เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

สายฝนหล่นหลั่งดั่งฟ้ารั่ว
มืดสลัวเสียงฟ้าคำรามลั่น
ใจเอยใจ..ใจเรายิ่งหนาวสั่น
ฤๅ ฟ้ากั้นสองใจด้วยสายน้ำ

ฝนตกยิ่งดึกยิ่งหนักขึ้น ชาวบ้านบางส่วนรีบรุดไปดูพืชไร่ที่สวน ด้วยเกรงว่าสายน้ำอันเชี่ยวกราดจะพัดพาไปหมดสิ้น ซึ่งถ้าเป็นดังนั้น หมายถึงปีนี้ทั้งปี นอกจากหนี้สินที่ไม่มีทางสะสางแล้ว แม้อาหารการกินในแต่ละวันล้วนเป็นไปได้ยาก

เมื่อวานมีเสียงประกาศแจ้ง เตือนจากรายการทางวิทยุว่า จะมีฝนตกหนัก ชาวบ้านได้ฟังล้วนยินดี เพราะคำว่าฝนตกหนัก ไม่เคยผ่านหูเขามานานมากแล้ว เมื่อฟังว่าพระพิรุณจะมาเยือนล้วนสร้างความปรีดา น้ำท่าก็หมายถึงความอุดมสมบูรณ์

รินนั่งอยู่ริมระเบียงมองไปทางด้านหน้า ซึ่งมีสายฝนหนาทึบขวางกั้นไม่ให้มองทะลุออกไปได้ถึงบ้านอีกฟากหนึ่ง ถ้าอีกสามสิบนาทีข้างหน้าฝนยังคงตกหนักเช่นนี้ เขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะไม่แน่นักว่า สายฝนจะหยุดเมื่อไร และเมื่อถึงตอนนั้น อาจจะสายไปแล้ว..สายไปสำหรับการจะถามถึงสัญญากับใครงบางคน..

สัญญา มันอาจจะนานเกินไป แต่เขายังจำได้ดี

“ทำไมรินถึงไม่เข้าไปเรียนในกรุงเทพ อุตส่าห์เอ็นฯติด”

“ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากไปนะน้ำ ยิ่งเป็นที่เดียวกันกับน้ำด้วยแล้ว เรายินดียิ่ง แต่..น้ำก็รู้ ปีที่แล้วพ่อเราประสบอุบัติเหตุ เป็นอัมพาตเดินไม่ได้ แม่คนเดียวไม่สามารถรับภาระทุกอย่างได้ เราเป็นพี่คนโต…”

“ริน..” หญิงสาวจับมือฝ่ายชายมากุมราวกับพยายามส่งพลังทั้งหมดไปให้ เมื่อเห็นน้ำเสียงเขาเริ่มสั่นเครือ

“เราเห็นใจเธอนะ แต่คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้น๊ะ น้ำจะขอเป็นกำลังใจให้”

“น้ำไปพรุ่งนี้แล้วใช่มั้ย..เราคงคิดถึงน้ำ”

“น้ำจะกลับบ้านบ่อยๆ สัญญานะว่า ถ้าน้ำกลับมารินต้องพาน้ำไปเที่ยวน้ำตกบนยอดเขานั่น ไปเก็บดอกไม้ป่า ..”

“เราสัญญา..น้ำ”

“งั้นเรามาเกี่ยวก้อยกัน”

ฤดูฝนปีที่แล้ว สายน้ำขาดช่วง พืชผักผลไม้ในไร่ล้วนได้รับผลกระทบ แมลงวัชพืชตัวร้ายก็กระหน่ำซ้ำเติม ที่ร้ายไปกว่านั้นน้ำตกที่อยู่บนยอดเขา น้ำแห้งอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ผู้ที่เดือดร้อนกว่าใครๆจากปัญหาดังกล่าวนี้ นอกจากชาวไร่ชาวสวนแล้ว รินเองร้อนใจยิ่ง เพราะถ้าน้ำกลับมาจากกรุงเทพ เขาจะไม่สามารถพาเธอไปเที่ยวชมน้ำตกที่สวยอย่างเมื่อก่อนได้  ซ้ำร้ายดอกไม้ที่สวยงามกับแห้งเหี่ยวตายเกือบหมด

สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนั้น คือเฝ้าดูแลและปลูกเสริมเหล่าดอกไม้ป่าจนบานสะพรั่ง น้ำที่ไหลจากยอดเขาน้อยลง จนเกือบแห้ง เขาไม่สามารถทำอย่างไรได้ ส่วนดอกไม้ช่างเบ่งบานสวยงามขัดกับความแห้งแล้งบนยอดเขา เขาชุบชีวิตมันขึ้นมา..

แต่แล้วปีนั้น น้ำไม่ได้กลับมา..

มาปีนี้ ฝนตกตั้งแต่ต้นปี สร้างความยินดีแก่รินยิ่ง เหล่าดอกไม้ป่าสวยกว่าทุกปีที่ผ่านมา มีดอกไม้แปลกๆผุดขึ้นจากการได้น้ำฝนที่มาเร็วกว่าทุกปี

รินเฝ้ารอการ กลับมาของน้ำอย่างจดจ่อ การที่เธอไม่ได้กลับมาเมื่อปีที่แล้ว ใช่ว่าเธอลืมสัญญา เธออาจยุ่งกับการเรียนมากจนไม่มีเวลา หรืออาจเพราะอากาศที่ผิดปกติเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ อย่างที่กรมอุตุได้แจ้งเตือนผ่านทางวิทยุ จึงมาไม่ได้

และแล้ว..น้ำก็ กลับมา รินยังไม่ได้พบเธอ เพียงได้ยินจากญาติๆของเธอ ว่าเธอมาถึงแล้ว เมื่อบ่ายวันนี้ และเย็นนี้เขาตั้งใจจะไปหาเธอ เขาเก็บดอกไม้ป่าสารพัดจัดสรรอย่างสวยงาม เพื่อนำไปกำนัลต่อเธอ

เขามองดอกไม้ช่อนั้นอย่างปีติ ละอองฝนกระเซ็นเข้ามาปลุกให้เขาตื่นจากอาการเหม่อลอย

สาย ฝนยังหลั่งไหลไม่หยุด เขาเริ่มกังวล เกรงน้ำจะท่วมพืชไร่ และที่ยิ่งไปกว่านั้น บ้านที่อยู่ในที่ลุ่มอย่างบ้านของน้ำอาจได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ ด้วย

“ริน ..รินเอ้ย..ลงไปช่วยลุงหน่อยเร็วว บ้านลุงน้ำท่วมเกือบถึงหลังคาแล้ว” เขาตกใจกับเสียงร้องครั้งนี้มาก บ้านลุง กับบ้านน้ำล้วนอยู่ในละแวกเดียวกัน บ้านลุงท่วม แสดงว่าบ้านน้ำก็ต้องท่วมด้วยเช่นกัน คิดได้ดังนั้น เขารีบกระโจนลงจากบ้าน วิ่งฝ่าสายฝน ท่ามกลางฟ้าที่คำรามลั่น

วิ่งมาถึงถนนใหญ่ที่น้ำขึ้นระดับถึงหัวเข่าแล้ว ก็พบป้านวลและลุงสี แม่และพ่อของน้ำนั่นเอง ทั้งสองมีของพะรุงพะรังเต็มมือ
“เอ้าริน ริน ..รีบเข้าไปช่วยน้ำมันเร้ว จนป่านนี้ยังไม่เห็นมันออกมาเลย บอกจะออกตามมา”
“ครับ” เขารับพลางกระโจนฝ่าสายฝน น้ำในบริเวณบ้านท่วมมาจนถึงระดับอกแล้ว เขากระโจนปีนป่ายแหวกว่าย จนถึงตัวบ้าน ซึ่งขณะนี้ชั้นล่างน้ำได้ท่วมหมดแล้ว เหลือเพียงชั้นบนที่น้ำเริ่มแตะระดับพื้นบ้าน

“น้ำ..น้ำอยู่ไหน” เขากระวายใจ ยิ่งช้าน้ำยิ่งเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ
“ริน มาช่วยกันหน่อยเร็ว ริน”
เขามองไปตามเสียงที่คุ้นเคยในความมืด แสงฟ้าแลบสาดส่องมาเป็นระยะ ทำให้เขาเห็นเธอได้ชัดเจน ชีวิตในรั้วมหาลัย และกาลเวลากล่อมเกลาให้เธอเป็นหญิงสาวที่สวย เธอสวยกว่าเดิมมาก
“น้ำ”
“มัวยืนอยู่ทำไมริน รีบมาช่วยกันสิ”
“น้ำ เราไม่มีเวลาแล้ว ข้าวของไม่ต้องเอาไปแล้ว ไม่งั้น เราจะไม่ทันนะ”
“บ้าเหรอ เธอจะให้เราทิ้งเขาตายที่นี่เหรอ”

รินตกใจกับคำพูดของเธอ เขาเพียงเห็นเธอกำลังจัดการกับบางอย่างอยู่ เพียงคิดว่านั่นเป็นสัมภาระที่สำคัญของเธอ แต่เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างนั้น จึงเข้าใจว่านั่นไม่ใช่สิ่งของ เป็นคน และเป็นคนที่มีความสำคัญต่อเธอยิ่ง เขาคนนั้น คือใคร
“นั่นใครเหรอ น้ำ?”
“รีบมาช่วยกันสิ ริน อย่ามัวถามหน่อยเลย”
รินเข้าไปช่วยพยุงร่างนั้น ยิ่งสร้างความไม่สบายใจยิ่งขึ้น เมื่อรู้ว่าเขาคนนั้นเป็นผู้ชาย
“บอล ทนหน่อยนะ”
เขามองไปที่ขาของเขาคนนั้น เลือดไหลเป็นทางไปกับสายน้ำ
“พอจะเดินได้ไหม”
“ไม่ไหว..ตู้ล้มทับ ตั้งแต่น่องลงไปชาด้านหมดเลย” คนชื่อบอลพูดพลางกัดฟันด้วยความเจ็บปวด เมื่อเริ่มขยับขาจะเดิน

พอพ้นจากบ้าน รินรีบถีบตัวเองขึ้นบนหลังคาบ้านแล้วดึงน้ำขึ้นมา ขณะที่กำลังช่วยกันฉุดรั้งบอลขึ้นมาบนหลังคานั่นเอง สายน้ำเฉี่ยวกราดพัดอย่างเร็ว แรง จนรินและน้ำแทบจะต้านไม่อยู่ สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายขึ้น เมื่อลมพัดแรง และสายฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ร่างของบอลหลุดจากการฉุดดึงของทั้งสอง ลอยล่องไปตามสายน้ำอันเฉี่ยวกราด!

“บอล..บอล”
“น้ำอย่า มันอันตราย” รินดึงร่างของน้ำไว้ เมื่อเธอพยายามจะโดดน้ำตามไปช่วยบอล เธอพยายามสะบัดให้หลุดเพื่อโดดลงไปช่วยบอลให้ได้ ขณะที่ปากก็ร้องไห้ และตะโกนเรียกชื่อบอลไม่ขาดปาก
“น้ำ ฟังเราก่อนสิ น้ำไปช่วยเขาไม่ได้หรอก น้ำตั้งสติไว้ และนั่งรอบนนี้เฉยๆ เราจะไปช่วยเขาเอง” พูดพลางประคองน้ำมานั่งตรงกลางหลังคาบ้านซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุด และน่าจะปลอดภัยที่สุดขณะนี้
“น้ำ เราดีใจที่เธอกลับมา” เขาหันมายิ้มให้เธอครั้งหนึ่ง ก่อนกระโจนลงน้ำไป

น้ำใจสั่นวูบ เมื่อเห็นรอยยิ้มจากเขา มันเป็นรอยยิ้มที่เปื้อนด้วยความเศร้า และเป็นรอยยิ้มที่เธอเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“ริน..” เธอเผลอเรียกชื่อเขา เมื่อจำรอยยิ้มนั้นได้ รอยยิ้มที่เขายิ้มให้เธอ เมื่อครั้งเธอจากเขาไปไกลคราวนั้น

สายฝนตกมาทั้งคืน โชคดีที่ทางการได้เตรียมพร้อมกับน้ำท่วมครั้งนี้ จึงได้ส่งหน่วยบรรเทาภัย และกู้ภัยทางน้ำมาช่วยอพยพชาวบ้านบางส่วนไปได้อย่างปลอดภัย แต่กระนั้นก็ยังมีชาวบ้านที่ถูกน้ำพัดพาไป สูญหาย และเสียชีวิต

ฟ้าสางรุ่งอรุณวันใหม่ เหมือนฝันร้ายที่ผ่านพ้น หน่วยบรรเทาภัยทางน้ำ มากับเรือยนต์แจกจ่ายอาหาร น้ำยังนังอยู่บนหลังคาบ้าน ร่วมกับชาวบ้านอีก3-4 คนที่มาสมทบเมื่อคืน เธอนั่งรอการกลับมาของคนทั้งสองอย่างจดจ่อ ถึงตอนนี้เธอเองยังไม่สามารถตอบใจตัวเองได้ว่า ระหว่างสองคนนี้ ถ้าให้เลือกได้เพียงคนเดียว เธออยากให้ใครกลับมามากกว่ากัน เธอรู้จักกับบอลเมื่อแรกก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัย บอลเรียนคณะเดียวกับเธอ คอยช่วยเหลือเธอในทุกๆด้าน ในที่ๆเธอไม่มีใคร การได้มีใครสักคนมาช่วยดูแล นับเป็นเรื่องที่วิเศษยิ่ง ยิ่งนานวันเข้า เขาก็ยิ่งดีกับเธอขึ้นทุกที รู้สึกตัวอีกที เธอก็เริ่มรู้สึกว่า เธอขาดเขาไม่ได้เสียแล้ว เมื่อเธอมองไปถึงอนาคตข้างหน้า บอลคือคำตอบในทุกๆด้าน เขาคือคนที่จะนำเธอไปสู่ความสำเร็จในชีวิตได้ไม่ยากนัก

เมื่อเรือบรรเทาภัยผ่านมารับเธอและชาวบ้าน ผู้ที่นั่งมากับเรือนั้นสร้างความดีใจแก่เธอยิ่ง
“บอล”
“น้ำ”
“เธอเป็นยังไงบ้าง เราเป็นห่วงเธอแทบแย่” เมื่อเห็นว่าเธอพยายามมองหาใครอยู่ บอลจึงถามขึ้นด้วยความสงสัย
“มองหาใครเหรอ”
“ปะ..ปล่าว”
เมื่อน้ำก้าวลงบนเรือบรรเทาภัย ลงไปนั่งข้างๆบอล เธอจึงถามความเป็นไปหลังจากที่น้ำพัดพา
“ตอนนั้นเรานึกว่าเราตายแน่แล้วน้ำ..พอใกล้จะหมดสิ้น พอดีมีคนมาจากด้านหลังลากเราขึ้นไปไว้บนหลังคาบ้านโน้น เราพยายามลืมตาดูว่าเป็นใครก็มองไม่ถนัด เพราะหลังจากดันเราขึ้นบนหลังคา น้ำก็พัดเขาไปนะ”
“ริน” เธอเผลอร้องชื่อเขาอีกครั้ง
“ใครเหรอ..น้ำ”
“ปะ..เปล่า”อีกครั้งที่เธอปฏิเสธ

เรือบรรเทาภัยแล่นไปอย่างช้าๆ เศษขยะ ข้าวของลอยล่องบนพื้นน้ำ เจ้าหน้าที่ต้องใช้ไม้เขี่ยออกเพื่อให้เรือแล่นไปได้สะดวก แต่แล้วมีบางสิ่งลอยมาตรงกลางเรือข้างน้ำนั่งพอดี เธอหยิบมันขึ้นมาเพราะความสวยที่สะดุดตา มันเป็นช่อดอกไม้หลากสีสรร แม้จะถูกน้ำพัดทั้งคืน แต่ก็ยังคงความสวยงาม เธอหยิบมันขึ้นมาพินิจอย่างสงสัย ในหมู่บ้านชนบทเช่นนี้ ใครหนอช่างเก็บดอกไม้ป่ามาเรียงร้อยพิถีพิถันเสกสรรอย่างงดงาม ราวกับจะนำไปกำนัลแด่คนรักหรือคนที่พิเศษ คิดพลางเพ่งพินิจช่อดอกไม้ไป และแล้วเธอต้องมาสุดกับบางสิ่งที่มัดติดไว้ตรงกลางช่อไม้

มันเป็นเศษกระดาษเล็กๆ เมื่อเธอหยิบขึ้นมาอ่าน น้ำตาก็ไหลอย่างไม่รู้ตัว เธอจำลายมือนี้ได้ดี ไม่ใช่ของใครอื่น
“ริน” อีกครั้งที่เธอเผลอเรียกชื่อเขาทั้งน้ำตา

เมื่อเรือบรรเทาภัย พาทุกคนมาถึงฝั่งที่ปลอดภัย ทุกๆคนต่างได้พบญาติที่พลัดพรากจากกันเมื่อคืน น้ำได้พบพ่อแม่ เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างวุ่นวายกับการช่วยเหลือชาวบ้าน และการกู้ศพผู้เสียชีวิต

ขณะนั้นมีผู้เสียชีวิตที่พบศพแล้ว 2 ศพ ทั้งสองศพ ถูกตั้งให้นอนเรียงกันอยู่ตรงนั้น ญาติผู้เสียชีวิตต่างร่ำไห้ปิ่มใจจะขาด

ช่อดอกไม้ที่น้ำถือไว้ในมือร่วงอย่างไม่รู้ตัว 1 ในผู้เสียชีวิตนั้น
“ริน..ฮือออ ริน..ตื่น เธอยังไม่ได้พาเราไปเที่ยวน้ำตกเลยน๊ะ ริน..อืออ” เธอเขย่าร่างที่ไร้วิญญาณของเขาอย่างเลื่อนลอย

ช่อดอกไม้ลอยไปตามน้ำอย่างไร้จุดหมาย เศษกระดาษปลิวไปตามลมตกลงกลางสายน้ำที่พัดวน

..

เหตุการณ์เลวร้ายในคืนที่ผ่านมา และข้อความในกระดาษใบนั้น เธอจะไม่มีวันลืมจนชั่วชีวิต

สายฝนหล่นหลั่งดั่งฟ้ารั่ว
มืดสลัวเสียงฟ้าคำรามลั่น
ใจเอยใจ..ใจเรายิ่งหนาวสั่น
ฤๅฟ้ากั้นสองใจด้วยสายน้ำ