจะใช่” นิยายเรื่องเคนดะอิจิ ไม่ได้จะสอนให้เรามองโลกในแง่ร้าย แต่กำลังบอกให้เรารู้จักคิดอย่างมีเหตุผล การเป็นคนช่างสังเกต และสำคัญที่สุดอย่าไว้ใจใครง่ายจนเกินไป เพราะสิ่งที่เราเห็นต่อหน้านั้น ไม่ใช่ทั้งหมดที่เขาเป็น ทุกคนมีแบกกราวด์ ตัวแบกกราวนด์นั่นเองทำให้คนต่างกันแม้ในเรื่องเดียวกัน

เคนดะอิจิปิดคดี ผมปิดเล่ม รถเมล์จอดป้าย ผมก้าวลงจากรถ