Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

ปีใหม่

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓ อ่านต่อ

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓

เรื่องทั่วไป 5 January 2010

เข้าสู่ปีใหม่ 2553 ละ ..ตั้งใจจะทำอะไร หรือมีแผนอะไรก็ต้องดำเนินการ ส่วนตัว ผมจะอัพบล็อกแห่งนี้อย่างสม่ำเสมอ และจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน ช่วงนี้คนใกล้ตัวและคนรู้จักหลายๆคนล้มป่วยกันเยอะ ทำให้เราอยู่เฉยไม่ได้ละ ต้องวิ่งๆๆ ก่อนอื่นเลยจะมารวบรวมเรื่องราวก่อนและหลังปีใหม่มาดๆนี้ 1. เริ่มต้นด้วยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ผมถูกหวย(ใต้ดิน)ครั้งที่ 3 ในชีวิต หลังจากซื้อบ้าง ไม่ซื้อบ้างมาโดยตลอด ครั้งแรกผมถูกหวยตอนอายุประมาณ 12 ขวบ ถูก 2 ตัว 1 บาท ได้ 70 บาท ดีใจมาก .. ครั้งที่ 2 ตอนอายุประมาณ 20 ต้นๆ ถูก 50 บาท ได้ 3 พันกว่าบาท 2 ครั้งนั้น ผมได้เลขจากไหนไม่รู้นะ แต่ครั้งนี้(ครั้งที่ 3 ) ได้มาจากการตีความอย่างมีระบบ (555) เริ่มต้นที่หัวหน้าผมเอง เกริ่นนำเรื่องหวยว่าจะแทงจากจำนวนเหรียญทองที่ไทยได้จากซีเกมส์ นั่นคือ 86 เหรียญ ผมก็เอาด้วยเลย 86, 68 เลขละ 60 บาท กันพลาดต้องกลับไปกลับมา แต่เอ่ะ..ว่ากันว่า ถ้าเป็นผู้ชายต้องขยับขึ้น ผู้หญิงต้องขยับลง ผมเลยขยับขึ้นจาก 86 เป็น 87 เย็นวันนั้น หวยออกเลขท้าย 2 ตัว 87 ด้วยประการฉะนี้เอย. 2. ปีนี้ผมเคาน์ดาวน์ที่กทม. นั่งปิ้ง ย่างเนื้อ ลูกชิ้น ที่ระเบียง ท่ามกลางแสงจันทร์ เสียงร้องต้อนรับปีใหม่ และแสงไฟพลุจากรอบบ้าน แน่นอนที่สุด ผมไม่ได้นั่งคนเดียว ผมอยู่กับคนรักครับ!! 3. ออกเดินทางไปเที่ยวในเช้ามืดของวันที่ 1 ม.ค. 2553 ถนนโล่ง ขับสบาย ไปทีหลัง และกลับก่อนในวันที่…

๒๕๕๓ ปีใหม่
อ่านต่อ

แม่ฮ่องสอน..ตะลอนเที่ยว: ปางอุ๋ง

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 20 December 202024 September 2021

ปางอุ๋ง หลังจากออกจากปางมะผ้า ชุมชนหมู่บ้านจ่าโบ่ เราก็มุ่งหน้าสู่ปางอุ๋ง..เส้นทางที่แม้สวยงามเพียงใด แต่เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเส้นทางที่วิ่งไปตามเขา เราจึงขับรถไปด้วยความวิงเวียนพอสมควร ทั้งโค้งขึ้นและโค้งลงเขา จนในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง.. ปางอุ๋ง ปางอุ๋ง หรือชื่อเต็มก็คือ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)” เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่อันตราย อยู่ติดแนวชายแดนพม่ามีกองกำลังต่างๆ มีการขนส่ง ปลูกพืชเสพติด รวมไปถึงการบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าอยู่เสมอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินีนาถจึงมีพระราชดำริให้รวบรวมราษฎรกลุ่มน้อยบริเวณนั้น และพัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ โดยมีพระราชประสงค์สร้างความมั่นคงแนวชายแดน พัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎร ให้ดีขึ้นและฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืนตลอดไป ไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน ต้องไปปางอุ๋ง ไปเสพธรรมชาติและความงดงามของสายน้ำยามเช้า คอยลุ้นว่าจะมีหมอกบนสายน้ำมั้ย..อากาศที่ปางอุ๋งว่ากันว่าหนาวทั้งปี และครั้งนี้ก็หนาวจริง น้ำนี่เย็นเจี้ยบบบ ผมมาครั้งนี้ ก็เพื่อจะได้พูดเต็มปากว่าได้มาแล้ว ที่ใครเคยพูดว่าปางอุ๋งสวย เราก็จะได้มาเห็นด้วยตัวเองว่าจริงมั้ย..ก็สวยจริงนะครับ แต่วันที่ผมมานั้นไม่มีหมอก T_T ข้อเสียอย่างหนึ่งของจุดกางเต๊นท์ที่นี่คือ ทำเลดีๆ สวยๆติดริมน้ำ ถูกเต๊นท์เช่าของเจ้าหน้าที่กางทิ้งไว้หมด จะมีนักท่องเที่ยวหรือไม่ก็ตาม เต๊นท์ก็จะกักที่ไว้อย่างนั้น วันที่ผมไปนักท่องเที่ยวไม่ได้เยอะมากนัก แต่เต๊นท์เช่าเหล่านั้นก็ถูกกางกักที่ไว้เช่นนั้น นอกจากจะกักที่ดีๆไว้แล้ว ยังมองดูเกะกะวิวสวยๆไปหมด เป็นไปได้ไหมครับว่าเต๊นท์เช่าเราไม่ต้องกางทิ้งไว้ รอเวลามีคนมาขอเช่าแล้วค่อยไปกางให้เขา ณ ตำแหน่งที่ผู้เช่าอยากให้กาง เต๊นท์เองก็จะไม่โทรมเร็ว และมีพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวคนอื่นบ้าง ครั้นจะไปกางเต๊นท์ในจุดที่ห่างจากผู้อื่น วิวสวย เงียบๆ แต่ก็จะไกลจากห้องน้ำมาก.. เช้าวันต่อมา หลังจากออกไปวิ่งเป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร ผมกลับมาอาบน้ำในขณะที่น้ำเย็นมากกกกก ก .. แต่เหงื่อท่วมตัวแบบนี้ไม่อาบไม่ได้ครับ คนอื่นๆที่นั่งหนาวผิงไฟ ออกอากาศตกใจเล็กน้อยที่เห็นผมอาบน้ำ หลังจากเก็บเต๊นท์ ทานข้าวเช้าเราก็บอกลาปางอุ๋ง.. ขากลับผมตั้งใจจะยิงยาวจากปางอุ๋ง ไปกรุงเทพเลยโดยไม่วนกลับมาทางเชียงใหม่ และเส้นทางที่เลือกนั่นคือ ไปทางแม่สะเหรี่ยง ถนนดี รถน้อย แต่ไกลกว่าและโค้งเยอะกว่ามากครับ ระหว่างทางก็เลยแวะร้านกาแฟเรื่อยๆ ออกเดินทางต่อเข้าสู่โหมดภูเขาและมหากาพย์โค้ง โค้งจนร้องขอชีวิต ในที่สุดก็มีจุดให้แวะเมื่อเราผ่านไปแล้วกว่าพันโค้ง!! ขับรถมาถึงแม่สอด ก็มืดค่ำพอดี ก็เลยต้องหาที่หลับที่นอนที่แม่สอดและระหว่างทางกว่าจะถึงที่พักนั่นก็ระทึกพอสมควรครับ แม่สอดเป็นอำเภอที่ติดกับชายแดนพม่า ถนนมืดสนิทด้านซ้ายเป็นเหว ด้านขวาเป็นภูเขาและราวกับว่าเราขับรถอยู่คนเดียวในหุบเขา นานๆจะมีรถสวนมาสักคัน..ถ้าใครกลับจากแม่ฮ่องสอนเพื่อเข้ากรุงเทพ ไม่แนะนำเส้นทางนี้นะครับ ~ เปลี่ยวเกิ้น จบละครับทริปแม่ฮ่องสอน..ตะลอนเที่ยว เจอกันใหม่ทริปหน้า.. ปิดท้ายด้วยเส้นทางวิวสวยๆจากแม่สอด.

ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน

ทำไม..ฝนตกขึ้นฟ้า

เรื่องทั่วไป 4 February 2010

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เป็นเหตุให้ไม่ได้รีวิว แนะนำที่ท่องเที่ยว มีภาำพถ่าย(สวยๆ)มาอวดเลย พึ่งรู้ว่าขาจรส่วนใหญ่ที่พลาดเข้าเว็บผมมาจาก google ด้วยคีย์เวิร์ดเรื่องท่องเที่ยวเป็นหลัก รู้สึกสิ่งที่ตัวเองทำมา 2 อาทิตย์ไม่ไร้ค่าเสียทีเดียว หลังจากอดอาหารคาวในมื้อเย็น และวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้น้ำหนักหายไป 2 กิโลกรัม !!!! ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้หายไปสักอย่างน้อย 5 กิโล วันนี้ตั้งใจจะเล่าเรื่องหนังสืออีกเล่มที่พึ่งอ่านจบไปของคุณวินทร์ เหลียววาริณ “ฝนตกขึ้นฟ้า” ชื่อเรื่องดูธรรมด๊า ธรรมดา จนแทบไม่น่าสนใจ แต่เนื้อหา และวิธีเล่าเรื่องสนุก ได้รสชาติยิ่ง ผมชอบผลงานของคุณวินทร์ ตรงที่แกมีอะไรแปลกๆมาเล่าให้เราอ่านอยู่เรื่อยๆ ด้วยวิธีที่ไม่ซ้ำ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เด่นชัดของคุณวินทร์ คือการตีแผ่สังคมอย่างตรงมาตรงไป ชัดเจน และแรง ประชดประชัน แดกดันได้สะใจ บทรักมีพอได้อรรถรสไม่ถึงกับลึกซึ้งกินใจ แต่พอทำให้ใจไม่ห่อเหี่ยวเกินไปนัก ฝนตกขึ้นฟ้า คุณวินทร์บอกว่า เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นแบบหนังฟิล์มนัว (ถ้าไม่เข้าใจคำว่าฟิล์มนัวก็คลิกดู) ทั้งบทพูด เนื้องเรื่อง เป็นในรูปของภาพยนตร์มากกว่าตัวหนังสือ ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าได้อ่านเรื่องนี้ เหมือนได้ดูหนังเรื่องหนึ่งทีเดียว บทพูด ฉากชัดเจนมาก และเสน่ห์ของงานเขียนคุณวินทร์อีกอย่างคือ แฝงปรัชญา ข้อคิด และคำคมในตัวละครมากมาย ไม่ว่าพระเอก หรือผู้ร้าย มีเหตุผลของตัวเองที่จะทำแบบนั้น ถ้าได้อ่านแค่เหตุผลของผู้ร้าย ผมก็เข้าข้างและเชื่อผู้ร้าย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลจากทางฝั่งพระเอก ตรงนั้นจึงทำให้เราคิด และชั่งใจว่า เหตุผลข้างไหนน่าฟังกว่ากัน ผู้เขียนไม่ได้ชี้ชัดว่า เหตุผลของใครถูก ปล่อยให้ผู้อ่านไปคิดและตัดสินใจเอาเอง นี่ก็คือเสน่ห์อีกข้อของคุณวินทร์ ให้เกียรติผู้อ่านเสมอ  ผู้อ่าน 10 คน ไม่จำเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกันในเรื่องเดียวกันนี้ มองอาร์ตเวิร์ดของเรื่อง “ฝนตกขึ้นฟ้า” แว่บแรกก็นึกแปลกใจ ทำไมภาพประกอบ และเลขหน้าต้องทำกลับหัวให้ผู้อ่านรำคาญใจด้วย แต่พอได้อ่านเนื้อเรื่องจึงเข้าใจ อยากรู้มั้ยครับ ทำไมคุณวินทร์ถึงจัดอาร์ตเวิร์กกลับหัวอย่างนั้น? ผมไม่บอกนะครับ อยากรู้ไปหาซื้ออ่านเอาเอง แต่ยืนยันนะครับว่า .. สนุกกว่าหนังบางเรื่องเสียอีก

ยุทธะ-หัด-หมี

เรื่องทั่วไป 16 June 2009

พลายช้างทรงองค์กษัตริย์ หาได้มีความหวาดหวั่นไม่ แม้ตัวเป็นต่อข้าศึก ด้วยพลัดหลงเหล่าเสนาทหารเข้ามาอยู่ท่ามกลางทัพอริศัตรู  สถานการณ์ขณะนั้น แม้หากข้าศึกจู่โจมจู่ลู่ด้วยกำลังกลยุทธ ก็หามีใครสามารถกล่าวอ้างภายหลังได้ว่า รบกันด้วยความอยุติธรรม ก่อนเหตุการณ์จะเอนเอียงไปในทิศทางดังกล่าว องค์จอมกษัตริย์ผู้ทรงช้างท่ามกลางอริข้าศึกที่ยกพลมาประชิดเมือง กล่าวอย่างองอาจไร้ความหวาดหวั่นในพระทัยว่า “เจ้าพี่จะยืนช้างอยู่ในที่ร่มไม้ทำไม  เชิญเสด็จมาทำยุทธหัตถีกันให้เป็นเกียรติยศเถิด  กษัตริย์ภายหน้า ที่จะทำยุทธหัตถีได้อย่างเรา จะไม่มีแล้ว” เมื่อฟังดังนั้น พระมหาอุปราชาก็เกิดทิฏฐิในสงคราม ใคร่จะแสดงความยิ่งใหญ่ให้ปรากฏในหมู่ทหารของตนและฝ่ายตรงข้าม จึงให้เหล่าทหารม้าและกองทหารเดินทุกหมู่นาย จงหยุดการเข้ารุมล้อม เพียงพระองค์จอมทัพกับกษัตริย์จอมศึก จะทรงช้างทำยุทธหัตถี พระมหาอุปราชาทรงช้างชื่อพัทธกอ เป็นช้างที่มีรูปร่างใหญเป็นพญาคชสาร ฝั่งองค์กษัตริย์ทรงช้างชื่อภูเขาทอง ซึ่งภายหลังได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า พระยาไชยานุภาพ เมื่อเข้ารุมตะลุมบอน ช้างพัทธกอที่มีขนาดใหญ่และมีความฮึกเฮิมในศึกสงครามกว่า ก็ปรี่เข้าหาช้างไชยานุภาพเอางางัดขึ้นจนเสียหลัก พระมหาอุปราชาเห็นทีได้เปรียบ จึงใช้พระแสงของ้าว ฟันอย่างรวดเร็ว องค์กษัตริย์เบี่ยงหลบทัน แต่ถูกพระมาลาหนังขาดไปอย่างน่าหวาดเสียว  พอช้างไชยานุภาพสะบัดหลุด แล้วกลับชนได้ล่างแบกถนัดรุนพลายพัทธกอหัวเบนไป  องค์กษัตริย์ได้โอกาสบ้าง ก็จ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าว ถูกพระมหาอุปราชาที่ไหล่ขวาขาด  สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง  องค์จอมกษัตริย์ได้รับชัยชนะ อริศัตรูก็ล่าถอย ..แผ่นดินได้รับเอกราช องค์กษัตริย์ที่ทรงช้างอย่างองอาจกำชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา ปรากฏนามว่า “พระนเรศวรมหาราช” ส่วนช้างทรงที่แต่เดิมชื่อว่า พลายภูเขาทอง จากนั้นได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า พระยาไชยานุภาพ และหลังจากศึกที่มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชาครั้งนั้น ก็ได้รับชื่อใหม่อีกครั้งว่า “เจ้าพระยาปราบหงสา” ช้างเป็นสัตว์คู่บุญคู่บารมีองค์มหากษัตริย์มาแต่ครั้งโบราณ ครั้นเวลาผ่านไป.. ช้างถูกย้าย ถูกถอดยศ โดยไม่มีความผิด จากนายทหารผู้ยิ่งใหญ่ กลายเป็นคนงานแบกลากซุง ต้องทำงานแข่งกับเวลา ครั้นงานเสร็จไม่ทัน ช้างต้องเสพยาบ้า เปล่า..ช้างไม่หายามากินเอง หากแต่ควาญชั่วเป็นผู้ป้อนยา  หลังจากได้ยาบ้า ช้างก็ทำงานหนักจนผอมโซตัวซีด บางเชือกกลายเป็นช้างติดยาจนยากแก้ไข  ที่น่าเจ็บปวดใจที่สุด ช้างถูกลดสถานะลงต่ำกว่าเดิมอีก นั่นคือ ช้างขอทาน เดินเตร็ดเตร่ตามเมือง ย่านชุมชน เพียงเพื่อขอเงินจากการขายถุงอาหารให้ถุงละ 20 บาท !!! เมื่อช้างเข้ามาใช้ชีวิตในเมือง ความวุ่นวายประสาคนเมืองก็เกิดขึ้น ช้างถูกรถชน, ช้างตกท่อ, ช้างตกงาน ฯลฯ ขณะที่ช้างนอนเจ็บป่วด ช้างสัตว์ร่างใหญ่ แต่นัยน์ตาเล็ก นัยน์ตาเล็กๆคู่นั้นของช้าง เป็นนัยน์ตาซื่อๆ ใสๆ ของทาสผู้ซื่อสัตย์ แต่เมื่อประสบกับความเจ็บปวดสุดทรมาน จึงเอ่อล้นด้วยน้ำตา และหากช้างได้ดูทีวี ได้ดูข่าวบ้าง น้ำตาที่เอ่อล้นนั้นคงมิใช่เพราะความเจ็บปวดกายอย่างเดียว หากแต่เจ็บไปถึงข้างในใจ ระทมด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ บัดนี้ช้างไม่ได้กู้แผ่นดินอีกแล้ว…

ช้าง
อ่านต่อ

อิ่มท้อง อิ่มบรรยากาศ ณ เรือนรับรอง

สุขกะภาพ, ไดอารี่ 31 July 200829 June 2016

ที่จริงจะเล่าหลายครั้งแล้ว ปรากฏว่าภาพประกอบอยู่ใน memory card แล้วเจ้าตัว card reader ดันเสีย ก็เลยไม่สามารถเอารูปในมือถือมาประกอบการเล่าได้ (ถ้าไม่มีภาพแล้ว ดูขาดความน่าเชื่อถือยังไงพิกล) เรื่องที่จะเล่า ก็คือ อยากจะแนะนำอาหารให้ไปชิมกันซะหน่อยครับ เมื่อวันที่ 23 กรกฏาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเกิดผมนี่แหละ อยากจะได้บรรยากาศดีๆ ไม่เอิกเกริก ก็จึงได้สถานที่แห่งหนึ่งครับ ตั้งอยู่ บนดาดฟ้าชั้น 12 พิศวิทย์ทาวเวอร์ ซ.พหลโยธิน 24 จากปากซอยพหลโยธิน 24 (ใกล้แดนเนรมิต) จะมีป้ายบอกทางมาเป็นระยะๆ ขับรถตามป้ายเข้ามาเรื่อยๆ พอถึงพิศวิทย์ทาวเวอร์ก็ขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 12 ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้าเลย ร้านนี้ชื่อร้านเรือนรับรอง บรรยากาศที่มองจากชั้นบนดาดฟ้า ตรงกลางมีสระน้ำ รอบๆมีต้นไม้ และโต๊ะอาหาร (เสียดายไม่ได้ถ่ายรูป) อีกมุมหนึ่ง ดูภาพวิวรอบๆ พอแล้ว ทีนี้มาดูอาหารซึ่งเป็นไฮไลต์กัน วันนั้นสั่งไปหลายอย่างทีเดียว  แต่ละอย่างผมจำชื่อไม่ได้ แต่ที่จำได้คือรสชาติ รสชาติเยี่ยมเลยครับ ที่เห็นเป็นรูปลูกมะพร้าว นั่นคือห่อหมกยอดมะพร้าว ภาพล่างขวาปลาหมึกคลุกด้วยไข่เค็มทอด บนขวาไก่ทอด ที่นี่ทอดได้กำลังดีทีเดียว เนื้อนุ่ม ไม่แข็งไป ~ รวมๆแล้ว ถือว่าไม่เลวทีเดียว จากคะแนนเต็ม 10  บรรยากาศร้านให้ 7  รสชาติอาหารให้ 8 บรรยากาศบนดาดฟ้าดีทีเดียวครับ เป็นโอเพ่นแอร์ ~ ว่างๆลองไปชิมดูครับ

เรือนรับรอง

กาลามสูตรบอกว่าอย่าเชื่อ..เพราะ..!!??

เรื่องทั่วไป 22 January 2010

ช่วงนี้มีข่าวแปลกๆ เกิดขึ้นทางภาคเหนือ และกำลังจะแพร่ระบาดไปในภาคอื่นๆ นั่นคือ ข่าวเรื่อง “โทรศัพท์มรณะ” เชื่อกันว่า หากมีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ เป็นเลขตองเรียงกันโทรเข้ามา หากรับสายจะตายทันที!! ฟังดูเป็นเรื่องเหลวไหลและหาเหตุผลไม่ได้เลย แต่ทางภาคเหนือก็เชื่อกันอย่างเป็นตุเป็นตะ เป็นคุ้งเป็นแคว ขนาดมีการปิดป้ายเตือนกันตามที่ต่างๆ และมีการบอกต่อด้วยความหวังดีอย่างแพร่หลาย ผมไม่แน่ใจว่ามีคนตายจากการรับโทรศัพท์บ้างรึยัง ชาวบ้านถึงกลัวกันขนาดนี้ หรือตาย ก็อาจจะตายด้วยสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่เพราะรับโทรศัพท์แน่ๆ แต่อาจจะบังเอิญ พอเหมาะพอเจาะกับก่อนหน้านั้นคนตายได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลกๆอีกด้วย เรื่องราวก็เลย เลยเถิดกันไปใหญ่.. เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ ถ้าใช้หลักของพระพุทธศาสนา ก็จะสามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งไหนควรเชื่อ และสิ่งไหนไม่ควรเชื่อ ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยพุทธกาล ก็มีเรื่องราวทำนองนี้ เรื่องมีอยู่ว่า คนกลุ่มหนึ่งได้ทูลถาม สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงข้อที่เขากำลังงงไปหมด โดยไม่อาจจะทราบได้ว่า ข้อปฏิบัติอย่างไร จะเป็นไปเพื่อความดับทุกข์โดยตรง ครูบาอาจารย์ หรือศาสดาพวกนี้มาก็สอนได้อย่างหนึ่ง พวกโน้นมาก็สอนอีกอย่างหนึ่ง จนมากมายหลายพวกด้วยกันจนงง จนไม่รู้ว่าอันไหนจะเป็นที่เชื่อถือได้ ขอให้พระผู้มีพระภาคเจ้า ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าได้ตรัส ตอบคนเหล่านั้นว่า อย่าได้เชื่อถือด้วยเหตุผลต่างๆดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ คือ อย่าได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บอกต่อๆกันมา อย่าได้เชื่อ ถือ โดยเหตุที่สักแต่ว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตามๆกันมา อย่า ได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมด แล้วมันต้องเป็นความจริง อย่าได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า มันมีอ้างไว้ หรือเขียนไว้ในตำรับตำรา อย่าได้เชื่อถือ ด้วยการเดาของตัวเอง อย่าได้เชื่อถือ ด้วยการตรึกเอาตามเหตุผลส่วนตัวของตัวเอง อย่าได้เชื่อถือ ด้วยความคาดคะเนของตัวเอง อย่าได้เชื่อถือว่า นี่มันเข้ากันได้กับลัทธิ ที่เรากำลังปฏิบัติอยู่เป็นประจำ อย่า ได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า ผู้พูด ผู้กล่าว ผู้สอนนั้น อยู่ในฐานะที่พอจะเชื่อถือได้ อย่าได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า ท่านผู้กล่าว ผู้สอนนั้นเป็นครูบาอาจารย์ของเรา ทั้ง  10 ข้อนี้เรียกว่า กาลามสูตร ถ้ามีสติปัญญา พิจารณาด้วยเหตุและผล ก็จะเห็นได้ว่า สิ่งไหนควรเชื่อ และสิ่งไหนเป็นสิ่งไร้สาระ แต่ในปัจจุบันสิ่งลวงตามีมากกว่าก่อนเยอะ หลายเรื่องเราไม่สามารถแยกแยะได้จริงๆ โดยเฉพาะเรื่องที่คุณนักการเมืองที่เคารพทั้งหลาย ออกมาพูดกันก่อนเลือกตั้งให้เราเคลิ้มเนี่ยะ แยกไม่ออกจริงๆ ว่าอันไหนจริง อันไหนโกหก อันไหนทำได้…

อ่านต่อ

ทะเล..ทะลุ

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 1 February 201417 March 2020

เป็นทริปที่เกือบจะปีแล้ว แต่ยังไม่ได้เอามาสาธยายในบล็อก ทริป “ทะเล..ทะลุ” เป็นทริปเล็กๆกับที่ออฟฟิส โดยมีเวลาแค่ 2 วัน คือเสาร์-อาทิตย์ แต่เกาะทะลุอยู่ประจวบฯที่ติดกับชุมพร ต้องใช้เวลาในการเดินทางร่วม 5 ชั่วโมง ดังนั้น เพื่อใช้เวลาในการเที่ยวให้มีค่ามากที่สุด ควรจะถึงที่ดำน้ำในเวลาไม่เกิน 9 โมงเช้าของวันเสาร์ ตอนบ่ายจะได้มีเวลาไปเที่ยวที่อื่นบ้าง และเที่ยงของวันอาทิตย์ก็จะเดินทางกลับ เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้คร่าวดังกล่าวนั้น เย็นวันศุกร์จึงต้องมารวมตัวกัน เพื่อออกเดินทางแต่เช้ามืดของวันเสาร์ …กำหนดหมายที่ล้อหมุน คือ ตี 4 เย็นวันศุกร์จึงมีปาร์ตี้วงไพ่เล็กๆที่บ้านผม ณ บางกร่าง อาจจะแน่นไปนิดนึง ด้วยจำนวนสมาชิก 10 กว่าคน แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เช้ารุ่งขึ้น การเดินทางไม่เป็นไปตามแผนเท่าไรนัก เนื่องจากฝนลงเม็ดแต่เช้า การทำเวลาให้ทัน 8.30 ณ จุดดำน้ำจึงทำไม่ได้ แต่โชคดีที่ทางเจ้าหน้าที่รอ แม้จะเลทไป 1 ชั่วโมงก็ตาม จุดดำน้ำในเกาะทะลุ พูดถึงความใส ความสวยของทะเลก็พอรับได้ครับ ปลาอาจไม่ชุมเท่าเกาะสุรินทร์ หรือกระบี่ทางฝั่งอันดามัน แต่ถ้าไปกันสนุกๆ ที่ไม่ไกลมาก แถวนี้ก็พอดำผุดดำว่ายได้อย่างสบายๆ โชคดีที่ทางผู้ให้บริการเอง ก็จัดการกับนักท่องเที่ยวได้ดี ทั้งที่อาบน้ำ อาหารและผลไม้ หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ที่พักที่บ้านกรูดครับ .. ตอนเย็นมีปาร์ตี้ปิ้งย่างเล็กๆน้อยๆ เป็นโหมดกลางคืนเลยไม่ค่อยมีรูปมาฝาก ในวันอาทิตย์สายๆ ไปทานอาหารเกือบเที่ยงที่หน้าหนูโภชนาที่อยู่ริมทะเล ทางที่จะไปวัดทางสาย ร้านนี้ได้รับการการันตีถึงความอร่อย และก็อร่อยจริงๆ เสร็จจากการรับประทานอาหารก็ขึ้นไปไหว้พระที่วัดทางสาย ซึ่งเป็นไฮไลท์ของบ้านกรูด ใครมาแล้วต้องขึ้นไปกราบไหว้สักการะครับ ก่อนเดินทางกลับบ้าน ___ ถึงบ้าน 1 ทุ่มเป๊ะ

ทะเล เกาะทะลุ

ผีอำ

เรื่องทั่วไป 26 June 2008

ในโลกนี้มีหลายอย่าง ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถหาคำตอบได้ และหนึ่งในหลายอย่างนั้น คือ เรื่อง ผี เมื่อตอนเด็กๆ เคยกลัว และเคยคิดว่าตัวเองเจอ ไม่สิ ไม่ได้เจอ เพียงแต่รู้สึกเหมือนว่า สิ่งๆนั้นเป็นผี! แต่พอโตขึ้น มานั่งพิจารณาดีๆ สิ่งๆนั้นๆ ที่เคยคิดว่าเป็นผีเมื่อตอนเด็กนั้น อาจไม่ใช่ผีก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้าในตอนดึกข้างหน้าบ้าน ที่ผมเข้าใจว่าเป็นวิญญาณของยาย, เสียงคนเดินบนหลังคาบ้านตอนดึก รุ่งเช้าผมเป็นไข้, เท้าของทหารที่ยืนหน้าห้องที่โรงเรียน เมื่อครั้งที่ผมไปนอนค้าง และเมื่อฝนตกพร่ำๆ ฟ้าครึ้ม กลางบ่าย 3 โมง มีลุงแก่ๆยืนข้างทาง พอเดินเลยไปหน่อยหนึ่ง แล้วหันมาดูอีกครั้ง ปรากฏว่าไม่มีแล้ว.. เหตุการณ์ที่กล่าวมานั้น คือ เหตุการณ์เมื่อตอนเด็ก ซึ่งในสมัยเด็กเราเข้าใจเหตุการณ์นั้นว่า ผีหลอก แต่เมื่อโตขึ้นมานั่งพิจารณา ก็ให้เกิดความสงสัยว่า นั่นเป็นผีจริงหรือเปล่า เสียงฝีเท้าข้างหน้าบ้านตอนดึกสงัด .. อาจจะเป็นใครก็ได้มาเดิน, เสียงคนเดินบนหลังคา อาจจะเป็นแมว, เท้าของทหารที่มายืนหน้าประตู (อันนี้คงนึกภาพไม่ออกกัน ลองคิดถึงประตูห้องเรียนที่ปิดสนิท แต่บานประตูมีขนาดสั้นกว่าขอบประตู เมื่อปิดจึงไม่มิด จะเห็นเฉพาะขา ถ้ามีคนมายืนหน้าห้อง) อาจจะเป็นใครก็ได้ บังเอิญผ่านมา และผมก็บังเอิญเห็น! และลุงแก่ๆที่มายืนข้างทางนั้น น่าจะเป็นลางอะไรสักอย่างที่มาช่วยผม เพราะวันนั้น ผมหนีฝน กำลังจะขึ้นกระท่อมร้าง แต่เมื่อเจอเหตุการณ์นี้เข้า จึงไม่กล้าขึ้นกระท่อมดังกล่าว แต่วันต่อมา เมื่อขึ้นไปบนกระท่อมนั้น ปรากฏว่ามีตะขาบตัวใหญ่มาก ซึ่งวันฝนตกนั้น ถ้าผมขึ้นไป อาจถูกมันต่อยเอาก็ได้.. นั่นคือเหตุการณ์ในวัยเด็ก จากวันนั้นมาถึงวันนี้ ผมยังไม่เคยมีประสบการณ์แนวๆนี้อีก ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ปรารถนาจะมีหรอกน่ะ มาวันนี้ผมได้มาเจออีกเหตุการณ์หนึ่ง  ที่ใครต่อใครเรียกมันว่า ผีอำ ผีอำ สำหรับคนอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่สำหรับผม มันก็คือฝันร้ายเท่านั้นเอง เพียงแต่เป็นฝันที่คล้ายจะเป็นจริง คืนวันนั้น ผมฟังรายการ เดอะ ช็อก ซึ่งเป็นรายการผีๆ หลายคนรู้จักดี ในจินตนาการผมจึงมีเรื่องเหล่านี้อยู่ไม่น้อย พอหลับได้พักเดียวเท่านั้น ในตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ได้หลับ ยังนอนอยู่ และนอนตะแคงไปทางขวา ผมรู้สึกร้อน อยากจะลุกมากินน้ำ แต่พอจะขยับตัว มันขยับตัวไม่ได้  แต่ลืมตาได้ พอลืมตาเท่านั้นแหละ …ในห้องผมกลายเป็นห้องเก่าๆ หยากไย้เต็มไปหมด…

อ่านต่อ

น้องพฤกษ์

say, สุขกะภาพ 31 May 201523 September 2021

น้องพฤกษ์เป็นลูกชายขององอาจ เพื่อนข้างๆบ้านนี่เอง ถ้าผมมีลูก ก็จะไล่เลี่ยกันกับน้องพฤกษ์นี่แหละครับ กำลังน่ารักน่าชังน่าตี และซุกซนตามประสาเด็ก เรื่องที่เคยกังวลว่า จิ๊กกี๋จะเป็นปัญหาหรือจะรังแกน้องหรือไม่นั้น ดูจากภาพนี้คงหายกังวลครับ ปกติกี๋จะหวงบ้านมาก แต่วันนี้น้องพฤกษ์เดินต๊อกแต๊กๆ เข้าบ้าน นอกจากกี๋จะไม่เห่าแล้ว ยังเดินตามมาส่งกระดิกหางดุกดิกหมามันฉลาดครับ, มันรู้ใครมาดี ใครมาร้าย “จิตใจแม้จะซ่อนไว้ข้างใน แต่หมามันรู้ครับ“

ทองขาว

ไดอารี่ 18 June 2011

หมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่คือ “พฤกษาทาวน์” อยู่ถนนราชพฤกษ์และเป็นโครงการของพฤกษา บริษัทที่สร้างบ้านเยอะที่สุดและมีเรื่องให้พูดถึงในแง่ลบเยอะที่สุดเช่นกัน บ้านผมเป็นทาวน์โฮมครับ ถ้านึกภาพไม่ออกว่าทาวน์โฮมเป็นยังไง ก็ให้นึกถึงทาวน์เฮาทส์ ต่างแต่ว่าทาวน์โฮมสร้างไว้สำหรับอยู่อาศัยเป็นหลัก แต่ทาวน์เฮ้าสท์สร้างไว้ขายของและนิยมปลูกริมถนนใหญ่ แน่นอนทาวน์โฮมก็มีบ้านติดๆกันใช้กำแพงและฝาบ้านร่วมกัน ข้างบ้านผมเป็นคุณลุงคุณป้าวัยเกษียณใจดีทั้งคู่เอ็นดูเราเป็นลูกเป็นหลาน บ้านเราเลี้ยงหมาไทย แต่ชื่อฝรั่งชื่อจิกกี๋ ตัวสีดำ ส่วนลุงกะป้าเลี้ยงหมาบางแก้ว ชื่อไทยๆว่า “ทองขาว” แน่นอนตัวขาวอวบ ทั้งสองไม่ใช่เพื่อนรักกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นเกลียดกันมีคำรามใส่กันบ้างบางครั้ง ทองขาวอายุมากกว่าจิ๊กกี๋ 2  ปี ทั้งสองตัวแม้จะมีสีต่างกันแต่สิ่งที่เหมือนกันมากนั่นคือ ความหวงบ้านและรักเจ้าของ ทุกครั้งที่มีใครมา ไม่ว่าจะเป็นหมาด้วยกันหรือคนแปลกหน้าผ่านมาหน้าบ้าน ทั้งสองจะกระโจนเห่าแสดงท่าทีดุร้ายใส่ทันที ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงต้องถูกล่ามไว้ในยามเจ้าของไม่อยู่ ทองขาวกับจิ๊กกี๋พึ่งย้ายมาอยู่บ้านนี้ในเวลาไล่เลี่ยกันทั้งสองไม่ได้โตที่นี่ แต่ก็รักและหวงแหนที่นี่มาก ก่อนหน้านี้หน้าบ้านลุงกะป้าเป็นพื้นดิน ทองขาวจึงมาอาศัยอยู่หน้าบ้านได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้หน้าบ้านได้ถูกปรับปรุงเป็นพื้นระแนง ทองขาวจึงถูกจำกัดพี้นที่ให้อยู่จำเพาะข้างบ้าน และนับตั้งแต่นั้นเราก็ไม่ค่อยได้เจอและไม่ค่อยได้ยินเสียงทองขาวอีกเลย ใครจะรู้เล่าว่าเราไม่มีโอกาสได้ยินเสียงมันอีกแล้วตลอดไป ทองขาวมีโรคแทรกซ้อนประกอบกับกำลังก้าวสู่วัยชรา เมื่อคืนนี้หลังจากลุงกับป้ากลับจากทำธุระนอกบ้าน พบว่าทองขาวได้นอนสิ้นใจแล้ว นับจากนี้หน้าที่ดูแลบ้านทั้งสองหลังคงมอบหมายภาระหน้าที่ให้แก่จิกกี๋แต่เพียงผู้เดียว ปล.ภาพประกอบจากFlickr

จิ๊กกี๋ ทองขาว

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓

เรื่องทั่วไป 5 January 2010

เข้าสู่ปีใหม่ 2553 ละ ..ตั้งใจจะทำอะไร หรือมีแผนอะไรก็ต้องดำเนินการ ส่วนตัว ผมจะอัพบล็อกแห่งนี้อย่างสม่ำเสมอ และจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน ช่วงนี้คนใกล้ตัวและคนรู้จักหลายๆคนล้มป่วยกันเยอะ ทำให้เราอยู่เฉยไม่ได้ละ ต้องวิ่งๆๆ ก่อนอื่นเลยจะมารวบรวมเรื่องราวก่อนและหลังปีใหม่มาดๆนี้ 1. เริ่มต้นด้วยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ผมถูกหวย(ใต้ดิน)ครั้งที่ 3 ในชีวิต หลังจากซื้อบ้าง ไม่ซื้อบ้างมาโดยตลอด ครั้งแรกผมถูกหวยตอนอายุประมาณ 12 ขวบ ถูก 2 ตัว 1 บาท ได้ 70 บาท ดีใจมาก .. ครั้งที่ 2 ตอนอายุประมาณ 20 ต้นๆ ถูก 50 บาท ได้ 3 พันกว่าบาท 2 ครั้งนั้น ผมได้เลขจากไหนไม่รู้นะ แต่ครั้งนี้(ครั้งที่ 3 ) ได้มาจากการตีความอย่างมีระบบ (555) เริ่มต้นที่หัวหน้าผมเอง เกริ่นนำเรื่องหวยว่าจะแทงจากจำนวนเหรียญทองที่ไทยได้จากซีเกมส์ นั่นคือ 86 เหรียญ ผมก็เอาด้วยเลย 86, 68 เลขละ 60 บาท กันพลาดต้องกลับไปกลับมา แต่เอ่ะ..ว่ากันว่า ถ้าเป็นผู้ชายต้องขยับขึ้น ผู้หญิงต้องขยับลง ผมเลยขยับขึ้นจาก 86 เป็น 87 เย็นวันนั้น หวยออกเลขท้าย 2 ตัว 87 ด้วยประการฉะนี้เอย. 2. ปีนี้ผมเคาน์ดาวน์ที่กทม. นั่งปิ้ง ย่างเนื้อ ลูกชิ้น ที่ระเบียง ท่ามกลางแสงจันทร์ เสียงร้องต้อนรับปีใหม่ และแสงไฟพลุจากรอบบ้าน แน่นอนที่สุด ผมไม่ได้นั่งคนเดียว ผมอยู่กับคนรักครับ!! 3. ออกเดินทางไปเที่ยวในเช้ามืดของวันที่ 1 ม.ค. 2553 ถนนโล่ง ขับสบาย ไปทีหลัง และกลับก่อนในวันที่…

๒๕๕๓ ปีใหม่

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (62)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (87)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (53)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH