Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

ชาวนา

เลือดชาวนา อ่านต่อ

เลือดชาวนา

เรื่องทั่วไป 5 March 2010

หลังจากเปิดหมวดหมู่ใหม่ ก็เลยอัดแต่เรื่องในหมวดหมู่ใหม่ไปเยอะ..วันนี้มาเข้าเรื่องที่อยู่ในหัวตามเดิมบ้าง หลายอย่างเกิดขึ้นและดับไปในหัว บางอย่างดับไปแล้วแต่ยังมั่นอยู่ในสัญญา คือยังจำได้อยู่ แต่บางอย่างได้หายไปแล้วกับกาลเวลา ไอเดีย หรือแรงบันดาลใจเกิดขึ้นในใจผมหลายครั้งมาก แต่น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถรักษาพวกเขาให้อยู่กับเราตลอดไป .. แต่มันต้องมีวิธีสิ ต้องมีวิธีที่จะรักษาไอเดียและแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นในใจ ณ เวลานั้นๆ ให้อยู่กับเราตลอดไป เพื่อใช้เป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตให้ดำเนินไปอย่างถูกต้องตามครรลอง อังคารที่ผ่านมา มีความรู้สึกภาคภูมิใจในอาชีพบรรพบุรุษของผมเกิดขึ้น ซึ่งแทบจะกล่าวได้ว่ามันเกิดขึ้นน้อย และหลังๆแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยกับอาชีพนี้ นั่นคือ อาชีพชาวนา !! ชาวนาผู้น่าสงสาร ทำงานหนักทั้งปี แต่มีหนี้ท่วมตัว ฝนไม่ตกข้าวก็พัง ฝนตกมากข้าวก็เน่า มีลูกสาวลูกชาว ประดาลูกๆ ก็ไม่อยากเป็นชาวนา ไม่มีความภาคภูมิใจในอาชีพบรรบุรุษนี้แล้ว อยากเรียนต่อ เรียนสูงๆ ..ชาวนาผู้น่าสงสาร จะเอาเงินที่ไหนส่งลูกเรียน ในเมื่อข้าวราคาแสนถูก ผลิตผลแต่ละปีก็ย่ำแย่ ไม่น้ำแห้ง ก็น้ำท่วม แต่สุดท้ายด้วยความรักลูก ก็ต้องยอมสละสมบัติชิ้นสุดท้ายอันเป็นที่ทำงานมาทั้งชีวิต นั่นคือ ที่นา !! ชาวนาผุ้น่าสงสารทำนาเหมือนเดิม แตกต่างแต่ว่า นานั้นไม่ใ่ช่ของตนอีกต่อไป ความหวังสุดท้ายอยู่ที่ลูกชายลูกสาวที่ส่งเสียไปร่ำเรียนถึงในกรุง ชาวนาผู้น่าสงสารยังมีสัตว์เลี้ยงที่น่าสงสารยิ่งกว่าอีก นั่นคือ ควาย  ~ โง่เหมือนควาย ไอ้ควาย!! คนฉลาดในเมืองหลวงคอยตักตวงเอาผลประโยชน์จากชาวนาผุ้น่าสงสารที่พลัดหลงเข้ามาในเมืองหลวง กดขี่ข่มเหง คนที่ทนต่อสภาพกดดันนั้นได้ กลายเป็นอดีตชาวนาผู้มีประสบการณ์ทางมิจฉาชีพในเมืองหลวงสูง เขาผันตัวเองเป็นผู้ตักตวงผลประโยชน์ หลอกลวงคนอื่นบ้าง นั่นคือ ผลผลิตจากอดีตที่เจ็บปวดของเขา ชาวนาผู้น่าสงสารที่ไม่เข้าในเมืองหลวง ก็กลับถูกผู้อยู่ในเมืองดั้นด้นไปจนถึงชายทุ่ง หลอกลวงขอซื้อที่ด้วยราคาที่แทบจะถูกกว่าล้อรถยนต์ ความภาคภูมิใจในอาชีพชาวนาเมื่อในอดีตสูญสิ้น เมื่อกล่าวถึงอาชีพนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า “จน” และค่อนข้าง “โง่” จนเมื่ออังคารที่ผ่านมา ผมดูรายการคนค้นฅน ตอน  ตุ๊หล่าง เลือดชาวนา ความภาคภูมิใจในอดีตค่อนก่อตัวขึ้นใหม่ ตุ๊หล่าง เป็นผู้ที่ไม่หยุดคิดในการพัฒนาตนเองและวิชาชีพชาวนาเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง อาชีพชาวนาเป็นอาชีพที่ยิ่งใหญ่ในความคิดของตุ๊หล่าง และเขาทำให้ทุกคนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตุ๊หล่างทำให้ทุกคนรู้ว่า ชาวนา ไม่ใช่อาชีพที่ยากจนหรือถึงจนก็จนแค่ภายนอก แต่ภายในใจนั้นเปี่ยมสุขอย่างล้นเหลือ ชาวนาอย่างตุ๊หล่างมิได้ทำแค่นา แต่ได้ทำหน้าที่ของนักอนุรักษ์ อนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้สารพิษเพื่อฆ่าแมลงในนา แต่เลี้ยงกบ เลี้ยงปลาเพื่อให้ช่วยฆ่าแมลงแทน ให้ธรรมชาติปรับธรรมชาติอย่างสมดุล โดยมนุษย์เป็นแค่ผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด  ตุ๊หล่างบอกว่า รู้สึกตัวเองด้อยพัฒนาลงทันที หากปีไหนไม่ได้ทำนา ทุกปีที่ลงมือทำนา นั่นหมายถึงการได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริง ตุ๊หล่างเลี้ยงข้าวด้วยความรัก…

คนค้นฅน ชาวนา

หลุด4เหี้ย

เรื่องทั่วไป 26 June 2011

หลุด 4 หลุด เข้าโรงตั้งแต่เดือนมกราคม วันนี้พึ่งมีโอกาสเข้าร้านวีดีโอจึงเช่ามาเบิ่งชม.. หลุดสี่หลุดเป็นหนังสั้นสี่เรื่องจิตหลุดโดยสี่ผู้กำกับ ผมชอบหนังสั้นเพราะรวบรัดดี ไม่ต้องอารัมภบทกันมาก ผีจะออกก็ออกตั้งแต่เนิ่น คนจะชั่วก็ชั่วได้ตั้งแต่ต้นเรื่องเลย ไม่ต้องปูพื้นมากมายเสียเวลา หลุดแรก “เกรียนล้างโลก” สั้นมาก สั้นจริงๆ มีฉากเดียวคือโต๊ะกลางแจ้ง นั่งคุยกันตามประสาวัยรุ่นที่ต้องเริ่มต้นประโยคด้วยเหี้ย และลงท้ายด้วยสัตว์..เหมือนเป็นโครงสร้างภาษาไทยแบบใหม่ ต้องเปิดประโยคด้วย “เหี้ย” หรือ “ห่า” และปิดประโยคด้วย “สัตว์” หรือ “แม่ง” หลุดแรกทำเอาผู้ชมหวั่นไหวกันเลยทีเดียว หวั่นไปถึงว่าหลุดต่อๆไปจะมาตรฐานเดียวกันหรือเปล่า เพราะมันสั้นและบอกตามตรงยังไม่รู้เรื่องห่าอะไรเลย เหมือนหนังทำเล่นๆ หลุดที่สอง “ร้านของขวัญแด่คนที่คุณเกลียด” เรื่องนี้เปิดประเด็นได้น่าสนใจและสยองเล็กๆ แต่มันมีดีแค่นั้นเอง กลางเรื่องจืดชืด นิ่งสนิทจนต้องเผลอหลับ แถมตอนจบมีหักมุมแบบกวนตีน..เหี้ยเอ้ย ผมไม่ได้ด่าหนัง แต่พระเอกเขาพูดประโยคนี้เกือบทุกบทสนทนาอีกเช่นเคย โครงสร้างภาษาไทยแบบใหม่ๆ หลุดที่สาม “คืนจิตหลุด” ได้นักแสดงขั้นเทพอย่างอนันดานับว่าสร้างความน่าสนใจได้ไม่น้อย พี่แกเล่นหนังได้เทพจริงๆ บทโรคจิตพี่แกตีบทซะแตกกระจุย เรื่องนี้ถ้าดูในโรง แม่ที่พาลูกเล็กๆเข้าไปดูด้วย สงสัยต้องรีบพากลับบ้าน เพราะมีฉากสยองขวัญสั่นประสาทอย่างฉากตัดนิ้วตัวเองทีละนิ้วๆ ให้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมอย่างเดียวบทอ่อนและการหักมุมแบบไม่น่าหักทำให้หนังสนุกน้อยลง จบแบบ..เหี้ยเอ้ยเช่นกัน และหลุดสุดท้าย “ฮู อา กง” เรื่องนี้อารมณ์เดียวกับบุปผาราตรีภาคแรก ขำก็ขำ พอบทจะน่ากลัวก็โคตรน่ากลัว แต่แล้ว..หนังก็จบแบบปัญญาอ่อนและเหี้ย..อีกเช่นกัน คือ ดูจะเป็นหนังครอบครัวๆ พูดจากันดีมีการศึกษากว่าสามตอนก่อนหน้านี้ แต่แล้วนางเอกที่หมวยใสน่ารักก็พูดคำว่า “เหี้ย” ซะเอง เท่านั้นไม่พอ ผีอากงที่พูดไทยไม่ค่อยชัดเลย แต่พูด “เหี้ย” ชั๊ดชัด ผมว่าทั้งสี่เรื่อง ไม่น่าเรียกตัวเองว่าหลุดสี่หลุด น่าจะเรียกว่า “หลุดสี่เหี้ย” มากกว่า เหี้ยเต็มโรงไปหมด ไม่ได้จะถือสาคำๆนี้เท่าไรนะครับ ถ้าตัวละครมันเหมาะกับคำๆนี้ อย่างอนันดาหรือเด็กวัยรุ่นในตอน “เกรียนล้างโลก” ก็ไม่รู้สึกเท่าไร แต่นี่เหมือนตั้งใจให้ทั้งสี่เรื่อง มีเหี้ย เหี้ย และเหี้ยเต็มโรงไปหมด คุณไม่ได้ด่าคนดูใช่มั้ย

หลุด4หลุด

อ้อ..โอเคนึกว่าอ่านไม่ออก

เรื่องทั่วไป 22 March 2010

ใช้ชีวิตในโลกอินเทอร์เนตมาเกือบๆ 10 ปี ชีวิตผมจึงถูกเปลี่ยนให้อยู่ในระบบของโลกออนไลน์มากขึ้น ในโลกแห่งความเป็นจริง (จริงๆ อินเทอร์เนตก็คือโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนกัน แต่จริงน้อยกว่า)  มี 3 ช่องทางการสื่อสาร คือ อ่าน พูด และเขียน  โลกอินเทอร์เนต ก็สามารถสื่อสารได้ทั้ง 3 ช่องทางเช่นกัน คือ ทั้งอ่าน พูด และเขียน แต่ช่องทางพูดอาจจะน้อยกว่า เราอาศัยพูดกันผ่านตัวหนังสือ !! ตัวหนังสือสื่อสาร ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการพูดกันสักเท่าไร หากทั้งคู่(หมายถึงคู่สนทนา) รู้จักกัน(ดี)มาก่อน เคยคุยกันมาก่อน เพียงเห็นตัวหนังสือก็จะสามารถจินตนาการถึงเสียงของคู่สนทนาชัดเจนอยู่ในหัว เหมือนคุยกันอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว หากแต่ว่่าถ้าไม่เคยคุยกันมาก่อน ไม่เคยได้ยินเสียง หรือไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน เพียงตัวหนังสือแม้สื่อมาด้วยคำธรรมดาๆ ก็อาจถูกอีกฝ่ายตีความหมายเป็นอื่นได้ !! ปัญหานี้ อาจทำให้เราเสียเพื่อน หรือร้ายกว่านั้น เพื่อนอาจกลายมาเป็นศัตรูได้อย่างน่ากลัว เหตุการณ์นี้พึ่งเกิดขึ้นกับผม ในฐานะบล็อกแห่งนี้เป็นบล็อกส่วนตัว จึงไม่แปลกที่ผมจะเล่าเรื่องส่วนตัว.. เรื่องมันเกิดขึ้นจากการคุยกันผ่านตัวหนังสือนี่แหละ.. ผมคุยกับเพื่อนแฟนที่อยู่ต่างประเทศผ่านโปรแกรมยอดฮิต Facebook คุยกันบนกระดานหน้าบ้านเขาเลย  ก่อนหน้าที่เขาจะไปอยู่ต่างประเทศ เราก็เคยไปเที่ยว กิน ดูหนังด้วยกันระยะหนึ่ง จนผมทึกทักเอาเองว่า เออ..เพื่อนแฟนก็เพื่อนเราด้วยคนหนึ่ง วันที่เขาบิน เราก็ไปส่งที่สนามบิน ผมแอบชื่นชนกับแฟนว่า เพื่อนหญิงคนนี้ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ ทึ่งกับความกล้าที่่จะบินไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศโดยลำพัง ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังไม่สามารถขนาดนั้น .. หลังจากที่เขาไปต่างประเทศก็หลายปีที่ไม่ได้คุยกัน แต่ก็ได้แอดไว้ใน facebook จนล่าสุดเมื่อวันศูกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 ผมได้ทักทายเขาไปในfacebook และก็ได้การตอบกลับมาด้วยไมตรี ถามสารทุกข์สุขดิบประสาคนที่ไม่ได้คุยกันมาเป็นปี ๆ มันเป็นการสนทนาผ่านตัวหนังสือที่ใช้คนละภาษา คือ เขาพิมพ์อังกฤษมา ผมตอบภาษาไทยไป .. ด้วยความคิดมากของผมเอง ไม่แน่ใจว่าเครื่องที่เขาใช้สามารถพิมพ์หรืออ่านภาษาไทยได้ไหม? จึงถามไปว่า อ่านภาษาไทยได้ไหม? ความหมายคือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่อ่า่นภาษาไทยได้ใช่ไหม? เมื่อเขาตอบว่าได้ ..ผมก็ตอบว่า “อ้อ..โอเคนึกว่าอ่านไม่ออก” ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกหรือประชดประชันแดกดันอะไรแต่อย่างใดเลย เป็นน้ำเสียงตอบบประสาสื่ออย่างเพื่อนคุยกับเพื่อนเท่านั้นเอง แต่คำตอบที่ผมได้หลังจากนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เขาไม่พอใจมากกับประโยคนั้น เขาบอกน้ำเสียงของผมมันเย้ยหยันถึงขั้นดูถูก .. เบื้องต้นผมไม่ทราบว่าเขาโกรธผมจากประโยคไหนที่เราคุยกัน ผมถูกบล็อกไม่ให้ติดต่อใน facebook ยิ่งทำให้ร้อนใจยิ่งกว่าเดิมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมให้เพื่อน…

หนึ่ง
อ่านต่อ

เที่ยวท่อง..ล่องเหนือ – Day 1 ลำพูน

ท่องเที่ยว 13 December 201721 December 2017

ทริปใหญ่ส่งท้ายปี ปีนี้ล่องเหนืออีกครั้ง หลังจากครั้งที่แล้วไปแค่เชียงใหม่ – ดอยอินทนนท์ ครั้งนี้คิดการใหญ่จะไปให้ถึงเชียงราย ดอยแม่สลองด้วยการขับรถไปเอง แผนที่วางไว้คร่าวๆ ก็คือ วันแรกไปพักที่ลำพูนก่อน โรงแรมอิซี่เจ้าเดิมที่ไปพักครั้งก่อน ซึ่งการไปพักซ้ำทำให้ได้ราคาถูกลงนิดนึง สาเหตุที่ต้องพักที่ลำพูนก่อน เพราะมีภาระกิจต้องพาเจ้าหลานตัวเล็กไปส่งให้ตาเลี้ยง วันที่สอง ไปกางเต๊นท์นอนบนดอยอ่างข่าง วันที่สาม ไปนอนบนดอยแม่สลอง วันที่สี่ เข้ามาพักในตัวเมืองเชียงราย วันที่ห้า มุ่งหน้าพิษณุโลก วันที่หก กลับบ้าน นี่คือแผนแบบคร่าวๆ ก่อนหน้าจะออกเดินทางหนึ่งอาทิตย์ ผมพาเจ้าตาลตาลรถคู่ใจไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเช็คระยะ 15000 กิโลเมตร ทริปนี้จะสนุกหรือไม่ปลอดภัยหรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับมันแล้วละ วันที่ 2 ธันวา ประมาณ 6 โมงครึ่งล้อหมุนออกจากบ้าน เจ้าหลานมีอาการงอแงเล็กน้อย เพราะต้องจากพ่อแม่มันไป การจากกันครั้งนี้ไม่รู้เมื่อไรจะได้พบกันอีก แต่เจ้าหลานตัวน้อยเหมือนเริ่มจะชินกับการจากลา เพราะครั้งนี้ไม่ใ่ช่ครั้งแรก มันร้องไห้แป๊บเดียวก็หยุดและเริ่มตื่นเต้นกับการเดินทาง.. การเดินทางครั้งนี้ผมเลือกไปทางด่วนบางปะอิน คราวก่อนไปทางสุพรรณบุรี ความจริงเส้นทางที่ไปทางสุพรรณบุรีใกล้กว่า กูเกิ้ลบอกว่ามีระยะทางแค่ 656 กิโลเมตร แต่ทางที่มุ่งไปทางด่วนมีระยะทางถึง 692 กิโลเมตรแถมมีค่าทางด่วนอีกต่างหาก แต่ผมก็เลือกที่จะไปทางนั้น ดู๊ดู -_” จำไว้เลยว่า ถ้าไปทางเหนือโดยเดินทางจากบ้าน ต้องไปทางสุพรรณบุรี!! ลางไม่ดีตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง น้องชายแฟนซึ่งเป็นพ่อของหลานที่เราจะพาไปฝากตาที่ลำพูนแจ้งมาทางเฟสบุคว่า มันลืมโทรศัพท์ไว้ที่เบาะหลังรถ! ซึ่งก็ยากที่จะกลับรถเอาไปให้ เพราะนี่ก็ออกมาไกลถึงอยุธยาแล้ว จึงตั้งใจว่าถ้าเจอไปรษณีย์จะแวะส่งไปให้ ประมาณ 10 โมงเช้า ขับมาเรื่อยๆจนถึงนครสวรรค์ หันไปเห็นไปรษณีย์ขนาดใหญ่ตรงสี่แยก จึงแวะเข้าไปหมายจะส่งโทรศัพท์กลับคืน แต่เจ้ากรรมวันนั้นเป็นวันเสาร์ไปรษณีย์บอกจะเปิดทำการตอนบ่ายสอง ป่วยการที่จะรอ จึงออกเดินทางต่อไปยังลำพูน ถึงลำพูนประมาณบ่าย 4 โมงใช้เวลาเกือบ 10 ชั่วโมง เพราะแวะหลายจุด แต่ละจุดก็ใช้เวลาค่อนข้างมาก เช็คอินที่พักที่ลำพูนเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าหลานตัวเล็กไปส่งให้คุณตา ทานอาหารเย็นกับคุณตาเรียบร้อยก็กลับที่พัก และฝากโทรศัพท์ให้คุณตาช่วยเป็นภาระส่งคืนเจ้าของด้วย วันแรกแห่งการเดินทางสิ้นสุด ณ ตรงนี้ ด้วยความที่ร่างการค่อนข้างฟิต จึงไม่มีความเหนื่อยสำหรับการขับรถยาวไกลนี้เลย การออกกำลังกายทำให้การเที่ยวสนุกยิ่งขึ้น ก่อนจะหมดวันแห่งการเริ่มเดินทาง จึงอยากจะบันทึกสั้นๆถึงเมืองลำพูน เมืองลำพูนเป็นครั้งที่สองแล้วสำหรับการมาพัก เมืองลำพูนเป็นเมืองเล็กๆ มีถนนหนทางเล็กๆ พอหลังตะวันตกดินก็เงียบ สงบ และมืดมาก การขับรถในตัวเมืองต้องระวังมากๆ เพราะด้วยขนาดถนนที่เล็ก…

easy hotel ลำพูน
อ่านต่อ

ทริปลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ (ตอนที่ ๓)

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 17 February 20163 November 2017

ออกเดินทางจากลำพูนตอนบ่ายโมงกว่าๆ มุ่งหน้าสู่อำเภอจอมทอง เชียงใหม่ จุดหมายคือ “ขุนวาง”

ขุนวาง เชียงใหม่
อ่านต่อ

วันเพ็ญเดือน ๑๒ กับน้องเขาใหญ่

สุขกะภาพ 5 November 200921 September 2016

เมื่อวันเพ็ญเดือน 12 ที่น้ำนองเต็มตลิ่ง และเราทั้งหลายชายหญิง สนุกกันยิ่งวันลอยกระทงนั้น ..ขณะที่ดอกไม้ไฟและพลุระเบิดทั่วท้องฟ้า เด็กแว๊นซ์ เด็กสก๊อยส์บิดมอเตอร์ไซต์ไปลอยกระทงกันนั้นเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจ้านกเขาลืมตาดูโลก อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว (อ่านเรื่องที่เคยเล่าแล้วนั้นคลิก) ว่าที่ระเบียงบ้าน มีนกเขามาอาศัยอยู่ด้วย ผู้พี่ลืมตามาดูโลกก่อนในวันลอยกระทง ผมตั้งชื่อให้ทันทีว่า “เขาใหญ่” ส่วนผู้น้องที่ยังคงนอนขดอยู่ในไข่ ผมตั้งชื่อให้ล่วงหน้าเลยว่า “เขาเล็ก” เมื่อทั้งสองพี่น้องลืมตาดูโลกในเวลาที่แตกต่างกันเช่นนี้ ย่อมสร้างความลำบากแก่แม่นกเขาไม่น้อย เนื่องจากจะต้องฟักอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตัวที่อยู่ในไข่ได้รับความอบอุ่นและพร้อมที่จะออกจากไข่ ขณะเดียวกันก็ต้องแบ่งเวลาไปหาอาหารเพื่อลูกที่ฟักออกมาแล้วนั้นด้วย เพราะนกเขาไม่ได้เลี้ยงลูกด้วยนม แม้ผมจะพยายามหาข้าวสาร ไปโรยใกล้ๆบ้านของมัน แต่แม่นกเขาเป็นนกที่หยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่แม้แต่จะชายตามอง มันทะยานขึ้นไปสู่ท้องฟ้า มุ่งหาอาหารตามวิถีของมัน ผมพยายามจะมองหานกเขาผู้สามีที่จะมาช่วยดูแล ก็ไม่เห็น เป็นไปได้ว่า เธอถูกพ่อแม่ฝ่ายชายกีดกัด  จึงถูกขับไล่ออกจากบ้านหลังใหญ่ เธอคงไม่ได้บอกเรื่องนี้ต่อคนรัก เพราะรู้ตัวว่าต่ำต้อยไม่คู่ควร เธออยากจะไปเสียให้ไกลๆ ให้พ้นจากนกใจร้ายเหล่านั้น  อยากจะไปให้พ้นหน้าเขา เขา นกผู้เป็นที่รัก ที่แม้เธอจะเจ็บช้ำน้ำใจเพียงไร ก็ต้องใจอ่อนทุกทีที่ปะหน้ากัน ป่านนี้ เขาคงบินหาเธออย่างท้อแท้ เขาคงยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเป็นพ่อนก.. เรื่องนี้จะจบด้วยความแฮปปี้เอ็นดิ้งอย่างละครเรื่อง น้ำตาลไหม้ หรือไม่นั้น ..ต้องติดตามต่อไป แต่วันนี้ผมอยากจะพาไปเยี่ยมชมบ้านเช่าของโบ เอ้ย ของนกเขาและลูกๆกัน พุ่มพลูด่างเป็นบ้านของ(นก)เขา แอบย่องไปดูภายในบ้านของ(นก)เขากัน..แม่มันไม่อยู่อีกตามเคย เขาใหญ่ ณ วันแรกที่ลืมตาดูโลก ข้างๆ นั่นคือเขาเล็ก ยังนอนคดอยู่ในไข่ ป.ล. ถ้าเขาเล็กลืมตาดูโลกเมื่อไร..จะถ่ายรูปมาให้ดูอีกทีละกันนะ

นกเขา เขาใหญ่

EMOTIONAL BANK ACCOUNT

เรื่องทั่วไป 2 February 2010

อาทิตย์นี้ได้หนังสือมาสองเล่ม รู้สึก ว่าตัวเองอ่านหนังสือน้อยลง กลัวจะถูกจัดอยู่ในพวกปีหนึ่งอ่านหนังสือ 8 บรรทัด เลยต้องหาขวนขวายมาอ่านซะหน่อย เล่มแรก เป็นหนังสือของนักเขียนรางวัลซีไรต์อย่างคุณวินทร์ เหลียววารินทร์ที่ผมเป็นแฟนอยู่  ชื่อ หนังสือ “ฝนตกขึ้นฟ้า นวนิยาย ฟิล์มนัวร์” อีกเล่มสั่งซื้อผ่านอินเทอร์เนต ชื่อหนังสือ Zig Zag เมื่อแกะดำทำธุรกิจ ของคุณประเสริญ เอี่ยมรุ่งโรจน์ ที่ผมรู้จักท่านจากรายการคม ชัด ลึก เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ในสองเล่มนั้น ของคุณวินทร์หนากว่า ดังนั้น จึงถูกวางไว้ก่อน แกะดำทำธุรกิจบางกว่า จึงถูกหยิบจับมาเปิดอ่านก่อน ผมพอเข้าใจแนวคิดของคุณประเสริฐมาบ้างจากรายการ คม ชัด ลึก  เป็นแนวคิดของการทำธุรกิจแบบแกะดำ กล่าวคือ ไม่เดินตามรอยคนอื่น ไม่เลี้ยวขวาไปตามทางที่คนหมู่มากเลี้ยวไป  สอนให้รู้จักคิดอย่างมีระบบ มีเหตุผล สอนวิธีคิดที่คุณประเสริฐเน้นว่าสำคัญที่สุดกว่าองค์ความรู้  ใชสมองทังสองด้านทำงาน โดยให้สมองซีกขวานำและตามด้วยสมองซีกซ้าย จากเนื้อหา 130 หน้า  31 บท แต่ละบทมีแนวคิด คำคม และปรัชญาการทำธุรกิจแบบแกะดำ มีกรณีศึกษาจากบริษัทใหญ่ๆทั่วโลก บอกตามตรงบางบริษัทที่คุณประเสริฐยกตัวอย่างมาเล่าให้ฟัง ผมไม่รู้จักมาก่อนเลย  แต่ก็ ไม่ได้ทำให้อรรถรสในเนื้อหาด้อยลงนะครับ ด้วยลีลาการเขียนที่คุณประเสริฐแกออกตัวว่า แกคิดช้า เขียนช้า บทหนึ่งๆแกใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง จึงเป็นเนื้อหาที่ประกอบด้วยสาระ ได้เห็นความตั้งใจที่คุณประเสริฐพยายามอัดใส่ทุกบท ใช่แต่แกจะพูดถึงการทำธุรกิจอย่างเดียว การใช้ชีวิต การคิดและการตัดสินใจ คุณประเสริฐก็เขียนไว้อย่างน่าอ่าน ผมชอบเรื่อง EMOTIONAL BANK  ACCOUNT กล่าวถึงการฝากความรู้สึกดีๆไว้กับ คนอื่น โดยอาศัยแนวคิดจากการฝากเงินไว้ในธนาคาร เงินในธนาคารยิ่งฝากมากยิ่งมีเก็บมาก ความรู้สึกดีก็เช่นกัน ยิ่งฝากไว้กับคนอื่นไม่ว่าคนนั้นจะเป็นใคร ฝากมากๆ เราก็ย่อมมีมาก เมื่อใดที่ชีวิตเราพบอุปสรรค อาจจะมีวันที่ความรู้สึกระหว่างเรากับคนรอบข้างอาจจะขุ่นมัว สิ่งที่เราฝากและสะสมบน Emotional Bank Account จะเป็นตัวช่ว่ย คุณประเสริฐ อธิบายการออมความรู้สึกดีๆ ว่า การฝาก คือ การที่เราเป็นคนมีน้ำใจ เปนคนรักษาคำมั่นสัญญา ดำรงตนเป็นคนน่าเชื่อถือ หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยที่คนอื่นไหว้วานก็ทำให้ การถอน…

แกะดำ

งานแต่งใครใคร..เป็นได้แค่แขกรับเชิญ..

สุขกะภาพ, เรื่องทั่วไป 27 August 20096 January 2016

ไม่รู้ว่าวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม เป็นวันฤกษ์ดีอะไร ขนาดไหน ยังไงนะ รู้แต่ว่า วันนี้มีงานของคนรู้จักที่ต้องไปร่วมด้วยช่วยกัน ถึง 2 งาน !! งานแรกเป็นงานแต่งของเพื่อน สิงห์ หรือ เนธิวรรธน์ สิงห์ทอง เริ่มงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า กินเลี้ยงกันตอนเที่ยงจนถึงเย็น งานที่สองเป็นงานทำบุญบ้าน พร้อมทำบุญให้ปู่ผู้ล่วงลับ งานเริ่ม 10 โมงเช้าเป็นต้นไป!! วันตรงกันพอไหว แต่นี่งานยังตรงกันอีก โชคดีตรงที่ว่า งานทั้งสองอยู่ไม่ห่างกันมากนัก งานหนึ่งเกิดขึ้นแถวสะพานพระนั่งเกล้า อีกงานหนึ่งอยู่ประชาชื่น 44 งานนี้ต้องวางแผนกันดีๆหน่อย ไม่อย่างนั้นอาจมีปัญหาได้ จังหวะนี้คิดถึงเพลงของทาทาขึ้นมาทันที “..อยากเก็บเธอไว้……ทั้งสองคน” หลังจากวางแผนไว้ในใจแล้ว เช้าวันอาทิตย์ก็ดำเนินตามแผนการณ์ทันที ผมต้องตื่นเช้าในเวลาปกติในวันทำงาน คือ 6 โมงครึ่ง อาบน้ำ แต่งตัว ไปงานแต่งในตอนเช้าก่อน บรรยากาศตอนเช้า มีทำบุญเลี้ยงเช้าพระ เสร็จแล้วมีแห่ขันหมากในเวลา 9.09 นาที บรรยากาศของงานแต่งละนะ ขาดไม่ได้เลยคือแอลกอฮอล์ ตอนเช้าด้วยความจำใจให้ดื่มไป 2 แก้ว หลังจากแห่ขันหมากเสร็จ ผมต้องขึ้นแท็กซี่เพื่อไปอีกบ้านหนึ่ง เพื่อทำบุญบ้าน งานนี้ได้รับความไว้วางใจให้เป็นทายก มีหน้าที่อาราธนาศีล, อาราธนาพระปริตร ถวายของพระ ฯลฯ หลายคนชมบอกว่าทำหน้าที่ได้ดี โดยหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังนั้นระกำแสน ด้วยฤทธิ์เหล้าในงานแต่งแค่ 2 แก้ว ทำเอาสมองอลอึง อาราธนาศีลแบบมึนๆ  สมองสั่งการได้ช้ากว่าปกติ (เข้าใจเลยว่าตัวเองคออ่อน(มาก) และที่เข้าใจมากไปกว่านั้น คือ คนกินเหล้า เป็นคนอันตรายแค่ไหน หากต้องทำหน้าที่ขับรถ) ขณะที่เข่าทั้งสองข้างพอง ด้วยต้องคุกเข่าบนพื้นแข็งเป็นเวลานาน หลังจากทำหน้าที่ทายกเสร็จสิ้น ก็บึ่งกลับไปที่งานแต่งอีกครั้ง ครั้งนี้ยิงตรงไปยังสถานที่กินเลี้ยง นั่นคือ ร้านแดรี่ ควีน สะพานพระนั่งเกล้าฯ พอไปถึง เพื่อนๆหลายคนเมาล่วงหน้าไปแล้ว วันนี้อาจจะเมาเร็วกว่าปกติ ด้วยอากาศที่ร้อนระอุ บวกกับดีกรีของเหล้าแบบ on the rock (เหล้าเพียวๆไม่ผสมโซา น้ำอัดลม หรือน้ำแข็ง) พอผมย่างกรายไปถึง เพื่อนๆเหมือนกลัวเราจะเสียเปรียบที่ยังไม่เมา…

สิงห์ แต่งงาน

ใจหายไปเลย

ไดอารี่ 8 September 2008

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เขียนเลย ไม่อยากจะอ้างงาน อ้างโน่น อ้างนี่ ท้ายที่สุดแล้ว ก็คือความขี้เกียจและไร้วินัยในตัวเอง   สถานการณ์บ้านเมืองก็ยังคลุมเครือ จะไปต่อก็ไม่ได้ ถอยไปก็ยาก อยู่อย่างงงๆ กันต่อ ก็ต้องรอดูกันต่อไปอย่างมีสติ ช่วงนี้ต้องพิจารณาข่าวกันอย่างมีสติมากขึ้น ข่าวมาจากไหน เป็นกลางหรือเอนเอียงก็มีผลต่อการพิจารณา อย่าตื่นข่าวเกินเหตุ ~ บอกตัวเอง เมื่ออาทิตย์ก่อน (ประมาณวันที่ 31 สิงหาคม) พึ่งรู้ตัวว่า ATM หายไป รู้ตัวตอนที่จะกด ATM ตอนประมาณ 5 ทุ่ม รีบมานั่งทบทวนว่ามันหายนานแค่ไหนแล้ว โชคดีว่า มันพึ่งหายได้วันเดียว ที่ว่าโชคดี เพราะบางครั้ง ระยะเวลาระหว่างการกดเงินมันห่างกันเป็นอาทิตย์ กว่าจะรู้ตัวเงินอาจหมดจาก ATM แล้วก็ได้ รีบโทรไประงับบัตรและเช็คยอดเงินว่าอยู่ครบมั้ย   ตอนที่รอคำตอบจากคอลเซ็นเตอร์ตอนเช็คยอดเงิน ใจระทึกมาก อารมณ์ประมาณโทรไปถามผลสอบจากเพื่อนที่กำลังดูจากป้ายประกาศให้ ถึงแม้ ATM จะมีรหัสป้องกัน หากกดผิด 3 ครั้ง มันจะยึดบัตร แต่อย่าลืมว่าบัตร ATM ในปัจจุบันอยู่ในรูปของบัตร DEBIT ด้วย นั่นคือ สามารถใช้รูดเงินได้ .. ผมเริ่มใจคอไม่ดี   แต่สุดท้าย ยอดเงินในบัญชีก็อยู่ครบจากเหตุการณ์นี้ ผมเลยมานั่งตรึกตรองว่า ATM หายตอนไหน ที่ไหน ยังไง? เพราะปกติผมเป็นคนค่อนข้างรอบคอบในเรื่องนี้ คิดไปคิดมา ก็เลยจำได้ว่า น่าจะเกิดขึ้นที่ตลาดคลองตัน ขณะกดเงินอยู่นั้น บังเอิญโทรศัพท์เข้า ผมรับโทรศัพท์พร้อมกับหยิบเงินใส่กระเป๋า แต่ลืมหยิบบัตรมาด้วย!! ปัญหาจาก ATM หายที่ตามมาก็คือ การต้องไปธนาคารเพื่อทำ ATM ใหม่ ปกติของธนาคารไทยพาณิชย์ สามารถไปทำใหม่ที่สาขาไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสาขาที่ได้ไปเปิดบัญชีไว้ก็ได้ ผมเปิดบัญชีไว้ที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน แต่จะไปทำ ATM ใหม่ที่สาขาคลองตัน ปรากฏว่า สมุดบัญชีผมด้านหลังไม่มีลายเซ็นต์ของพนักงานที่เปิดบัญชีให้ จึงไม่สามารถทำได้ในสาขาอื่น ต้องไปที่สาขาที่เปิดบัญชีเท่านั้น !!   ถามว่ากรณีนี้ ผมผิดเหรอ?“คุณไม่ผิดหรอกครับ..เจ้าหน้าที่เขาลืมเอง” พนักงานชายตอบในเมื่อพวกคุณผิดเอง…

atm
อ่านต่อ

ครั้งแรกในการวิ่ง Half Marathon ณ อยุธยา

วิ่ง, สุขกะภาพ 30 August 20172 November 2017

นับตั้งแต่เข้าสู่วงการ “วิ่ง” การไปร่วมวิ่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาถือว่าเป็นการวิ่งที่ตื่นเต้นที่สุด ทั้งเส้นทางวิ่งที่รายล้อมด้วยวัดวาอารามที่ดูขลัง และสำคัญที่สุดการเดินทางเพื่อไปร่วมวิ่ง

half marathon พระนครศรีอยุธยา วิ่ง

ได้เวลา..เอาเลือดบ้าออก

ไดอารี่ 12 January 2010

หยุดเสาร์-อาทิตย์ กิจกรรมออกกำลังกายและงดมื้อเย็นของผมก็มีอันต้องหยุดไปด้วย ตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าวันอาทิตย์นี้ จะไปบริจาคเลือดให้ได้ หลังจากปีที่แล้ว ไปแค่ครั้งเดียว และครั้งเดียวนั้นก็ถูกปฏิเสธจากสภากาชาดด้วยข้อหา “เลือดลอย”  ก่อนบริจาคเลือดจะมีกระบวนการวัดความดัน และเจาะเลือดตรวจก่อน หลังจากสูบเลือดจากปลายนิ้วเสร็จแล้ว เขาจะหยดแหมะลงในน้ำยาสีฟ้า ถ้าเลือดปกติมันจะดิ่งลงก้นขวดในทันที ถ้าเลือดจาง มันจะค่อยๆจม หรือไม่จมเลย ที่เราเรียกว่า “เลือดลอย” นั่นแหละครับ สาเหตุมาจาก นอนดึก พักผ่อนน้อย หรือเคยบริจาคเลือด แต่ไม่กินยาบำรุงเลือด ผมอยู่ในจำพวก ไม่กินยาบำรุงเลือดที่เขาาให้มา สาเหตุคือ ผมแพ้ยาวิตามินเม็ดสีแดงมันๆ หวานๆ นั่นอย่างรุนแรง ร่างกายจะสร้างปฏิกิริยาต่อต้น พะอืดพะอมจนจะอาเจียนพู่งปรี๊ดกลับมาทางเดิมให้ได้ ..อาการแพ้มันเกิดขึ้นเพราะผมอุตริเอง เมื่อสมัยบริจาคเลือดยุคแรกๆเมื่ออายุ 17-18 พอได้ยาบำรุงเลือดมา ก็กระดกหมดทั้งถุง ตั้งแต่บัดนั้นละครับ ผมเกลียดยานี้อย่างรุนแรง อย่าว่าแต่กินเลย เห็นหน้ายาก็เกิดอาการแล้วละ วันนี้ตั้งใจว่าจะบริจาคจริงๆ เย็นวันก่อนไปบริจาคเลยปฏิเสธแอลกอฮอลล์จากเพื่อนๆในงานแต่งจนสิ้น ได้ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการบริจาคเลือดครับ ก่อนจะบริจาคเลือด นอกจากต้องนอนให้พอ กินอาหารให้อิ่ม ไม่กินยาพารา ยาแก้อักเสบแล้ว ภายในวันนั้นก่อนบริจาคเลือด ต้องอย่ากินอาหารมันๆ เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ ฯลฯ วันนี้คนมาบริจาคเยอะพอสมควร เวลาบ่าย 2 โมงแล้ว คิวยังยาวเฟื้อย มีเทคนิคนิดหนึ่งสำหรับคนที่ไปบริจาคแล้ว พบว่ามีคิวยาวมาก แนะนำให้ว่า ก่อนกรอกรายละเอียดในการบริจาคเลือดให้ไปกดบัตรคิวก่อน กดบัตรคิวทั้งข้างบนและข้างล่าง คิวข้างล่างเพื่อเจาะตรวจเลือดวัดความดัน ส่วนคิวด้านบนเพื่อเจาะเก็บเืลือด เอาคิวทั้งสองที่มาก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับการบริจาค อาจจะช่วยให้เร็วขึ้นอีกนิดนึง เลือดผมค่อนข้างดี เร็ว และแรง อาจเพราะอั้นมาทั้งปี หลังจากไปนอนกำแบๆ แป๊บเดียว ก็เต็มกระปุกแล้ว เต็มก่อนคนที่เข้าไปก่อนซะอีก  วันนี้เจอพวกแปลกๆมาบริจาคเลือด แบกกล้องตัวใหญ่มาด้วย แล้วก็เที่ยวถ่ายทุกช็อตตั้งแต่ทางเดิน จนกระทั่งบันไดเลื่อน ถ่ายๆ พอตัวเองต้องนอนให้เลือด ก็ยังอุตส่าห์หยิบกล้องตัวใหญ่กระเตงถ่ายแขนตัวเองที่มีเข็มปักอยู่อย่างยากลำบาก.. ไม่รู้ถ่ายไปอวดใคร แต่เอาเถอะ..ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แถมยังได้บุญด้วย ผมก็ขออนุโมทนาด้วยคนน่ะ หลังจากบริจาคเลือดแล้วว่าจะเข้าไปกราบพระพุทธรูปทองคำ วัดไตรมิตรฯ แต่วน 2 รอบ ยังหาที่จอดไม่ได้เลย แดดก็ร้อน รถก็เยอะ คนก็แยะ เลยถอดใจ วันหลังค่อยมาใหม่ละกัน…..

แบ่งตามหมวด

  • say (8)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (61)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (52)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH