Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

ผี

อ่านต่อ

ผู้หญิงคนนั้น

เรื่องสั้นสั้น 24 June 201431 July 2015

เวลาเย็นๆโพล้เพล้ ผมเตร่จนกลับมาถึงหอ น่าแปลก..วันนี้เด็กๆหน้าตึกหายไปไหนหมด เจ๊ปิดร้านเร็วกว่าปกติ ไฟหน้าตึกเสีย ติดๆ ดับๆ ดีที่ลิฟต์ยังใช้งานได้อยู๋ กดลิฟต์ไปยังชั้นสี่ ลิฟต์เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ พอประตูเปิด มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรอจะใช้ลิฟต์ เธอผมยาว เสื้อผ้าชุดขาว ดูหน้าเธอซีด ๆ แต่ผมไม่ใส่ใจ ผมเดินมาที่ห้องตัวเองอย่างเหนือยๆ ห้องข้างๆ เปิดประตูอ้า มีคนพลุกพล่าน ผมพยายามจะไม่สนใจ พยายามจะเดินจ้ำๆให้ผ่านๆไป แต่พอจะผ่านห้องดังกล่าวไป พอดีกับมีการยกของใหญ่ชิ้นหนึ่งออกขวางทางเดินพอดี ผมเริ่มสังเกตเห็นว่า คนพลุกพล่านในห้องนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับ พี่ๆมูลนิธิปอเต็กตึ้ง และของขนาดใหญ่ที่เขายกออกมานั้น มีผ้าขาวปิดคลุมอยู่ ถ้าไม่โง่จนเกินไปก็พอจะเดาออก มันคือ ศพ เกิดอะไรขึ้น? ช่างบังเอิญเหลือเกินผ้าปิดหน้าผู้ตายเผยอออกขณะที่ผ่านมาหน้าผม ผมตกใจ..ศพนั้น เป็นสตรี ผมยาว และชุดขาว ถึงไม่ได้สังเกตแต่ก็พอจำได้ เธอคือคนๆเดียวกับที่ผมสวนทางหน้าลิฟต์!!

ผี ผู้หญิง
กลิ่นสยอง อ่านต่อ

กลิ่นสยอง

บ่น 10 July 2011

เกือบ 5 ทุ่มของคืนวันศุกร์ที่ 13 ศุกร์ 13 ที่ฝรั่งว่ากันว่าเป็นคืนปล่อยผี แต่ที่นี่เมืองไทย ความเชื่อแบบฝรั่งคงไม่ลามมาถึงนี่(มั้ง)

แม้จะคิดอย่างนั้น แต่ใจก็อดระแวงไม่ได้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่าน๊ะ

จิ๊กกี๋ ผี
เมื่อเขามา..ฉันจะไป อ่านต่อ

เมื่อเขามา..ฉันจะไป

เพลงสั้น 4 March 2011

บนถนนโค้งแสนเปลี่ยว ข้างถนนรกครึ้มด้วยต้นหญ้าและต้นไม้สูงใหญ่ไล่ระดับ กลางคืนถนนเส้นนี้มืดสนิท ชาวบ้านแถวนี้รู้ดีว่าถนนเส้นนี้ไม่เหมาะกับการคมนาคมในยามวิกาล ได้แต่หวังผู้แทนปากหวานที่เคยให้คำมั่นสัญญาจะดำเนินการทำถนนให้ปลอดภัยมีไฟ มีความสะดวกหากตนได้รับเลือกตั้ง นี่เขาก็ได้รับเลือกตั้งไปแล้ว .. ยังไม่เคยเห็นเงาผู้แทนคนนั้นเลย ก้าวเข้าสู่หน้าหนาวอันเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของคนในเมือง ถนนเส้นนี้เริ่มมีรถรามากขึ้นแม้เป็นยามค่ำคืนมืด นักท่องเที่ยวหลายคนพูดกันหนาหูว่าบนถนนหัวโค้งเปลี่ยวเส้นนั้น มักพบหญิงสาวผมยาวในชุดขาวเดินข้างถนนบ้าง เดินข้ามถนนบ้าง นั่งริมถนนบ้าง เธอเป็นใครมาจากไหน และมาทำอะไรในยามค่ำคืนไม่มีใครรู้ เพราะไม่มีใครกล้าจอดรถลงไปถามสักครั้ง จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง.. ชายหนุ่มจากเมืองหลวงบึ่งรถยามค่ำคืนเพื่อไปหาแฟนสาวที่อยู่ทางเหนือ อำนาจความรักทำให้เขาอดทนรอให้ถึงรุ่งสางไม่ได้ ขับรถมาท่ามกลางความมืดมิดด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงทางโค้งอันเปลี่ยวนั้น รถไม่ได้โค้งไปตามถนนที่ควรจะเป็น กลับตรงดิ่งแหกโค้งออกนอกทางพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ คนขับคอหักตาย ณ ที่ตรงนั้น ส่วนรถมีสภาพยับเยินเกินบรรยาย.. และตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ยามค่ำคืนอันมืดมิด ไม่เคยมีใครพบหญิงสาวผมยาวชุดขาวอีกเลย คนเฒ่าคนแก่บอกว่า “เขาไปเกิดใหม่แล้ว” หลายคนเบาใจคลายกังวล แต่ไม่กี่วันต่อมา มีเสียงร่ำลือกล่าวถึงทางโค้งเปลี่ยวนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่หญิงสาวชุดขาวผมยาว แต่เป็นชายหนุ่มคอหักร่างโชกด้วยเลือดสีแดงนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง ณ ทางโค้งเปลี่ยวแห่งนั้นแทน!! คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่า.. วิญญาณที่ตายด้วยอุบัติเหตุจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดใหม่..จนกว่าจะมีวิญญาณใหม่มาแทนตัว เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นลอยๆมาตามสามลมของค่ำคืนอันเงียบและมืดมิดว่า “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ชื่อเรื่องจากชื่อเพลง “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ของ ดา Endorphine

ผี วิญญาณ เมื่อเขามา..ฉันจะไป
อ่านต่อ

สยองขวัญ..แท็กซี่ผีสิง

เรื่องสั้นสั้น 14 March 201010 June 2019

หลังจากยืนรอรถโดยสารราคาถูก ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถสองแถว หรือรถตู้ ไม่มีวี่แววว่ารถที่จะผ่านเส้นทางที่ผมต้องการจะไปผ่านมาสักที ด้วยความเหนื่อยล้า กอปรกับเวลาที่ดึกขึ้นทุกที ผมจำเป็นจะต้องเลือกการเดินทางแบบอื่นที่ไม่ใช่รถเมล์ รถสองแถว หรือรถตู้ แท็กซี่..!! มือไวเท่าความคิด ผมรีบยืนมือไปข้างหน้าเป็นภาษากายสื่อให้รถแท็กซี่ที่วิ่งเตร่มาพอดีหยุดทันที เป็นรถแท็กซี่สีชมพูหวานแหวว ทะเบียน ทร xxxx กรุงเทพมหานคร นี่คือการขึ้นแท็กซี่อย่างถูกต้อง หลังจากขึ้นรถและบอกจุดหมายแก่โชเฟอร์แล้ว อันดับต่อไปต้องจำข้อมูลของรถแท็กซี่ให้หมดแล้วจึงโทรหาเพื่อน เพื่อบอกว่าเราได้ขึ้นแท็กซี่แล้ว ทะเบียนอะไร สีอะไร ส่วนหนึ่งเพื่อให้คนขับแท็กซี่กลัวที่จะทำมิดีมิร้ายกับเรา เพราะเราไม่ได้อยู่ลำพังแค่คนขับกับผู้โดยสารแล้ว มีบุคคลที่สามรับรู้ด้วย ผมจดจำทะเบียนรถและชื่อผู้ขับได้แล้ว แต่ไม่ได้โทรบอกใคร ดูลักษณะคนขับภายนอกไม่น่ามีพิษมีภัย แต่ผมหารู้ไม่ว่านั่นคือความคิดที่ผิด !!! ผมนั่งโดยสารที่เบาะหลังเยื้องกับคนขับ ไม่มีบทสนทนา ไม่มีการพูดคุยหรือบอกทางระหว่างผมกับคนขับ ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น จนกระทั่งรถวิ่งถึงทางเปลี่ยวแห่งหนึ่งระยะทางที่จะถึงที่หมายมาถึงครึ่งทางแล้ว จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น .. เป็นโทรศัพท์ของโชเฟอร์แท็กซี่ ด้วยความที่ภายในรถเงียบ เพราะไม่ได้เปิดเพลงหรือวิทยุสือสาร ทำให้เสียงโทรศัพท์และเสียงสนทนาดังชัดเจนจนผมขนลุก !! โชเฟอร์กดรับโทรศัพท์ และเริ่มสนทนา น้ำเสียงแผ่วเบา นิ่งเรียบจนขนลุก !! ผมสัมผัสถึงกลิ่นบางอย่าง มันพุ่งมาตามแรงของแอร์กระแทกเข้าโพรงจมูกอย่างจัง .. ผมกระพริบตาถี่ๆ ปฏิกิริยาโต้ตอบช้าลง มองข้างทางเห็นตึกราบ้านช่องลางเลือน ก่อนที่ผมจะตั้งตัวว่ากลิ่นมาจากไหนและเกิดอะไรขึ้น โชเฟอร์ก็เริ่มบทสนทนาอย่างออกรสออกชาติ บางประโยคสนทนาหวาดเสียวและน่าคลื่นไส้ เขาทำราวกับว่าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นด้วย พอผมตั้งใจฟัง จึงพอปะติดปะต่อเป็นรูปเป็นร่างได้ว่าคู่สนทนาของโชเฟอร์คือกิ๊ก มีการป้อนคำหวานเป็นระยะๆ ต่อด้วยการนัดแนะเพื่อไปเที่ยวกัน กลิ่นภายในรถเพิ่มปริมาณมากขึ้นๆทุกที ผมจะเอ่ยปากถามพี่โชเฟอร์ว่าได้กลิ่นเหมือนผมไหม ก็ใช่ที่ เพราะพี่แกกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มจีบกันอย่างออกรสออกชาติปานนั้น ผมพยายามไม่คิดเรื่องที่ไม่ดี เรื่องที่มองไม่เห็นและไม่ควรหลบลู่.. รายการเรื่องจริงผ่านจอ เคยทำสกู๊ปรถแท็กซี่ผีสิง รถแท็กซี่คันนั้นก็สีชมพู รายงานบอกว่า โชเฟอร์ได้ข่มขื่นและฆ่าผู้โดยสารหญิงสาวบนรถ ทำให้หลังจากนั้นวิญญาณหญิงสาวก็วนเวียนอยู่ภายในรถแท็กซี่คันนั้น บางวันมาเป็นกลิ่นเน่าเหม็น บางวันมาเป็นร่างที่โชกเลือดนั่งด้านหลัง หลอกหลอนจนโชเฟอร์ใจบาปคนนั้นต้องมามอบตัวกับตำรวจ..โชเฟอร์ถูกจับดำเนินคดี แต่รถแท็กซี่สีชมพูคันนั้นยังอยู่!! “มันคงไม่ใช่แท็กซี่คันนั้น..ใช่มั้ย?” ผมถามตัวเอง และตอบตัวเองว่า “ไม่ใช่” “แล้วกลิ่นละ.กลิ่นมาจากไหน และกลิ่นอะไร? มันเป็นกลิ่นเน่าเหม็นสาป ขยะเปียกก็ไม่ใช่ ลำไส้เน่าก็ไม่ปาน มันเหม็นกว่านั้น” ระหว่างที่ผมพยายามหาคำตอบและปลอบใจตัวเองอยู่นั้น โชเฟอร์ยุติการสนทนากับกิ๊กด้วยประโยคสุดคลาสิก “จุ๊บๆ” หรือว่าผมจะถามโชเฟอร์ดี ว่าได้กลิ่นเหมือนผมมั้ย แต่หากถามไปแล้ว เกรงว่าจะยิ่งทำให้โชเฟอร์ประสาทกินและหลอนขึ้นอีก เพราะแกต้องใช้รถคันนี้หากินอีกทั้งคืน ..และที่สำคัญตอนนี้กลิ่นมันหายไปแล้ว บรรยากาศบนรถเงียบอีกครั้ง มันอาจจะดูน่ากลัว…

ผี แท็กซี่
อ่านต่อ

ตัวตาย ตัวแทน

เรื่องสั้นสั้น 28 April 200914 June 2019

ในค่ำคืนเดือนมืด ผมยังคงจับพวงมาลัย มองไปข้างหน้าท่ามกลางทางที่มืดสนิท ข้างทางมีป่าไม้ สลับกับทุ่งนาร้าง เวิ้งว้างในหน้าแล้ง กว่า 10 ปีที่ผมไม่ได้เจอกับเพื่อนๆสมัยเรียนประถม เป็นครั้งแรกหลังจากที่เราแยกย้ายกันมาที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ต้องขอบคุณไอ้กิ่ง และไอ้ยศที่มันเป็นคนริเริ่มจัดงานเลี้ยงรุ่น ทั้งยังอุตส่าหติดต่อเพื่อนๆเราในรุ่นจนครบ พรุ่งนี้ตอนเย็นงานเลี้ยงอันอบอุ่นจะเริ่มขึ้น ผมรีบเคลียร์งานที่ค้างทั้งหมด แล้วบึ่งรถตามเพื่อนๆที่ล่วงหน้าไปก่อนกันแล้ว เส้นทางนี้ เมื่อก่อนเป็นทางที่ใช้วิ่งเป็นประจำ ดังนั้น แม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผม แม้จะไม่ได้ใช้เส้นทางนี้แล้วกว่า 10 ปี แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม มีเพียงต้นไม้ และทุ่งนาอันเวิ้งว้างที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามฤดูกาล ขณะนาฬิกาบนหน้าปัด บอกเวลาตีหนึ่ง ผมรู้สึกง่วงเล็กน้อย อยากจะหาปั้มงีบสักแห่ง แต่ทางข้างหน้ายังเป็นทุ่งร้างสลับป่าเช่นเดิม เส้นทางนี้หากไม่ชินทาง ให้เกิดความน่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะเวลาขณะนี้ ยากที่จะหารถวิ่งบนท้องถนนเป็นเพียง ราวกับว่ามีเราเพียงคันเดียวที่กำลังเดินทางในค่ำคืนนี้ ความรู้สึกปล่าวเปลี่ยวเริ่มทวีขึ้นทุกที ผมเริ่มเหยียบคันเร่งขึ้น เพื่อให้เจอเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนบ้าง หรืออย่างน้อยเจอหมู่บ้านบ้างก็ดี เพราะขณะนี้มีเพียงความมืดและป่า ขณะที่ผมพยายามเร่งความเร็วอยู่นั่นเอง ผมเหลือบดูกระจกหลัง ปรากฏมีรถคันหนึ่งวิ่งจากระยะไกล  และด้วยความเร็ว รถคันนั้นค่อยๆใกล้ผมมากขึ้น มากขึ้น จนแซงหน้าผมไป ขนาดผมวิ่งที่ความเร็ว 120/ชม รถคันนั้นยังแซงผมไปได้  ผมไม่คิดจะขับตาม คงขับไปเรื่อยๆ จนรถคันดังกล่าวลับตาไป ไม่ทันที่คันหน้าลับตา คันหลังก็ปรากฏขึ้น ผมรู้สึกดี ไม่เปล่าเปลี่ยว อย่างน้อยบนถนนนี้ก็ยังมีผู้ขับขี่ร่วมเส้นทาง ผมเริ่มสนุกกับการนับจำนวนรถที่แซงขึ้นหน้าไป จากคันแรกที่ปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้มีรถแซงผมไปแล้ว 5 คัน!! แต่เมื่อคันที่ 6 ปรากฏตัวขึ้น ผมรู้สึกถึงความผิดปกติ!! ทุกคันที่ปรากฏตัว มักจะเวลาเดียวกันกับที่คันหน้าลับตาไป เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง และที่น่าแปลกใจ ทุกคันเป็นรถเก๋งสีขาวเหมือนกัน!! ผมเริ่มสังเกตป้ายทะเบียน อยากจะรู้ว่าเป็นอันเดียวกันหรือไม่? “xxxx กรุงเทพมหานคร” ผมพึมพำป้ายทะเบียนในลำคอ เมื่อคันที่ 6 ผ่านหน้าไป ผมจำป้ายทะเบียนได้อย่างแม่นยำ.. ขณะที่รถคันที่ 6 ลับตา ไฟจากรถคันหลังก็ปรากฏขึ้นทันที!! เป็นไปตามที่ผมตั้งข้อสังเกตไว้ไม่มีผิด แต่เมื่อรถคันนั้นแซงไป ผมโล่งใจ  ไม่ใช่รถเก๋ง มันเป็นรถกระบะยอดนิยมที่มีสมรรถนะดีเยี่ยม โฉบเฉี่ยว และทรงตัวดี เหมาะกับการขับในต่างจังหวัด VIGO ผมคงคิดมากไป กับข้อสังเกต 2 ข้อนั่น คงเป็นความบังเอิญ…

ผี
อ่านต่อ

ผู้โดยสาร

เรื่องสั้นสั้น 30 March 200929 June 2016

หลังจากรับรถจากอู่ ลุงชม รีบบึ่งออกหาผู้โดยสารทันที! เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี อาชีพที่ใครต่อใครต่างมองว่าง่ายและสามารถทำได้ คือ ขับแท็กซี่ บางคนขับแท็กซี่ เพื่อรองานใหม่ บางคนขับเพราะไม่รู้จะทำอะไร บางคนขับเพราะชอบ บางคนขับเพราะตกงาน ฯลฯ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ณ ปัจจุบันแท็กซี่ในกรุงเทพได้เพิ่มจำนวนขึ้นทุกที คิดเป็นอัตรา 7 ใน 10 หมายความว่า ถ้ามีรถวิ่งมาในถนนเส้นหนึ่ง 10 คัน เป็นแท็กซี่ 7 คัน ลุงชมแกไม่ได้พึ่งตกงาน หรือกำลังรองานใหม่ แกยึดอาชีพขับแท็กซี่มานานกว่า 10 ปีแล้ว แกใช้ชีวิตหลังพวงมาลัย ใต้ป้ายรถ TAXI METER มานาน เห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคม เห็นชีวิตคนกรุง ความวุ่นวาย และความเปลี่ยนแปลงมากมาย ลุงชมขับรถแท็กซี่กะดึก เพราะความวุ่นวายน้อยกว่ากลางวัน แต่ต้องทนสู้รบปรบมือกับพวกขี้เมา คนเที่ยวกลางคืน หญิงกลางคืน  และสิ่งที่มองไม่เห็น!! แม้มิจฉาชีพจะชุมพอๆกับยุง แต่ลุงชมก็ยังไม่เคยเจอ และไม่คิดอยากจะเจอ คืนนี้หลังจากส่งผู้โดยสารที่ขนเสื้อผ้าจากประตูน้ำมายังซอยวัดแห่งหนึ่ง ลุงชมแกบึ่งแท็กซี่ออกถนนใหญ่เพื่อหาผู้โดยสารอีกครั้ง จนกระทั่งมาถึงหน้าวัดแห่งหนึ่ง ขณะนั้นเวลาบนหน้าปัดบอกเวลา 2 ทุ่มยี่สิบ ผู้โดยสาร 4 คน ยืนโบกรถหน้าวัด 1ใน 4 ใส่ชุดขาว อีก 3 คนใส่ชุดดำ และ 1 ใน 3 คนที่ใส่ชุดดำนั้น ถือภาพขนาดใหญ่ประกบไว้ที่อก “ไปไหนครับ” ลุงชมถามอย่างสุภาพ ต่อผู้โดยสารสตรีสูงวัยทั้ง 3 “ถ้าจะเหมาไปสุพรรณบุรี..จะไปมั้ย?” ลุงชมใช้เวลาคิดแว่บหนึ่ง ก่อนผงกหัวตกลง และเมื่อต่อรองราคาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้โดยสารทุกคนก็ขึ้นรถแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง มุ่งตรงสุพรรณบุรี “แท็กซี่ ถ้าถึงอำเภอสองพี่น้องแล้ว ปลุกด้วยนะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน” ป้าที่นั่งด้านข้างคนขับบอก ก่อนที่ทั้งหมดจะหลับด้วยความเพลีย ยกเว้นชายชุดขาวที่นั่งตรงกลางด้านหลังคนขับ นอกจากไม่หลับแล้ว ยังมองจ้องมายังคนขับตลอดเวลา จนบางครั้งลุงชมรู้สึกตกใจ ลุงชมแอบมองผ่านกระจกทีไร เป็นต้องสบตากับเขาทุกที ครั้งหนึ่งลุงชมแทบหยุดหายใจ เมื่อแว่บหนึ่งมองเห็นสายตาของชายชุดขาวไร้แววตาดำ มีแต่ตาเหลือกขาว แกรีบหันกลับมา และตั้งใจขับรถต่อไป…..

ผี ลี้ลับ วิญญาณ
อ่านต่อ

406

เรื่องสั้นสั้น 6 July 200814 June 2019

นิดา หญิงสาวที่พึ่งก้าวขาเข้ารั้วมหาวิทยาลัยปีแรก รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ใช้ชีวิตแบบนักศึกษาอย่างเต็มตัว เมื่อพ่อแม่อนุญาตให้เธอย้ายไปอยู่หอพักที่ตั้งอยู่ใกล้ๆมหาวิทยาลัย เพราะทนต่อการรบเร้าของเธอไม่ไหว กอรปกับการเดินทางไปเรียนที่ไกล จึงเป็นเหตุผลเพียงพอ มันเป็นอพาร์ตเมนต์ไม่เก่ามาก แต่ไม่น่าจะต่ำกว่า 5 ปี สูง 4 ชั้น เธอได้ห้องที่อยู่ชั้น 3 ข้อดีของหอนี้ คือ อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเพียงป้ายรถเมล์เดียว ประตูเข้าหอพักใช้สมาร์ทการ์ด เป็นหอหญิงล้วน ไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าหลัง 1 ทุ่มไปแล้ว แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว คือห่างจากตลาดจึงทำให้หาซื้อของกินค่อนข้างลำบาก แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรค หลังจากย้ายข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น สมุดหนังสือ ตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้ามาอยู่ โดยถือฤกษ์วันพฤหัสบดี ซึ่งถือว่าเป็นวันครู (เธอเกิดวันอาทิตย์ โบราณว่า วันอาทิตย์เป็นมิตรกับวันครู) เป็นวันเข้านอนวันแรก คืนแรกผ่านไปด้วยดี แม้จะนอนไม่ค่อยหลับ เนื่องจากแปลกที่แปลกทาง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ เนื่องจากยังไม่เปิดเทอม เธอจึงใช้เวลาที่เหลือสร้างความคุ้นเคยกับหอแห่งใหม่ หาต้นไม้มาปลูกบ้าง ติดโปสเตอร์บ้าง จนห้องเล็กๆ น่าอยู่ขึ้นมาทันที เธอเริ่มรู้สึกชอบห้องนี้โดยลำดับ หลังจากนอนสร้างความเคยชินจนหนึ่งครบหนึ่งอาทิตย์ เธอบอกพ่อกับแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง เธอชอบที่นี่มาก แม้ยังไม่มีเพื่อนใหม่ เพราะยังไม่เปิดเทอม แต่เธอรู้สึกตื่นเต้น และหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี.. พอเข้าอาทิตย์ที่สองของหอพักใหม่..คืนหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเสียงหนึ่งทำให้เธอสะดุ้งตื่นกลางดึก ราวๆ เที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง  มันเป็นเสียงคนคุยกัน และยกย้ายข้าวของ อันที่จริงเสียงก็ไม่ได้ดังมาก แต่เนื่องจากเป็นกลางคืนที่เงียบสงัด เธอจึงได้ยินเกือบจะชัดเจน เธอพยายามเงี่ยหูฟังว่าเสียงนั้นมาจากไหน มันดังขึ้นและค่อยลง ดังขึ้น ค่อยลง จนเงียบสนิท และมีเสียงปิดประตู มันเป็นเสียงจากห้องข้างบน ชั้น 4 ซึ่งอยู่ตรงกับห้องของเธอ แต่คนละชั้น ห้อง 406 เธอพยายามคิดในแง่ดี ห้องข้างบนคงกำลังจัดห้อง หรือย้ายออก หรือไปต่างจังหวัด หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่ขโมยแน่ๆ  เธอยิ่งมั่นใจว่าความคิดเธอถูกต้อง เพราะตอนเช้า ไม่มีใครพูดถึงเรื่องขโมย คืนวันต่อมา เธอยังคงได้ยินเสียงแบบเดิมนั้นอีก และได้ยินในเวลาเดิม ๆ มันเป็นเสียงลากโต๊ะจากซ้ายไปขวา จากระเบียงไปยังประตู เสียงพูดคุยเบาๆ เสียงของเล็กๆน้อยๆร่วงกระทบพื้น และเสียงสุดท้าย คือเสียงปิดประตู! ทีแรกเธอไม่ใส่ใจ แต่เริ่มทนไม่ไหว เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นติดต่อกัน 1…

ผี
อ่านต่อ

เสียงจากความมืด

เรื่องสั้นสั้น 30 June 200614 June 2019

คงเคยได้ยินมาบ้างแล้วนะครับ กรณีที่เพื่อนหรือคนที่เรารู้จักเสียชีวิตไปแล้ว แต่เรายังไม่ได้ลบเบอร์เขาออกจากมือถือของเรา แล้วเวลาดึกของวันหนึ่ง ก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะงัวเงียจะรับโทรศัพท์อย่างเคยชิน แว่บหนึ่งก็มองหน้าจอมือถือ ยังไม่คิดอะไร ยกโทรศัพท์มาประกบที่ข้างหู แต่ไม่ทันโทรศัพท์จะถึงหูและฟังเสียงปลายสาย ก็เอ่ะใจ..จึงดูหน้าจอมือถืออีกครั้ง แล้วชื่อที่ปรากฏในหน้าจอนั้นคือ .. คนที่เสียชีวิตแล้ว กดวางแล้วโยนโทรศัพท์นั้นทิ้งทันที.. ยังไม่ทันได้ฟังและพูดอะไรเลย และหลังจากวันนั้นก็ได้สอบถามไปยังญาติผู้เสียชีวิต ได้รับข้อมูลว่า สิ่งของส่วนตัวผู้ตายส่วนใหญ่ ถ้าไม่เผาไปพร้อมกับศพ ก็ถวายวัดหมดแล้ว.. ! เรื่องประมาณนี้ คงเคยได้ยินได้ฟังบ้างใช่มั้ยครับ แต่เรื่องที่จะเล่านี้ คล้ายๆกัน แต่มันมีมากกว่านั้นครับ เกิดขึ้นกับไอ้แจ๊ส.. ไอ้แจ๊ส พ่อเป็นตำรวจ แม่เป็นครู เป็นรุ่นน้องผมประมาณ 2-3 ปี ผมรู้จักไอ้แจ๊สจากพี่ชายของมัน พี่ชายมันเป็นเพื่อนผม เมื่อก่อนผมชอบไปค้างที่นั่น ดึกๆ เวลาหิว ไอ้แจ๊สทำหน้าที่เป็นพ่อครัวที่ดีเสมอ หลังจากถูกพี่มันบังคับและขู่ (ถ้าเมิงไม่ทำนะ กูจะบอกพ่อว่ามึงสะสมหนังโป๊) แจ๊สจึงลวกมาม่าให้พวกเรากินอย่างจำยอม แจ๊สมีเพื่อนเยอะมาก ทั้งหญิงและชาย ชอบพามาแนะนำให้รู้จักอย่างไม่ซ้ำหน้า เพื่อนส่วนใหญ่เป็นเพื่อนเที่ยว เพื่อนกินมากกว่า แต่ในที่สุด แจ๊สก็ได้เพื่อนตาย..! ตอนที่เพื่อนคนนี้ตาย แจ๊สไม่สามารถไปร่วมงานศพได้ เพราะงานศพจัดที่ต่างจังหวัดทางภาคเหนือค่อนข้างไกล และกระทันหัน เสียชีวิตวันเดียว วันต่อมาก็เผาแล้ว เพื่อนของแจ๊สคนนี้ชื่อมี้ เป็นหญิงมาดมั่น น่ารัก สดใส เธอเสียชีวิตพร้อมกับผู้โดยสารบนเรือด่วนอีก 4 คน เรือที่เทอใช้โดยสารในวันเกิดเหตุ เกิดพลิกคว่ำกลางแม่น้ำเจ้าพระยาที่เชี่ยวกราด ผู้โดยสาร 20 กว่าชีวิตว่ายน้ำได้ จึงรอด มี้เป็นคนเหนือ ว่ายน้ำไม่เป็น เธอจมน้ำเสียชีวิต กว่าเจ้าหน้าที่จะช่วยกู้ศพขึ้นมา ร่างเธอก็ขึ้นอึดจนจำแทบไม่ได้ หลังจากมี้เสียชีวิตไปประมาณ 2 อาทิตย์ ทุกคนเกือบลืมเรื่องเศร้าๆของมี้หมดแล้ว แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่ง เป็นวันศุกร์ปลายเดือนที่ทุกคนมักไปเที่ยวยามค่ำคืน คืนนั้นก็เช่นกัน แจ๊สไปกับเพื่อนๆในกลุ่ม กลับถึงบ้านตอนเกือบตีสามด้วยอาการสลึมสลือด้วยฤทธิ์แอลกอฮอ ขณะกำลังไขกุญแจบ้านด้วยความลำบากยิ่ง โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้น แจ๊สกดรับทันทีโดยไม่ทันดูหน้าจอว่าใครโทรเข้า “ฮาาาา..า โหลล” “……” “ฮาาโหล ใครอ่ะ” สองมือของแจ็สยังไขกุญแจอย่างยุ่งยาก โทรศัพท์เหน็บข้างหู ใช้ไหล่หนีบไว้ “ฮาโหลๆๆๆๆ ๆ ๆ ไม่พูดจะวางแล้วน่ะ”…

ผี

พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง

เรื่องทั่วไป 9 November 200827 September 2016

สำหรับนักฟังเพลงในอดีตแล้ว ถ้าแนวลูกทุ่ง ต้องชอบ สายัณห์ สัญญา ถ้าแนวเพื่อชีวิตต้องแนว คาราบาว แนวสตริงคลาสิคหน่อย หลายๆคนก็ชอบหลายๆนักร้อง แต่ที่หลายๆคนชอบอีกคนคือ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง สายัณห์ สัญญานี่ไม่ต้องพูดถึง เพลงเพราะ หวานซึ้งจับใจ โดยเฉพาะลูกอ้อนหน้าเวที พูดทีไรแฟนเพลงต้องวิ่งหาพวงมาลัย หัวแทบชนกันตาย ด้วยภาพลักษณ์ที่ออกทางเวที และเสียงเพลงนี่เอง หลายคนปลื้ม ศรัทธา หลงรัก สะสมอัลบั้มเพลงทุกชุด บางชุดซื้อมากกว่าหนึ่งแผ่น เพื่อแจกจ่ายคนอื่นๆ เพื่อหวังให้มาเสพรสเพลงอันไพเราะเช่นตน วงคาราบาว เป็นจิตวิญญาณ ไอดอล เป็นแบบอย่างของดนตรีเพื่อชีวิตอีกหลายๆวง เป็นผู้ปลุกเร้าสิ่งที่สังคมลืม เป็นผู้นำแห่งเพลงสามช่า เป็นนักแต่งเพลงเสียดสี กระแทก แดกดันได้อรรถรส ด้วยภาษาที่สวยสดงดงาม ไม่หยาบคาย หยาบคายบ้าง แต่ดูดี คาราบาวถือเป็นศิลปินที่ผ่านมากี่ยุคกี่สมัยก็ยังได้รับการต้อนรับที่ดีเสมอ ได้เสียงตอบรับอย่างเนืองแน่นทุกครั้งที่ออกคอนเสริต มีผลงานออกมาตลอดเวลามิได้ขาด เรียกได้ว่าทำงานอยู่ในวงการอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเฉไฉออกนอกเส้นทาง หลายๆเพลงของคาราบาว มีบางคนนำเอาไปเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ตลอดจนเป็นข้อตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ดังเช่นคุณสรยุทธ ที่ถือเพลงพระเจ้าตากเป็นเครื่องตัดสินใจ ในตอนที่จะออกจากเนชั่น ด้วยท่อนเพลงที่ว่า…เราจะทุบหม้อข้าว… อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ย้อนไปเมื่อสักสิบปีที่แล้ว เพลงของเขาหวาน ฟังสบาย หลายๆเพลงมีเนื้อหาเพื่อสังคม ถึงไม่ได้อยู่ในวงการเพลงยาวนานเหมือนสายัณห์ สัญญา หรือคาราบาว แต่เพลงของอริสมันต์นับว่าสร้างความนิยมชื่นชมแก่ผู้ที่ชื่นชอบมากมาย หลายๆเพลงกลายเป็นอมตะ มีการนำมาร้องใหม่ โดยนักร้องยุคปัจจุบัน ใส่ท่วงทำนองที่สามารถกระโดดโลดเต้นได้ ผิดวิสัยพี่กี้ อริสมันต์ ที่พูดถึงศิลปินนักร้องในวันนี้ เพื่อเข้าสู่ประเด็นนี้ครับ ณ ปัจจุบันศิลปินที่ผมกล่าวถึงทั้งสามนั้น สองในสามหลุดออกจากวงการเพลงเข้าสู่วงการการเมือง มีเพียงคาราบาวที่ยังคงอยู่ในวงการดนตรีเช่นเดิม ทั้งที่จริงๆแล้ว คาราบาวน่าจะเข้าสู่วงการการเมืองมากกว่า ด้วยเนื้อหาเพลงที่ประชดประชัน ดุ ด่า การเมืองอย่างเผ็ดร้อนกว่าใคร และออกตัวชัดเจนว่าเป็นศัตรูกับนักการเมืองที่คอรับชั่น คาราบาวก็ยังเป็นนักดนตรีเพื่อชีวิตที่มีคนชื่นชอบทั่วประเทศอย่างปัจจุบัน รักมั่นศรัทธาต่อประชาชนนักรักเพลงเพื่อชีวิต อีกสองศิลปินนั้น เข้าสู่วงการการเมืองอย่างเต็มตัว การเมืองมันน่ากลัว จากภาพที่คนชื่นชอบสองศิลปินนี้ในอดีต ภาพความจริงค่อยๆปรากฏชัดเมื่อเข้าสู่วงการการเมือง การเมืองทำให้ทั้งสองหมดความไพเราะ นิ่มนวล และน่าเชื่อถือ ผมคิดว่า ..หน้าที่ใครก็หน้าที่มัน พระเจ้าให้ความสามารถของแต่ละคนแตกต่างกัน เพื่อไม่ต้องมาแย่งชิงดีชิงเด่นกัน เมื่อได้พลังนั้นมาแล้ ก็ควรจะรักษาพลัง และทำหน้าที่ที่ตนได้รับให้ดียิ่งๆขึ้น อย่าไปแย่งหน้าที่คนอื่น…

อ่านต่อ

พาน้องหมาเที่ยวทะเล..หาดเจ้าสำราญ

ท่องเที่ยว 28 June 201917 March 2020

สำหรับคนรักหมาแล้ว การพาหมาไปเที่ยวถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง แม้หมามันจะอยากไปหรือไม่ก็ตาม.. การพาหมาไปเที่ยวก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่พักต้องเป็นที่ๆอนุญาตให้หมาพักได้ (ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีราคาแพงกว่าปกติ) การจะแวะเที่ยวโน่นนี่นั่นหรือไปหาของกินอร่อยๆ อันนี้ก็ต้องตัดทิ้งไป เพราะนอกจากบางร้านจะไม่อนุญาตให้นำหมาเข้าแล้ว เราต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า คนชอบหมาก็มาก คนไม่ชอบก็มากเช่นกัน ที่สาธารณะผมจึงพยายามเลี่ยง แม้วันเที่ยวเองก็เลือกวันธรรมดา เพื่อเลี่ยงคนเยอะ แต่กระนั้นที่นี่ Loft Caravan resort หาดเจ้าสำราญ ก็มีคนมาพักอย่างหนาตา อาจจะเพราะบรรยากาศและความเป็นส่วนตัวของที่นี่ การพาน้องหมาไปเที่ยว ปัญหาอย่างหนึ่งเลยคือการต้องนั่งรถนานๆ หมาบางตัวเมารถ เจ้าแซลม่อน เมื่อก่อนหน้านี้ก็มีอาการเมารถ นั่งรถแค่ใกล้ๆ ก็เมาน้ำลายนองพื้น วันนี้ก็ห่วงเหมือนกันว่าจะมีอาการเมาอีกหรือเปล่า แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพียงแต่น้องหมาจะมีอาการอ่อนเพลีย เพราะนอนบนรถไม่หลับ นั่นคือเหตุผลที่เลือกหาดเจ้าสำราญ เพราะใช้เวลาในการเดินทางไม่ไกลมาก พูดถึงที่พัก Loft caravan resort หาดเจ้าสำราญ  นอกจากจะสามารถพาน้องหมามาพักได้แล้ว ที่นี่มีความเป็นส่วนตัว เงียบ สงบ ที่สำคัญติดกับหาด แต่ข้อเสียนิดนึงคือทะเลไม่สะอาดพอที่จะลงเล่น และหาดมีเศษขยะที่ไม่วางใจพอที่จะถอดรองเท้าเดิน เจ้าของรีสอร์ทสุภาพมาก แต่พนักงานไม่ค่อย ผมได้รับสายตาแปลกๆจากพนักงานเมื่อเขาเห็นผมจูงน้องหมาเดินเข้ารีสอร์ท ร้ายกว่านั้นอาหารเช้าเริ่ม 8 โมง แต่ผมไปตอน 7.30 เพราะอันนี้ไม่ทราบจริงๆ ถูกพนักงานไล่กลับราวกับเราไปขอเขารับประทาน นั่นคือข้อเสียเพียงน้อยนิดนะครับ ถ้าเทียบกับรสชาตอาหารแล้ว เรื่องชวนขุ่นใจอันนั้นลืมไปได้เลย อ้อ .. ช่วงนี้หน้าฝน โชคดีมากครับ เจอฝนตลอดทริปเลยยย..T_T ก่อนปิดทริปมีคำแนะนำนิดนึงสำหรับการเดินทางไปในช่วงนี้..เส้นพระราม 2 กำลังทำถนนรถติดมากก ..หาของกินติดรถไว้เยอะๆครับ จะได้ไม่เครียดดดด.. เจอกันทริปหน้านะ

ทะเล หาดเจ้าสำราญ แซลม่อน

แฮรี่ พ็อตเตอร์ ตอน เจ้าชายเลือดผสม

บ่น, ไดอารี่ 19 July 200914 June 2019

ของฟรีไม่มีในโลก..ของฟรีมักไม่ดี ของดีมักไม่ฟรี… คำนิยามนี้ ถูกต้อง 99 % อีก 1 เปอร์เซ็นต์ คือ มันมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้กับคนๆหนึ่งอย่างน้อย 1 ครั้ง แน่นอนไม่ใช่เรื่องของการพนันขันต่อ อย่างเช่นหวย แต่มันเป็นเรื่่องของโชค และอะไรสักอย่างที่บอกไม่ถูก แต่มันจะพอดิบพอดี และจะทำให้เรารู้สึกดีกับคำว่าของฟรีนั่น ผมเคยได้รับของฟรีชนิดดีเกินคาดมาอย่างน้อย 1 ครั้ง ที่จำได้แม่นที่สุดคือ ได้คูปองไปเที่ยวฟรีมูลค่า 2 หมื่นบาท 2 วัน 3 คืน จากการส่งเมสเสจไปร่วมในรายการวิทยุที่ผมพึ่งเคยฟังแค่ครั้งเดียว!! นอกจากนั้นยังเคยได้ตั๋วไปดูหนังฟรีหลายครั้ง แต่นั่นไม่นับว่าเป็นของดี เพราะส่วนใหญ่ได้นั่งแถวเกือบหน้าสุด และโรงหนังก็เล็กๆ อยู่ในที่ๆคนไม่ค่อยรู้จัก เช่น อาร์ ซี เอ, เซ็นจูรี่ มูฟวี่พลาซ่า อนุสาวรียชัย ฯลฯ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ได้ของฟรีอีกแล้ว ของฟรีชนิดดีเกินคาด คือ ได้ตั๋วฟรีของแฮรี่พ็อตเตอร์ โรงหนังขนาดใหญ่ในพารากอน  ได้ที่นั่งชนิดไม่ต้องแงนหน้าดูจอ คือได้แถว E ของฟรีจะมีมูลค่าราคาขึ้นมาทันที ถ้าของๆนั้น เป็นสิ่งที่เราอยากได้อยู่แล้ว และมันมีมูลค่าดีอยู่แล้วในตัวของมัน ผมตั้งใจจะดูอยู่แล้วแฮรี่พ็อตเตอร์ หลังจากอ่านจบทั้ง 7 เล่ม และติดตามดูมาตลอดทั้ง 5 ภาคที่ผ่านมา วันนี้ได้ดูหนังดี ที่นั่งดี และโรงหนังดีขนาดใหญ่ประมาณด้วยสายตาน่าจะสัก 800 ที่นั่ง (มั่วนิ) เข้าเรื่องหนังบ้างดีกว่า ถ้าใครได้อ่านแฮรี่พ็อตเตอร์มาก่อน จะได้อรรถรสในการชมภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าภาคไหน โดยเฉพาะภาคนี้ ทำได้เหมือนหนังสือมากที่สุดภาคหนึ่ง และคนที่อ่านเล่ม 6 จะรู้ว่าภาคนี้ เจ้าชายเลือดผสม เป็นภาคที่เศร้าสะเทือนใจที่สุด เป็นตอนที่มีความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการพ่อมด เหมือนต้นโพธิ์ที่เป็นที่อาศัยของเหล่าปักษาล้มลง เหมือนดวงอาทิตย์ไม่โผล่ขึ้นในตอนเช้าในวันที่ีหนาวเหน็บ อารมณ์ตอนอ่านเศร้ายังไง มาดูในภาพยนตร์ก็เศร้าอย่างนั้น ไม่ต่างกัน แสดงถึงหนังที่ทำอิงกับหนังสือได้ดีมากทีเดียว ภาคนี้ถือเป็นภาคเปิดศึกต่อท่อให้ภาคจบเป็นภาคที่มันส์ระทึก จำได้ว่าตอนอ่านแทบหยุดหายใจ สมกับเป็นนิยายที่ยิ่งใหญ่ จบได้อลังการและสมบูรณ์แบบทีเดียว หากใครที่ยังไม่ได้อ่านแฮรี่พ็ตอเตอร์ ผมว่าชีวิตนี้ยังขาดอะไรไปนะ คุณอาจเคยพลาดหลายสิ่งที่ดีๆในชีวิตหลายครั้ง และนี่ก็นับเป็นอีกครั้งหนึ่งที่คุณพลาด!! หลังจากหนังจบ ถัดจากแถวที่ผมนั่งไป 2 แถว…

ไม่รู้ว่าหลอก..แต่เต็มใจให้หลอก

เรื่องทั่วไป 13 May 2010

วันก่อนมีโอกาสคุยกะเพื่อนที่ฝั่งธนฯ  เพื่อนคนนี้มีอัธยาศัยดี หน้าตาเป็นมิตรกะคนทั่วไป ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา ซึ่งบุคลิกอย่างนี้ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดี ข้อเสีย คือ นอกจากจะทำให้คนรอบข้าง(ที่เรารู้จัก)รู้สึกดีแล้ว ยังมีผลถึงคนรอบข้าง(ที่เราไม่รู้จัก)อีกด้วย เขาเป็นเหมือนแรงดึงดูดเอามิจฉาชีพ 18 มงกุฏมาหาตัวเองเรื่อยๆ ด้วยบุคลิกยิ้มง่า่ย อัธยาศัยดี และขี้เกรงใจนี่เอง  จึงทำให้เป็นที่หมายปองของมิจฉาชีพบ่อยๆ และครั้งนี้ก็เช่นกัน มันมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง (อีกแล้ว) ว่า ผมโพสต์ไว้วันที่ 13 พ.ค. รอดูวันที่ 16 ซึ่งเป็นวันหวยออก มันจะถูกหวยจริงๆหรือไม่? 18 มงกุฏรายนี้ร้ายจริงๆ นอกจากจะหลอกเอาเงินไปแล้ว ยังหลอกให้เสียเงินซื้อหวย(ผิดๆ) อีกต่างหาก .. เงินที่เสียค่าโง่ไป 700 บาทนะไม่เท่าไร แต่ถ้าคนถูกหลอกเชื่อจริงๆจังๆ ซื้อหวยหมดเป็นพัน หรือถึงหมื่น .. นี่นับว่าร้ายแรงเลยทีเดียว

พิภพ หวย

When We Were Just Kids

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 14 January 201019 September 2016

เก็บตกจาก “วันเด็กแห่งชาติ” ก่อนวันเด็กหนึ่งวัน ได้รับtweet จากคุณสุทธิชัย @suthichai ว่า ผู้ที่follows แก  หากใครมีรูปสมัยเป็นเด็กๆ ให้ส่งให้แกในวันนี้ จะได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ The Nation ฉบับวันเด็ก ผมรีบส่งไปร่วมสนุกทันที ด้วยภาพสมัยเด็กภาพเดียวที่มีอยู่  มันคือภาพนี้ ความจริงภาพไม่ได้เก่ากึ๊กขนาดนี้หรอกครับ ผมใช้โปรแกรม PhotoScape ช่วยอีกแรงหนึ่งให้มันเก่ายิ่งขึ้น ใครเห็นภาพนี้ก็มีแต่คนบอกว่า เหมือนเด็กพม่าหนีเข้าเมือง แบกกราวด์ด้านหลังเป็นเด็กนักเรียนเข้าแถวยาว ยิ่งเหมือนเข้าไปใหญ่ ความจริงภาพนี้ ถ่ายโดยฝรั่งใจดีที่ปีหนึ่งเขาจะมาแถวหมู่บ้านสักครั้งหนึ่ง พร้อมด้วยผลไม้ ขนมมาแจกเด็กๆในวันคริสมาต์ ถ่ายปีนี้ แล้วนำรูปมาให้ในปีถัดไป ได้เจอแกอยู่ 3 ปี ได้ภาพแบบนี้มา 3 ใบ หลังจากนั้นไม่เจอแกอีกเลย วกมาเรื่องคุณสิทธิชัย ..หลังจากส่งรูปไป ก็ได้ตีลงในหนังสือพิมพ์ฉบับวันเด็กจริงๆครับ ได้ลงหนังสือพิมพ์ครั้งแรกในชีวิตก็ครั้งนี้แหละ (555) ถ้าอยากดูภาพหนังสือพิมพ์แบบเต็มๆ คลิกที่นี่เลยครับ

อ่านต่อ

“โพสต์”

say, เรื่องทั่วไป 12 May 201811 June 2019

-1- หลังจากกลับจากโรงเรียนเย็นวันนั้น เด็กชายตื่นเต้นมากกับสิ่งที่เขาได้มาจากโรงเรียน เขาหลงใหลกับสิ่งนี้มาก ในสายตาเขามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ สามารถวาดการ์ตูน เขียนตัวหนังสือสวยๆงามๆ บนกระดานได้ เขาตื่นเต้นทุกครั้งที่ครูใช้มันสร้างสิ่งยิ่งใหญ่บนกระดาน และสำคัญว่ามันจะสามารถวาดหรือเขียนอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ มันคือสิ่งที่เรียกว่า “ชอล์ก” -2- ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือส่งตัวเองเข้าสู่โลกโซเชียล รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเมื่อเห็นคลิปน่ารักๆ ที่เพื่อนเขาโพสต์ แต่พอนิ้วสไลด์ขึ้นขยับสายตาเลื่อนลงมาในโพสต์ถัดไป กลับเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นนิ่งเฉย แววตาแฝงความอิจฉา เมื่อเห็นภาพเพื่อนๆที่ถ่ายตามที่ท่องเที่ยวต่างๆในท่าทีที่มีความสุข นึกถึงตัวเองที่ตอนนี้ยังคงทำงานหนัก แต่ยังไม่สามารถมีเงินไปเที่ยวที่ไหนเหมือนคนอื่นๆ เขาไม่แม้แต่จะกดไลท์ และรีบเลื่อนมันพ้นๆไป สายตายิ่งแฝงความเคียดแค้นชิงชังหนักขึ้น เมื่อเลื่อนลงมาพบข่าวดาราที่เขาชื่นชอบถูกแฟนบอกเลิกทั้งๆที่มีลูกด้วยกันแล้ว -3- เด็กชายเสียใจนิดหน่อยที่พบว่า “ชอล์ก” ที่เขาได้มาจากโรงเรียนไม่สามารถเนรมิตตัวการ์ตูนหรือสิ่งสวยๆงามๆอย่างที่ครูทำได้ อีกทั้งพบว่า “ชอล์ก” ไม่ใช่ผู้สร้าง เป็นแต่เพียงเครื่องมือช่วยในการสร้างเท่านั้นหลังจากที่พยายามเที่ยววาดทั่วกำแพงบ้านและกำแพงวัดในหมู่บ้าน นอกจากภาพที่วาดจะไม่สวยงามแล้ว บางข้อความที่เด็กชายเขียนเป็นคำด่าหยาบคายระบายอารมณ์ส่วนตัว -4- ชายหนุ่มโพสต์ข้อความหยาบคายแสดงความคิดเห็นต่อข่าวดาราที่เขาชื่นชอบถูกแฟนบอกเลิกทั้งๆที่มีลูกด้วยกันแล้ว ทุกตัวอักษรที่เขาบรรจงพิมพ์แต่ละตัวเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังด้วยอารมณ์ส่วนตัว แต่ใช้พื้นที่ข่าวในการแสดงออก ดังนั้น ข้อความที่เขาโพสต์ลงไปจึงเต็มไปด้วยอคติและบิดเบือนความเป็นจริงแทบทั้งสิ้น และเมื่อกดเผยแพร่ ข้อความของเขาก็เข้าสู่โลกโซเชียลอันไม่มีที่สิ้นสุดเสียแล้ว เจ้าของบ้านทั้งก่นด่า สาปช่างเมื่อเห็นว่ากำแพงเลอะไปด้วยข้อขีดเขียนเต็มไปหมด พระเณรเองก็ต้องทำความสะอาดกำแพงวัดยกใหญ่ ด้วยฝีมือของเด็กชายผู้ไร้เดียงสา หลังจากกดเผยแพร่ไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง ชายหนุ่มเริ่มมีสติและคิดได้ว่าข้อความเหล่านั้นไม่ถูกต้อง รีบกลับไปลบ..แต่สายไปเสียแล้ว ข้อความของเขาถูกแค้ปเจอร์ไว้หมดแล้ว หลังจากนี้อาจถูกดำเนินคดีในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น การกระทำของทั้ง 2 คน ไม่แตกต่างกัน เป็นการกระทำแบบเด็กที่ไม่มีสติ แต่ความเสียหายเหมือนกัน เด็กทำยังเข้าใจว่าไร้เดียงสา แต่ถ้าผู้ใหญ่ทำเรียกว่าไร้ปัญญา!

รถเมล์เหี้ย เหี้ย

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 19 January 2011

การขึ้นรถโดยสารสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถตู้ หรือรถแท็กซี่เหมือนการซื้อหวย!! ต้องลุ้นเสมอๆว่าจะเจอโชเฟอร์นิสัยดีมั้ย? ขับรถดีมั้ย รถเหม็นมั้ย ฯลฯ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยถูกหวย มีแต่เฉียดๆ อย่าไปคาดหวังถึงรางวัลที่หนึ่ง เพราะไม่รู้ว่ายังมีอยู่หรือเปล่า เท่าที่เคยขึ้นรถเมล์ รถตู้ และรถแท็กซี่มา คิดว่าเจอมาเกือบทุกประเภทแล้ว ตั้งแต่สูบบุหรี่บนรถ อันนี้นรกมากๆ เคยเจอทั้งบนรถแท็กซี่และบนรถเมล์(ร่วมบริการ) สาย 92 รถตู้ไม่เคยเจอสูบบุหรี่ เคยเจอแต่ขับเลวมากๆ ปาดซ้ายปาดขวา จี้ก้น เบรกหัวทิ่ม ออกตัวแรง ผู้โดยสารนั่งบนรถแทบจะอ๊วก เท่านั้นยังไม่พอ การพูดการจากับผู้โดยสารต้องบอกว่า “ต่ำ” และไม่ให้เกียรติเลย เคยเจอรถตู้ที่แอบขึ้นราคากับผู้โดยสารอย่างหน้าด้านๆ ก่อนซื้อหวยต้องอธิษฐานขอให้ถูก ก่อนขึ้นรถเมล์ก็คงต้องทำเช่นนั้นเหมือนกัน!! ปล. ชื่อเรื่องได้รับอิทธิพลจากน้าเน็ก

'สาระแนสิบล้อ' ติดอันดับหนังเสียดายตังค์แห่งปี

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 8 April 2010

พอดีไปอ่านบทวิจารณ์หนังเรื่อง “สาระแนสิบล้อ” มา  ก็เลยรู้สึกเห็นด้วย เพราะพึ่งไปดูมาเหมือนกัน !! เขาวิจารณ์ประมาณนี้อ่ะครับ “..ที่หนังโปรโมตตัวเองว่า “มีบท” นั้น เอาเข้าจริงก็ไม่ได้จริงจังอะไร คือโดยตัวหนัง มันก็มีหัวมีท้าย แบบว่าจะเริ่มเรื่องยังไงและจะไปจบตรงไหนยังไง พูดง่ายๆ ก็คือหนังเขียนบทไว้แบบหลวมๆ เพื่อจะอัดสถานการณ์พิลึกพิลั่นลงไป เปรียบเทียบกัน มันก็คงคล้ายๆ กับหนังของของคุณหม่ำ จ๊กม๊ก อย่าง “วงษ์คำเหลา” ที่คิดพล็อตคร่าวๆ ให้มันมีตอนต้นตอนท้าย แล้วในระหว่างทางก็ “ตบมุก” ไปเรื่อยๆ หรือถ้าจะพูดให้ชัดขึ้น ผมว่า บางที ทีมสาระแนอาจจะแจ่มแจ้งแก่ตัวเองดีว่าไม่มี “ความสนใจ” มากพอที่จะสร้างสรรค์หนังที่ดีๆ เนียนๆ ได้ ก็เลย “หาทางออก” ด้วยการเลือกที่จะทำมันออกมาในลักษณะแบบบ้าๆ บวมๆ และมั่วแหลกกันไปเลย และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความหลุดโลกสุดเพี้ยน เพี้ยนตั้งแต่เนื้อหาที่พ่วงมากับวิธีคิดแบบทื่อๆ ตื้นๆ อย่างเช่น การจะเป็นลูกผู้ชายได้ต้องใช้ชีวิตหยาบๆ เถื่อนๆ อย่างการไปเที่ยวซ่อง หรือใช้กำลังตัดสิน (กระทืบคนแก่!!) เพี้ยนทั้งตัวละครและสิ่งของ ที่มีตั้งแต่ “แฝดนรกหัวติดกัน” (เสนาหอย, โก๊ะตี๋ อารามบอย) หรือแม้แต่รถสิบล้อที่กลายร่างเป็นหุ่นยนต์คนเหล็ก (ยืมวิชามาจาก Transformers แบบเต็มๆ) และเพี้ยนแม้กระทั่งสถานการณ์ในเรื่อง อย่างเช่น มีดกระเด็นไปเฉาะปากของน้าเชจนฟันหน้าหลุดหลอ, มีดเล่มเดิมนั้นผ่าลงหัวของคู่แฝดทำให้ทั้งคู่หลุดออกเป็นอิสระจากกัน และที่ต้องบอกว่า “บ้า” อย่างสุดกู่ ก็คือผีสาวเข้าสิงรถสิบล้อแล้วทำให้รถสิบล้อพูดได้แถมร้องไห้ซิกๆ นั่นแหละครับ ไม่รู้ว่าใช้สมองส่วนไหนคิด กว่าจะได้ไอเดียนี้มา (อันนี้ไม่ได้แขวะนะครับ แต่ทึ่งจริงๆ ว่าคิดได้ไง)..” สรุปง่ายๆว่า..เป็นหนังอีกเรื่องที่ดูแล้ว รู้สึกสึกเสียดายตังค์มากกกกๆๆ ..และตั้งใจไว้แล้วว่า จะไม่ดูหนังของค่าย Luck film อีกแล้ว

อ่านต่อ

ตะลุยแก่งกระจาน

ท่องเที่ยว 12 December 201514 June 2019
เพชรบุรี แก่งกระจาน

ตัวต่อตัว..ไม่กลัวอยู่แล้ว

ไดอารี่ 28 January 2011

ช่วงนี้แฮงก์บ่อย ไม่ได้กินเหล้า ไม่ได้เมา แต่คิดมาก ..คิด คิด มาก มาก ตอนเด็กๆ ได้ยินผู้ใหญ่ชอบพูดว่า เป็นเด็กสบายไม่ต้องคิดมาก ก็ไม่เข้าใจว่า ผู้ใหญ่เขาคิดมากเรื่องอะไร? วันนี้เป็นผู้ใหญ่กะเขาบ้างแล้ว ก็เลยเข้าใจว่า ผู้ใหญ่เขาคิดมากเรื่องอะไร? มันบอกเป็นชื่อเรื่องไม่ได้ เพราะไม่รู้จะตั้งชื่อเรื่องอะไร แต่มันสุมๆ กองๆ เยอะๆ วุ่นๆ วายๆ อยู่ในหัว จะจัดการอย่า่งไร? ให้หมดไปคงยาก คงมีวิธีเดียว คือตามรอยพุทธองค์ หยุดใจให้นิ่ง..แยกแยะปัญหาแต่ละเรื่องออกมา เมื่อเรียงปัญหาตามลำดับความสำคัญ 1 2 3 แล้ว ก็กระโจนใส่ทีละปัญหาอย่างบ้าคลัง ดูสิว่า ใครจะแน่กว่ากัน ถ้าตัวต่อตัวรับรองมันสู้เราไม่ได้อยู่แล้ว ที่เราแพ้ เพราะเราเอาตัวคนเดียวสู้กับปัญหาทั้งหมด แต่ถ้าลองแยกปัญหาแต่ละตัวออกจากกัน แล้วลุยตัวต่อตัวทีละปัญหา.. รับรอง ..ชนะชัวร์ ปล. คิดเป็นนี่ ..แต่ทำให้ได้นะโคตรยาก!!

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (57)
  • บ่น (36)
  • บ้านบ้าน (17)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (69)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (47)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (65)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH