Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

บางแสน

อ่านต่อ

ฝากรอยเท้า ณ บางแสน

ท่องเที่ยว, วิ่ง 30 August 201625 August 2022

มีโอกาสที่ต้องไปบางแสนแบบปัจจุบันทันด่วน ก็เลยตั้งใจว่างานนี้น่าต้องตื่นเช้ามาวิ่งหาดบางแสนซะหน่อย. การเดินทางไปบางแสน ถ้าจะให้เร็วก็ต้องใช้ทางด่วนบูรพาวิถี แต่ถ้าจะให้ง่ายก็ใช้มอเตอร์เวย์ยิ่งตรงไปจนถึงถนนข้าวหลาม เห็นถนนข้าวหลามแล้วออกซ้ายเพื่อยูเทิร์นแล้วเลี้ยวซ้ายแรกไปยังหาดบางแสน เดินทางง่าย   งานนี้ผมไม่พลาดที่จะหิ้วชุดและรองเท้าวิ่งไปด้วย กลางคืนวันเสาร์ฝนตกหนักมาก แต่ผมยังหวังว่าเช้าฝนจะหยุด จนกระทั่ง 6 โมงเช้านาฬิกาปลุก ผมแต่งตัวเตรียมออกไปวิ่ง …. แต่เมื่ออกจากตัวตึกกลับพบว่า ฝนยังคงโปรยปรายแม้ไม่หนักมาก แต่ก็ทำให้ไม่สามารถออกไปวิ่งได้แน่นอน กลับเข้ามานอนต่อ จนกระทั่ง 9 โมง จึงหิ้วรองเท้าออกไปใหม่ ฝนหยุดแล้ว และแดดยังไม่มา วิ่งสิครับรออะไร ริมหาดบางแสนแม้จะมีร้านรวงค่อนข้างหนาตา แต่ตรงกลางเขาได้เว้นทางเอาไว้ และปูด้วยหินอ่อน วิ่งไปจนสุดหาดจะมีระยะทางถึง 5-6 กิโลเมตร แม้ทางหินอ่อนจะกว้าง แต่ข้างทางเต็มไปด้วยร้านและผู้คน วิ่งต้องคอยหลบคอยระวังตลอดเวลา หินอ่อนหลังฝนตกก็มีความลื่น ต้องเพิ่มความระวังเป็นพิเศษ งานนี้วิ่ง 10 กิโลเมตรครับ งานหน้าจะไปฝากรอยเท้าไว้ที่ไหน ค่อยว่ากันอีกที

บางแสน วิ่ง
อ่านต่อ

กินหอยที่แหลมฉบัง

สุขกะภาพ 8 July 201328 October 2015

ทะเล..ไม่ว่าจะเป็นทะเลที่ไหน มีมนต์เสน่ห์ให้น่าหลงใหลเสมอ

บางแสน แหลมฉะบัง

เมืองต้องคำสาป

เรื่องทั่วไป 8 March 2010

ช่วงนี้อากาศร้อนมาก ..ร้อนขนาดอาบน้ำเสร็จยังไม่ทันเช็ดตัว ตัวก็เกือบแห้งแล้ว แอร์คอนดิชั่นแต่ละบ้านทำงานหนักเป็นพิเศษ ทำความเย็นให้บ้านหลังเล็กหลังใหญ่ขณะเดียวกันมันก็ระบายความร้อนให้โลก คนกลุ่มเล็กๆเย็นสบายนอนห่มผ้าหนาๆหลับฝันดี ขณะที่คนกลุ่มใหญ่ร้อน โลกก็ร้อน!! ไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อยแล้วนะครับ สำหรับเรื่องโลกร้อน หลายคนพยายามผูกให้เข้ากับคำทำนาย(ของใครไม่รู้) ที่บอกว่าโลกจะแตกในปี 2012 มีภาพยนตร์หลายเรื่องทำออกมาเขย่าขวัญกันอีก เพิ่มความน่าเชื่อถือของคำทำนายดังกล่าวมากขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ ขณะนี้ทั่วโลกเกิดวิกฤตการณ์แปลกประหลาดของธรรมชาติอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เริ่มตั้งแต่.. แผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดที่เฮติ.. แผ่นดินไหวที่ชิลี.. แผ่นดินไหวที่ตุรกี.. น้ำท่วมที่อเมริกา.. โคลนถล่มในอีกหลายประเทศแถบตะวันออกกลาง.. ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ในออสเตรเลีย.. ซึนามิถล่มที่อินโดนีเซีย.. น้ำในแม่น้ำโขงแห้งที่สุดในรอบ 30 ปี.. …ฯลฯ….. ตอนนี้นานาประเทศกำลังตกใจต่อวิกฤตการณ์เหล่านี้มาก ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นที่ไหนอีก  หลายๆประเทศตกอกตกใจและเริ่มคิดถึงแนวทางแก้ไข รวมถึงการป้องกันและการเตรียตัวรับมือกับเหตุการณ์เหล่านี้.. เวลาเดียวกันกับที่นานาประเทศกำลังเตรียมตัวรับมือกับวิกฤตการณ์นี้ ประเทศไทยก็เตรียรับมือเหมือนกัน แต่ไม่ได้เตรียมตัวรับมือวิกฤตการณ์ธรรมชาติอะไรหรอกนะครับ..เตรียมรับมือกับวิกฤตการณ์คนไทยด้วยกันนี่แหละ…เห็นชาติโน้นชาตินี้เขาประสบปัญหากลัวจะน้อยหน้า ก็เลยสร้างปัญหาขึ้นซะเองเลย.. แม้ตอนนี้นักเรียนจะปิดเทอมแล้ว  แต่เราก็มีกีฬาสีให้ชม..มหกรรมกีฬาสีทำลายชาติกำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้วในไม่กี่วันข้างหน้า ชาวประชาตื่นเต้นจนตัวสั่น ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้เป็นไปได้ถึงขนาดนี้ ท่ามกลางแดดที่ร้อนเปรี้ยง พี่ป้าน้าอาพ่อเฒ่าแม่เฒ่าในชุดสีแดงต่างไม่หวั่นไหวต่อความร้อนแรงแห่งแดด แดดจะร้อนเท่าไรหากเทียบกับใจที่ร้อนแทบระเบิดเมื่อนายใหญ่ถูกยึดทรัพย์ไปกว่าครึ่ง ..แค้นครั้งนี้ต้องมาชุมนุม เมื่อครั้งในอดีตชาวบ้านบางระจันรวมกันด้วยพี่ป้าน้าอาทั้งหญิงชาย รวมผนึกกำลังเพื่อป้องกันดินแดนเกิดจากอริศัตรูคือพม่ารามัญ ครั้งนั้นชาวบ้านบางระจันไม่อาลัยในชีวิตหากเทียบกับผืนแผ่นดินไทยที่ยิ่งใหญ่ ยามสละเลือดแลชีวิตเพื่อต้านพม่า วีรกรรมครั้งนั้น ทำให้อนุชนรุ่นหลังรำลึกถึงและกล่าวขวัญกันสืบมาจนปัจจุบัน.. หวนกลับมาถึงพี่ป้าน้าอาในชุดสีแดงในปัจจุบัน… ชาวบ้านบางระจันหันหน้าออกนอกประเทศ หันหลังให้แผ่นดินมาตุภูมิ เตรียมประจัญกับข้าศึก.. กลุ่มเสื้อแดงหันหลังออกนอกประเทศ หันหน้ามาสู่แผ่นดินเกิด..เตรียมประจัญหน้ากับคนไทยด้วยกันเอง.. เมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว ประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างเขมรแบ่งกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน ฆ่าฟันกันเอง มีคนตายเป็นล้าน เรามองเพื่อนบ้านแล้วพูดว่า “ประเทศเขมรเหมือนถูกสาป คนในชาติต้องมาฆ่ากันเอง” มาวันนี้..เรายังจะกล้าพูดประโยคเดิมได้อีกหรือไม่นะ ฤๅคำสาปมันเดินได้  ..มันกำลังเดินมายังประเทศไทยแล้ว

เลือดชาวนา

เรื่องทั่วไป 5 March 2010

หลังจากเปิดหมวดหมู่ใหม่ ก็เลยอัดแต่เรื่องในหมวดหมู่ใหม่ไปเยอะ..วันนี้มาเข้าเรื่องที่อยู่ในหัวตามเดิมบ้าง หลายอย่างเกิดขึ้นและดับไปในหัว บางอย่างดับไปแล้วแต่ยังมั่นอยู่ในสัญญา คือยังจำได้อยู่ แต่บางอย่างได้หายไปแล้วกับกาลเวลา ไอเดีย หรือแรงบันดาลใจเกิดขึ้นในใจผมหลายครั้งมาก แต่น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถรักษาพวกเขาให้อยู่กับเราตลอดไป .. แต่มันต้องมีวิธีสิ ต้องมีวิธีที่จะรักษาไอเดียและแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นในใจ ณ เวลานั้นๆ ให้อยู่กับเราตลอดไป เพื่อใช้เป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตให้ดำเนินไปอย่างถูกต้องตามครรลอง อังคารที่ผ่านมา มีความรู้สึกภาคภูมิใจในอาชีพบรรพบุรุษของผมเกิดขึ้น ซึ่งแทบจะกล่าวได้ว่ามันเกิดขึ้นน้อย และหลังๆแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยกับอาชีพนี้ นั่นคือ อาชีพชาวนา !! ชาวนาผู้น่าสงสาร ทำงานหนักทั้งปี แต่มีหนี้ท่วมตัว ฝนไม่ตกข้าวก็พัง ฝนตกมากข้าวก็เน่า มีลูกสาวลูกชาว ประดาลูกๆ ก็ไม่อยากเป็นชาวนา ไม่มีความภาคภูมิใจในอาชีพบรรบุรุษนี้แล้ว อยากเรียนต่อ เรียนสูงๆ ..ชาวนาผู้น่าสงสาร จะเอาเงินที่ไหนส่งลูกเรียน ในเมื่อข้าวราคาแสนถูก ผลิตผลแต่ละปีก็ย่ำแย่ ไม่น้ำแห้ง ก็น้ำท่วม แต่สุดท้ายด้วยความรักลูก ก็ต้องยอมสละสมบัติชิ้นสุดท้ายอันเป็นที่ทำงานมาทั้งชีวิต นั่นคือ ที่นา !! ชาวนาผุ้น่าสงสารทำนาเหมือนเดิม แตกต่างแต่ว่า นานั้นไม่ใ่ช่ของตนอีกต่อไป ความหวังสุดท้ายอยู่ที่ลูกชายลูกสาวที่ส่งเสียไปร่ำเรียนถึงในกรุง ชาวนาผู้น่าสงสารยังมีสัตว์เลี้ยงที่น่าสงสารยิ่งกว่าอีก นั่นคือ ควาย  ~ โง่เหมือนควาย ไอ้ควาย!! คนฉลาดในเมืองหลวงคอยตักตวงเอาผลประโยชน์จากชาวนาผุ้น่าสงสารที่พลัดหลงเข้ามาในเมืองหลวง กดขี่ข่มเหง คนที่ทนต่อสภาพกดดันนั้นได้ กลายเป็นอดีตชาวนาผู้มีประสบการณ์ทางมิจฉาชีพในเมืองหลวงสูง เขาผันตัวเองเป็นผู้ตักตวงผลประโยชน์ หลอกลวงคนอื่นบ้าง นั่นคือ ผลผลิตจากอดีตที่เจ็บปวดของเขา ชาวนาผู้น่าสงสารที่ไม่เข้าในเมืองหลวง ก็กลับถูกผู้อยู่ในเมืองดั้นด้นไปจนถึงชายทุ่ง หลอกลวงขอซื้อที่ด้วยราคาที่แทบจะถูกกว่าล้อรถยนต์ ความภาคภูมิใจในอาชีพชาวนาเมื่อในอดีตสูญสิ้น เมื่อกล่าวถึงอาชีพนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า “จน” และค่อนข้าง “โง่” จนเมื่ออังคารที่ผ่านมา ผมดูรายการคนค้นฅน ตอน  ตุ๊หล่าง เลือดชาวนา ความภาคภูมิใจในอดีตค่อนก่อตัวขึ้นใหม่ ตุ๊หล่าง เป็นผู้ที่ไม่หยุดคิดในการพัฒนาตนเองและวิชาชีพชาวนาเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง อาชีพชาวนาเป็นอาชีพที่ยิ่งใหญ่ในความคิดของตุ๊หล่าง และเขาทำให้ทุกคนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตุ๊หล่างทำให้ทุกคนรู้ว่า ชาวนา ไม่ใช่อาชีพที่ยากจนหรือถึงจนก็จนแค่ภายนอก แต่ภายในใจนั้นเปี่ยมสุขอย่างล้นเหลือ ชาวนาอย่างตุ๊หล่างมิได้ทำแค่นา แต่ได้ทำหน้าที่ของนักอนุรักษ์ อนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้สารพิษเพื่อฆ่าแมลงในนา แต่เลี้ยงกบ เลี้ยงปลาเพื่อให้ช่วยฆ่าแมลงแทน ให้ธรรมชาติปรับธรรมชาติอย่างสมดุล โดยมนุษย์เป็นแค่ผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด  ตุ๊หล่างบอกว่า รู้สึกตัวเองด้อยพัฒนาลงทันที หากปีไหนไม่ได้ทำนา ทุกปีที่ลงมือทำนา นั่นหมายถึงการได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริง ตุ๊หล่างเลี้ยงข้าวด้วยความรัก…

คนค้นฅน ชาวนา

ตรุษเลนไทน์

บ้านบ้าน, ไดอารี่ 15 February 2010

วันอาทิตย์อันเป็นวันตรุษจีน และวันวาเลนไทน์ ผมมีนัดต้องไปทำสัญญาซื้อบ้านกับพฤกษาทาวน์ !! ทางเซลล์โดยคุณปรีชา นำเอกสารสำหรับกู้ธนาคารมาให้ 4- 5 ธนาคาร งานนี้กรอกเอกสารกันมือหงิก หงิกจริงๆ ..ธนาคารที่เสนอกู้ มีธอส. , ไทยพาณิชย์ , ออมสิน และ นครหลวงไทย แต่ละธนาคารมีรายละเอียดที่ต้องกรอกไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะให้กรอกมาก  ต้องขอเอกสารนำมากรอกรายละเอียดที่บ้านกันเลยทีเดียว ก่อนจะกรอกเอกสารขนาดมหึมา และเซ็นต์กำกับเอกสารต่างๆนานาๆ ขอหาอะไรรองท้องก่อน แวะร้านไก่ตระกร้า สั่งๆ ๆๆ อย่างไม่ลืมหูลืมตา พอทุกอย่างมาครบบนโต๊ะ..โอ๊ะแม่จ๋า นี่จะกินกันแค่ 2 คนจริงๆเหรอ!!! จากมื้อเที่ยงอันหฤโหด ดิ่งมานั่งกรอก และเซ็นต์เอกสารจนพลบค่ำ นำเอกสารไปยังโครงการพฤกษาทาวน์ วันนี้เสียค่าทำสัญญาไป 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) จากนี้อีก 7 วัน รอฟังข่าวจากเซลล์ว่าธนาคารไหน จะให้กู้เท่าไร ให้กี่เปอร์เซ็นต์ ทำธุรกรรมเกี่ยวกับบ้านเสร็จ วันนี้มีนัดทานข้าวเย็น กับชมรม คน น. หนู อันประกอบด้วย นัท น้อง นงค์ น้อย(แม่นัท) นกและผม  เป็นบุฟเฟต์ปิ้งย่าง ทานกันจนพุงกาง หน้ามัน จนร้านปิด ห้างปิด ..  สรุปว่าวันนี้ ทานหนักทั้งมื้อเที่ยงและมื้อค่ำ ออกกำลังกายทั้งอาทิตย์ น้ำหนักหายไป 2 โล ตรุษจีนวันเดียวโผล่มาอีก 5 ..เฮ้อ

อ้อ..โอเคนึกว่าอ่านไม่ออก

เรื่องทั่วไป 22 March 2010

ใช้ชีวิตในโลกอินเทอร์เนตมาเกือบๆ 10 ปี ชีวิตผมจึงถูกเปลี่ยนให้อยู่ในระบบของโลกออนไลน์มากขึ้น ในโลกแห่งความเป็นจริง (จริงๆ อินเทอร์เนตก็คือโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนกัน แต่จริงน้อยกว่า)  มี 3 ช่องทางการสื่อสาร คือ อ่าน พูด และเขียน  โลกอินเทอร์เนต ก็สามารถสื่อสารได้ทั้ง 3 ช่องทางเช่นกัน คือ ทั้งอ่าน พูด และเขียน แต่ช่องทางพูดอาจจะน้อยกว่า เราอาศัยพูดกันผ่านตัวหนังสือ !! ตัวหนังสือสื่อสาร ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการพูดกันสักเท่าไร หากทั้งคู่(หมายถึงคู่สนทนา) รู้จักกัน(ดี)มาก่อน เคยคุยกันมาก่อน เพียงเห็นตัวหนังสือก็จะสามารถจินตนาการถึงเสียงของคู่สนทนาชัดเจนอยู่ในหัว เหมือนคุยกันอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว หากแต่ว่่าถ้าไม่เคยคุยกันมาก่อน ไม่เคยได้ยินเสียง หรือไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน เพียงตัวหนังสือแม้สื่อมาด้วยคำธรรมดาๆ ก็อาจถูกอีกฝ่ายตีความหมายเป็นอื่นได้ !! ปัญหานี้ อาจทำให้เราเสียเพื่อน หรือร้ายกว่านั้น เพื่อนอาจกลายมาเป็นศัตรูได้อย่างน่ากลัว เหตุการณ์นี้พึ่งเกิดขึ้นกับผม ในฐานะบล็อกแห่งนี้เป็นบล็อกส่วนตัว จึงไม่แปลกที่ผมจะเล่าเรื่องส่วนตัว.. เรื่องมันเกิดขึ้นจากการคุยกันผ่านตัวหนังสือนี่แหละ.. ผมคุยกับเพื่อนแฟนที่อยู่ต่างประเทศผ่านโปรแกรมยอดฮิต Facebook คุยกันบนกระดานหน้าบ้านเขาเลย  ก่อนหน้าที่เขาจะไปอยู่ต่างประเทศ เราก็เคยไปเที่ยว กิน ดูหนังด้วยกันระยะหนึ่ง จนผมทึกทักเอาเองว่า เออ..เพื่อนแฟนก็เพื่อนเราด้วยคนหนึ่ง วันที่เขาบิน เราก็ไปส่งที่สนามบิน ผมแอบชื่นชนกับแฟนว่า เพื่อนหญิงคนนี้ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ ทึ่งกับความกล้าที่่จะบินไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศโดยลำพัง ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังไม่สามารถขนาดนั้น .. หลังจากที่เขาไปต่างประเทศก็หลายปีที่ไม่ได้คุยกัน แต่ก็ได้แอดไว้ใน facebook จนล่าสุดเมื่อวันศูกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 ผมได้ทักทายเขาไปในfacebook และก็ได้การตอบกลับมาด้วยไมตรี ถามสารทุกข์สุขดิบประสาคนที่ไม่ได้คุยกันมาเป็นปี ๆ มันเป็นการสนทนาผ่านตัวหนังสือที่ใช้คนละภาษา คือ เขาพิมพ์อังกฤษมา ผมตอบภาษาไทยไป .. ด้วยความคิดมากของผมเอง ไม่แน่ใจว่าเครื่องที่เขาใช้สามารถพิมพ์หรืออ่านภาษาไทยได้ไหม? จึงถามไปว่า อ่านภาษาไทยได้ไหม? ความหมายคือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่อ่า่นภาษาไทยได้ใช่ไหม? เมื่อเขาตอบว่าได้ ..ผมก็ตอบว่า “อ้อ..โอเคนึกว่าอ่านไม่ออก” ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกหรือประชดประชันแดกดันอะไรแต่อย่างใดเลย เป็นน้ำเสียงตอบบประสาสื่ออย่างเพื่อนคุยกับเพื่อนเท่านั้นเอง แต่คำตอบที่ผมได้หลังจากนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เขาไม่พอใจมากกับประโยคนั้น เขาบอกน้ำเสียงของผมมันเย้ยหยันถึงขั้นดูถูก .. เบื้องต้นผมไม่ทราบว่าเขาโกรธผมจากประโยคไหนที่เราคุยกัน ผมถูกบล็อกไม่ให้ติดต่อใน facebook ยิ่งทำให้ร้อนใจยิ่งกว่าเดิมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมให้เพื่อน…

หนึ่ง

เมื่อผมอยากมีสี

ไดอารี่ 12 February 2010

ช่วงนี้เหนื่อยหน่อย ต้องตื่นเช้าหลายวันแหละ..เรื่องของเรื่องคือ ผมไปสอบบรรจุเป็นข้าราชการทหาร !! หลังจากปีที่แล้วพลาดท่า ปีนี้เลยขอโอกาสอีกครั้ง การสอบมีเรื่องให้ยากลำบากทั้งกายและใจอยู่หลายอย่าง  1. ลำบากใจ เพราะการสอบมีตั้ง 5 วัน โชคดีที่ไม่ติดกันทั้ง 5 วัน การจะลาหลายๆวันในเดือนเดียวเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากใจ ผู้จัดการไม่ว่ากระไร แต่เราก็เกรงใจเหลือแสน  2. ลำบากกาย การสอบทหารนอกจากจะต้องทำข้อสอบได้แล้ว ร่างกายต้องแข็งแรง มีการทดสอบดันพื้น ลุกนั่ง และวิ่งรอบสนามฟุตบอล 2 รอบ ประมาณ 800 เมตรในเวลาไม่เกิน 4 นาที !! ด่านอื่นๆไม่ว่าจะดันพื้น หรือลุกนั่ง เราต้องแข่งกับตัวเอง และไม่ใช่เรื่องยากเท่าไรนัก แต่ตอนวิ่งนี่สิ ต้องวิ่งพร้อมกับคนอื่นและทุกคนก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขคือต้องวิ่งไม่เกิน 4 นาที ดังนั้น สิ้นเสียงนกหวีด ทุกคนก็ต่างตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุในเวลา 11.00 น. นาทีนั้น ผมคิดถึงครั้งแรกในชีวิตของทุกคนที่ต้องแข่ง คือ การแข่งกันของสเปิร์มที่ว่ายเพื่อไปถึงไข่ในมดลูก สเปิร์มตัวที่แข็งแรงที่สุดจะเป็นผู้กำชัยชนะ ทุกคนเป็นสเปิร์ม ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งโดยไม่หันมอง ทักทาย หรือสนใจคนข้างๆที่วิ่งไม่ไหวแล้ว สนใจแต่เป้าหมายของตน มันต่างจากวิ่งจ๊อกกิ้งในเวลาเช้าที่สวนสาธารณะ ไม่มีการทักทาย ยิ้มแย้ม ทุกคนเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด มุ่งมั่นเพื่อชัยชนะ ผมวิ่งตามจังหวะและระดับความเร็วของตัวเองที่เคยทำตลอด 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา เหนื่อยเหมือนกัน แต่ไม่มากเท่าครั้งแรกที่มาซ้อมวิ่งที่สวนสาธารณะ ผมได้ความเร็วที่ 3.39 นาที ถือว่าผ่าน วันพฤหัส ไปสอบข้อเขียน บ่ายวันนั้นฤกษ์ไม่ดีเอาซะเลย ใกล้จะถึงกรมยุทธฯอยู่แล้วแท้ๆ เจอด่านตำรวจ ผมนั่งมอเตอร์ไซต์วินจาก รถไฟใต้ดินบางซื่อ ไม่ใส่หมวกกันน็อค คนขับเป็นผุ้หญิง แกตกใจมาก ตำรวจถามว่า ทำไมไม่หาหมวกกันน็อคให้ผุ้โดยสาร ..แกเงอะงะพูดไม่ออก ตำรวจเลยหันมาทางผม ..”ผมจะรีบไปสอบนายร้อยครับ” พูดพร้อมยื่นบัตรให้ดู ..ตำรวจกล่าวตักเตือนคนขับมอไซต์นิดหน่อย แล้วก็ปล่อยไป  ดวงไม่ดีจริงๆ เพราะผมทำข้อสอบข้อเขียนไม่ได้เลย !!! วันนี้(วันศุกร์) พึ่งไปสอบสัมภาษณ์มา..เฮ้อ ต้องถอนหายใจแรงๆอีกสักที รู้สึกว่าตัวเองตอบคำถามได้ไม่น่าประทับใจสักเท่าไร .. แต่ช่างเถอะ หมดหน้าที่ของเราแล้ว ..เราทำดีที่สุดที่สามารถทำได้แล้ว…

อ่านต่อ

ฝากรอยเท้า ณ บางแสน

ท่องเที่ยว, วิ่ง 30 August 201625 August 2022

มีโอกาสที่ต้องไปบางแสนแบบปัจจุบันทันด่วน ก็เลยตั้งใจว่างานนี้น่าต้องตื่นเช้ามาวิ่งหาดบางแสนซะหน่อย. การเดินทางไปบางแสน ถ้าจะให้เร็วก็ต้องใช้ทางด่วนบูรพาวิถี แต่ถ้าจะให้ง่ายก็ใช้มอเตอร์เวย์ยิ่งตรงไปจนถึงถนนข้าวหลาม เห็นถนนข้าวหลามแล้วออกซ้ายเพื่อยูเทิร์นแล้วเลี้ยวซ้ายแรกไปยังหาดบางแสน เดินทางง่าย   งานนี้ผมไม่พลาดที่จะหิ้วชุดและรองเท้าวิ่งไปด้วย กลางคืนวันเสาร์ฝนตกหนักมาก แต่ผมยังหวังว่าเช้าฝนจะหยุด จนกระทั่ง 6 โมงเช้านาฬิกาปลุก ผมแต่งตัวเตรียมออกไปวิ่ง …. แต่เมื่ออกจากตัวตึกกลับพบว่า ฝนยังคงโปรยปรายแม้ไม่หนักมาก แต่ก็ทำให้ไม่สามารถออกไปวิ่งได้แน่นอน กลับเข้ามานอนต่อ จนกระทั่ง 9 โมง จึงหิ้วรองเท้าออกไปใหม่ ฝนหยุดแล้ว และแดดยังไม่มา วิ่งสิครับรออะไร ริมหาดบางแสนแม้จะมีร้านรวงค่อนข้างหนาตา แต่ตรงกลางเขาได้เว้นทางเอาไว้ และปูด้วยหินอ่อน วิ่งไปจนสุดหาดจะมีระยะทางถึง 5-6 กิโลเมตร แม้ทางหินอ่อนจะกว้าง แต่ข้างทางเต็มไปด้วยร้านและผู้คน วิ่งต้องคอยหลบคอยระวังตลอดเวลา หินอ่อนหลังฝนตกก็มีความลื่น ต้องเพิ่มความระวังเป็นพิเศษ งานนี้วิ่ง 10 กิโลเมตรครับ งานหน้าจะไปฝากรอยเท้าไว้ที่ไหน ค่อยว่ากันอีกที

บางแสน วิ่ง

น้องหมา..ผู้น่ารัก

เรื่องทั่วไป 12 May 2010

สมัยเด็กๆ สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของผม คือ หมา น้องหมาสมัยเด็กของผม ก็เป็นหมาบ้านธรรมดาทั่วไป ข้างบ้าน หรือเพื่อนมีลูกหมาคอกใหม่ก็ขอเขามาเลี้ยงตั้งแต่มันยังเด็กเล็ก เลี้ยงไว้ใต้ถุนบ้าน ทำบ้านเป็นกล่องกระดาษให้มันนอน พอรุ่งเช้าชีวิตเด็กบ้านนอกที่มีสัตว์เลี้ยงวิ่งตามอย่างซื่อสัตย์ช่างเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ด้วยพื้นที่เลี้ยงก็กว้าง ที่วิ่งเล่นก็เยอะแยะมากมาย  มีข้อห้ามเพียงนิดเดียวสำหรับคนเลี้ยงหมา คือ ห้ามเลี้ยงหมาให้ดุกัดคนอื่น หรือกัดสัตว์เลี้ยงอย่างเป็ด หรือไม่ มิฉะนั้น น้องหมาผู้น่ารักจะถูกวิสามัญ และผู้เลี้ยงอาจถูกปรับ หากมันไปกัดเป็ด ไก่ หรือกัดใครเข้า ตั้งแต่เลี้ยงมา น้องหมาของผมก็ไม่เคยเกเร กัดเป็ด กัดไก่ หรือกัดใครให้เจ้าของเดือดร้อน มันทำหน้าที่เฝ้าบ้านอย่างดี และคอยไปไหนมาไหนกับเราด้วยอย่างซื่อสัตย์ .. วันเวลาผ่านไป ผมได้ย้ายถิ่นฐาน  ปัจจุบันมาใช้ชีวิตอยู่กลางเมืองหลวง  ก็ให้หวนรำลึกถึงเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ในวัยเด็ก ผมอยากเลี้ยงหมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะเลี้ยงหมาอย่างเมื่อในอดีตไม่ได้อีกแล้ว เพราะพื้นที่และภูมิประเทศไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อตะก่อนตอนเด็ก ..แน่นอน คนกรุงเทพฯนิยมเลี้ยงหมานอก อย่างชิสุ พุดเดิ้ล ปอมฯ ชิวาวา ฯลฯ ซึ่งหมานอกเหล่านี้ก็แพงแสนแพง ซื้อมาแพงไม่พอ อาหารการกินของมันก็แพงกว่าอีก ..จากที่เคยคิดอยากจะเลี้ยงก็ต้องมาคิดหนัก แต่จะอย่างไร ก็คิดๆอยากเลี้ยงไว้สักตัวเหมือนกัน …มองน้องชิสุ น้องปอม  หรือไม่ก็น้องชิวาวาไว้  กำลังมองที่ถูกใจ และถูกราคาอยู่ หากใครมีช่วยแนะนำสักตัวด้วยนะครับ ผมสัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสำรอง จะดูแลและรักมันอย่างดีครับ ไว้ถ้ามีน้องหมาจริงๆ จะเอามาแนะนำให้รู้จักกันอย่างทั่วหน้า..นะ วันนี้เอาน้องหมาเทศมาให้ดู เพื่อเรียกน้ำย่อยความน่ารักซะก่อน

สุนัข หมา

ทำไม..ฝนตกขึ้นฟ้า

เรื่องทั่วไป 4 February 2010

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เป็นเหตุให้ไม่ได้รีวิว แนะนำที่ท่องเที่ยว มีภาำพถ่าย(สวยๆ)มาอวดเลย พึ่งรู้ว่าขาจรส่วนใหญ่ที่พลาดเข้าเว็บผมมาจาก google ด้วยคีย์เวิร์ดเรื่องท่องเที่ยวเป็นหลัก รู้สึกสิ่งที่ตัวเองทำมา 2 อาทิตย์ไม่ไร้ค่าเสียทีเดียว หลังจากอดอาหารคาวในมื้อเย็น และวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้น้ำหนักหายไป 2 กิโลกรัม !!!! ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้หายไปสักอย่างน้อย 5 กิโล วันนี้ตั้งใจจะเล่าเรื่องหนังสืออีกเล่มที่พึ่งอ่านจบไปของคุณวินทร์ เหลียววาริณ “ฝนตกขึ้นฟ้า” ชื่อเรื่องดูธรรมด๊า ธรรมดา จนแทบไม่น่าสนใจ แต่เนื้อหา และวิธีเล่าเรื่องสนุก ได้รสชาติยิ่ง ผมชอบผลงานของคุณวินทร์ ตรงที่แกมีอะไรแปลกๆมาเล่าให้เราอ่านอยู่เรื่อยๆ ด้วยวิธีที่ไม่ซ้ำ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เด่นชัดของคุณวินทร์ คือการตีแผ่สังคมอย่างตรงมาตรงไป ชัดเจน และแรง ประชดประชัน แดกดันได้สะใจ บทรักมีพอได้อรรถรสไม่ถึงกับลึกซึ้งกินใจ แต่พอทำให้ใจไม่ห่อเหี่ยวเกินไปนัก ฝนตกขึ้นฟ้า คุณวินทร์บอกว่า เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นแบบหนังฟิล์มนัว (ถ้าไม่เข้าใจคำว่าฟิล์มนัวก็คลิกดู) ทั้งบทพูด เนื้องเรื่อง เป็นในรูปของภาพยนตร์มากกว่าตัวหนังสือ ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าได้อ่านเรื่องนี้ เหมือนได้ดูหนังเรื่องหนึ่งทีเดียว บทพูด ฉากชัดเจนมาก และเสน่ห์ของงานเขียนคุณวินทร์อีกอย่างคือ แฝงปรัชญา ข้อคิด และคำคมในตัวละครมากมาย ไม่ว่าพระเอก หรือผู้ร้าย มีเหตุผลของตัวเองที่จะทำแบบนั้น ถ้าได้อ่านแค่เหตุผลของผู้ร้าย ผมก็เข้าข้างและเชื่อผู้ร้าย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลจากทางฝั่งพระเอก ตรงนั้นจึงทำให้เราคิด และชั่งใจว่า เหตุผลข้างไหนน่าฟังกว่ากัน ผู้เขียนไม่ได้ชี้ชัดว่า เหตุผลของใครถูก ปล่อยให้ผู้อ่านไปคิดและตัดสินใจเอาเอง นี่ก็คือเสน่ห์อีกข้อของคุณวินทร์ ให้เกียรติผู้อ่านเสมอ  ผู้อ่าน 10 คน ไม่จำเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกันในเรื่องเดียวกันนี้ มองอาร์ตเวิร์ดของเรื่อง “ฝนตกขึ้นฟ้า” แว่บแรกก็นึกแปลกใจ ทำไมภาพประกอบ และเลขหน้าต้องทำกลับหัวให้ผู้อ่านรำคาญใจด้วย แต่พอได้อ่านเนื้อเรื่องจึงเข้าใจ อยากรู้มั้ยครับ ทำไมคุณวินทร์ถึงจัดอาร์ตเวิร์กกลับหัวอย่างนั้น? ผมไม่บอกนะครับ อยากรู้ไปหาซื้ออ่านเอาเอง แต่ยืนยันนะครับว่า .. สนุกกว่าหนังบางเรื่องเสียอีก

อ่านต่อ

เที่ยวน้ำตกโกรกอีดก

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 13 October 202213 October 2022

นอนเต๊นท์เล่นน้ำตก

กางเต๊นท์ น้ำตกโกรกอีดก โป่งก้อนเส้า

22.05.57

ไดอารี่ 23 May 201422 March 2020

บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ซะหน่อยเถอะ__ หลังจากเมื่อปี 2549 ที่บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุณยรัตน์กลินได้ยึดอำนาจจากทักษิณ ชินวัตร ครั้งนั้นเรียกเต็มปากว่า “ปฏิวัติ” แต่ครั้งนี้ยึดอำนาจโดยบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  แต่เรียกว่า “รัฐประหาร” แทน ปฏิวัติ (revoluton) หมายถึง การเปลี่ยนรูปแบบหรือระบอบการปกครองประเทศ จากรูปแบบหนึ่ง ไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง อย่างสิ้นเชิง เช่น การปฏิวัติฝรั่งเศส (เปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ)หรือ ในประเทศไทย ก็คือสมัย ร๗ ที่เปลี่ยนจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ) ส่วน รัฐประหาร(coup de ta) หมายถึง การใช้กำลัง เพื่อเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาล โดยระบอบการปกครองยังคงเดิม เช่น การรัฐประหารสมัยจอมพล แปลก พิบูลสงคราม หรือ สมัย พลเอก ชาติชาย ชุณหวัณ ซึ่งจะเห็นว่า เปลี่ยนแปลงเฉพาะคณะรัฐบาลเท่านั้น โดยที่ประเทศไทยยังคงระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเช่นเดิม เมื่อสองขั้วทางการเมือง คือ กปปส.(ประชาธิปัตย์) และ นปช. (เพื่อไทย) ต่างไม่ยอมกัน มุ่งจะห่ำหั่นให้ได้ซึ่งชัย โดยไม่คิดลดลาวาศอก หรือพบกันครึ่งทาง และหาข้อตกลงกันไม่ได้ ยิ่งยืดเยื้อยิ่งยากจะยุติ ประเทศชาติบอบช้ำครั้งแล้วครั้งเล่าจนยากจะเยียวยา  ทหารจึงออกมาทำหน้าที่อีกครั้ง โดยทหารเริ่มจากประกาศกฏอัยการศึก เพื่อเตือนทุกฝ่ายให้ยุติ แต่ดูเหมือนไม่มีใครเชื่่อในกฏนั้น และแล้วในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ ผอ.รส. กล่าวเสียงเข้มในที่ประชุมว่า คงปล่อยให้เกิดความขัดแย้งยืดเยื้อต่อไปโดยไม่มีทางออก จึงพร้อมทำทุกอย่างร่วมกับทุกเหล่าให้เกิดสันติสุขโดยเร็ว หวังว่าทุกท่านจะให้เกียรติกองทัพ และอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำทุกอย่างให้ดีขึ้น “สำหรับการประกาศกฎอัยการศึก เชื่อว่าขณะนี้คงเกิดข้อขัดแย้งในใจหลายฝ่าย แต่ขอให้เชื่อว่าผมได้ทำทุกอย่าง พยายามทำทุกอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความสงบสุข ไม่ต้องคิดหรือกังวลแทนผม เพราะผมพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างไม่ว่าจะถูกหรือผิด แต่ขอให้รู้ว่าที่ผมทำผมรับผิดชอบทุกประการ” ที่ผมทำเพราะผมเป็น คนที่เกิดในแผ่นดินนี้ และเป็นหนี้ในแผ่นดินนี้ ที่ผมจำเป็นต้องมามีส่วนร่วม เพราะผมรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงเป็นหลัก แต่ทว่ามันเกี่ยวข้องในหลายมิติ หากก้าวล่วงใคร ผมก็ขออภัยมา ใน โอกาสนี้ด้วย…

ปฏิวัติ รัฐประหาร

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (62)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (87)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (53)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH