Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

ปีชง

ชง ชง ชง อ่านต่อ

ชง ชง ชง

บ่น 26 March 201426 March 2014

ชงหรือไม่ชงไม่รู้ แต่ปีนี้ ตั้งแต่มกราจนถึงมีนา เข้าโรงพยาบาลเดือนละหน หนแรก___มกราคม ไข้หวัด ไอ มีน้ำมูก โรงพยาบาลเพชรเวช หนสอง___กุมภาพันธ์ ไข้หวัด เข้าโรงพยาบาลเดิม หนสาม___มีนาคม ก้นอักเสบ เข้าศูนย์ฟื้นฟูสิรินธร ขอขยายความคำว่า “ก้นอักเสบ” ก่อน ก้นอักเสบนี่ ไม่ใช่รูก้น หรือรูตูดนะครับ แต่เป็นอาการอักเสบเหมือนอักเสบกล้ามเนื้อตรงก้นกบทางซ้าย อาการไม่ได้รุนแรงถึงขนาดใช้ชีวิตไม่ได้ แต่ทำอะไรหนักๆ เ่ช่น เล่นกีฬา วิ่ง หรือเดินขึ้นบันได จะมีอาการเจ็บแปล๊บขึ้นมาทันที! ไปหาหมอ หมอไม่อยู่ เอ้ย หมอเอ็กซเรย์ และให้ยามากินเพื่อดูอาการก่อนสัก 1 อาทิตย์ หากครบอาทิตย์แล้วไม่หาย หรือไม่ดีขึ้นก็ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาต่อไป คือ การทำกายภาพ ก็ไม่รู้ว่าอาการที่เป็นนี่ เกี่ยวอะไรกับปีชงหรือเปล่า แต่ปีนี้เริ่มต้นไม่ดีตั้งแต่ต้นปีละ ~   เสร็จจากนี้ต้องเริ่มทำบุญเยอะๆ แก้ชง

ปีชง
อ่านต่อ

แก้ปีชง

สุขกะภาพ 24 February 201428 October 2015

ตั้งแต่เด็กจนโต พึ่งเคยได้ยินคำว่า ชง หรือปีชง ก็เมื่อไม่กี่ปีนี่เองครับ กว่าจะเข้าใจว่ามันคืออะไร ยังไง และทำไมก็เมื่อได้ยินเขาพูด อ่านที่เขาเขียน เขาบอกมาหลายครั้งถึงกระจ่าง “ชง”  ถ้าทางบ้านๆ ก็จะเรียกว่า “เคราะห์” คล้ายๆกับเมื่ออายุเบญจเพศจะมีเคราะห์ แต่ปีชง นี่นับตามปีเกิด แต่นับอะไรยังไงนั้นไม่รู้ครับ เป็นการนับแบบจีน เบญจเพศนี่เข้าใจง่ายมาก อายุ 25 จะมีเคราะห์ …… ทุกคนสามารถมีอายุ 25 ทั้งนั้น และเกือบทุกคนก็ต้องมีอุบัติเหตุ มีเคราะห์กันบ้างใน 1 ปี แต่พอมีอุบัติหรือเคราะห์ในช่วง 25 ปุ๊บ นั่นไง เบญจเพศ! เช่นเดียวกับปีชง อะไรนิดหน่อย ป่วยบ่อย ไอ้โน่นหาย ไอ้นี่เสีย เสียเงินหาย เงินหมด งานหาย นั่นไง ปีชง เบญจเพศ ต้องไปทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ปีชง ต้องทำไง? ต้องไปวัดจีน ไปบูชากระดาษเงินกระดาษทอง เขียนชื่อ อายุลงในกระดาษแล้วต้องไปทำพิธีอธิษฐานกับพระเจ้าไท่ ซื่อ เอี่ยะ พร้อมเอากระดาษปัดสิ่งชั่วร้ายออกจากตัว 13 ครั้ง เสร็จพิธี! ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องไปทำครับ เพราะผมไม่ใช่คนจีน ไม่ได้นับถือพระเจ้าอะไรใดๆทั้งนั้น แต่ก็ไป … คนเยอะและวุ่นวายกับการแก้ปีชงมาก ธุรกิจหากินกับความกลัวของคนยังจะเจริญเติบโตไปได้อีกเยอะ ..เพราะคนกลัวโดยเฉพาะกลัวต่อสิ่งที่มองไม่เห็น แต่เชื่อว่ามีจริง ตอนเข้าแถวซื้อกระดาษแล้วมานั่งกรอกชื่อที่โต๊ะ อารมณ์สมัครงานหรือสมัครเรียนอะไรสักอย่าง ยัยคนขายกระดาษก็เร่งทำยอดมาก กระชากเงินออกจากมือเราอย่างรวดเร็วหลังจากส่งกระดาษให้เราเสร็จ ทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะ…แก้แล้วนะ ปีชง

ปีชง มะเมีย

ผู้ชนะสิบทิศ

เรื่องทั่วไป 26 May 2009

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย จริงๆมีแผนจะไปเที่ยวสัตหีบกับเพื่อนๆที่ทำงานในวันเสาร์ที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่มีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถเดินทางไปกับเพื่อนๆได้ ฝนตกเกือบทุกวัน ทำให้ไม่อยากคิดถึงการเดินทาง การเที่ยว คิดถึงสภาพท้องถนนที่คลาคลำด้วยรถ ถนนลื่น อุบัติก็เกิดขึ้นง่าย ทะเลคงไม่สวยนัก หากท้องฟ้าไม่สดใส น้ำตกเองคงขุ่นคลั่กหากมีฝน ภูเขาหินผาก็ลื่นเกิดอุบัติเหตุได้ในหน้าฝน หน้าฝนจึงเป็นฤดูที่ไม่เหมาะแก่การเที่ยวเท่าไรนัก แล้วเหมาะแก่อะไรละ?? อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ผมเลือกของแรกเป็นหลัก ผสมด้วยข้อสอง และไม่ละข้อสาม!   เหตุที่ผมไม่สามารถไปเที่ยวกับเพื่อนๆได้ นั่น เพราะติดงานศพครับ ผู้วายชนม์เป็นอดีตข้าราชการทหารผู้ยิ่งใหญ่ ทำคุณประโยชน์แก่สยามประเทศเป็นอเนกอนันต์ ในอดีตท่านเคยออกรบในสงครามเวียดนามในนาม “จงอางศึก” และทำคุณประโยชน์ในฐานะชายชาติทหารแก่ประเทศชาติอย่างมากมาย ด้วยคุณงามความดีนี่เอง ในงานศพถึงคลาคลำด้วยแขกมากหน้าหลายตา และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือ ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อพระองค์ท่านทราบข่าวก็เสียชีวิต ก็ทรงประทานพวงหรีด เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัว ผมได้มีโอกาสไปที่บ้านของอดีตนายทหารผู้ยิ่งใหญ่ จึงได้พบเบื้องหลังแห่งความยิ่งใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพความยิ่งใหญ่, บันทึกต่างๆที่ท่านเขียนบันทึกไว้ตลอด(ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตทุกคนรักการอ่านและการบันทึก ข้อนี้ผมได้ยินมาจากหลายๆท่าน) รวมถึงหนังสือหลากหลาย และหนังสือกองหนึ่งที่สะดุดตาผมยิ่งนัก นั่นคือ หนังสือนิยาย “ผู้ชนะสิบทิศ” โดยยาขอบ แต่ละเล่มมีความหนากว่า 500 หน้า พิมพ์แบบเก่า หนังสือมีความเก่าแก่หน้ากระดาษออกสีเหลืองจนซีด รวมทั้งหมด 10 เล่ม ผมลองหยิบเล่มหนึ่งมาอ่านคำนำที่ยาวเกือบ 5 หน้า เป็นหนังสือที่มีคำนำจากผู้เขียนยาวมาก จึงพบว่า คำนำนี้มิใช่คำนำอย่างหนังสือทั่วๆไป แต่เป็นคำนำที่ผู้เขียนได้กล่าวแก้ต่างจากมีผู้โจมดีในสมัยนั้น เกี่ยวกับเรื่องที่ท่านเขียน โดยถูกกล่าวหาว่าไปลอกคนอื่นบ้าง ไม่ได้คิดเองบ้าง ต่างๆนานาๆ ก็ไม่แปลกใจใครที่ดัง มีชื่อขึ้นมา มักจะเจอข้อกล่าวหาทั้งสิ้น อาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการกล่าวอ้าง นอกจากนี้ท่านยังได้กล่าวขอบคุณ กล่าวถึงความยากลำบากในการประพันธ์ รวมถึงการกล่าวฝากฝังหนังสือยิ่งใหญ่ไว้ในแผ่นดิน   พออ่านคำนำจบ ก็ให้เกิดความกระหายอยากอ่านเนื้อหา ก็เลยอ่าน ตั้งใจว่าจะอ่านฆ่าเวลา อ่านผ่านไปบทแรก บทสอง บทสาม ก็เกิดความติดใจในรสประพันธ์ประหนึ่งกวางติดใจในรสหญ้าอ่อน ศัพท์สำนวนล้วนเป็นภาษาเก่า ต้องทำความเข้าใจ แต่กระนั้นก็หาใช่อุปสรรคไม่ ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุก ยิ่งอ่านก็ยิ่งวางไม่ลง ใครที่เคยอ่านแฮรี่พ็อตเตอร์แล้วติดงอมแงมวางไม่ลง ก็คงจะเข้าใจอาการนี้ของผมได้อย่างดี วางไม่ลง พอหลับตาลงก็ฝันถึง..   ผู้ชนะสิบทิศ เคยเป็นละครที่ยิ่งใหญ่ในอดีต…

ระลึกถึงเพื่อน..ณ ดินแดนแสนไกล

ไดอารี่ 24 June 200820 March 2020

ไปงานศพเพื่อน ณ เมรุ(อ่านว่า เมน)วัดสระเกศ นั่งดูหนังสือที่ระลึกที่เขาแจกในงาน ยิ่งดู ก็ยิ่งคิดถึงเพื่อน ร่างกายที่กำยำสง่า พูดจาไพเราะ เป็นมิตรกับทุกคน มาพร้อมกับเสียงหัวเราะอารมณ์ดีตลอดเวลา คนที่เพียบพร้อมด้วยลักษณะเช่นนี้เหรอ คือ คนที่นอนอยู่ในโลงศพนั่น ผมไม่อยากจะเชื่อจริงๆ แค่หลับตา ภาพเพื่อนก็โผล่ขึ้นมาในหัว รอยยิ้มและเสียงหัวเราะยังก้องอยู่ไม่หาย บรรยากาศในงานศพวันนี้ ถึงแม้จะเป็นงานศพ แต่ก็พบรอยยิ้มจากพวกเรา พวกเราเหล่าเพื่อนๆที่มีโอกาสได้พบปะ พูดคุยกัน ถึงแม้ไม่พร้อมหน้ากันทุกคน แต่ก็ได้พบหลายคน ไม่อยากให้งานศพของเพื่อนคนหนึ่ง เป็นงานนัดเจอของเหล่าเพื่อนๆเลย แต่ผมมีความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ  ด้วยหน้าที่การงาน พวกเราได้ห่างๆกันไป ไม่ได้พบ ไม่ได้พูดคุย ไม่ได้เจอ หรือไม่ได้เที่ยวกันเหมือนแต่ก่อน การเจอเพื่อนๆอีกครั้ง ทำให้เรามีเสียงหัวเราะในที่ๆไม่ควรมี เพราะเรากำลังอยู่ในงานศพของเพื่อน พอถึงเวลาจะนำศพเข้าเมรุ ผมมองไปที่ศพและภาพเพื่อนที่ตั้งอยู่ข้างๆศพนั้น ให้ความรู้สึกหดหู่ เงียบเหงา คิดถึงเพื่อน อย่างบอกไม่ถูก.. ขอทิ้งท้ายด้วยกลอนในหนังสือที่ระลึก                     มีเกิดก็บ่พ้น          ความตาย หนุ่มแก่ก็มิวาย                มอดม้วย ให้ตายแต่เพียงกาย          ดีอยู่ ฝากนา ดั่งท่านอาจารย์โก้ด้วย       ร่างม้วยชื่อยัง ฯ 

อ่านต่อ

3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอนกับอากาศ 3 องศา

ท่องเที่ยว 8 December 201917 March 2020

เที่ยวอินทนนท์มาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้อยากสัมผัสกับบรรยากาศหนาวจริงๆของอินทนนท์สักครั้งหนึ่ง จึงเป็นที่มาของทริป “3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอน” ขอรวบรัดตัดความข้ามเรื่องการเดินทาง วาปทีเดียวมาโผล่ที่อินทนนท์เลยละกันนะครับ ฉากแรกของทริปนี้คือที่นี่ครับ โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน คิดแค่ว่าขนเต๊นท์ขึ้นบนรถแล้วไปหาที่กางเอาดาบหน้าที่อินนทนนท์ เปิดกูเกิ้ลเห็นแว่บๆว่ามีที่กางเต๊นท์ชื่อชลธารวิว แต่พอไปถึงสถานที่จริง รู้สึกว่าไม่เหมือนที่คิดไว้สักเท่าไร ขณะขับออกมาจากตรงนั้นนิดหนึงก็พบที่แห่งนี้ครับ ค่ำคืนแรกในเต๊นท์บนอินทนนท์ หนาวสะใจมากครับ ..พอพระอาทิตย์ตกดินอากาศลดลงเหลือ 3 องศา หนาวจนหมูกระทะที่สั่งมากินหน้าเต๊นท์ไม่สามารถปิ้งย่างได้ ต้องรีบหลบเข้าเต๊นท์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหนาวลดลง หลังจากค่ำคืนที่หนาวเหน็บผ่านพ้นไป เช้ารุ่งขึ้นก็ยังอุตส่าแหกขี้หูขี้ตาขึ้นไปบนยอดดอยอินทนนท์อีกนะ เราว่าเราไปเช้าแล้วคือออกไปตอนตี 5 ครึ่ง ปรากฏว่ามีคนไปเช้ากว่าเราอีก คนบนนั้นเยอะจนรถติด สุดท้ายจึงลงมาหาข้าวกินข้างล่าง คืนที่สอง “ลานกางเต๊นท์ต้นสน อุทยานแห่งชาติอินทนนท์” อุทยานแห่งชาติอินทนนท์มีจุดกางเต๊นท์ที่เป็นของอุทยานและมีค่าบริการถูกมากครับเพียงคืนละ 50 บาท ที่นี่จึงเป็นที่พักสำหรับคืนที่สองของทริปนี้ และเช่นเคยครับ “นอนเต๊นท์” ข้อดีของคืนที่สอง คือ ที่นี่ความหนาวลดลง หรืออุ่นขึ้นนั่นเอง ที่นี่อากาศอยู่ที่ประมาณ 10 องศา (แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีสำหรับผม) ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือเดินไปไม่ไกลจากจุดกางเต๊นท์ที่เป็นป่าสนนี้ ก็จะมีร้านอาหารให้บริการอย่างหนาตา คืนที่สองนี้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวเท่าคืนแรก มีนักท่องเที่ยวที่ชอบนอนเต๊นท์มากันอย่างหนาตา แต่ก็ไม่หนาแน่นจนอึกกระทึก เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเก็บเต๊นท์รอจนน้ำค้างที่เกาะเต๊นท์แห้งดีแล้ว ก็เก็บข้าวของกลับบ้าน. ทริปนี้อยากสัมผัสความหนาวบนอินทนนท์ ก็ถือว่าได้ดั่งใจ ทริปหน้าไปไหนเดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง

อินทนนท์

ปมาโท มจฺจุโน ปทํ

ไดอารี่ 10 March 2011

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาถ้าคุณประมาท ผมได้แผลขนาดใหญ่ที่แขนมาเพราะความประมาทครับ ขณะรีดผ้าด้วยเตารีดอบไอน้ำ รีดไปพลาง ดูทีวีไปพลาง เตารีดอบไอน้ำถ้าราคาแพงหน่อยไอน้ำจะพวยพุ่งได้ตลอดเวลา แต่ถ้าราคาถูกก็จะได้ไอน้ำที่เดี๋ยวพุ่ง เดี๋ยวหยุด ที่ผมใช้ ณ ปัจจุบันเป็นแบบอันหลังครับ เดี๋ยวพุ่ง เดี๋ยวหยุด จังหวะที่มันหยุดผมก็ดูทีวี!! ทีนี้อยู่ๆมันก็มาโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า พุ่งใส่แขนผมเต็มเหนี่ยว มีผลทำให้หนังเตลิดเปิดเปิงหลุดหลุ่ย จุดที่โดนหนักๆนอกจากหนังไม่เหลือแล้วเนื้อยังตามไปด้วย!! เป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า “ความประมาท..แม้เพียงนิดเดียวก็เกิดอันตรายใหญ่หลวงได้!!”

ประมาท เตารีดไอน้ำ
อ่านต่อ

เที่ยวท่อง..ล่องเหนือ – Day 2 ดอยอ่างขาง

ท่องเที่ยว 15 December 201721 December 2017

เริ่มวันที่สอง ออกจากลำพูนมุ่งหน้าสู่ดอยอ่างขาง.. ใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 11 ไปทางเชียงดาว ระหว่างทางเจอที่สวยๆ บรรยากาศดีๆ ก็ไม่พลาดที่จะแวะชมบรรยากาศ จุดแรก ม่อนชมดอย ติดกับถนนเห็นเด่นเป็นตระหง่าน ผมแวะทานอาหารเช้าที่นี่ ขับรถตามทางไปสักระยะ เห็นป้ายบ่อน้ำร้อน..แวะสิครับ ออกจากบ่อน้ำร้อน ประมาณ 3 กิโลเมตร จะมีน้ำตกศรีสังวาลย์ สามารถใช้ตั๋วใบเดียวกับบ่อน้ำร้อนได้ ..แวะสิครับ สถานีต่อไปมุ่งหน้าอ่างขาง ครับ อ่างขางขึ้นได้ 2 ทาง คือทางฝั่งเชียงดาว และฝั่งฝาง ถ้าว่าด้วยระยทางฝั่งอำเภอฝางระยะสั้นกว่า แต่ถ้าว่าด้วยความโหด ฝั่งเชียงดาวโหดน้อยกว่า ฝั่งฝางความชันระดับ 5 ดาว รถไม่แรงพอไม่แนะนำให้ขึ้นทางนี้ มีโอกาสรถจะหงายหลังตกลงมาได้ ทางกรมทางแนะนำให้ขึ้นทางเชียงดาว และผมก็เลือกเส้นทางนี้ ความชันระดับกลางน่าจะพอๆกับเส้นทางไปอำเภอปาย โค้งเยอะหน่อย แต่ขับสบายและวิวสวย เจ้าตาลตาลของผมเครื่องพันห้า แต่ตัวหนาและน้ำหนักมากทางชันนิดๆหน่อยๆ ก็เริ่มออกอาการเร่งไม่ขึ้น ต้องอาศัยเกียร์ s ใช้แบบเกียร์ธรรมดาวิ่งเกียร์ต่ำขึ้นไปได้สบายๆ ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็ถึงอ่างขาง แดดร้อนหน่อย แต่อากาศเย็นดี ตกกลางคืนก็น่าจะหนาวพอสมควร คืนนี้นอนเต๊นท์แน่นอน เต๊นท์มีแล้วถอยมาใหม่ หาแต่ที่กางเต๊นท์ บนดอยอ่างขางมีจุดให้กางเต๊นท์ 2 จุด จุดแรกห่างจากสถานีเกษตร์ 1 กิโลเมตร จุดที่สองห่างจากสถานีเกษตร์ 5 กิโลเมตร ถ้าพูดถึงความสวยงามวิวดี จุดที่ห่าง 5 กิโลเมตรสวยกว่า แต่พูดถึงความสะดวกสบาย พื้นที่กว้างขวางกว่า ต้องมาอีกที่หนึ่งที่ห่าง 1 กิโลเมตร ผมเลือกจุดที่ใกล้สถานีเกษตรอ่างขางมากที่สุด เพื่อตอนเช้าจะได้แวะไปที่สถานีเกษตรได้ สถานีเกษตรอ่างข่างถือว่าเป็นไฮไลต์ของที่นี่ มีความสวยงามด้วยพรรณไม้นานาชนิดของโครงการหลวง มีอัตราค่าเข้าบริการคนละ 50 บาท ผมแวะมาที่นี่ทั้งช่วงบ่ายและช่วงเช้า ไหนๆก็มาแล้วต้องจัดให้สาสม ตอนบ่ายคนเยอะหน่อย ถ้าเป็นไปได้ควรไปแต่เช้าตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า จะเจอหมอก และอากาศที่เย็นสบายมาก วันนี้นอนดูดาวที่ดอยอ่างขาง..วันต่อไปมุ่งหน้า ดอยแม่สลอง

สถานีเกษตรดอยอ่างข่าง อ่างขาง

New Divide

พูดจาภาษาฝรั่ง, เรื่องทั่วไป 9 November 2009

อังกฤษวันละคำ วันนี้ขอเสนอคำว่า ‘divide’ divide   [də’vaɪd]  เป็น ได้ทั้ง verb และื noun แปลว่า แบ่ง, หาร, ปัน, แยก, จัดสรร, จัดกลุ่ม, แยกกลุ่ม ถ้าเป็นนามก็ใส่คำว่า “การ” ด้านหน้า เช่น การแบ่งแยก divide into groups  แบ่งกลุ่ม divide into  แยกส่วน divide up the work  แบ่งงาน divide among  กั้นแบ่ง พูดถึง divide การแบ่งแยก ปัจจุบันนี้บ้านเมืองเราก็แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน 2 กลุ่ม ซึ่งในความจริงอาจมีมากกว่า 2 กลุ่ม แต่ ณ ตอนนี้ที่เห็นชัดสุดก็คงไม่พ้น 2 กลุ่มนี้ เพราะเขาแสดงตัวชัดเจน เราจะไม่วกเข้าสู่เรื่องนั้น เราจะยังอยู่ในเรื่องของ divide  มาดูตัวอย่างประโยค divide กันสักเล็กน้อย When people or things are divided or divide into smaller groups or parts, they become separated into smaller parts. ทีนี้มาดูตัวอย่างกันแบบเป็นเรื่องเป็นราว มีเพลงของ Linkin Park ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Transformers 2 ชื่อเพลงว่า New Divide I remember black skies, the lightning all around me I remembered each…

มาม่า

ไดอารี่ 9 June 2008

ยุคนี้ยุคประหยัดครับ ใครๆต่างช่วยกันประหยัด หลายหน่วยงานมีกิจกรรมรณรงค์ส่งเสิรมกันมากมาย  มีกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ และทำคล้ายๆกันหลายองค์กร นั่นคือ การสมนาคุณลูกค้า ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่ว่าจะเป็น มาม่า หรือไวไว หากใครมีซองเปล่าครบ 10 ซองสามารถไปแลกฟรีได้ 1 ซอง ผมทานมาม่าเป็นจริงเป็นจัง ซองที่มีน่าจะมากกว่า 10 ซอง พอมีโปรโมชั่นนี้มา เลยไม่ช้าที่จะหอบซองมาม่าไปที่ร้านสะดวกซื้อ 24 ชม. (เซเว่นนะแหละ) ..ติ๊ง ต๊อง.. “เซเว่น อีเลเว่น รับอะไรดีค๋ะ” “เอ่อ..เอาซองเปล่ามาม่า มาแลกมาม่าครับ” ผมตอบอย่างมั่นใจ พนักงานขาย..มองหน้าอย่างเหยียดๆ พร้อมรวบรวมซองเปล่านับอย่างไม่ค่อยสนใจ เสร็จสรรพเธอหยิบมาม่าใส่ถุงให้ผม 3 ห่อ ผมรับถุงมาม่า พร้อมกับทำหน้าแปลกใจ..และพอผมก้าวขาออกจากเซเว่นเท่านั้นแหละ ผมก็ได้คำตอบของอาการของเธอนั้น..มีเสียงแว่วๆ ของพนักงานคุยกันเบาๆ ตามผมมา “หน้าตาก็ดี..แต่จ๊น จน กินแต่มาม่าได้ทั้งเดือนนน”

ทำไม..ฝนตกขึ้นฟ้า

เรื่องทั่วไป 4 February 2010

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เป็นเหตุให้ไม่ได้รีวิว แนะนำที่ท่องเที่ยว มีภาำพถ่าย(สวยๆ)มาอวดเลย พึ่งรู้ว่าขาจรส่วนใหญ่ที่พลาดเข้าเว็บผมมาจาก google ด้วยคีย์เวิร์ดเรื่องท่องเที่ยวเป็นหลัก รู้สึกสิ่งที่ตัวเองทำมา 2 อาทิตย์ไม่ไร้ค่าเสียทีเดียว หลังจากอดอาหารคาวในมื้อเย็น และวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้น้ำหนักหายไป 2 กิโลกรัม !!!! ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้หายไปสักอย่างน้อย 5 กิโล วันนี้ตั้งใจจะเล่าเรื่องหนังสืออีกเล่มที่พึ่งอ่านจบไปของคุณวินทร์ เหลียววาริณ “ฝนตกขึ้นฟ้า” ชื่อเรื่องดูธรรมด๊า ธรรมดา จนแทบไม่น่าสนใจ แต่เนื้อหา และวิธีเล่าเรื่องสนุก ได้รสชาติยิ่ง ผมชอบผลงานของคุณวินทร์ ตรงที่แกมีอะไรแปลกๆมาเล่าให้เราอ่านอยู่เรื่อยๆ ด้วยวิธีที่ไม่ซ้ำ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เด่นชัดของคุณวินทร์ คือการตีแผ่สังคมอย่างตรงมาตรงไป ชัดเจน และแรง ประชดประชัน แดกดันได้สะใจ บทรักมีพอได้อรรถรสไม่ถึงกับลึกซึ้งกินใจ แต่พอทำให้ใจไม่ห่อเหี่ยวเกินไปนัก ฝนตกขึ้นฟ้า คุณวินทร์บอกว่า เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นแบบหนังฟิล์มนัว (ถ้าไม่เข้าใจคำว่าฟิล์มนัวก็คลิกดู) ทั้งบทพูด เนื้องเรื่อง เป็นในรูปของภาพยนตร์มากกว่าตัวหนังสือ ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าได้อ่านเรื่องนี้ เหมือนได้ดูหนังเรื่องหนึ่งทีเดียว บทพูด ฉากชัดเจนมาก และเสน่ห์ของงานเขียนคุณวินทร์อีกอย่างคือ แฝงปรัชญา ข้อคิด และคำคมในตัวละครมากมาย ไม่ว่าพระเอก หรือผู้ร้าย มีเหตุผลของตัวเองที่จะทำแบบนั้น ถ้าได้อ่านแค่เหตุผลของผู้ร้าย ผมก็เข้าข้างและเชื่อผู้ร้าย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลจากทางฝั่งพระเอก ตรงนั้นจึงทำให้เราคิด และชั่งใจว่า เหตุผลข้างไหนน่าฟังกว่ากัน ผู้เขียนไม่ได้ชี้ชัดว่า เหตุผลของใครถูก ปล่อยให้ผู้อ่านไปคิดและตัดสินใจเอาเอง นี่ก็คือเสน่ห์อีกข้อของคุณวินทร์ ให้เกียรติผู้อ่านเสมอ  ผู้อ่าน 10 คน ไม่จำเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกันในเรื่องเดียวกันนี้ มองอาร์ตเวิร์ดของเรื่อง “ฝนตกขึ้นฟ้า” แว่บแรกก็นึกแปลกใจ ทำไมภาพประกอบ และเลขหน้าต้องทำกลับหัวให้ผู้อ่านรำคาญใจด้วย แต่พอได้อ่านเนื้อเรื่องจึงเข้าใจ อยากรู้มั้ยครับ ทำไมคุณวินทร์ถึงจัดอาร์ตเวิร์กกลับหัวอย่างนั้น? ผมไม่บอกนะครับ อยากรู้ไปหาซื้ออ่านเอาเอง แต่ยืนยันนะครับว่า .. สนุกกว่าหนังบางเรื่องเสียอีก

อ่านต่อ

ทริปปั่นปั่น กับ น้องขาวเพรียว

สุขกะภาพ 30 March 201525 August 2022

เมื่อต้นปีมีโอกาสไปต่างจังหวัด ครั้งนี้ไปคนเดียวครับ  อย่ากระนั้นเลย เดี๋ยวรถจะเบา จึงหิ้วน้องเพรียวขาวขึ้นรถไปด้วย .. ก็จึงเกิดมีภาพน้องเพรียวขาวกับบรรยากาศลูกทุ่งๆ ฉะนี้แล

ขาวเพรียว จักรยาน

สายใย..บางบาง

ไดอารี่ 20 September 2010

โลกเดี๋ยวนี้เราเชื่อมทุกอย่างเข้าใกล้กันมากขึ้น มากขึ้น และง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่กลายเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้เสียแล้วของ ‘สยามมนุษย์’ นั่นคือ “โทรศัพท์มือถือ” เดี๋ยวนี้มันไม่ได้เป็นแค่โทรศัพท์สำหรับติดต่อกันอย่างเดียว ไม่ว่าจะติดต่อด้วยเสียง ข้อความ รูปภาพ หรือเดี๋ยวนี้กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกสามจี สามารถติดต่อกันด้วยภาพเคลื่อนไหวสดๆได้ โทรศัพท์มือถือกลายสภาพเป็นเครื่องประดับชิ้นเอก เป็นเครื่องวัดมาตรฐานของคนได้ในระดับหนึ่ง หากเมื่อไรที่หนุ่มหรือสาวนางไหน ควักไอโฟนหรือบีบีขึ้นเซย์ฮัลโหล สถานภาพทางสังคมดูดีขึ้นทันที ได้รับการต้อนและไมตรีจากผู้อื่นได้ง่ายขึ้น ชายหนุ่มที่ริจะขอเบอร์สาวๆ หากเดินปรี่ไปหาแล้วหยิบโทรศัพท์ไอโฟนหรือบีบี เพื่อบันทึกเบอร์สาวเจ้า เปอร์เซ็นต์ที่จะได้เบอร์ย่อมมีสูงกว่าพวกที่หยิบโทรศัพท์โนเนมหน้าจอสีขาวดำขึ้นมาบันทึกอย่างแน่นอน โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆออกมา นอกจากเน้นประสิทธิภาพที่มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ดีไซน์ต้องสวยเลิศ เมื่อหยิบขึ้นมาโทรในที่สาธารณะแล้ว ทุกคนต้องมองแล้วร้องวู้ววว..ว  รับโทรศัพท์ได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ต้องแอบๆซ่อนๆใครเพียงเพื่อจะรับโทรศัพท์รุ่นกระติกน้ำโบร่ำโบราณ!! บริการต่างๆที่แฝงมาในโทรศัพท์สามารถดูดเงินในกระเป๋าผู้ใช้ได้อย่างสบายมือ โทรศัพท์ที่ว่าแพงแล้ว บริการต่างๆรายวัน รายเดือน หรือรายปีแพงกว่าอีก!! แน่นอนโทรศัพท์มือถือ ใช้ง่าย สะดวกสบาย คิดถึงใคร ติดต่องานไหน หรือไม่คิดถึง ไม่ได้ติดต่องาน อยากคุยกับเพื่อนที่อยู่ชั้น 2 (ตัวเองนั่งอยู่ชั้น 1) ก็กดโทรคุยได้ง่ายๆ คุยง่าย จ่ายหน้ามืด!! ยิ่งใช้ง่าย สะดวกสบายเพียงไร เงินก็หลุดหายไปได้ง่ายเช่นกัน อย่าลืมว่า..คำพูดทุกคำของเราที่พูดผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นคำพูดมีค่าทั้งสิ้น แม้เรื่องที่พูดอาจจะเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ถ้าพูดผ่านโทรศัพท์..เรื่องไร้สาระจะมีมูลค่าขึ้นมาทันที!! ยิ่งเดี๋ยวนี้มีบริการ เสียงเพลงรอสาย เปลี่ยนเพลงได้ทุกชั่วโมง, เล่นอินเทอร์เนต เฟสบุค ทวิตเตอร์ผ่านมือถือ , ดูดวง, เล่นเกมส์ , จองตั๋วหนัง, จองตั๋วเครื่องบิน, จองศาล จองโลง!!! ฯลฯ บริการเยอะดีจังนะครับ แต่ทุกบริการมีค่าบริการทั้งนั้น และแพงเสียด้วย!! บริการทั้งหลายทั้งปวงที่มีมาในมือถือใช่ว่า ผมจะบอกว่าไม่ดี ดีครับ ดีมาก ..แต่ไม่ใช่จะดีกับทุกคน แล้วดีสำหรับใคร? ดีสำหรับทุกคนที่มีธุระใช้มันจริงๆ ไม่ใช้พร่ำเพรื่อในเรื่องไร้สาระ ถ้าอยากจะไร้สาระหรือบันเทิง ก็ต้องไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านแทน ประหยัดกว่า อินเทอร์เนตผ่านมือถือ มันสะดวกง่าย ค่าบริการก็จึงแพงตามมาด้วยนะ พูดเรื่องโทรศัพท์มาเยอะแยะมากมาย เข้าสู่เรื่องตัวเองซักที ผมใช้โทรศัพท์ถูกๆมาหลายปีแล้วครับ ถูกที่ว่านี่คือถูกจริงๆ เพราะได้มาฟรี ใช้รับสาย โทรออก รับข้อความ และฟังเพลงได้เท่านั้น และผมก็ใช้เท่านั้น ค่าโทรศัพท์รายเดือนไม่เคยเกิน 200 บาท!! ในโทรศัพท์มีเบอร์แม่…

เทคโนโลยี โทรศัพท์

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (62)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (87)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (53)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH