ทริปสันหนอกวัว 3 วัน 3 คืน
กลับไปสู่ป่าเขาอีกครั้งตามคำเรียกร้องของจิตวิญญาณ เสียงลมและแสงแดดกำลังต้องการตัว ทริปนี้ผมไป “สันหนอกหวัว”
Find your Heart, Find the Happiness.
กลับไปสู่ป่าเขาอีกครั้งตามคำเรียกร้องของจิตวิญญาณ เสียงลมและแสงแดดกำลังต้องการตัว ทริปนี้ผมไป “สันหนอกหวัว”
เป็นครั้งแรกของผมสำหรับการออกเที่ยวคนเดียว และโดยเฉพาะการเที่ยวแบบแคมป์หรือกางเต็นท์นอน เป็นความอยากที่เก็บไว้มานานแล้ว เมื่อมีโอกาสจึงขอลองสักครั้ง และครั้งนี้ผมเลือกที่นี่ครับ Lakeview Cafe กาญจนบุรี หลังจากดูรีวิจากที่คนอื่นเขาเคยมาแล้ว ภาพภูเขาที่สะท้อนกับทะเลสาปเหมือนภาพวาดดึงดูดใจราวกับมีเสียงเรียกร้องให้ผมมาเยือนทุกค่ำคืน ในที่สุดผมก็มาตามคำเรียกร้อง และก็ไม่ผิดหวังเลย ภาพในหัวที่คิดกับสถานที่จริงไม่แตกต่างกันเลย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีไม่กี่ครั้งที่ความคาดหวังจะกลายเป็นความผิดหวังเมื่อเจอของจริง ที่เป็นเช่นนั้น เพราะคนส่วนใหญ่นำเสนอแต่มุมที่สวยงามและถ่ายภาพเฉพาะมุมที่สวยที่สุดเท่านั้น แต่ที่นี่ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมรับรองได้ กับราคาค่ากางเต็นท์คืนละ 300 บาท มีจุดให้ต่อไฟ มีห้องน้ำแยกชายหญิง ผมว่าคุ้มค่ามากครับ ทริปนี้ผมใช้เต็นท์ขนาดเล็กที่พกพาง่ายและเบาอย่าง naturehike หลังจากทำอาหารเย็นอย่างง่ายๆ กินเสร็จแล้ว ก็นั่งชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน แม้จะเริ่มย่างเข้าฤดูร้อน แต่พอหลังตะวันตกดินอากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ จนกระทั่งก่อนเข้านอนในเวลา 5 ทุ่ม ผมเช็คสภาพอากาศอยู่ที่ 18 องศา นอนหลับสบาย การได้ใช้ชีวิตคนเดียวแบบเงียบๆ ทำให้ใจผมสงบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รอบตัวได้ยินเพียงเสียงสรรพสัตว์ ไม่มีเสียงรถราและผู้คน ค่ำคืนนี้มีแต่เราผู้เดียว ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างช้าช้าโดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น ลองไปเที่ยวแบบนี้ดูสักครั้งนะครับ แล้วจะพบว่าตัวเราที่เรารู้จัก อาจไม่ใช่ตัวเราที่เราเป็นก็ได้.
หลังจากกักตัวอยู่แต่ในบ้านตั้งแต่โควิดระบาดรอบ 2 รอบ 3 มาเป็นแรมเดือน..ก็ตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2564 เป็นต้นมา จนถึงเดือนกันยายนี้ ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนไกลเลย เต็มที่ก็แค่เซเว่นหน้าหมู่บ้าน อาการคิดถึงธรรมชาติ การเดินทางกำเริบเป็นระยะ จนกระทั่งรัฐบาลสั่งคลายล็อกเปิดจุดท่องเที่ยวบางแห่งได้ เราจึงเริ่มมองหาที่เที่ยวบ้าง และที่นี่คือที่แรกที่เราออกเที่ยว หลังการคลายล็อก ถ้ำธารลอด อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ถ้ำธารลอดแบ่งเป็น ถ้ำธารลอดใหญ่และถ้ำธารลอดเล็ก ถ้ำธารลอดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ถ้ำธารลอดใหญ่มีลักษณะคล้ายสะพานหินธรรมชาติ มีความกว้าง 60 เมตร ตัวถ้ำด้านล่างยาว 60 เมตร กว้าง 40 เมตร และสูง 40 เมตร บนเพดานถ้ำมีโพรงขนาดใหญ่ที่แสงแดดส่องลอดเข้ามาในถ้ำได้ ทำให้ภายในถ้ำสว่างและมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ตามพื้นถ้ำ ที่ฟากหนึ่งของผนังถ้ำมีภาพเขียนสีรูปพญานาค ซึ่งชาวกะเหรี่ยงเชื่อว่าถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของพญานาค นอกจากนี้แล้วยังมีหลักฐานปรากฏว่าบริเวณนี้เป็นที่ฝังศพของมนุษย์โบราณ จากการค้นพบโครงกระดูกเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันนำไปจัดไว้ให้ชมที่พิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณ โครงการพระราชดำริห้วยองคต อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี ทริปนี้ออกเดินทางกัน 3 คนครับ (ก่อนหน้านี้มี 5 แต่ติดธุระมาได้แค่นี้) ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าก็ถึงยังจุดหมายปลายทาง จัดการกางเต็นท์ที่พักเรียบร้อย ทานข้าวเที่ยงเสร็จก็เตรียมตัวเดินเท้าท่องเที่ยวธรรมชาติ เสน่ห์ของที่นี่คือนอกจากมีที่บริการจุดกางเต๊นท์ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำครบครันแล้ว ยังมีกิจกรรมเดินป่าขนาดกำลังน่ารักให้เราเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติอีกด้วย จุดเริ่มต้นการเดินเริ่มจากถ้ำธารลอดเล็ก ภายในถ้ำกว้างขวางมืดแต่มีไฟติดตามจุดพอให้เห็นทางเดินได้ ภายในถ้ำมีสายน้ำไหลผ่าน และพอผ่านจุดนี้ไปก็จะเข้าสู่การเดินป่า เป็นป่าที่มีทางเดินสะดวกครับ เด็กเล็กตั้งแต่ 10 ขวบขึ้นไปสามารถเดินได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง เพราะมีบางจุดที่มีความเสี่ยง ทางเดินจะเป็นทางเรียบ และค่อยๆชันขึ้นเรื่อยๆ แต่มีบันไดให้เดิน ไม่ลำบากมาก ตลอดทางก็จะมีน้ำตกเป็นระยะให้ได้ถ่ายภาพ หรือลงไปเล่นได้ตามใจชอบ บรรยากาศดีมาก ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆก็จะถึงจุดที่เรียกว่าถ้ำธารลอดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่บนเขาสูงมีลักษณะคล้ายถ้ำพระยานคร แต่โปร่งกว่า มาถึงจุดนี้ถ้ามีเวลาก็สามารถเดินทางต่อไปอีกนิดหนึ่งจะถึงวัด (ขออภัยที่จำชื่อวัดไม่ได้) เราใช้เวลาในการเดินชมธรรมชาติไปและกลับประมาณ 4 ชั่วโมง กลับถึงเต็นท์ก็ได้เวลาสำหรับอาหารเย็นแล้ว ค่ำคืนนี้มีฝนพร่ำๆ พอให้นอนสบาย นอนฟังเสียงฝนคละเคล้ากับเสียงน้ำตกไกลๆได้บรรยากาศการมาพักผ่อน เช้าวันต่อมาเราตื่นกันแต่เช้าครับ ประมาณตีห้าครึ่ง ตั้งใจจะวิ่งออกกำลังกายไปที่น้ำตกสไลเดอร์ เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ด้านหน้าอุทยานห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร วิ่งไปกลับก็จะได้ระยะ 10 กิโลเมตรพอดี ระยะทางที่ค่อนข้างเป็นเนินซะส่วนใหญ่ ประกอบกับความฟิตก็ไม่ได้มีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทำการให้วิ่งในวันนี้เหนื่อยเป็นพิเศษ…
หลังจากติดอกติดใจในการกางเต๊นท์เมื่อครั้งที่แล้ว ครั้งนี้จึงจัดทริปใหม่อีกครั้ง โดยจุดหมายคืออุทยานแห่งชาติเขาแหลม ป้อมปี่ เดินทางออกจากกรุงเทพในเวลาประมาณ 9.00 นาฬิกา เส้นทางไปกาญจนบุรีเดินทางสะดวกรถน้อยเหมาะแก่การเดินทางไปเที่ยว ป้อมปี่อันเป็นจุดหมายในการเดินทางในครั้งนี้นั้นใช้เส้นทางที่มุ่งหน้าไปสังขละบุรี เส้นทางบางจุดแคบ ขดเคี้ยวและลาดชัน อาจต้องใช้ความระมัดระวังนิดหนึ่ง แต่รถทุกชนิดสามารถวิ่งได้สบาย ก่อนถึงป้อมปี่ประมาณ 4 กิโลเมตรทางด้านขวามือจะจบน้ำตกเกริงกระเวีย ลองเที่ยวแบบเรียบง่ายใช้ชีวิตติดดิน ก็ได้บรรยากาศอีกแบบครับ ที่สำคัญประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้โขเลย การทำอาหารในที่ๆเครื่องไม้เครื่องมือไม่พร้อมก็ได้อรรถรสสนุกสนานกันไป ทริปหน้าไปไหนต่อ..เดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง
เป็นอีกหนึ่งปุ้บปั้บทริป..คุยโทรศัพท์กับเพื่อนว่าเสาร์นี้ไปกินข้าวกันมั้ย แค่ชวนกินข้าวร้านดีๆแถวบ้าน รู้ตัวอีกทีมากินข้าวกลางป่าที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติสายน้ำและภูเขาซะแล้ว.. ที่หลับที่นอนคืนนี้อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีห่างจากน้ำตกเอราวัณประมาณ 7 กิโลเมตรติดกับเขื่อนศรีนครินทร์ กางเต๊นท์บนผาที่มองด้านล่างลงมาเป็นเขื่อน ใกล้ๆกันมีน้ำตกที่ไม่ปรากฏชื่อในแผนที่!! สายน้ำเล็กๆที่ไหลผ่านหน้าเต๊นท์พวกเรา คือน้ำที่แบ่งสายมาจากน้ำตกซึ่งไหลลงมาจากภูเขาลงเขื่อน บรรยากาศต้องบอกว่าสุดๆจริงๆ หลังจากกางเต๊นท์เสร็จก็ลองเดินสำรวจน้ำตกครับ ทีแรกนึกว่าน้ำตกเล็กๆ แต่พอเดินลัดเลาะไปตามเสียงน้ำตกก็พบว่า ไม่เล็กเลย แต่เนื่องจากทางที่เดินลงมาค่อนข้างลำบาก คนก็เลยไม่นิยมมาเล่น กอรปกับค่อนข้างอันตรายนิดนึ่งเพราะด้านล่างเป็นเขื่อน ถ้าลื่นมีหวังไหลลงเขื่อนแน่นอน หลังจากสำรวจเสร็จก็กลับไปทำอาหารกินกันที่เต๊นท์ครับ บรรยากาศทำอาหารกินเองหวนให้ระลึกถึงสมัยเข้าค่ายลูกเสือ สมัยนั้นได้มาม่าปลากระป๋องนี่ก็ถือว่าเลิศแล้ว คืนนี้มีฝนปรอยๆทำให้บรรยากาศเย็นลงนิดนึง นอนฟังเสียงฝนและเสียงน้ำตก บางคนอาจรำคาญ แต่สำหรับผมบอกเลยว่า ฟินนนนน เช้าประมาณตี 5 เปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดกีฬา ออกไปวิ่งที่เขื่อนศรีนครินท์ บรรยากาศต้องบอกว่าคุ้มค่าตื่นมากๆ..หมอกหนาเต็มพื้นที่ ราวกับวิ่งบนสวรรค์ หลังจากวิ่งเสร็จก็กลับมาทานอาหารเช้ากันที่เต๊นท์ และหลังจากนั้นสายๆ ก็เก็บเต๊นท์ และมุ่งหน้าไปหาน้ำตกอีกที่หนึ่ง เราออกเดินทางจากจุดกางเต๊นท์ประมาณ 40 กิโลเมตร ก็มาถึง “น้ำตกแม่ขมิ้น” น้ำตกแม่ขมิ้น เป็นอุทยานแห่งชาติครับ ดังนั้น จึงมีบริการจุดกางเต๊นท์ มีร้านค้าสวัสดิการ เรียกว่าเป็นอีกที่หนึ่งสำหรับคนที่ชอบกางพักแบบกางเต๊นท์ มีเต๊นท์ให้เช่าหรือจะเอาเต๊นท์มาเองก็สะดวก จบปุ้บปั้บทริปแต่เพียงเท่านี้ครับ