Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

บอล

ดูบอล..แล้วย้อนมาดูตัว อ่านต่อ

ดูบอล..แล้วย้อนมาดูตัว

เรื่องทั่วไป 19 June 2010

กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของคนกทม.ในขณะนี้คือดูฟุตบอลโลก คนที่ดูก็มีเป้าหมายแตกต่างกันไป บางคน..ดูเพราะชอบกีฬาฟุตบอล บางคน..ดูเพราะชื่นชอบทีมใดทีมหนึ่งเป็นพิเศษ บางคน..ดูเพราะชื่นชอบนักเตะคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ บางคน..ดูเพราะมีได้มีเสียกับทุกคู่ที่เตะ!! ผมจัดอยู่ในจำพวกแรกและกึ่งๆจะเป็นจำพวกสองนิดหน่อย คือมีทีมที่เชียร์อยู่ในใจด้วย การมีทีมเชียร์อยู่ในใจทำให้การดูฟุตบอลสนุกขึ้นมาก เหมือนดูละคร ยิ่งอินในบทยิ่งสนุก มันต่างจากละครตรงที่ว่า ตอนจบละครมีบทสำเร็จรูป พระเอกกับนางเอกรักกัน.. ผู้ร้ายตาย.. แต่ฟุตบอลมีฉากจบที่หลากหลาย บางครั้งพระเอก(ทีมที่เราเชียร์)อาจจะตายก็ได้ บางครั้งก็จบอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง.. ดูฟุตบอลโลกครั้งนี้ทำให้เห็นอะไรหลายๆอย่างในเกมส์ฟุตบอล 1. ฟุตบอลไม่ใช่เกมส์สำหรับคนเก่ง แต่ต้องโกงเป็น ถึงจะชนะ!! หลายครั้งที่นักเตะแกล้งล้ม แกล้งเจ็บเกินจริง(มากๆ) เพียงเพื่อจะได้ฟาล์ว หรือทำให้คู่แข่งถูกใบเหลือหรือใบแดง ยิ่งดู ยิ่งคล้ายละครไปทุกที เพราะนักเตะ(บางคน)เล่นละครตบตากรรมการและคนทั้งโลกอย่างสมบทบาท ถ้าเป็นแบบนี้กันมากๆ ฟุตบอลไม่เท่และไม่แฟร์เลย 2. เป็นกันเกือบทุกทีมเหมือนมีการสอนเป็นคอร์สเลย สำหรับการถ่วงเวลาหลายๆรูปแบบของทีมที่ มีแต้มนำ ไม่ว่าจะเป็นผู้รักษาประตูที่โอบกอดลูกฟุตบอลนานเป็นพิเศษเมื่อได้ลูก นักเตะที่เดินราวหมดแรงเมื่อต้องไปทุ่มหรือเตะมุม ยิ่งถ้ามีการเปลี่ยนตัวก็จะเดินราวกับว่าสนามฟุตบอลกว้างเป็นหลายร้อยไมล์ กว่าจะเดินมาถึงจุดเปลี่ยนตัวได้ 3. ตำหนิมาสองข้อ แต่ข้อสามขอชมว่านักฟุตบอลเกือบทุกคนมีคุณธรรมเรื่องความอดทนและความไม่ย่อท้อสูงมาก การปะทะกันมีตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการว่าขุ่นเขืองรุนแรง ในยามที่คนเหนื่อยมากๆ การปะทะกันนิดๆหน่อยก็ย่อมเกิดเรื่องได้ง่ายอยู่แล้ว แต่นี่เหนื่อยมาก และปะทะกันก็รุนแรงมาก แต่นักเตะก็แค่ก่นด่าคนเดียวหรือวิ่งไปบ่นไป เรื่องความไม่ย่อท้อก็ต้องยกให้ หลายครั้งที่นักเตะช่วยกันต่อบอลทำเกมส์อย่างสวยหรูไปจนถึงหน้าประตู แต่กลับถูกนักเตะบางคนทำลูกเสียเองไปง่ายๆ อย่างไม่น่าให้อภัย แต่ทุกคนก็ให้อภัยและไม่มัวมาบ่นเพ้อถึงลูกที่เสีย พวกเขารีบวิ่งลงมาช่วยกันป้องกันลูกที่เสียนั้นอย่างรวดเร็ว ลืมเรื่องความเจ็บปวดนั้นได้อย่างเฉียบพลัน และมาเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ได้ ..ตัวอย่างอันนี้น่ายกย่องและน่าเอาไปคิดนะครับ นอกเกมส์ฟุตบอลหลายคนล้มแค่ครั้งเดียวก็ลุกไม่ได้อีกเลย ถ้านักเะตะไม่ลุกอีกเลยหลังจากล้มทีมก็เสียหายได้ แต่พวกเขาล้มแล้วลุก ล้มแล้วลุก หลายๆครั้ง จนบางครั้งทีมที่เป็นต่อก็กลับมาชนะได้อย่างไม่น่าเชื่ออย่างในบอลโลกปีนี้ ทีมที่อ่อนกว่าชนะทีมใหญ่ๆได้ เพราะพวกเขาล้มแล้วลุก ลุกแล้วลืม ลืมแล้วนับหนึ่งใหม่ มันต้องได้ประตูจนได้สิน่า

บอล

ผู้ชนะสิบทิศ

เรื่องทั่วไป 26 May 2009

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย จริงๆมีแผนจะไปเที่ยวสัตหีบกับเพื่อนๆที่ทำงานในวันเสาร์ที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่มีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถเดินทางไปกับเพื่อนๆได้ ฝนตกเกือบทุกวัน ทำให้ไม่อยากคิดถึงการเดินทาง การเที่ยว คิดถึงสภาพท้องถนนที่คลาคลำด้วยรถ ถนนลื่น อุบัติก็เกิดขึ้นง่าย ทะเลคงไม่สวยนัก หากท้องฟ้าไม่สดใส น้ำตกเองคงขุ่นคลั่กหากมีฝน ภูเขาหินผาก็ลื่นเกิดอุบัติเหตุได้ในหน้าฝน หน้าฝนจึงเป็นฤดูที่ไม่เหมาะแก่การเที่ยวเท่าไรนัก แล้วเหมาะแก่อะไรละ?? อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ผมเลือกของแรกเป็นหลัก ผสมด้วยข้อสอง และไม่ละข้อสาม!   เหตุที่ผมไม่สามารถไปเที่ยวกับเพื่อนๆได้ นั่น เพราะติดงานศพครับ ผู้วายชนม์เป็นอดีตข้าราชการทหารผู้ยิ่งใหญ่ ทำคุณประโยชน์แก่สยามประเทศเป็นอเนกอนันต์ ในอดีตท่านเคยออกรบในสงครามเวียดนามในนาม “จงอางศึก” และทำคุณประโยชน์ในฐานะชายชาติทหารแก่ประเทศชาติอย่างมากมาย ด้วยคุณงามความดีนี่เอง ในงานศพถึงคลาคลำด้วยแขกมากหน้าหลายตา และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือ ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อพระองค์ท่านทราบข่าวก็เสียชีวิต ก็ทรงประทานพวงหรีด เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัว ผมได้มีโอกาสไปที่บ้านของอดีตนายทหารผู้ยิ่งใหญ่ จึงได้พบเบื้องหลังแห่งความยิ่งใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพความยิ่งใหญ่, บันทึกต่างๆที่ท่านเขียนบันทึกไว้ตลอด(ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตทุกคนรักการอ่านและการบันทึก ข้อนี้ผมได้ยินมาจากหลายๆท่าน) รวมถึงหนังสือหลากหลาย และหนังสือกองหนึ่งที่สะดุดตาผมยิ่งนัก นั่นคือ หนังสือนิยาย “ผู้ชนะสิบทิศ” โดยยาขอบ แต่ละเล่มมีความหนากว่า 500 หน้า พิมพ์แบบเก่า หนังสือมีความเก่าแก่หน้ากระดาษออกสีเหลืองจนซีด รวมทั้งหมด 10 เล่ม ผมลองหยิบเล่มหนึ่งมาอ่านคำนำที่ยาวเกือบ 5 หน้า เป็นหนังสือที่มีคำนำจากผู้เขียนยาวมาก จึงพบว่า คำนำนี้มิใช่คำนำอย่างหนังสือทั่วๆไป แต่เป็นคำนำที่ผู้เขียนได้กล่าวแก้ต่างจากมีผู้โจมดีในสมัยนั้น เกี่ยวกับเรื่องที่ท่านเขียน โดยถูกกล่าวหาว่าไปลอกคนอื่นบ้าง ไม่ได้คิดเองบ้าง ต่างๆนานาๆ ก็ไม่แปลกใจใครที่ดัง มีชื่อขึ้นมา มักจะเจอข้อกล่าวหาทั้งสิ้น อาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการกล่าวอ้าง นอกจากนี้ท่านยังได้กล่าวขอบคุณ กล่าวถึงความยากลำบากในการประพันธ์ รวมถึงการกล่าวฝากฝังหนังสือยิ่งใหญ่ไว้ในแผ่นดิน   พออ่านคำนำจบ ก็ให้เกิดความกระหายอยากอ่านเนื้อหา ก็เลยอ่าน ตั้งใจว่าจะอ่านฆ่าเวลา อ่านผ่านไปบทแรก บทสอง บทสาม ก็เกิดความติดใจในรสประพันธ์ประหนึ่งกวางติดใจในรสหญ้าอ่อน ศัพท์สำนวนล้วนเป็นภาษาเก่า ต้องทำความเข้าใจ แต่กระนั้นก็หาใช่อุปสรรคไม่ ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุก ยิ่งอ่านก็ยิ่งวางไม่ลง ใครที่เคยอ่านแฮรี่พ็อตเตอร์แล้วติดงอมแงมวางไม่ลง ก็คงจะเข้าใจอาการนี้ของผมได้อย่างดี วางไม่ลง พอหลับตาลงก็ฝันถึง..   ผู้ชนะสิบทิศ เคยเป็นละครที่ยิ่งใหญ่ในอดีต…

อ่านต่อ

คนตัวเล็กเล็ก

บ่น, สุขกะภาพ 3 February 20143 February 2014

สงครามแย่งอำนาจในบ้านเมืองเรากำลังดำเนินไปอย่างอึมครึม ถึงกรุงเทพจะถูกเซตสถานะให้เป็น Shutdown หรือ Restart  แต่อย่าลืมว่าทุกชีวิตในกรุงเทพก็ต้องดำเนินต่อไป ต้องกิน ต้องใช้ ต้องจ่าย จ่ายหนี้ จ่ายค่าเทอมลูก จ่ายค่ายา จ่ายค่าขนม จ่ายค่าเช่าบ้าน ฯลฯ ชายวัยกลางคนที่ทิ้งบ้านเกิดมาหากินในเมืองใหญ่ที่ถูก Shutdown  ภาระที่แบกไว้บนบ่าดูเหมือนหนักหนา แต่เทียบไม่ได้กับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบรออยู่ด้านหลัง ลูกและเมียรอเขาอยู่ที่บ้านอย่างมีความหวัง วันนี้เขาจะเจออะไรบ้าง? ของบนหาบจะขายได้หมดไหม? วันนี้จะถูกเทศกิจไล่หรือเปล่า? จะถูกรถเฉี่ยวชนไหม?   ฯลฯ คนใหญ่ๆ โตๆ  เขาคงตัวใหญ่เกินไปที่มองเห็นคนตัวเล็กๆบนถนน

สุขสันต์วันเด็ก

ไดอารี่ 9 January 2010

เราซ้อมกันแล้วซ่อมกันเล่า เพื่อโชว์ในวันสำคัญของพวกเรา “วันเด็ก” เนื่องจากเป็นเด็กผู้ชาย ดังนั้น การโชว์ของพวกเราจึงไม่อยู่ในการควบคุมของครู ให้โจกทย์มาว่า ต้องไปหาการแสดงมาแสดงสักอย่างหนึ่ง พวกผู้หญิงเขามีการเต้นประกอบเพลงไปแล้ว พวกผู้ชายจะโชว์อะไร?? เราคุยกันอย่างเครียดร่วม 10 นาที ได้ข้อสรุปว่า เราจะเล่นละคร!! ผู้กำกับการแสดงคือ “ไอ้แก้ว” ผู้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จโดยเผด็จการ ไม่ได้รับการโหวต หรือการมอบหมายจากอาจารย์คนไหน ถืออำนาจอัตตาธิปไตย คือสามารถต่อยคนโน้นคนนี้ชนะ ผมเป็นสมุนคนสนิท กว่าจะได้รับการยอมรับได้ก็ต้องผ่านด่านต่อยตี และมีเกรดค่อนข้างดีด้วย (เพื่อให้มันลอกการบ้านได้) ละครที่เราจะเล่นกันในวันเด็ก มีชื่อเรื่องว่า “ศึกชิงนาง” ชื่อเรื่องก็บอกแล้วว่า บทเด่นก็คือนางเอก ต้องสวย เริ่ด ถึงกับต้องชิงกันจากสองเมือง แต่เราจะหานางเอกจากที่ไหนได้ละ พวกเรามีแต่ผู้ชาย..ทุกคนต่างเกี่ยงกัน ไม่ยอมรับ และรับไม่ได้ที่จะต้องแต่งหญิงผู้เลอโฉม สุดท้ายบทเจ้าหญิงผู้เลอโฉมจนเจ้าสองเมืองต้องยกทัพมาแย่งชิงก็ตกมาถึงมือผม ผมเป็นเจ้าหญิงที่เลอโฉมแบบประหลาดมาก มีบทที่ท้องเสีย ต้องวิ่งไปอึหน้าเวทีอีกต่างหาก ~ แน่ใจเหรอนั่นว่าเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ผมไม่รู้ว่าตอนนั้น คนดูชื่นชอบมากน้อยแค่ไหน เพราะผมไม่ได้มองคนดูเลย เล่นมองแต่หน้ากันเองจนจบเืรื่อง ก็มันอายนี่หว่า.. จากบทนางเอกของเรื่อง “ศึกชิงนาง” เมื่อตอนประถมสี่นี่เอง ทำให้ในชั้นประถมห้า คุณครูได้ลงมากำกับการแสดงเอง โดยให้ผมและเพื่อนผู้ชายอีก 4-5 คนร่วมแต่งเป็นหญิงด้วย ครั้งนี้ไม่มีชื่อเรื่อง แต่จำลองเหตุการณ์การประกวดนางสาวไทย !!! ผมเป็นหนึ่งในผุ้เข้าประกวดด้วย .. เฮ้อ กูสวยตรงไหนว่ะ นั่นคือช่วงหนึ่งของวัยเด็ก ในวันเด็กที่แสนมีความสุข รางวัลของการแสดงทั้งสองครั้งนั้น คือขนมพวงโตที่พวกเราภาคภูมิใจมาก ความรู้สึกในวันนั้นมากกว่าขนม คือ คนดูหัวเราะ ผมมาทราบภายหลังจากวันนั้น เมื่อเดินไปทางไหนแล้วมีคนทักว่าเป็นหญิง (อุอุ) เด็กเขาไม่ต้องการอะไรมากกว่า การได้ร่วมสนุก และรู้สึกว่าตัวเองมีความสำคัญ ทั้งนี้ ต้องให้ความสำคัญในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเราทำดี เราก็ต้องกระโจนไปแสดงความชื่นชน เล่นสนุก และคลุกคลีกับเขา ขณะเดียวกันถ้าเขาทำไม่ถูก เราก็ต้องให้ความสำัคัญ แต่ต้องให้ความสำคัญในทางให้ความรู้ว่าไม่ถูกต้อง ไม่ดีนะ .. อย่าปล่อยผ่านเลยไป ผมยังจำได้ ช่วงที่ผมมีความสุขที่สุดในวัยเด็ก มันเกิดขึ้นในบ้านเล็กๆของเรานั่นเอง ผมเด็กมาก พี่สาวพึ่งเข้าประถม เรามานั่งวาดรูปกัน พี่สาวเริ่มวาดรูปเป็น ขณะที่ผมได้แต่ขีดๆเขียนๆ แม่จึงมาวาดรูปให้เรา แม่นอนวาดรูปกับพื้นกับพวกเรา รูปที่แม่วาดน่ารักมาก…

เวียงจันทน์เกมส์

เรื่องทั่วไป 14 December 2009

  ช่วงนี้ไม่ได้ไปไหน แต่ไม่เหงา ไม่เซ็ง อาศัยว่ามีถ่ายทอดกีฬาซีเกมส์ ถึงแม้กีฬาแห่งความภาคภูมิใจที่มีคนเล่นข้างตั้งละ 11 คน (แต่เวลาได้เหรียญเขานับแค่เหรียญเดียวเองนะ) ที่ไทยเราครองแชมป์มาตั้ง 8 สมัย มีอันต้องพังพินาศลงในพริบตาตกรอบแรก ด้วยการพ่ายต่อเสือเหลือง 1-2 อย่างน่าเจ็บใจ ..เจ็บใจอย่างไรนะเหรอ 1. เราแค่เสมอก็เข้ารอบ 2. เรายิงเขาได้ก่อน และ 3. เขายิงประตูชัยในเวลาทดเจ็บ นั่นหมายความว่า เราไม่มีสิทธิ์ทวงคืน  ข่าวว่า ซิโก้ ผู้ช่วยโค๊ช แสดงสปิริตลาออกทันที .. อยากจะบอกว่า นั่นไม่ได้เรียกว่าสปิริต เพราะซิโก้ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนซีเกมส์แล้วว่า หลังจบซีเกมส์จะไปทำงานที่เวียดนาม ตกรอบหรือไม่ ก็ไปอยู่ดี ไม่เกี่ยวกับสปิริต ส่วนผู้จัดการทีมที่มาจากประเทศผู้ดี  ไบรอัน ร็อบสัน ขอคุมทีมต่อ ขอโอกาสอีกสักครั้ง!! กีฬามีแพ้ มีชนะ ~ แต่ความพ่ายแพ้ตกรอบแรกในครั้งนี้ ว่ากันว่าเป็นจุดต่ำสุดของฟุตบอลไทยเลยทีเดียว น่าสยดสยองต่อคำพูดของใครบางคนที่ว่า “จะพาไทยไปบอลโลก”  รอให้ถึงปี 2012 ก่อนละกัน โลกแตกหมดเหลือแค่ไทย ลาว พม่า และปาปัวกินี ถึงตอนนั้นไทยคงได้เป็นแชมป์ !!   กีฬาซีเกมส์ไม่ได้มีแค่ฟุตบอล เรายังมีวอลเลย์บอลหญิงที่น่าภาคภูมิใจ ถึงปีนี้ เราเป็นแชมป์ 8 สมัยแล้ว ปีนี้จะไปในฐานะแชมป์เก่า และหวังจะคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 9 ให้ได้ ความสนุกของเกมส์วอลเลย์บอลหญิง ก็ไม่ได้น้อยหน้าฟุตบอล สนุก ลุ้น มันส์ สะใจ ตบกันลูกบอลแทบระเบิด เมื่อวานนี้ไทยเจอกับเวียดนาม ว่ากันว่าเวียดนามคือม้ามืดที่พยายามเทียบชั้นมากระทบไหล่ไทย แต่ดูจากฟอร์มเมื่อวานแล้ว ยังห่างครับ เราชนะขาดลอย   กีฬาอีกประเภทที่เชียร์ทีไร มันส์สะใจทุกที ตระกร้อ ทีมที่เป็นคู่แข่งพอฟัดพอเหวี่ยงกับเรามาแต่ไหนแต่ไร มีทีมเดียว นั่นคือ มาเลเซีย เมื่อวานเป็นการแข่งขันประเภททีมชุดชาย ทีมชุด ก็คือ มีชุดเอ ชุดบี และชุดซี ต้องชนะ 2 ใน 3 ชุด ถึงจะชนะ…

รำลึกถึงครู..วันครูแห่งชาติ..๒๕๕๓

เรื่องทั่วไป 16 January 2010

วันนี้เป็นครูแห่งชาติ (เสาร์ที่ 3 ของเดือนมกรา) ผมประเภทบล็อกกึ่งไดอารี่ ต้องไหลไปตามวันสำคัญของปฏิทิน ดังนั้น จะละเลยไม่กล่าวถึงความสำคัญของครูไม่ได้ ในอดีตกาล พระเถระที่ได้ชื่อว่ามีความกตัญญูจนได้รับการกล่าวขวัญคงไม่เกินพระติสสะเถระ หรือที่เรารู้จักกันในนามพระสารีบุตรนั่นเอง ครูที่สอนศิลปวิทยาคนแรกของท่านคือท่านสญชัย แต่ครูคนแรกที่สอนทางธรรมของท่านคือพระอัสสชิเถระ หนึ่งในพระปัญจวัคคีย์ ขณะนั้นพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเที่ยวแสวงหาโมกขธรรมอยู่ จนที่สุดก็ได้พบกับพระอัสสชิเถระกำลังเดินบิณฑบาต ท่านก็มิได้แสดงปาฏิหาริย์หรือความอัศจรรย์ใดๆ หากแต่กิริยาที่ก้าวย่างอย่างสำรวมของท่าน ทำให้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเกิดศรัทธา จนต้องเดินตาม และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ได้บวชในพระพุทธศาสนา ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้บรรลุธรรมชั้นสูงในที่สุด ตั้งแต่วันนั้นท่านก็นับถือพระอัสสชิตลอดมา แม้เดินทางไปในที่ไหน หาทราบว่าพระอัสสชิอยู่ทางทิศไหน ก็จะนอนหันศีรษะไปทางทิศนั้น สำหรับครูคนแรกของผมนั้น มีหลายท่านเหลือเกินครับ แต่ที่จำแม่นๆ คือ ครูศิริพร ครูสักการินทร์ ครูระเบียบ และครูบำเพ็ญ นาดี (ครูคนหลังนี่จำนามสกุลได้ เพราะพึ่งไปพบท่านเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่เอง) ทั้ง 3 ท่าน น่าจะเกษียรแล้วในปีนี้นี่เอง ครูศิริพร เป็นครูคนเก่ง เก่งเชียร์กีฬา เก่งพละ เก่งเล่านิทาน  เรื่องเก่งเล่านิทานนี่เป็นที่ยอมรับของนักเรียนและครูด้วยกัน ผมจำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่นักเรียนมาสายบ่อยๆ ครูใหญ่จึงมีนโยบายให้ครูศิริพรมาเล่านิทานใส่ไมโครโฟนให้ดังไปทั่วโรงเรียนแต่เช้า เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนรีบมาโรงเรียนเพื่อมาฟังนิทานของแก ก็ได้ผลอยู่นะครับ แต่โครงการนี้มีได้ไม่นานก็ยุติ ไม่ใช่ล้มเหลวหรือนักเรียนมาสายกว่าเดิม แต่ครูศิริพรแกไม่ไหวเอง เพราะต้องมาเช้ามาก โตขึ้นมาหน่อย(ป.1-ป.3)  ผมก็มารู้จักกับคุณครูระเบียบ และคุณครูบำเพ็ญ ทั้งสองท่าน เป็นครูที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของครูที่ดุร้าย น่ากลัว ให้เป็นครูใจดีที่นักเรียนสามารถจับต้อง พูดคุย และปรึกษาได้ ครูระเบียบนับว่าใจดีที่สุด ไม่เคยตีนักเรียน ทำผิดให้วิ่งรอบสนามฟุตบอลอย่างเดียว ส่วนครูบำเพ็ญ แกสามารถใจดีและใจร้ายอย่างมีเหตุมีผล ถ้านักเรียนทำตัวน่าัรักแกจะใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะเดียวกันหากนักเรียนทำตัวไม่น่ารัก แกพร้อมจะเป็นนางยักษ์ใจร้า้ยได้ทันที .. ในชีวิตของคนๆหนึ่งต้องพึ่งครูมากมายครับ ในศาสตร์แต่ละวิชาแต่ละแขนงล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยครูเป็นคนช่วยชี้แนะก่อน หากใครจะบอกว่าเก่งหรือเรียนด้วยตนเอง อย่างน้อยที่สุดก่อนจะเก่งหรือเรียนนั้น ย่อมต้องได้รับการชี้แนะหรือแรงบันดาลใจจากใครสักคน วันสำคัญเช่นนี้เหล่าศิษย์ควรมีจิตคารวะรำลึกถึงบุญคุณของท่าน ท่านมิใช่แค่เรือจ้าง หากแต่เป็นผู้เสกสรรค์ปลุกปั้นสร้างแรงบันดาลใจ ชี้ทางศิษย์ไปสู่ความสำเร็จ รำลึกถึงบุญคุณของคุณครูทุกท่านเสมอครับ

ครู

ความขี้เกียจ ~ กิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน

เรื่องทั่วไป 28 March 2009

เสาร์นี้ เป็นเสาร์ที่น่าเบื่อ นั่งทำงานด้วยความเบื่อ และขี้เกียจ ความรู้สึกขี้เกียจ ในหนังสือ เดอะ ท็อป ซีเคร็ค ของทันตแพทย์สม สุจิรา บอกไว้ว่า เป็นความรู้สึกลบที่ต้องกำจัดทิ้ง เพราะความรู้สึกลบ จะดึงดูดสิ่งที่ลบเข้ามาตามกฏแห่งการดึงดูด และที่ร้ายไปกว่านั้น ความรู้สึกลบนี้อาจจะถูกฝังไว้ในจิตใต้สำนึก นั่นหมายถึง ไอ้เจ้าความรู้สึกลบนี้อาจจะอยู่กับเราไปอีกนานเท่านั้น ข้ามภพข้ามชาติไปเลยทีเดียว ทีนี้ กลับมาถามตัวเองต่อ เราชอบมั้ยละ ความขี้เกียจนี้ ปล่าวเลย เราไม่ชอบ และเรารู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันไม่ดี ดังนั้น ต้องรีบสร้างความรู้สึกขยัน มุ่งมั่น  และที่สำคัญต้องสร้างแรงจูงใจ สร้างแรงขับให้ได้  ทันตแพทย์สม สุจิรา เขียนไว้ว่า “โดยปกติการคิดถึงแรงจูงใจ จะเกิดความสุขมากกว่า การคิดถึงแรงขับ  ดังนั้นคนที่จมปลักอยู่กับความทุกข์ โดยไม่มีแรงจูงใจ  ยากที่จะประสบความสำเร็จ  แรงขับเพียงอย่างเดียว กำหนดทิศทางชีวิตในอนาคตยาก  เช่นเดียวกับการยิงขีปนาวุธ ถ้ายิงด้วยแรงขับจากดินปืนเพียงอย่างเดียว โอกาสไม่ถูกเป้าหมายมีสูงมาก เพราะควบคุมทิศทางไม่ได้  แต่เมื่อใดที่ใช้ขีปนาวุธนำวิถี ก็เหมือนกับ เป้าหมายเป็นตัวดูดให้ขีปนาวุธนั้นวิ่งเข้าไปหาด้วย  โอกาสประสบความสำเร็จสูงมาก   แรงผลักกำหนดทิศทางยากกว่าแรงดูด  ดังนั้นในวิถีชีวิตก็เช่นกัน  พยายามมองหาแรงจูงใจให้พบ  มิฉะนั้นแรงขับที่มีอยู่ก็ปราศจากประโยชน์..” (เนื้อความส่วนนี้ เป็นตัวอย่างหนังสือ เดอะ ท็อป ซีเคร็ค เล่ม ๒ อยากอ่านคลิกที่นี่) ช่วงนี้คลั่งหนังสือของทันตแพทย์สม สุจิรามาก ตั้งแต่ ตอบปัญหาวิชาโลก, ไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น, เจาะตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ เดอะ ท็อป ซีเคร็ค ตั้งใจจะอ่านให้ครบเซ็ตของแกซะหน่อย เหลืออีกไม่กี่เล่ม (ตอบปัญหาวิชาใจ, ตอบปัญหาวิชาชีวิต, เกิดเพราะกรรมหรือความซวย และทวารหก ศาสตร์แห่งการรู้ทันตนเอง) วกเข้ามาเรื่องน่าเบื่อของวันเสาร์ต่อ ถึงแม้เข้าใจดี ถึงกิเลสข้อที่ว่าด้วยความขี้เกียจ แต่กระนั้น วันนี้ผมยอมแพ้ต่อความขี้เกียจอย่างราบคาบ นอกจากไม่เร่งทำงานที่กองท่วมหัวให้เสร็จๆแล้ว ยังแอบมาเขียนบล็อก และทำภาพประกอบนี่อีก ได้ภาพฮาๆ เหล่านี้มา เลยมานั่งรวบรวมไว้แก้เบื่อ.. ไม่รู้ช่วยได้หรือเปล่านะ แต่นั่งๆดูแล้ว บางภาพที่คนในภาพทำหน้าตาตลกๆ ธรรมชาติๆ ตามสัญชาตญาณของมนุษย์ ก็ขำดี ป.ล. ภาพพระซ่อมมอไซต์…

กุ้งรสเด็ด

สุขกะภาพ, เรื่องทั่วไป 4 July 2008

เพื่อนคนหนึ่งกำลังจะบรรจุเป็นร้อยตรี และจะไปประจำการที่ 3 จังหวัดภาคใต้ เมื่อไปประจำการที่นั่นแล้ว ก็ไม่รู้เมื่อไรจะได้กลับมาอีก จะมีโอกาสกลับมาไหม หรือยังไง ก็ไม่รู้ ..ก็จึงถือโอกาสนี้เลี้ยงส่งกัน ตามความคาดหมายทีแรก คิดว่าน่าจะมีเพื่อนมามากกว่านี้ แต่ถึงเวลาจริงๆ เนื่องจากอีกวันเป็นวันทำงาน คนโน้นติดงานบ้าง คนนี้อยู่ไกล ฯลฯ ก็เลยมากันได้แค่ไม่กี่คน งานนี้เราไปกินกันที่ร้านรสเด็ก สามแยกพระโขนง เป็นร้านกุ้งกะทะบุพเฟ่ต์ คนละ 99 บาท เดิมทีร้านนี้เป็นของคุณสมรักษ์ เนื้อย่างเกาหลี แต่พี่แกบริหารงานอีท่าไหนไม่ทราบ ถึงได้ตกมาอยู่ในมือของรสเด็ดในปัจจุบัน การเดินทางไปสะดวกมาก จากแยกคลองตันไป ก็มีหลายสาย 25, 71, 40 หรือรถซุบารุขนาดเล็กก็ได้ วิ่งตรงมาจนถึงสามแยก ร้านจะตั้งอยู่กลางแยกพอดี สังเกตง่ายเห็นชัด ห่างจาก BTS พระโขนงประมาณ 50 เมตร ว่ากันถึงบรรยากาศ ร้านนี้บรรยากาศไม่ค่อยจะดีมากนัก ออกจะแออัดไปนิ๊ด (ร้านหมูกะทะในความคิดผม ควรจะเป็นแบบสวนๆ โล่งๆ สบายๆ หน่อย) แต่คนเยอะพอสมควร ขนาดไปตั้งแต่ 6 โมงเย็น ก็เริ่มจะหาที่นั่งลำบากเสียแล้ว ส่วนอาหาร ถ้าเทียบกับที่อื่นๆ แล้ว ที่นี่ค่อนข้างให้อาหารเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นกุ้งที่มีมาให้เป็นระยะๆ ปลาหมึก ปลาเผา สเต็ก และอาหารทั่วๆไป ข้าวพัดรสชาติไม่เพี้ยน ของหวานก็หลากหลายครับ (บางที่ผมเคยเห็นของหวานมีไม่เกิน 5 อย่าง แต่ที่นี่เป็นสิบ) ที่นี่มีเบียร์หลายยี่ห้อให้ทดลองชิม น้องๆเชียร์ก็มีหลายเจ้า Hineken, Tiger, Cheer, Singha ฯลฯ เจ้าภาพงานนี้ปฏิเสธเบียร์ Tiger ด้วยเหตุผล น้องเชียร์เบียร์ไม่น่ารัก แถมปากร้าย แต่ยอมดื่มเบียร์ Cheer แม้ไม่เคยดื่มเลยในชีวิต ด้วยเหตุผลนี้ครับ หน้าตาเหมือนลูกครึ่งญี่ปุ่น แต่เธอปฏิเสธว่าไม่ใช่ และบอกว่ามาจากขอนแก่น ! สอบถามชื่อนาม เธอชื่อ กุ้ง มีชื่อจริงว่า สาวิตรี แซ่ไหล ธุรกิจบัณฑิตย์ ปี 2…

กุ้ง
อ่านต่อ

ปาย..เชียงใหม่

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 5 January 200923 September 2016

ลืมตาดูโลกมาจนอายุปูนนี้ ผมพึ่งเคยไปเหนือสุดแค่พิษณุโลก ไปไหว้พระพุทธชินราช แต่นั่นไปด้วยความบังเอิญเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว..ปีใหม่ปีนี้(2552) เลยจะไปเหนือแบบจริงๆ จังๆ ซักที!! พลิกตำราว่าด้วยการท่องเที่ยวห้อง bluplanet ณ พันทิพย์ กล่าวอ้างกันอย่างหนาหูว่า ปาย สวย สงบ เลิศ ธรรมชาติ หนาว เย็น สบาย ได้อารมณ์ กล่าวอ้างพร้อมภาพประกอบ พลิกดูภาพแล้วต้องร้องหูวส์..สวย..แจ่ม..เงียบ..สบาย..สงบ นี่แหละคือสิ่งที่เราค้นหามาครึ่งชีวิต ผมเริ่มวางแผนการเดินทางตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้วก่อนสิ้นปี!! ไม่เวอร์ครับ ณ ที่แห่งนี้จองก่อน 4 เดือนยังจะช้าไป มีหลายแห่งแน่นและเต็มแล้ว ผมวางทริปคร่าว ๆ มีเวลา 4 วัน นั่งรถไฟนอน ไปลงเชียงใหม่แต่เช้าตรู่ รถโรงแรมมารับเช็คอินแต่เช้าเสร็จ เที่ยวเชียงใหม่ในวันนั้นเลย ค้างที่เชียงใหม่หนึ่งคืน เช้าอีกวันจับรถเช่าของนอร์ทวิลยิงตรงไปปาย ค้างที่นั่นสัก 2 คืน เที่ยวซะให้ทั่วปายเลย วันสุดท้ายมานอนที่เชียงใหม่ ก่อนจะขึ้นเครื่องบินกลับในตอนเช้าของอีกวัน ~ เหตุผลที่ต้องไปด้วยรถไฟนอน และกลับด้วยเครื่องบิน เพราะต้องการไปแบบหลับสบาย พร้อมที่จะเที่ยวในวันต่อมาได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาไปนอนพักเอาแรง และรถไฟนอนคือคำตอบ ส่วนขากลับต้องนั่งเครื่อง เพราะหลายครั้งที่ไปเที่ยว ขาไปมักสนุกสนานเฮฮา ไปยังไงก็ได้ แต่ขากลับมักเหงาหงอย เหนื่อยล้า เพราะฉะนั้น กลับยังไงให้เร็วที่สุด เครื่องบินคือคำตอบ อาจแพงไปนิ๊ด แต่สบายยย.. นั่นคือแผนที่วางไว้ แต่เอาเข้าจริง..รถไฟที่เปิดให้จองล่วงหน้าได้นานสุด 60 วัน และเต็มไปต่อหน้าต่อตา ทั้งๆที่อุตส่าแหกขี้ตาไปรอจองตั้งแต่ 6 โมงเข้า เมื่อแผนแรกพลาด ผมเลยมุ่งไปที่รถทัวร์แทน รถทัวร์ที่ขึ้นชื่อ อันดับต้นๆคือ นครชัยแอร์ ถัดมาคือ สยามเฟิร์สทัวร์ นครชัยแอร์เปิดจองล่วงหน้านาน 30 วัน ผมรอให้ถึงวันนั้นไม่ได้กลัวจะพลาดอีก เลยไปที่สยามเฟิร์สทัวร์..เรียบร้อย การเดินทางไปเรียบร้อยแล้ว การเดินทางกลับด้วยเครื่องบินก็จองเรียบร้อยแล้วด้วยแอร์เอเซีย..จองผ่านอินเทอร์เนต วันออกเดินทางจริง เป็นไปด้วยความเรียบร้อยครับ สยามเฟิร์สทัวร์บริการดี ที่สำคัญไม่ต้องไปขึ้นรถที่หมอชิต ที่ขึ้นที่บริษัทเขาได้เลย จึงตัดปัญหารถติดตอนขึ้นรถ เบาะนั่งค่อนข้างสบาย ปรับนอนได้มาก เบาะนวดด้วย..อืมม เขาดีจริงๆ ไปถึงที่เชียงใหม่ในเวลา…

ปาย เชียงใหม่
อ่านต่อ

พระเจ้าสร้างคนไทย(จริงหรือ)~

เรื่องทั่วไป 16 May 201114 May 2016

ก็ไม่รู้ว่าใครแต่งเรื่องนี้อ่ะนะครับ แต่หลายๆเรื่องในปัจจุบันที่เกิดในบ้านเมืองเรา เห็นแล้วก็ได้แต่ เฮ้อ ..ๆ ๆ  ๆ  บ้านเมืองอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ ไม่เคยไป แต่เมืองไทย มีข่าว ..ขโมยสายไฟ ขโมยเสาธง ขโมยพระพุทธรูป ขโมยล้อรถ ขโมย ๆ ๆ ๆ ..ๆ  มีข่าวแปลกๆ ข่าวห่าเหวอะไรมากมายในทุกวงการ เมืองไทยที่เมื่อก่อนเคยทัดเทียมกับญี่ปุ่น ก็ถูกญี่ปุ่นทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น ปัจจุบันกำลังจะถูกเวียดนามหรือลาวแซงหน้า และล่าสุดถูกเขมรตีหัว!! เมืองไทยเราโชคดี..แต่พวกเราๆเองไม่รู้ว่าตัวเองโชคดี พออ่านเมล์ฟอร์เวิร์ด(ด้านล่างนี้) ก็เลยเกิดอาการเห็นด้วย ฤๅพระเจ้าสร้างเรามาแบบนั้นจริงๆ ..ลองอ่านดูครับ (ไม่รู้ใครแต่งแต่โดน) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…เมื่อครั้งที่พระเจ้าสร้างโลก พระองค์มีถุงหนังใบใหญ่เอาไว้ใส่ ของวิเศษต่างๆมากมาย พระองค์เริ่มต้นด้วยการสร้างมหาสมุทรทั้ง 7 โดยหลักของการวางของวิเศษ พระองค์จะต้องวางทั้งของดีและของไม่ดี คู่กันไป เพื่อไม่ให้ประเทศหนึ่งประเทศใดสมบูรณ์ไปกว่าประเทศอื่นๆ ทรงเอาเทือกเขาร็อกกี้ น้ำตกไนแองการ่า วางไว้ให้อเมริกาแล้วก็เอาทะเลทรายอริโซน่า กับพายุทอนาโดวางไว้ด้วย เอาป่าอเมซอนวางไว้ให้บราซิล แต่ทรงเอาไข้ป่าวางไว้ให้ด้วย เอาขั้วแม่เหล็กโลกวางไว้ให้แคนาดา แต่ก็ทรงเอาความหนาวเย็นวางไว้ให้ด้วย เอาเทือกเขาหิมาลัยให้ธิเบตกับเนปาลเพื่อเป็นปราการกั้นข้าศึก แต่ก็เอาความเบาบางของอากาศ และความแห้งแล้งไว้ให้ด้วย ทุกประเทศจะได้ของคู่กันแบบนี้ทั้งหมด…..จึงไม่มีประเทศใดน้อยหน้ากว่ากัน คราวนี้พระองค์ทรงลืมประเทศ รูปขวานเล็กๆ ทางแหลมอินโดจีนทรงสะพายถุงวิเศษ แล้วก้าวข้ามเขาหิมาลัยไป แต่ด้วยความที่เขาสูงชันมาก เทือกเขาได้เกี่ยวถุงของพระเจ้าขาดข้าวของที่ดีๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้ประเทศอื่นๆ เช่น ชายหาดสวยๆ ผืนดินอุดมสมบูรณ์ ศิลปะวัฒนธรรมดีๆ อาหารอร่อยที่สุดในโลก ดอกไม้ ผลไม้ ชายทะเล ก็เทไปกองรวมกันที่ประเทศไทยหมด ว้า !! แย่แล้ว พระเจ้าคิดว่าประเทศนี้ท่าทางต้องเจริญกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งหมดแน่นอน พระเจ้าทรงมองหาภัยธรรมชาติที่จะมาถ่วงดุล แต่สายเสียแล้ว พระองค์ทรงเอาภูเขาไฟ กับแผ่นดินไหวให้ญี่ปุ่นไปแล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ประเทศอื่นๆจะมาฟ้องร้องพระองค์ได้ว่า พระองค์ไม่ยุติธรรม จะมีภัยธรรมชาติอันใดหนอที่ จะทำให้ประเทศไทยไม่เจริญกว่าประเทศอื่นๆได้ เมื่อคิดได้เพื่อเป็นการป้องกัน ประเทศอันสมบูรณ์ที่สุดในโลกนี้ไม่ให้เจริญล้ำไปกว่าที่อื่นๆ พระองค์ก็เลยสร้างคนไทยขึ้นมา!!

คนไทย พระเจ้า
อ่านต่อ

ทริปปั่นปั่น กับ น้องขาวเพรียว

สุขกะภาพ 30 March 201525 August 2022

เมื่อต้นปีมีโอกาสไปต่างจังหวัด ครั้งนี้ไปคนเดียวครับ  อย่ากระนั้นเลย เดี๋ยวรถจะเบา จึงหิ้วน้องเพรียวขาวขึ้นรถไปด้วย .. ก็จึงเกิดมีภาพน้องเพรียวขาวกับบรรยากาศลูกทุ่งๆ ฉะนี้แล

ขาวเพรียว จักรยาน

แบ่งตามหมวด

  • say (8)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (61)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (52)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH