Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

ผี

อ่านต่อ

ผู้หญิงคนนั้น

เรื่องสั้นสั้น 24 June 201431 July 2015

เวลาเย็นๆโพล้เพล้ ผมเตร่จนกลับมาถึงหอ น่าแปลก..วันนี้เด็กๆหน้าตึกหายไปไหนหมด เจ๊ปิดร้านเร็วกว่าปกติ ไฟหน้าตึกเสีย ติดๆ ดับๆ ดีที่ลิฟต์ยังใช้งานได้อยู๋ กดลิฟต์ไปยังชั้นสี่ ลิฟต์เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ พอประตูเปิด มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรอจะใช้ลิฟต์ เธอผมยาว เสื้อผ้าชุดขาว ดูหน้าเธอซีด ๆ แต่ผมไม่ใส่ใจ ผมเดินมาที่ห้องตัวเองอย่างเหนือยๆ ห้องข้างๆ เปิดประตูอ้า มีคนพลุกพล่าน ผมพยายามจะไม่สนใจ พยายามจะเดินจ้ำๆให้ผ่านๆไป แต่พอจะผ่านห้องดังกล่าวไป พอดีกับมีการยกของใหญ่ชิ้นหนึ่งออกขวางทางเดินพอดี ผมเริ่มสังเกตเห็นว่า คนพลุกพล่านในห้องนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับ พี่ๆมูลนิธิปอเต็กตึ้ง และของขนาดใหญ่ที่เขายกออกมานั้น มีผ้าขาวปิดคลุมอยู่ ถ้าไม่โง่จนเกินไปก็พอจะเดาออก มันคือ ศพ เกิดอะไรขึ้น? ช่างบังเอิญเหลือเกินผ้าปิดหน้าผู้ตายเผยอออกขณะที่ผ่านมาหน้าผม ผมตกใจ..ศพนั้น เป็นสตรี ผมยาว และชุดขาว ถึงไม่ได้สังเกตแต่ก็พอจำได้ เธอคือคนๆเดียวกับที่ผมสวนทางหน้าลิฟต์!!

ผี ผู้หญิง
กลิ่นสยอง อ่านต่อ

กลิ่นสยอง

บ่น 10 July 2011

เกือบ 5 ทุ่มของคืนวันศุกร์ที่ 13 ศุกร์ 13 ที่ฝรั่งว่ากันว่าเป็นคืนปล่อยผี แต่ที่นี่เมืองไทย ความเชื่อแบบฝรั่งคงไม่ลามมาถึงนี่(มั้ง)

แม้จะคิดอย่างนั้น แต่ใจก็อดระแวงไม่ได้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่าน๊ะ

จิ๊กกี๋ ผี
เมื่อเขามา..ฉันจะไป อ่านต่อ

เมื่อเขามา..ฉันจะไป

เพลงสั้น 4 March 2011

บนถนนโค้งแสนเปลี่ยว ข้างถนนรกครึ้มด้วยต้นหญ้าและต้นไม้สูงใหญ่ไล่ระดับ กลางคืนถนนเส้นนี้มืดสนิท ชาวบ้านแถวนี้รู้ดีว่าถนนเส้นนี้ไม่เหมาะกับการคมนาคมในยามวิกาล ได้แต่หวังผู้แทนปากหวานที่เคยให้คำมั่นสัญญาจะดำเนินการทำถนนให้ปลอดภัยมีไฟ มีความสะดวกหากตนได้รับเลือกตั้ง นี่เขาก็ได้รับเลือกตั้งไปแล้ว .. ยังไม่เคยเห็นเงาผู้แทนคนนั้นเลย ก้าวเข้าสู่หน้าหนาวอันเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของคนในเมือง ถนนเส้นนี้เริ่มมีรถรามากขึ้นแม้เป็นยามค่ำคืนมืด นักท่องเที่ยวหลายคนพูดกันหนาหูว่าบนถนนหัวโค้งเปลี่ยวเส้นนั้น มักพบหญิงสาวผมยาวในชุดขาวเดินข้างถนนบ้าง เดินข้ามถนนบ้าง นั่งริมถนนบ้าง เธอเป็นใครมาจากไหน และมาทำอะไรในยามค่ำคืนไม่มีใครรู้ เพราะไม่มีใครกล้าจอดรถลงไปถามสักครั้ง จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง.. ชายหนุ่มจากเมืองหลวงบึ่งรถยามค่ำคืนเพื่อไปหาแฟนสาวที่อยู่ทางเหนือ อำนาจความรักทำให้เขาอดทนรอให้ถึงรุ่งสางไม่ได้ ขับรถมาท่ามกลางความมืดมิดด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงทางโค้งอันเปลี่ยวนั้น รถไม่ได้โค้งไปตามถนนที่ควรจะเป็น กลับตรงดิ่งแหกโค้งออกนอกทางพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ คนขับคอหักตาย ณ ที่ตรงนั้น ส่วนรถมีสภาพยับเยินเกินบรรยาย.. และตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ยามค่ำคืนอันมืดมิด ไม่เคยมีใครพบหญิงสาวผมยาวชุดขาวอีกเลย คนเฒ่าคนแก่บอกว่า “เขาไปเกิดใหม่แล้ว” หลายคนเบาใจคลายกังวล แต่ไม่กี่วันต่อมา มีเสียงร่ำลือกล่าวถึงทางโค้งเปลี่ยวนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่หญิงสาวชุดขาวผมยาว แต่เป็นชายหนุ่มคอหักร่างโชกด้วยเลือดสีแดงนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง ณ ทางโค้งเปลี่ยวแห่งนั้นแทน!! คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่า.. วิญญาณที่ตายด้วยอุบัติเหตุจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดใหม่..จนกว่าจะมีวิญญาณใหม่มาแทนตัว เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นลอยๆมาตามสามลมของค่ำคืนอันเงียบและมืดมิดว่า “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ชื่อเรื่องจากชื่อเพลง “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ของ ดา Endorphine

ผี วิญญาณ เมื่อเขามา..ฉันจะไป
อ่านต่อ

สยองขวัญ..แท็กซี่ผีสิง

เรื่องสั้นสั้น 14 March 201010 June 2019

หลังจากยืนรอรถโดยสารราคาถูก ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถสองแถว หรือรถตู้ ไม่มีวี่แววว่ารถที่จะผ่านเส้นทางที่ผมต้องการจะไปผ่านมาสักที ด้วยความเหนื่อยล้า กอปรกับเวลาที่ดึกขึ้นทุกที ผมจำเป็นจะต้องเลือกการเดินทางแบบอื่นที่ไม่ใช่รถเมล์ รถสองแถว หรือรถตู้ แท็กซี่..!! มือไวเท่าความคิด ผมรีบยืนมือไปข้างหน้าเป็นภาษากายสื่อให้รถแท็กซี่ที่วิ่งเตร่มาพอดีหยุดทันที เป็นรถแท็กซี่สีชมพูหวานแหวว ทะเบียน ทร xxxx กรุงเทพมหานคร นี่คือการขึ้นแท็กซี่อย่างถูกต้อง หลังจากขึ้นรถและบอกจุดหมายแก่โชเฟอร์แล้ว อันดับต่อไปต้องจำข้อมูลของรถแท็กซี่ให้หมดแล้วจึงโทรหาเพื่อน เพื่อบอกว่าเราได้ขึ้นแท็กซี่แล้ว ทะเบียนอะไร สีอะไร ส่วนหนึ่งเพื่อให้คนขับแท็กซี่กลัวที่จะทำมิดีมิร้ายกับเรา เพราะเราไม่ได้อยู่ลำพังแค่คนขับกับผู้โดยสารแล้ว มีบุคคลที่สามรับรู้ด้วย ผมจดจำทะเบียนรถและชื่อผู้ขับได้แล้ว แต่ไม่ได้โทรบอกใคร ดูลักษณะคนขับภายนอกไม่น่ามีพิษมีภัย แต่ผมหารู้ไม่ว่านั่นคือความคิดที่ผิด !!! ผมนั่งโดยสารที่เบาะหลังเยื้องกับคนขับ ไม่มีบทสนทนา ไม่มีการพูดคุยหรือบอกทางระหว่างผมกับคนขับ ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น จนกระทั่งรถวิ่งถึงทางเปลี่ยวแห่งหนึ่งระยะทางที่จะถึงที่หมายมาถึงครึ่งทางแล้ว จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น .. เป็นโทรศัพท์ของโชเฟอร์แท็กซี่ ด้วยความที่ภายในรถเงียบ เพราะไม่ได้เปิดเพลงหรือวิทยุสือสาร ทำให้เสียงโทรศัพท์และเสียงสนทนาดังชัดเจนจนผมขนลุก !! โชเฟอร์กดรับโทรศัพท์ และเริ่มสนทนา น้ำเสียงแผ่วเบา นิ่งเรียบจนขนลุก !! ผมสัมผัสถึงกลิ่นบางอย่าง มันพุ่งมาตามแรงของแอร์กระแทกเข้าโพรงจมูกอย่างจัง .. ผมกระพริบตาถี่ๆ ปฏิกิริยาโต้ตอบช้าลง มองข้างทางเห็นตึกราบ้านช่องลางเลือน ก่อนที่ผมจะตั้งตัวว่ากลิ่นมาจากไหนและเกิดอะไรขึ้น โชเฟอร์ก็เริ่มบทสนทนาอย่างออกรสออกชาติ บางประโยคสนทนาหวาดเสียวและน่าคลื่นไส้ เขาทำราวกับว่าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นด้วย พอผมตั้งใจฟัง จึงพอปะติดปะต่อเป็นรูปเป็นร่างได้ว่าคู่สนทนาของโชเฟอร์คือกิ๊ก มีการป้อนคำหวานเป็นระยะๆ ต่อด้วยการนัดแนะเพื่อไปเที่ยวกัน กลิ่นภายในรถเพิ่มปริมาณมากขึ้นๆทุกที ผมจะเอ่ยปากถามพี่โชเฟอร์ว่าได้กลิ่นเหมือนผมไหม ก็ใช่ที่ เพราะพี่แกกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มจีบกันอย่างออกรสออกชาติปานนั้น ผมพยายามไม่คิดเรื่องที่ไม่ดี เรื่องที่มองไม่เห็นและไม่ควรหลบลู่.. รายการเรื่องจริงผ่านจอ เคยทำสกู๊ปรถแท็กซี่ผีสิง รถแท็กซี่คันนั้นก็สีชมพู รายงานบอกว่า โชเฟอร์ได้ข่มขื่นและฆ่าผู้โดยสารหญิงสาวบนรถ ทำให้หลังจากนั้นวิญญาณหญิงสาวก็วนเวียนอยู่ภายในรถแท็กซี่คันนั้น บางวันมาเป็นกลิ่นเน่าเหม็น บางวันมาเป็นร่างที่โชกเลือดนั่งด้านหลัง หลอกหลอนจนโชเฟอร์ใจบาปคนนั้นต้องมามอบตัวกับตำรวจ..โชเฟอร์ถูกจับดำเนินคดี แต่รถแท็กซี่สีชมพูคันนั้นยังอยู่!! “มันคงไม่ใช่แท็กซี่คันนั้น..ใช่มั้ย?” ผมถามตัวเอง และตอบตัวเองว่า “ไม่ใช่” “แล้วกลิ่นละ.กลิ่นมาจากไหน และกลิ่นอะไร? มันเป็นกลิ่นเน่าเหม็นสาป ขยะเปียกก็ไม่ใช่ ลำไส้เน่าก็ไม่ปาน มันเหม็นกว่านั้น” ระหว่างที่ผมพยายามหาคำตอบและปลอบใจตัวเองอยู่นั้น โชเฟอร์ยุติการสนทนากับกิ๊กด้วยประโยคสุดคลาสิก “จุ๊บๆ” หรือว่าผมจะถามโชเฟอร์ดี ว่าได้กลิ่นเหมือนผมมั้ย แต่หากถามไปแล้ว เกรงว่าจะยิ่งทำให้โชเฟอร์ประสาทกินและหลอนขึ้นอีก เพราะแกต้องใช้รถคันนี้หากินอีกทั้งคืน ..และที่สำคัญตอนนี้กลิ่นมันหายไปแล้ว บรรยากาศบนรถเงียบอีกครั้ง มันอาจจะดูน่ากลัว…

ผี แท็กซี่
อ่านต่อ

ตัวตาย ตัวแทน

เรื่องสั้นสั้น 28 April 200914 June 2019

ในค่ำคืนเดือนมืด ผมยังคงจับพวงมาลัย มองไปข้างหน้าท่ามกลางทางที่มืดสนิท ข้างทางมีป่าไม้ สลับกับทุ่งนาร้าง เวิ้งว้างในหน้าแล้ง กว่า 10 ปีที่ผมไม่ได้เจอกับเพื่อนๆสมัยเรียนประถม เป็นครั้งแรกหลังจากที่เราแยกย้ายกันมาที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ต้องขอบคุณไอ้กิ่ง และไอ้ยศที่มันเป็นคนริเริ่มจัดงานเลี้ยงรุ่น ทั้งยังอุตส่าหติดต่อเพื่อนๆเราในรุ่นจนครบ พรุ่งนี้ตอนเย็นงานเลี้ยงอันอบอุ่นจะเริ่มขึ้น ผมรีบเคลียร์งานที่ค้างทั้งหมด แล้วบึ่งรถตามเพื่อนๆที่ล่วงหน้าไปก่อนกันแล้ว เส้นทางนี้ เมื่อก่อนเป็นทางที่ใช้วิ่งเป็นประจำ ดังนั้น แม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผม แม้จะไม่ได้ใช้เส้นทางนี้แล้วกว่า 10 ปี แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม มีเพียงต้นไม้ และทุ่งนาอันเวิ้งว้างที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามฤดูกาล ขณะนาฬิกาบนหน้าปัด บอกเวลาตีหนึ่ง ผมรู้สึกง่วงเล็กน้อย อยากจะหาปั้มงีบสักแห่ง แต่ทางข้างหน้ายังเป็นทุ่งร้างสลับป่าเช่นเดิม เส้นทางนี้หากไม่ชินทาง ให้เกิดความน่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะเวลาขณะนี้ ยากที่จะหารถวิ่งบนท้องถนนเป็นเพียง ราวกับว่ามีเราเพียงคันเดียวที่กำลังเดินทางในค่ำคืนนี้ ความรู้สึกปล่าวเปลี่ยวเริ่มทวีขึ้นทุกที ผมเริ่มเหยียบคันเร่งขึ้น เพื่อให้เจอเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนบ้าง หรืออย่างน้อยเจอหมู่บ้านบ้างก็ดี เพราะขณะนี้มีเพียงความมืดและป่า ขณะที่ผมพยายามเร่งความเร็วอยู่นั่นเอง ผมเหลือบดูกระจกหลัง ปรากฏมีรถคันหนึ่งวิ่งจากระยะไกล  และด้วยความเร็ว รถคันนั้นค่อยๆใกล้ผมมากขึ้น มากขึ้น จนแซงหน้าผมไป ขนาดผมวิ่งที่ความเร็ว 120/ชม รถคันนั้นยังแซงผมไปได้  ผมไม่คิดจะขับตาม คงขับไปเรื่อยๆ จนรถคันดังกล่าวลับตาไป ไม่ทันที่คันหน้าลับตา คันหลังก็ปรากฏขึ้น ผมรู้สึกดี ไม่เปล่าเปลี่ยว อย่างน้อยบนถนนนี้ก็ยังมีผู้ขับขี่ร่วมเส้นทาง ผมเริ่มสนุกกับการนับจำนวนรถที่แซงขึ้นหน้าไป จากคันแรกที่ปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้มีรถแซงผมไปแล้ว 5 คัน!! แต่เมื่อคันที่ 6 ปรากฏตัวขึ้น ผมรู้สึกถึงความผิดปกติ!! ทุกคันที่ปรากฏตัว มักจะเวลาเดียวกันกับที่คันหน้าลับตาไป เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง และที่น่าแปลกใจ ทุกคันเป็นรถเก๋งสีขาวเหมือนกัน!! ผมเริ่มสังเกตป้ายทะเบียน อยากจะรู้ว่าเป็นอันเดียวกันหรือไม่? “xxxx กรุงเทพมหานคร” ผมพึมพำป้ายทะเบียนในลำคอ เมื่อคันที่ 6 ผ่านหน้าไป ผมจำป้ายทะเบียนได้อย่างแม่นยำ.. ขณะที่รถคันที่ 6 ลับตา ไฟจากรถคันหลังก็ปรากฏขึ้นทันที!! เป็นไปตามที่ผมตั้งข้อสังเกตไว้ไม่มีผิด แต่เมื่อรถคันนั้นแซงไป ผมโล่งใจ  ไม่ใช่รถเก๋ง มันเป็นรถกระบะยอดนิยมที่มีสมรรถนะดีเยี่ยม โฉบเฉี่ยว และทรงตัวดี เหมาะกับการขับในต่างจังหวัด VIGO ผมคงคิดมากไป กับข้อสังเกต 2 ข้อนั่น คงเป็นความบังเอิญ…

ผี
อ่านต่อ

ผู้โดยสาร

เรื่องสั้นสั้น 30 March 200929 June 2016

หลังจากรับรถจากอู่ ลุงชม รีบบึ่งออกหาผู้โดยสารทันที! เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี อาชีพที่ใครต่อใครต่างมองว่าง่ายและสามารถทำได้ คือ ขับแท็กซี่ บางคนขับแท็กซี่ เพื่อรองานใหม่ บางคนขับเพราะไม่รู้จะทำอะไร บางคนขับเพราะชอบ บางคนขับเพราะตกงาน ฯลฯ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ณ ปัจจุบันแท็กซี่ในกรุงเทพได้เพิ่มจำนวนขึ้นทุกที คิดเป็นอัตรา 7 ใน 10 หมายความว่า ถ้ามีรถวิ่งมาในถนนเส้นหนึ่ง 10 คัน เป็นแท็กซี่ 7 คัน ลุงชมแกไม่ได้พึ่งตกงาน หรือกำลังรองานใหม่ แกยึดอาชีพขับแท็กซี่มานานกว่า 10 ปีแล้ว แกใช้ชีวิตหลังพวงมาลัย ใต้ป้ายรถ TAXI METER มานาน เห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคม เห็นชีวิตคนกรุง ความวุ่นวาย และความเปลี่ยนแปลงมากมาย ลุงชมขับรถแท็กซี่กะดึก เพราะความวุ่นวายน้อยกว่ากลางวัน แต่ต้องทนสู้รบปรบมือกับพวกขี้เมา คนเที่ยวกลางคืน หญิงกลางคืน  และสิ่งที่มองไม่เห็น!! แม้มิจฉาชีพจะชุมพอๆกับยุง แต่ลุงชมก็ยังไม่เคยเจอ และไม่คิดอยากจะเจอ คืนนี้หลังจากส่งผู้โดยสารที่ขนเสื้อผ้าจากประตูน้ำมายังซอยวัดแห่งหนึ่ง ลุงชมแกบึ่งแท็กซี่ออกถนนใหญ่เพื่อหาผู้โดยสารอีกครั้ง จนกระทั่งมาถึงหน้าวัดแห่งหนึ่ง ขณะนั้นเวลาบนหน้าปัดบอกเวลา 2 ทุ่มยี่สิบ ผู้โดยสาร 4 คน ยืนโบกรถหน้าวัด 1ใน 4 ใส่ชุดขาว อีก 3 คนใส่ชุดดำ และ 1 ใน 3 คนที่ใส่ชุดดำนั้น ถือภาพขนาดใหญ่ประกบไว้ที่อก “ไปไหนครับ” ลุงชมถามอย่างสุภาพ ต่อผู้โดยสารสตรีสูงวัยทั้ง 3 “ถ้าจะเหมาไปสุพรรณบุรี..จะไปมั้ย?” ลุงชมใช้เวลาคิดแว่บหนึ่ง ก่อนผงกหัวตกลง และเมื่อต่อรองราคาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้โดยสารทุกคนก็ขึ้นรถแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง มุ่งตรงสุพรรณบุรี “แท็กซี่ ถ้าถึงอำเภอสองพี่น้องแล้ว ปลุกด้วยนะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน” ป้าที่นั่งด้านข้างคนขับบอก ก่อนที่ทั้งหมดจะหลับด้วยความเพลีย ยกเว้นชายชุดขาวที่นั่งตรงกลางด้านหลังคนขับ นอกจากไม่หลับแล้ว ยังมองจ้องมายังคนขับตลอดเวลา จนบางครั้งลุงชมรู้สึกตกใจ ลุงชมแอบมองผ่านกระจกทีไร เป็นต้องสบตากับเขาทุกที ครั้งหนึ่งลุงชมแทบหยุดหายใจ เมื่อแว่บหนึ่งมองเห็นสายตาของชายชุดขาวไร้แววตาดำ มีแต่ตาเหลือกขาว แกรีบหันกลับมา และตั้งใจขับรถต่อไป…..

ผี ลี้ลับ วิญญาณ
อ่านต่อ

406

เรื่องสั้นสั้น 6 July 200814 June 2019

นิดา หญิงสาวที่พึ่งก้าวขาเข้ารั้วมหาวิทยาลัยปีแรก รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ใช้ชีวิตแบบนักศึกษาอย่างเต็มตัว เมื่อพ่อแม่อนุญาตให้เธอย้ายไปอยู่หอพักที่ตั้งอยู่ใกล้ๆมหาวิทยาลัย เพราะทนต่อการรบเร้าของเธอไม่ไหว กอรปกับการเดินทางไปเรียนที่ไกล จึงเป็นเหตุผลเพียงพอ มันเป็นอพาร์ตเมนต์ไม่เก่ามาก แต่ไม่น่าจะต่ำกว่า 5 ปี สูง 4 ชั้น เธอได้ห้องที่อยู่ชั้น 3 ข้อดีของหอนี้ คือ อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเพียงป้ายรถเมล์เดียว ประตูเข้าหอพักใช้สมาร์ทการ์ด เป็นหอหญิงล้วน ไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าหลัง 1 ทุ่มไปแล้ว แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว คือห่างจากตลาดจึงทำให้หาซื้อของกินค่อนข้างลำบาก แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรค หลังจากย้ายข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น สมุดหนังสือ ตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้ามาอยู่ โดยถือฤกษ์วันพฤหัสบดี ซึ่งถือว่าเป็นวันครู (เธอเกิดวันอาทิตย์ โบราณว่า วันอาทิตย์เป็นมิตรกับวันครู) เป็นวันเข้านอนวันแรก คืนแรกผ่านไปด้วยดี แม้จะนอนไม่ค่อยหลับ เนื่องจากแปลกที่แปลกทาง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ เนื่องจากยังไม่เปิดเทอม เธอจึงใช้เวลาที่เหลือสร้างความคุ้นเคยกับหอแห่งใหม่ หาต้นไม้มาปลูกบ้าง ติดโปสเตอร์บ้าง จนห้องเล็กๆ น่าอยู่ขึ้นมาทันที เธอเริ่มรู้สึกชอบห้องนี้โดยลำดับ หลังจากนอนสร้างความเคยชินจนหนึ่งครบหนึ่งอาทิตย์ เธอบอกพ่อกับแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง เธอชอบที่นี่มาก แม้ยังไม่มีเพื่อนใหม่ เพราะยังไม่เปิดเทอม แต่เธอรู้สึกตื่นเต้น และหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี.. พอเข้าอาทิตย์ที่สองของหอพักใหม่..คืนหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเสียงหนึ่งทำให้เธอสะดุ้งตื่นกลางดึก ราวๆ เที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง  มันเป็นเสียงคนคุยกัน และยกย้ายข้าวของ อันที่จริงเสียงก็ไม่ได้ดังมาก แต่เนื่องจากเป็นกลางคืนที่เงียบสงัด เธอจึงได้ยินเกือบจะชัดเจน เธอพยายามเงี่ยหูฟังว่าเสียงนั้นมาจากไหน มันดังขึ้นและค่อยลง ดังขึ้น ค่อยลง จนเงียบสนิท และมีเสียงปิดประตู มันเป็นเสียงจากห้องข้างบน ชั้น 4 ซึ่งอยู่ตรงกับห้องของเธอ แต่คนละชั้น ห้อง 406 เธอพยายามคิดในแง่ดี ห้องข้างบนคงกำลังจัดห้อง หรือย้ายออก หรือไปต่างจังหวัด หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่ขโมยแน่ๆ  เธอยิ่งมั่นใจว่าความคิดเธอถูกต้อง เพราะตอนเช้า ไม่มีใครพูดถึงเรื่องขโมย คืนวันต่อมา เธอยังคงได้ยินเสียงแบบเดิมนั้นอีก และได้ยินในเวลาเดิม ๆ มันเป็นเสียงลากโต๊ะจากซ้ายไปขวา จากระเบียงไปยังประตู เสียงพูดคุยเบาๆ เสียงของเล็กๆน้อยๆร่วงกระทบพื้น และเสียงสุดท้าย คือเสียงปิดประตู! ทีแรกเธอไม่ใส่ใจ แต่เริ่มทนไม่ไหว เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นติดต่อกัน 1…

ผี
อ่านต่อ

เสียงจากความมืด

เรื่องสั้นสั้น 30 June 200614 June 2019

คงเคยได้ยินมาบ้างแล้วนะครับ กรณีที่เพื่อนหรือคนที่เรารู้จักเสียชีวิตไปแล้ว แต่เรายังไม่ได้ลบเบอร์เขาออกจากมือถือของเรา แล้วเวลาดึกของวันหนึ่ง ก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะงัวเงียจะรับโทรศัพท์อย่างเคยชิน แว่บหนึ่งก็มองหน้าจอมือถือ ยังไม่คิดอะไร ยกโทรศัพท์มาประกบที่ข้างหู แต่ไม่ทันโทรศัพท์จะถึงหูและฟังเสียงปลายสาย ก็เอ่ะใจ..จึงดูหน้าจอมือถืออีกครั้ง แล้วชื่อที่ปรากฏในหน้าจอนั้นคือ .. คนที่เสียชีวิตแล้ว กดวางแล้วโยนโทรศัพท์นั้นทิ้งทันที.. ยังไม่ทันได้ฟังและพูดอะไรเลย และหลังจากวันนั้นก็ได้สอบถามไปยังญาติผู้เสียชีวิต ได้รับข้อมูลว่า สิ่งของส่วนตัวผู้ตายส่วนใหญ่ ถ้าไม่เผาไปพร้อมกับศพ ก็ถวายวัดหมดแล้ว.. ! เรื่องประมาณนี้ คงเคยได้ยินได้ฟังบ้างใช่มั้ยครับ แต่เรื่องที่จะเล่านี้ คล้ายๆกัน แต่มันมีมากกว่านั้นครับ เกิดขึ้นกับไอ้แจ๊ส.. ไอ้แจ๊ส พ่อเป็นตำรวจ แม่เป็นครู เป็นรุ่นน้องผมประมาณ 2-3 ปี ผมรู้จักไอ้แจ๊สจากพี่ชายของมัน พี่ชายมันเป็นเพื่อนผม เมื่อก่อนผมชอบไปค้างที่นั่น ดึกๆ เวลาหิว ไอ้แจ๊สทำหน้าที่เป็นพ่อครัวที่ดีเสมอ หลังจากถูกพี่มันบังคับและขู่ (ถ้าเมิงไม่ทำนะ กูจะบอกพ่อว่ามึงสะสมหนังโป๊) แจ๊สจึงลวกมาม่าให้พวกเรากินอย่างจำยอม แจ๊สมีเพื่อนเยอะมาก ทั้งหญิงและชาย ชอบพามาแนะนำให้รู้จักอย่างไม่ซ้ำหน้า เพื่อนส่วนใหญ่เป็นเพื่อนเที่ยว เพื่อนกินมากกว่า แต่ในที่สุด แจ๊สก็ได้เพื่อนตาย..! ตอนที่เพื่อนคนนี้ตาย แจ๊สไม่สามารถไปร่วมงานศพได้ เพราะงานศพจัดที่ต่างจังหวัดทางภาคเหนือค่อนข้างไกล และกระทันหัน เสียชีวิตวันเดียว วันต่อมาก็เผาแล้ว เพื่อนของแจ๊สคนนี้ชื่อมี้ เป็นหญิงมาดมั่น น่ารัก สดใส เธอเสียชีวิตพร้อมกับผู้โดยสารบนเรือด่วนอีก 4 คน เรือที่เทอใช้โดยสารในวันเกิดเหตุ เกิดพลิกคว่ำกลางแม่น้ำเจ้าพระยาที่เชี่ยวกราด ผู้โดยสาร 20 กว่าชีวิตว่ายน้ำได้ จึงรอด มี้เป็นคนเหนือ ว่ายน้ำไม่เป็น เธอจมน้ำเสียชีวิต กว่าเจ้าหน้าที่จะช่วยกู้ศพขึ้นมา ร่างเธอก็ขึ้นอึดจนจำแทบไม่ได้ หลังจากมี้เสียชีวิตไปประมาณ 2 อาทิตย์ ทุกคนเกือบลืมเรื่องเศร้าๆของมี้หมดแล้ว แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่ง เป็นวันศุกร์ปลายเดือนที่ทุกคนมักไปเที่ยวยามค่ำคืน คืนนั้นก็เช่นกัน แจ๊สไปกับเพื่อนๆในกลุ่ม กลับถึงบ้านตอนเกือบตีสามด้วยอาการสลึมสลือด้วยฤทธิ์แอลกอฮอ ขณะกำลังไขกุญแจบ้านด้วยความลำบากยิ่ง โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้น แจ๊สกดรับทันทีโดยไม่ทันดูหน้าจอว่าใครโทรเข้า “ฮาาาา..า โหลล” “……” “ฮาาโหล ใครอ่ะ” สองมือของแจ็สยังไขกุญแจอย่างยุ่งยาก โทรศัพท์เหน็บข้างหู ใช้ไหล่หนีบไว้ “ฮาโหลๆๆๆๆ ๆ ๆ ไม่พูดจะวางแล้วน่ะ”…

ผี
อ่านต่อ

หนีความวุ่นวาย..ไปบ้านไร่โอโซน

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 8 September 200914 May 2016

หลังสงกรานต์มา นอกจากทริปสั้นๆ แบบไปเช้าเย็นกลับแล้ว ผมยังไม่มีทริปไปเที่ยวแบบพักยาวๆ หรืออย่างน้อยได้ค้างสักคืนเลย อาทิตย์นี้เลยเข้าสู่ห้องBlueplanet แหล่งท่องเที่ยวที่ใหญ่และได้ประสิทธิภาพที่สุดในโลกไซเบอร์ ได้ความมาว่า หน้านี้ต้องไป ภูเขา ลำเนาไพร เพราะกำลังเขียวชะอุ่มได้ที่..ผมคิดถึงสวนผึ้ง ราชบุรี ป่าเขียวขจี รีสอร์ทแบบบูติก น่ารักๆ มีแกะกระโดดข้ามรั้วฯลฯ หยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาทันที !! รีสอร์ทดีๆ เด็ดๆของสวนผึ้งถูกจับจองไปหมดแล้ว บางแห่ง เช่นเซนเนอรี่ , อ้อมกอดขุนเขา หรือ นากาย่า ถูกจองข้ามปีไปถึงปีหน้าโน่นแล้ว แอบเสียใจเล็กๆ แต่ไม่สิ้นหวัง สถานที่ๆให้ความรู้สึกไม่ต่างกัน แต่อยู่กันคนละที่ นั่นคือ เขาใหญ่ ~ เนื่องจากเขาใหญ่ไปบ่อยแล้ว งานนี้เลยแฉล่บจากเขาใหญ่ไปหน่อย ผมจะไปวังน้ำเขียว !!!!!!!! วังน้ำเขียวมีอาณาเขตติดกันกับเขาใหญ่ ดังนั้น บรรยากาศจึงไม่แตกต่างกันเลย เพียงแต่ว่า เราไม่ต้องขึ้นไปบนเขาใหญ่ เราจะอยู่ริมเขา ลัดเลาะเลี้ยวสู่เขาเขียวในทันใด การเดินทางไปวังน้ำเขียว ก็ไปทางเดียวกับเขาใหญ่นั่นแหละครับ แต่ก่อนจะถึงด่านเก็บตั๋วขึ้นเขาใหญ่ เราแฉล่บไปทางซ้ายแทน มีป้ายบอกชัดเจน ไปวังน้ำเขียว บรรยากาศข้างทางสวยมากครับ เขียว สดชื่น ก่อนจะไปวังน้ำเขียวก็เป็นธรรมดา(ไปแล้ว) ของบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย ว่าต้องแวะถ่ายรูปกันที่นี่ซะก่อน ร้านกาแฟ และขนมชื่อดังของเขาใหญ่เขาละ Primo Posto ระหว่างทางบรรยากาศดีมากครับ แว่บไปเห็นยอดเจดีย์กลางหุบเขา เลยหาทางเข้าไปจนเจอ พบว่าเป็นวัดสร้างใหม่ครับ เจดีย์ตั้งตระหง่านมาก ในอนาคตอันใกล้แสนใกล้นี้ น่าจะเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่คนต้องแวะไปกราบไหว้ (ขออภัย ผมจำชื่อวัดไม่ได้ ดูภาพแทนละกันนะครับ) ขณะที่ไปถึง ฟ้ากำลังปั่นป่วนครับ เริ่มจะเปลี่ยนจากฟ้าใสเป็นฟ้าสีดำ ท่าทางฝนจะตก ออกจากวัดดังกล่าว ก็ตรงดิ่งไปยังวังน้ำเขียวอันเป็นเป้าหมายสักที.. ~ ผมจะไปพักที่รีสอร์ท บ้านไร่โอโซน เป็นรีสอร์ทที่อยู่ไกลที่สุดของบรรดารีสอร์ทในวังน้ำเขียว ตั้งอยู่ในหมู่บ้านไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว งานนี้ผิดพลาดไปนิ๊ดนึงตรงที่ว่า วังน้ำเขียว ถ้าอยู่ทางฝั่งของเขาใหญ่ ถนนหนทางจะดีเลิศประเสริฐศรีมากครับ แต่ถ้าหากข้ามถนนอีกฟากไปยังหมู่บ้านไทยสามัคคีที่ผมกำลังจะไปนี้ ถนนหนทาง นรกมากครับ เป็นหลุมเป็นบ่อเรากับอยู่บนดวงจันทร์ งานนี้่ต้องขับรถราวกับเต่าคลาน ขับรถไปก็สงสารรถไป ด้วยรถเป็นแจ๊สสีชมพูหวานแหวว (เกิดมามันคงพึ่งเคยเจอกับสภาพที่เลวร้ายขนาดนี้ -_-“) แต่บรรยากาศรีสอร์ทก็ทำให้หายเหนื่อยได้ครับ เป็นส่วนตัว สงบ…

วังน้ำเขียว
อ่านต่อ

ย่ำปราณบุรี..กับแพททีเซียทัวร์

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 30 October 20097 June 2019

ต่อจากโพสต์ที่แล้ว (อ่านกินปู กินหมึก ศึกษาธรรมชาติ..ที่หาดปราณบุรี) โพสต์นั่น ทั้งหมดเป็นภาพจากกล้องคอมแพคพานาโซนิค ลูมิก หลังจากโพสต์ไปแล้ว มีหลายคนถามว่า ไม่เห็นมีภาพถ่ายรีสอร์ทที่พักเลย..ก็อย่างที่บอกนะครับ ผมไม่อยากจะโฆษณาให้เขาสักเท่าไร แต่มาคิดอีกที ..เราไม่ได้โฆษณา แต่อันไหนดี ก็น่าเอามาเผยแพร่แบ่งปัน เผื่อคนอืื่นอยากไป จะได้เลือกถูก..คิดได้ดังนั้น ก็เลยเข้าไปเอาภาพของเจ้าวรนัส (เขียนด้วยภาษาอังกฤษว่า voranas อ่านว่า วอ-ระ-นัส (ถ้าเพศเมีย เป็น voranus เพศผู้ จึงเป็น voranas ดังนี้แล)) เพราะจำได้ว่ามันถ่ายรีสอร์ทไว้อยู่หลายภาพ กล้องเขากะกล้องเรานี่มันคนละระดับกันเลยครับพี่น้อง  กล้อง nikon d80 พร้อม Accessory เต็มหลังคารถ 6 ล้อ ไหนเลยเราจะเทียบเท่าได้ แต่ตกว่าไปด้วยกัน ..ก็เลยอาศัยเอาภาพมาประกอบบล็อกซะน่อย บรรยากาศในห้องพัก “พูลสวัสดิ์ ปาล์ม รีสอร์ท” ห้องน้ำครับ ..เก่าไปนิดนึง แต่น้ำอุ่นดี ด้านหน้าบ้านมีสระว่ายน้ำ แบ่งเป็นสระเด็ก สระผู้ใหญ่ (และสระคนชรา) อันนี้คือหน้าบ้าน..น่ามองมั้ย? บรรยากาศสระว่ายน้ำในยามค่ำคืน..สามารถเล่นได้ตลอด 24 ชม.ครับ เป็นสระน้ำเค็ม (แต่ยิ่งเค็มกว่าเดิม เมื่อพวกเราลงเล่น(ไม่รู้มีใครแอบฉี่หรือเปล่าในคืนนั้น 555+)) ส่วนอีกที่หนึ่ง กาลาโมน่า ..ไม่มีภาพประกอบครับ แต่อย่างที่เคยแนะนำไปแล้ว (อ่าน)  ดังนั้น จะไม่กล่าวซ้ำอีก ก็คงพอได้ไอเดียสำหรับใครที่มีแผนจะไปปราณบุรี .. งานนี้ต้องขอบคุณแพททีเซียทัวร์ ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ว่า “เที่ยวสนุกเหมือนครอบครัว ..กับทัวร์แพททีเซีย” เห็นเจ๊แพททีเซียบ่นอุ๊บว่า หลังจากจบทริปนี้ว่าผิวหมองไปเยอะด้วยกรำแดดกล้า  อีกทั้งกล้ามแขน/ขาก็ขึ้นเพราะว่ายน้ำทั้งคืน 555+ ป.ล. ถ้าไป อย่าลืมแวะอาหาร อุดมโภชนา อร่อย บรรยากาศดี ราคาไม่แพงนัก (ไม่ได้ค่าโฆษณานะ แต่อยากบอก)

ปราณบุรี
อ่านต่อ

21 กิโลเมตรแรกในรอบ 3 ปี

วิ่ง, สุขกะภาพ 17 July 202221 July 2022

อย่างที่ทราบกันดีว่า 2-3 ปีที่ผ่านมาโลกของเราประสบกับปัญหาเดียวกัน นั่นคือ “โควิด” ทุกกิจกรรมที่ทำนอกบ้านต้องหยุดและเปลี่ยนมาทำในบ้านแทน ไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอน การทำงาน หรือแม้แต่การออกกำลังกาย อย่างอื่นพอทำในบ้านได้ครับ แต่สำหรับผมการออกกำลังกายต้องทำนอกบ้านเท่านั้น เพราะการออกกำลังกายของผมนั่นคือ “วิ่ง” นั่นเองถึงทำให้ผมมีข้ออ้างสำหรับการไม่ออกกำลังกายแบบต่อเนื่องตั้ง 3 ปี!! สำหรับคนที่วิ่งบ่อยๆ จะรู้เลยว่า ถ้าหยุดวิ่งนานๆ การกลับมาวิ่งใหม่มันเท่ากับการเริ่มนับหนึ่งใหม่ ความฟิตของร่างกายแทบไม่มี ความสนุกในการวิ่งที่เคยสัมผัสจะหายไป เราต้องเริ่มหัดวิ่งใหม่ตั้งแต่ระยะ 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร และจะผ่าน 10 กิโลเมตรแบบยากลำบากมาก การจะวิ่งด้วยตัวเองในระยะ 21 กิโลเมตรนั้นคงทำไม่ได้แน่ คิดได้ดังนั้นจึงเริ่มหางานวิ่งที่กำลังเริ่มกลับมาคึกคักใหม่..ผมไปเจองาน UTMUthaiThaniMarathon หลังจากสมัครก็เริ่มซ้อมวิ่งครับ เหมือนเริ่มวิ่งใหม่ ครั้งแรกได้ 5 กิโลเมตร วิ่งด้วยระยะนี้ 2-3 วันก่อนแล้วค่อยขยับไปกิโลเมตรที่ 10 เริ่มวิ่ง 10 กิโลเมตรแบบสบายๆได้ แต่แล้ว..ดันไปติดโควิด ทำให้การซ้อมที่กำลังต่อเนื่องต้องหยุดไปถึง 10 วัน หลังจากหายโควิดมีเวลาซ้อมแค่ 10 วันอีกต่างหาก งานนี้จึงซ้อมได้แค่ 10 กิโลเมตรก่อนงานวิ่งแค่ 5 วัน วันงาน งานนี้ฉายเดี่ยวอีกเช่นเคยครับ ผมจองห้องพักไว้ใกล้จุดสตาร์ทซึ่งก็คือสวนน้ำเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ห่างแค่ 3 กิโลเมตร หลังจากไปรับบิบเสร็จเรียบร้อยก็เช็คอินเข้าที่พัก งานนี้ปล่อยตัวตอนตี 4.30 ดังนั้นเราต้องไปให้ถึงจุดปล่อยตัวในเวลาตี 4 หลังจากอาบน้ำ รับประทานอาหารเย็น เตรียมเสื้อผ้ารองเท้าสำหรับพรุ่งนี้ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตี 3.40 เสร็จแล้วเข้านอน ค่ำคืนนี้ฝนตกหนักมาก ถึงจะหลับๆตื่นๆ และฝันว่าตัวเองออกไปวิ่งแล้ว แต่ก็ยังดีที่ได้หลับบ้าง ก่อนนาฬิกาจะปลุก 5 นาที ผมลุกจากที่นอนเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาทำธุระส่วนตัวไม่นานก็พาตัวเองออกจากห้องพักไปยังจุดสตาร์ท ปล่อยตัว ตี 4.30 เมื่อสิ้นสุดสัญญาณปล่อยตัว นักวิ่งพันกว่าคนรวมระยะ 21 และ 42 ก็ทะยานออกจากเส้นสตาร์ท ขาแรงที่อยู่แนวหน้าทั้งหลายตะบึ่งวิ่งด้วยพลังทั้งหมดที่มีราวกับว่าจะวิ่งแค่ 400 เมตร แน่นอนสำหรับนักวิ่งขาแรงแล้ว 21 หรือ…

วิ่ง อุทัยธานีมาราธอน

08-08-08

เรื่องทั่วไป 8 August 2008

ไม่ได้ใบ้หวยแต่อย่างใดครับ แต่ชื่อหัวข้อนั่นมาจากวัน เดือน และปีนี้ ชาวจีนถือว่าเลขแปด เป็นเลขมงคล เพราะแปดตามเสียงของภาษาจีนกลางออกเสียงว่า ปา ซึ่งมีความหมายว่ารวย เมื่อเลขแปดมารวมกันถึงสามตัว ก็มีความหมายว่า รวย รวย รวย แสดงว่าคนจีนถือเงินทอง ความร่ำรวยถือเป็นมงคล แต่คงไม่ใช่เฉพาะคนจีน เดี๋ยวนี้ใครต่อใครต่างถือว่า เงินทอง ความร่ำรวยเป็นมงคลทั้งนั้นแหละครับ ขัดแย้งกับพระพุทธศาสนาอย่างสิ้นเชิง ปากก็บอกว่านับถือพุทธๆ แต่เที่ยวถือเงินทองเป็นมงคลนี่ ขัดต่อพุทธเห็นๆ พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนว่า เงินทองเป็นมงคล แต่ได้สอนมงคล ๓๘ ประการไว้ เริ่มตั้งแต่ อเสวนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวนา..การไม่คบคนพาล๑ การคบหาแต่บัณฑิต๑..เป็นต้น ก่อนที่พระองค์จะทรงสอนมงคล ๓๘ ประการนั้น ก็มีการถกเถียงกันในหมู่นักปราชญ์มานานนมแล้ว ว่า อะไรกันแน่เป็นมงคล บ้างก็ว่า สิ่งที่ได้ฟังแล้วไพเราะหู นั่นแหละเป็นมงคล บ้างก็ว่า สิ่งที่ได้เห็นแล้วเกิดความปลาบปลื้มบันเทิงใจนั่นแหละเป็นมงคล บ้างก็ว่า อารมณ์ที่เกิดในจิตใจที่เป็นอารมณ์ที่เป็นกุศล นั่นแหละเป็นมงคล หากสนใจเนื้อหามงคล ๓๘ โดยละเอียด คลิกที่นี่เลยครับ วันนี้ไม่ได้ตั้งใจมาเล่าเรื่องมงคล แต่มากล่าวถึงเลขมหัศจรรย์ 08-08-08 อีกนานกว่าจะเวียนบรรจบมาพบกับเลขวัน เลขเดือน และเลขปีเช่นนี้อีก ส่วนเรื่องที่ว่าเลข 8 ถือว่าเป็นเลขมงคล มีความหมายว่า รวย รวย รวย นั้น ผมไม่สู้จะตื่นเต้นเท่าไรนัก พระพุทธเจ้าสอนอย่างชัดเจนแล้วครับ มงคล ๓๘ ประการดังกล่าวแล้วข้างตน วันนี้เป็นวันสุดยอดมงคลของจีน นอกจากจะเป็นวันมงคลดังกล่าวแล้ว วันนี้เป็นวันเปิดงานโอลิมปิกที่จีนอีกด้วย.. ยิ่งใหญ่ทีเดียว และนับจากนี้ ก็คงจะได้ติดตามมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติ จะรอดูว่า ปีนี้เป็นปีอภิมหามงคลของจีนหรือไม่ ถ้าเป็นของจีนจริง จีนต้องได้เป็นจ้าวเหรียญทอง จะรอดูและรอเชียร์ ~

หลุด4เหี้ย

เรื่องทั่วไป 26 June 2011

หลุด 4 หลุด เข้าโรงตั้งแต่เดือนมกราคม วันนี้พึ่งมีโอกาสเข้าร้านวีดีโอจึงเช่ามาเบิ่งชม.. หลุดสี่หลุดเป็นหนังสั้นสี่เรื่องจิตหลุดโดยสี่ผู้กำกับ ผมชอบหนังสั้นเพราะรวบรัดดี ไม่ต้องอารัมภบทกันมาก ผีจะออกก็ออกตั้งแต่เนิ่น คนจะชั่วก็ชั่วได้ตั้งแต่ต้นเรื่องเลย ไม่ต้องปูพื้นมากมายเสียเวลา หลุดแรก “เกรียนล้างโลก” สั้นมาก สั้นจริงๆ มีฉากเดียวคือโต๊ะกลางแจ้ง นั่งคุยกันตามประสาวัยรุ่นที่ต้องเริ่มต้นประโยคด้วยเหี้ย และลงท้ายด้วยสัตว์..เหมือนเป็นโครงสร้างภาษาไทยแบบใหม่ ต้องเปิดประโยคด้วย “เหี้ย” หรือ “ห่า” และปิดประโยคด้วย “สัตว์” หรือ “แม่ง” หลุดแรกทำเอาผู้ชมหวั่นไหวกันเลยทีเดียว หวั่นไปถึงว่าหลุดต่อๆไปจะมาตรฐานเดียวกันหรือเปล่า เพราะมันสั้นและบอกตามตรงยังไม่รู้เรื่องห่าอะไรเลย เหมือนหนังทำเล่นๆ หลุดที่สอง “ร้านของขวัญแด่คนที่คุณเกลียด” เรื่องนี้เปิดประเด็นได้น่าสนใจและสยองเล็กๆ แต่มันมีดีแค่นั้นเอง กลางเรื่องจืดชืด นิ่งสนิทจนต้องเผลอหลับ แถมตอนจบมีหักมุมแบบกวนตีน..เหี้ยเอ้ย ผมไม่ได้ด่าหนัง แต่พระเอกเขาพูดประโยคนี้เกือบทุกบทสนทนาอีกเช่นเคย โครงสร้างภาษาไทยแบบใหม่ๆ หลุดที่สาม “คืนจิตหลุด” ได้นักแสดงขั้นเทพอย่างอนันดานับว่าสร้างความน่าสนใจได้ไม่น้อย พี่แกเล่นหนังได้เทพจริงๆ บทโรคจิตพี่แกตีบทซะแตกกระจุย เรื่องนี้ถ้าดูในโรง แม่ที่พาลูกเล็กๆเข้าไปดูด้วย สงสัยต้องรีบพากลับบ้าน เพราะมีฉากสยองขวัญสั่นประสาทอย่างฉากตัดนิ้วตัวเองทีละนิ้วๆ ให้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมอย่างเดียวบทอ่อนและการหักมุมแบบไม่น่าหักทำให้หนังสนุกน้อยลง จบแบบ..เหี้ยเอ้ยเช่นกัน และหลุดสุดท้าย “ฮู อา กง” เรื่องนี้อารมณ์เดียวกับบุปผาราตรีภาคแรก ขำก็ขำ พอบทจะน่ากลัวก็โคตรน่ากลัว แต่แล้ว..หนังก็จบแบบปัญญาอ่อนและเหี้ย..อีกเช่นกัน คือ ดูจะเป็นหนังครอบครัวๆ พูดจากันดีมีการศึกษากว่าสามตอนก่อนหน้านี้ แต่แล้วนางเอกที่หมวยใสน่ารักก็พูดคำว่า “เหี้ย” ซะเอง เท่านั้นไม่พอ ผีอากงที่พูดไทยไม่ค่อยชัดเลย แต่พูด “เหี้ย” ชั๊ดชัด ผมว่าทั้งสี่เรื่อง ไม่น่าเรียกตัวเองว่าหลุดสี่หลุด น่าจะเรียกว่า “หลุดสี่เหี้ย” มากกว่า เหี้ยเต็มโรงไปหมด ไม่ได้จะถือสาคำๆนี้เท่าไรนะครับ ถ้าตัวละครมันเหมาะกับคำๆนี้ อย่างอนันดาหรือเด็กวัยรุ่นในตอน “เกรียนล้างโลก” ก็ไม่รู้สึกเท่าไร แต่นี่เหมือนตั้งใจให้ทั้งสี่เรื่อง มีเหี้ย เหี้ย และเหี้ยเต็มโรงไปหมด คุณไม่ได้ด่าคนดูใช่มั้ย

หลุด4หลุด

เป็นเหี้ย

ไดอารี่ 3 May 2011

หยุด 3 วันมีโอกาสอยู่บ้านแบบเต็มๆ จึงจัดชุดใหญ่ ‘บิ๊กคลีนนิ่งเดย์’ เริ่มจากหอมผ้าไปลงถัง, ถูกบ้าน และ.. ใส่ปุ่ยให้ต้นไม้ ตอนนี้ต้นลีลาวดีที่อยู่หลังบ้านกำลังหัดออกดอก หลังจากผลิตแต่ใบมากว่า 3 เดือนแล้ว ผมจึงหมั่นไปดูแลทุกค่ำเช้าราวกับพ่อที่รอลูกคนแรกคลอด ต้นองุ่นที่หน้าบ้านก็เบ่งบานเต็มที่ หลังจากได้น้ำฝนบวกกับปุ่ยชีวภาพตอนนี้กำลังเลื้อยขึ้นระแนง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอีกประมาณ 8 เดือนนับจากนี้องุ่นจะมีลูกมาให้เราเชยชม ชวนชมที่ชวนกันมาจากคอนโดหลังถูกทิ้งตากแดดตัวเหี่ยว ตอนนี้มีใบสดชื่น แข่งกันออกดอกอย่างสนุกสนานเช่นเดียวกับอมรเบิกฟ้าที่พามาจากคอนโดตอนนี้ดอกสีขาวเบ่งบานและร่วงหลายครั้งแล้ว ขณะที่่ดอกสีชมพูมีเพียงใบให้ดูต่างหน้า คนขายบอกว่าสีชมพูออกดอกน้อย ต้อนม่วงมณีดอกสีม่วงเต็มต้นกำลังเป็นพุ่มสวย แต่ด้วยใบที่มีรสกรอบอร่อยจึงเชื้อเชิญบุ้งมากัดกินซะแหว่งหวิ่นเช่นเดียวกับส้มจี้ดถูกทั้งบุ้งและหนอนกัดกินกันอร่อย ต้นคล้ากับต้นกกได้น้ำไม่เคยขาด จึงเบ่งบานสวยสด มีอีกหลายต้นที่จำชื่อไม่ได้ เลยมิได้เอ่ยชื่อไว้ในที่นี้ ต้องกราบขออภัย ขณะตัดแต่งใส่ปุ่ยให้ต้นไม้นั่งเชยชมกับธรรมชาติอยู่นั้น แขกผู้มิได้รับเชิญก็แอบคลืบคลานเข้ามาในรั้วบ้าน!! ตัวไม่ใหญ่ขนาดเท่านิ้วโป้งผู้ใหญ่ วิ่งปรูดเข้ามาในซอกต้นไม้ในบ้าน ผมรีบวิ่งไล่เพื่อขับออกจากบ้านทันที พอเข้าไปใกล้ถึงได้รู้ว่ามันคือ “เหี้ย” ตัวน้อย น้องเหี้ยมาจากไหนไม่รู้วิ่งลุกลี้ลุกลนเข้ามาในรั้วบ้าน จิ๊กกี๋หมาที่เห่าดุเหลือเกินกับทุกสิ่งที่อาจหาญละเมิดอาณาเขตเข้ามาแม้กระทั่งผีเสื้อที่เผลอบินเข้ามามันยังกระโดดงับจนปีกขาด!! แต่ครั้งนี้มันปล่อยน้องเหี้ยน้อยวิ่งเข้ามาในบ้านอย่างหน้าตาเฉย ผมพยายามชี้ให้จิ๊กกี๋ดูให้มันไปช่วยจับ นอกจากไม่มาแล้วมันยังมองไปทางอื่นทำท่าไม่สนใจ เป็นหน้าที่เจ้าบ้านอย่างผม ต้องไล่จับอย่างทุลักทุเลได้รับความช่วยเหลือจากป้าข้างบ้านช่วยอีกแรงนึงทำให้จับได้เร็วขึ้น ผมนำมันไปปล่อยข้างนอกกำแพงหมู่บ้าน ..ให้มันไปสู่ที่ชอบๆ ไปในที่ๆมันชอบ อย่าชอบบ้านผมเลย ก็ไม่รู้ว่าเหี้ยมันเลวยังไงนะ ใครทำตัวไม่ดีถึงถูกด่าว่า “เหี้ย” ผมว่าถูกด่าว่า “ไอ้เหี้ย” ยังรู้สึกแย่น้อยกว่าถูกด่าว่า “ไอ้นักการเมือง” ผมจะโกรธมาก โกรธจริงๆ แค่คิดก็ขยะแขยง สะอิดสะเอียนเวียนหัวแล้ว

เหี้ย

ถางทาง สร้างฝัน

ไดอารี่ 24 June 2008

“ทำอะไรต้องทำด้วยใจจริง” ท่องเน็ตไปเจอบทความหนึ่งน่าสนใจ คิดจะเอามาไว้ที่นี่เหมือนกัน แต่ไม่ดีกว่า เรามาต่อยอดความคิดของเขาดีกว่า บทความที่ว่านั้น กล่าวถึงความตั้งใจในการทำอะไรสักอย่าง ต้องมีความตั้งใจเป็นสำคัญ ความรู้แบบผิวเผิน ให้ผลในทางลบเสมอ ไม่พอที่จะพัฒนาตัวเองได้ ความรู้ไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อไรก็ตามที่หยุดหาความรู้ หยุดพัฒนาตัวเอง ก็จะกลายเป็นฟอลซิล ..เขาว่าอย่างนั้นนะครับ ผมเห็นด้วย และชอบใจบทความที่เขียนนี้มาก อ่านแล้วก็กลับมามองตัวเองจะว่าเก่งอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เป็นเรื่องเป็นราวสักเรื่อง ก็ไม่ ได้อันโน่นนิด อันนี้หน่อย เกือบจะดี แต่ก็ยังไม่ดีพอ เกือบจะเก่ง แต่ก็ยัง มิหนำซ้ำหลังๆ เกิดโรคสันหลังยาว ขี้เกียจหาความรู้ ขี้เกียจพัฒนาตัวเอง ขี้เกียจฯลฯ โรคชี้เกียจ..เป็นโรคร้ายที่น่ากลัวทีเดียว จึงจำเป็นต้องรีบพัฒนาตัวเอง ไม่ให้โลกหมุนทิ้งเราไว้เดี่ยวดาย ความรู้สามารถเรียนเท่าทันกันได้ แต่ความรู้อย่างเดียว ถ้าไม่นำไปพัฒนา หรือใช้ประโยชน์ก็ไร้ประโยชน์ ต้องมารื้อตัวเองซะใหม่..พัฒนาตัวเองในทุกๆ ด้าน หลักการนี้ ต้องด้วยธรรมะในพระพุทธศาสนา หัวข้อ อิทธิบาท 4อิทธิบาท 4 ความหมายคือ หนทางไปสู่ความสำเร็จ 4 ข้อ ฉันทะ สร้างความรัก ความชอบในสิ่งที่ทำก่อน ไม่ใช่แค่ความรัก ความชอบอย่างเดียว ต้องสร้างความพอใจอย่างรุนแรง อยากเห็น อยากทำ อยากอยู่ด้วยทั้งวันทั้งคืน นั่นคือ ฉันทะ ชนิดหลอกตัวเองว่าชอบ ยังใช้ไม่ได้ วิริยะ เมื่อเกิดความรัก ความพอใจ ก็เพียรมั่น ตั้งใจทำอย่างเต็มความสามารถ จิตตะ ตั้งมั่น จิตจดจ่อต่อสิ่งที่รักนั้น พุ่งสมาธิและความตั้งใจทั้งหมดไปยังสิ่งนั้นสิ่งเดียว วิมังสา ไตร่ตรองพิจารณาด้วยเหตุผลถึงสิ่งที่ทำแล้วนั้น ถูกต้อง ผิด-ถูก ดี-ไม่ดี อย่างไร แก้ไขอย่างไร ถึงจะดีขึ้น และดีที่สุด   ธรรมะทั้ง 4 ข้อ ผมก็รู้ แต่ก็นั่นแหละ แค่รู้อย่างเดียว ไม่นำไปปฏิบัติ คงจะก่อเกิดประโยชน์ได้ยาก ทางไปสู่ความสำเร็จ ต้องลงมือถางทางด้วยตัวเอง รัก ตั้งใจ จดจ่อ มุ่งมั่น ถึงจะสร้างฝันสำเร็จ

งานแต่งใครใคร..เป็นได้แค่แขกรับเชิญ..

สุขกะภาพ, เรื่องทั่วไป 27 August 20096 January 2016

ไม่รู้ว่าวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม เป็นวันฤกษ์ดีอะไร ขนาดไหน ยังไงนะ รู้แต่ว่า วันนี้มีงานของคนรู้จักที่ต้องไปร่วมด้วยช่วยกัน ถึง 2 งาน !! งานแรกเป็นงานแต่งของเพื่อน สิงห์ หรือ เนธิวรรธน์ สิงห์ทอง เริ่มงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า กินเลี้ยงกันตอนเที่ยงจนถึงเย็น งานที่สองเป็นงานทำบุญบ้าน พร้อมทำบุญให้ปู่ผู้ล่วงลับ งานเริ่ม 10 โมงเช้าเป็นต้นไป!! วันตรงกันพอไหว แต่นี่งานยังตรงกันอีก โชคดีตรงที่ว่า งานทั้งสองอยู่ไม่ห่างกันมากนัก งานหนึ่งเกิดขึ้นแถวสะพานพระนั่งเกล้า อีกงานหนึ่งอยู่ประชาชื่น 44 งานนี้ต้องวางแผนกันดีๆหน่อย ไม่อย่างนั้นอาจมีปัญหาได้ จังหวะนี้คิดถึงเพลงของทาทาขึ้นมาทันที “..อยากเก็บเธอไว้……ทั้งสองคน” หลังจากวางแผนไว้ในใจแล้ว เช้าวันอาทิตย์ก็ดำเนินตามแผนการณ์ทันที ผมต้องตื่นเช้าในเวลาปกติในวันทำงาน คือ 6 โมงครึ่ง อาบน้ำ แต่งตัว ไปงานแต่งในตอนเช้าก่อน บรรยากาศตอนเช้า มีทำบุญเลี้ยงเช้าพระ เสร็จแล้วมีแห่ขันหมากในเวลา 9.09 นาที บรรยากาศของงานแต่งละนะ ขาดไม่ได้เลยคือแอลกอฮอล์ ตอนเช้าด้วยความจำใจให้ดื่มไป 2 แก้ว หลังจากแห่ขันหมากเสร็จ ผมต้องขึ้นแท็กซี่เพื่อไปอีกบ้านหนึ่ง เพื่อทำบุญบ้าน งานนี้ได้รับความไว้วางใจให้เป็นทายก มีหน้าที่อาราธนาศีล, อาราธนาพระปริตร ถวายของพระ ฯลฯ หลายคนชมบอกว่าทำหน้าที่ได้ดี โดยหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังนั้นระกำแสน ด้วยฤทธิ์เหล้าในงานแต่งแค่ 2 แก้ว ทำเอาสมองอลอึง อาราธนาศีลแบบมึนๆ  สมองสั่งการได้ช้ากว่าปกติ (เข้าใจเลยว่าตัวเองคออ่อน(มาก) และที่เข้าใจมากไปกว่านั้น คือ คนกินเหล้า เป็นคนอันตรายแค่ไหน หากต้องทำหน้าที่ขับรถ) ขณะที่เข่าทั้งสองข้างพอง ด้วยต้องคุกเข่าบนพื้นแข็งเป็นเวลานาน หลังจากทำหน้าที่ทายกเสร็จสิ้น ก็บึ่งกลับไปที่งานแต่งอีกครั้ง ครั้งนี้ยิงตรงไปยังสถานที่กินเลี้ยง นั่นคือ ร้านแดรี่ ควีน สะพานพระนั่งเกล้าฯ พอไปถึง เพื่อนๆหลายคนเมาล่วงหน้าไปแล้ว วันนี้อาจจะเมาเร็วกว่าปกติ ด้วยอากาศที่ร้อนระอุ บวกกับดีกรีของเหล้าแบบ on the rock (เหล้าเพียวๆไม่ผสมโซา น้ำอัดลม หรือน้ำแข็ง) พอผมย่างกรายไปถึง เพื่อนๆเหมือนกลัวเราจะเสียเปรียบที่ยังไม่เมา…

สิงห์ แต่งงาน

อาสาฬหบูชา (ผ่านมา ๒๕๕๒ ปีแล้ว)

เรื่องทั่วไป 7 July 2009

วันอาสาฬหบูชา มีความสำคัญอย่างไร? เราควรทำอะไรบ้างในวันอาสาฬหบูชา? จากคำถามข้อแรก หลายคนคิดถึงเทียน เทียนพรรษา วันอาสาฬหบูชา คือวันที่ต้องถวายเทียนพรรษา ถวายเพื่ออะไร ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าต้องถวาย เป็นไปได้ต้องถวายให้ครบ 9 วัด นัยว่าจะได้อานิสงส์ ถูกหวยรวยเบอร์ กิจการค้าขายดี ลูกสอบเข้าโรงเรียนดังได้ ฯลฯ เรามักจะมองกันผิดด้าน  ผิดวัตถุประสงค์ เหมือนเอากางเกงไปสวมแทนเสื้อ แล้วมาโทษกางเกงว่า ใส่แล้ว ไม่ดีไม่สวย ไม่เท่ ไม่เจ๋ง ไม่ ไม่ ไม่..ฯลฯ วันอาสาฬหบูชา นอกจากจะเป็นวันที่ทำให้เราคิดได้ว่า อักษรไทยยังมี  ฬ (ลอจุฬา) อยู่ และ ฬ อยู่ที่นิ้วไหน หากวางมือลงบนปุ่มคีย์บอร์ด บางคนพิมพ์สัมผัสไม่เก่ง หาไม่เจอ ก็เลยพิมพ์ ล แทน ฬ ซะ ด้วยความมักง่าย หารู้ไม่ว่านั่นคือการทำลายภาษาอย่างไม่รู้ตัว วันอาสาฬหบูชา ว่ากันตามรากศัพท์บาลี แปลว่า วันที่มีดิถีที่แปด ก็คือวันที่มีพระจันทร์เต็มดวงในเดือนแปด  นี่คือคำแปล ส่วนความสำคัญคือ ในวันดังกล่าวนี้ หลังจากพระพุทธองค์ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณในวันเพ็ญเดือนหก (วันวิสาขาบูชา) แล้ว ก็ทรงพิจารณาว่า ธรรมะของพระองค์ลึกซึ้งนัก ยากที่เหล่าสัตว์จะเข้าใจ แต่ด้วยอาศัยพระมหากรุณาธิคุณ พระองค์พิจารณาลึกซึ้งไปกว่านั้นอีกว่า เหล่าสัตว์มี 4  จำพวก ดั่งบัว 4 เหล่า ย่อมมีทั้งผู้เข้าใจและไม่เข้าในในธรรมะข้อเดียวกัน ดังนั้น พระองค์จึงเสด็จโปรดสัตว์โลก และวันนี้เองที่พระทรงประกาศพระธรรมเทศนา อันมีชื่อว่า ธัมมจักกัปปวัตนสูตร หลังจากจบพระธรรมเทศนา พระองค์ก็ได้พระสาวกรูปแรกในพระพุทธศาสนา นั่นคือ พระกัญฑัญญะ.. ถามว่า เราควรทำอะไรในวันนี้บ้าง? ตอบง่ายๆแบบไม่ต้องคิด ทำดีครับ และใช่แต่วันนี้ ควรทำทุกๆวันด้วย  แต่ในฐานะที่วันนี้เป็นวันที่มีความสำคัญในทางพระพุทธศาสนา เราก็ควรทำบุญให้พิเศษหน่อย เช้าเข้าวัดรับศีลห้า ถวายทาน ฟังธรรม และถ้าเป็นไปได้ นั่งสมาธิทำใจให้สงบซะหน่อยก็ดี ชีวิตเดินมาจึงขนาดนี้ ไม่เคยหยุดพักเลย หยุดสักทีก็ไม่รู้สึกตัวแล้ว(นอนหลับ) ตื่นขึ้นอีกใหม่ ก็ต้องวุ่นวาย เบียดเสียด…

อ่านต่อ

ตะลุยแก่งกระจาน

ท่องเที่ยว 12 December 201514 June 2019
เพชรบุรี แก่งกระจาน

แบ่งตามหมวด

  • say (8)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (61)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (52)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH