Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

ผี

อ่านต่อ

ผู้หญิงคนนั้น

เรื่องสั้นสั้น 24 June 201431 July 2015

เวลาเย็นๆโพล้เพล้ ผมเตร่จนกลับมาถึงหอ น่าแปลก..วันนี้เด็กๆหน้าตึกหายไปไหนหมด เจ๊ปิดร้านเร็วกว่าปกติ ไฟหน้าตึกเสีย ติดๆ ดับๆ ดีที่ลิฟต์ยังใช้งานได้อยู๋ กดลิฟต์ไปยังชั้นสี่ ลิฟต์เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ พอประตูเปิด มีผู้หญิงคนหนึ่งยืนรอจะใช้ลิฟต์ เธอผมยาว เสื้อผ้าชุดขาว ดูหน้าเธอซีด ๆ แต่ผมไม่ใส่ใจ ผมเดินมาที่ห้องตัวเองอย่างเหนือยๆ ห้องข้างๆ เปิดประตูอ้า มีคนพลุกพล่าน ผมพยายามจะไม่สนใจ พยายามจะเดินจ้ำๆให้ผ่านๆไป แต่พอจะผ่านห้องดังกล่าวไป พอดีกับมีการยกของใหญ่ชิ้นหนึ่งออกขวางทางเดินพอดี ผมเริ่มสังเกตเห็นว่า คนพลุกพล่านในห้องนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กับ พี่ๆมูลนิธิปอเต็กตึ้ง และของขนาดใหญ่ที่เขายกออกมานั้น มีผ้าขาวปิดคลุมอยู่ ถ้าไม่โง่จนเกินไปก็พอจะเดาออก มันคือ ศพ เกิดอะไรขึ้น? ช่างบังเอิญเหลือเกินผ้าปิดหน้าผู้ตายเผยอออกขณะที่ผ่านมาหน้าผม ผมตกใจ..ศพนั้น เป็นสตรี ผมยาว และชุดขาว ถึงไม่ได้สังเกตแต่ก็พอจำได้ เธอคือคนๆเดียวกับที่ผมสวนทางหน้าลิฟต์!!

ผี ผู้หญิง
กลิ่นสยอง อ่านต่อ

กลิ่นสยอง

บ่น 10 July 2011

เกือบ 5 ทุ่มของคืนวันศุกร์ที่ 13 ศุกร์ 13 ที่ฝรั่งว่ากันว่าเป็นคืนปล่อยผี แต่ที่นี่เมืองไทย ความเชื่อแบบฝรั่งคงไม่ลามมาถึงนี่(มั้ง)

แม้จะคิดอย่างนั้น แต่ใจก็อดระแวงไม่ได้ว่ามันจะเป็นอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่าน๊ะ

จิ๊กกี๋ ผี
เมื่อเขามา..ฉันจะไป อ่านต่อ

เมื่อเขามา..ฉันจะไป

เพลงสั้น 4 March 2011

บนถนนโค้งแสนเปลี่ยว ข้างถนนรกครึ้มด้วยต้นหญ้าและต้นไม้สูงใหญ่ไล่ระดับ กลางคืนถนนเส้นนี้มืดสนิท ชาวบ้านแถวนี้รู้ดีว่าถนนเส้นนี้ไม่เหมาะกับการคมนาคมในยามวิกาล ได้แต่หวังผู้แทนปากหวานที่เคยให้คำมั่นสัญญาจะดำเนินการทำถนนให้ปลอดภัยมีไฟ มีความสะดวกหากตนได้รับเลือกตั้ง นี่เขาก็ได้รับเลือกตั้งไปแล้ว .. ยังไม่เคยเห็นเงาผู้แทนคนนั้นเลย ก้าวเข้าสู่หน้าหนาวอันเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวของคนในเมือง ถนนเส้นนี้เริ่มมีรถรามากขึ้นแม้เป็นยามค่ำคืนมืด นักท่องเที่ยวหลายคนพูดกันหนาหูว่าบนถนนหัวโค้งเปลี่ยวเส้นนั้น มักพบหญิงสาวผมยาวในชุดขาวเดินข้างถนนบ้าง เดินข้ามถนนบ้าง นั่งริมถนนบ้าง เธอเป็นใครมาจากไหน และมาทำอะไรในยามค่ำคืนไม่มีใครรู้ เพราะไม่มีใครกล้าจอดรถลงไปถามสักครั้ง จนกระทั่งคืนวันหนึ่ง.. ชายหนุ่มจากเมืองหลวงบึ่งรถยามค่ำคืนเพื่อไปหาแฟนสาวที่อยู่ทางเหนือ อำนาจความรักทำให้เขาอดทนรอให้ถึงรุ่งสางไม่ได้ ขับรถมาท่ามกลางความมืดมิดด้วยความเร็วสูง เมื่อถึงทางโค้งอันเปลี่ยวนั้น รถไม่ได้โค้งไปตามถนนที่ควรจะเป็น กลับตรงดิ่งแหกโค้งออกนอกทางพุ่งชนต้นไม้ใหญ่ คนขับคอหักตาย ณ ที่ตรงนั้น ส่วนรถมีสภาพยับเยินเกินบรรยาย.. และตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมา ยามค่ำคืนอันมืดมิด ไม่เคยมีใครพบหญิงสาวผมยาวชุดขาวอีกเลย คนเฒ่าคนแก่บอกว่า “เขาไปเกิดใหม่แล้ว” หลายคนเบาใจคลายกังวล แต่ไม่กี่วันต่อมา มีเสียงร่ำลือกล่าวถึงทางโค้งเปลี่ยวนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่หญิงสาวชุดขาวผมยาว แต่เป็นชายหนุ่มคอหักร่างโชกด้วยเลือดสีแดงนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง ณ ทางโค้งเปลี่ยวแห่งนั้นแทน!! คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่า.. วิญญาณที่ตายด้วยอุบัติเหตุจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดใหม่..จนกว่าจะมีวิญญาณใหม่มาแทนตัว เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นลอยๆมาตามสามลมของค่ำคืนอันเงียบและมืดมิดว่า “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ชื่อเรื่องจากชื่อเพลง “เมื่อเขามา..ฉันจะไป” ของ ดา Endorphine

ผี วิญญาณ เมื่อเขามา..ฉันจะไป
อ่านต่อ

สยองขวัญ..แท็กซี่ผีสิง

เรื่องสั้นสั้น 14 March 201010 June 2019

หลังจากยืนรอรถโดยสารราคาถูก ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถสองแถว หรือรถตู้ ไม่มีวี่แววว่ารถที่จะผ่านเส้นทางที่ผมต้องการจะไปผ่านมาสักที ด้วยความเหนื่อยล้า กอปรกับเวลาที่ดึกขึ้นทุกที ผมจำเป็นจะต้องเลือกการเดินทางแบบอื่นที่ไม่ใช่รถเมล์ รถสองแถว หรือรถตู้ แท็กซี่..!! มือไวเท่าความคิด ผมรีบยืนมือไปข้างหน้าเป็นภาษากายสื่อให้รถแท็กซี่ที่วิ่งเตร่มาพอดีหยุดทันที เป็นรถแท็กซี่สีชมพูหวานแหวว ทะเบียน ทร xxxx กรุงเทพมหานคร นี่คือการขึ้นแท็กซี่อย่างถูกต้อง หลังจากขึ้นรถและบอกจุดหมายแก่โชเฟอร์แล้ว อันดับต่อไปต้องจำข้อมูลของรถแท็กซี่ให้หมดแล้วจึงโทรหาเพื่อน เพื่อบอกว่าเราได้ขึ้นแท็กซี่แล้ว ทะเบียนอะไร สีอะไร ส่วนหนึ่งเพื่อให้คนขับแท็กซี่กลัวที่จะทำมิดีมิร้ายกับเรา เพราะเราไม่ได้อยู่ลำพังแค่คนขับกับผู้โดยสารแล้ว มีบุคคลที่สามรับรู้ด้วย ผมจดจำทะเบียนรถและชื่อผู้ขับได้แล้ว แต่ไม่ได้โทรบอกใคร ดูลักษณะคนขับภายนอกไม่น่ามีพิษมีภัย แต่ผมหารู้ไม่ว่านั่นคือความคิดที่ผิด !!! ผมนั่งโดยสารที่เบาะหลังเยื้องกับคนขับ ไม่มีบทสนทนา ไม่มีการพูดคุยหรือบอกทางระหว่างผมกับคนขับ ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น จนกระทั่งรถวิ่งถึงทางเปลี่ยวแห่งหนึ่งระยะทางที่จะถึงที่หมายมาถึงครึ่งทางแล้ว จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้น .. เป็นโทรศัพท์ของโชเฟอร์แท็กซี่ ด้วยความที่ภายในรถเงียบ เพราะไม่ได้เปิดเพลงหรือวิทยุสือสาร ทำให้เสียงโทรศัพท์และเสียงสนทนาดังชัดเจนจนผมขนลุก !! โชเฟอร์กดรับโทรศัพท์ และเริ่มสนทนา น้ำเสียงแผ่วเบา นิ่งเรียบจนขนลุก !! ผมสัมผัสถึงกลิ่นบางอย่าง มันพุ่งมาตามแรงของแอร์กระแทกเข้าโพรงจมูกอย่างจัง .. ผมกระพริบตาถี่ๆ ปฏิกิริยาโต้ตอบช้าลง มองข้างทางเห็นตึกราบ้านช่องลางเลือน ก่อนที่ผมจะตั้งตัวว่ากลิ่นมาจากไหนและเกิดอะไรขึ้น โชเฟอร์ก็เริ่มบทสนทนาอย่างออกรสออกชาติ บางประโยคสนทนาหวาดเสียวและน่าคลื่นไส้ เขาทำราวกับว่าไม่มีผมอยู่ตรงนั้นด้วย พอผมตั้งใจฟัง จึงพอปะติดปะต่อเป็นรูปเป็นร่างได้ว่าคู่สนทนาของโชเฟอร์คือกิ๊ก มีการป้อนคำหวานเป็นระยะๆ ต่อด้วยการนัดแนะเพื่อไปเที่ยวกัน กลิ่นภายในรถเพิ่มปริมาณมากขึ้นๆทุกที ผมจะเอ่ยปากถามพี่โชเฟอร์ว่าได้กลิ่นเหมือนผมไหม ก็ใช่ที่ เพราะพี่แกกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มจีบกันอย่างออกรสออกชาติปานนั้น ผมพยายามไม่คิดเรื่องที่ไม่ดี เรื่องที่มองไม่เห็นและไม่ควรหลบลู่.. รายการเรื่องจริงผ่านจอ เคยทำสกู๊ปรถแท็กซี่ผีสิง รถแท็กซี่คันนั้นก็สีชมพู รายงานบอกว่า โชเฟอร์ได้ข่มขื่นและฆ่าผู้โดยสารหญิงสาวบนรถ ทำให้หลังจากนั้นวิญญาณหญิงสาวก็วนเวียนอยู่ภายในรถแท็กซี่คันนั้น บางวันมาเป็นกลิ่นเน่าเหม็น บางวันมาเป็นร่างที่โชกเลือดนั่งด้านหลัง หลอกหลอนจนโชเฟอร์ใจบาปคนนั้นต้องมามอบตัวกับตำรวจ..โชเฟอร์ถูกจับดำเนินคดี แต่รถแท็กซี่สีชมพูคันนั้นยังอยู่!! “มันคงไม่ใช่แท็กซี่คันนั้น..ใช่มั้ย?” ผมถามตัวเอง และตอบตัวเองว่า “ไม่ใช่” “แล้วกลิ่นละ.กลิ่นมาจากไหน และกลิ่นอะไร? มันเป็นกลิ่นเน่าเหม็นสาป ขยะเปียกก็ไม่ใช่ ลำไส้เน่าก็ไม่ปาน มันเหม็นกว่านั้น” ระหว่างที่ผมพยายามหาคำตอบและปลอบใจตัวเองอยู่นั้น โชเฟอร์ยุติการสนทนากับกิ๊กด้วยประโยคสุดคลาสิก “จุ๊บๆ” หรือว่าผมจะถามโชเฟอร์ดี ว่าได้กลิ่นเหมือนผมมั้ย แต่หากถามไปแล้ว เกรงว่าจะยิ่งทำให้โชเฟอร์ประสาทกินและหลอนขึ้นอีก เพราะแกต้องใช้รถคันนี้หากินอีกทั้งคืน ..และที่สำคัญตอนนี้กลิ่นมันหายไปแล้ว บรรยากาศบนรถเงียบอีกครั้ง มันอาจจะดูน่ากลัว…

ผี แท็กซี่
อ่านต่อ

ตัวตาย ตัวแทน

เรื่องสั้นสั้น 28 April 200914 June 2019

ในค่ำคืนเดือนมืด ผมยังคงจับพวงมาลัย มองไปข้างหน้าท่ามกลางทางที่มืดสนิท ข้างทางมีป่าไม้ สลับกับทุ่งนาร้าง เวิ้งว้างในหน้าแล้ง กว่า 10 ปีที่ผมไม่ได้เจอกับเพื่อนๆสมัยเรียนประถม เป็นครั้งแรกหลังจากที่เราแยกย้ายกันมาที่จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ต้องขอบคุณไอ้กิ่ง และไอ้ยศที่มันเป็นคนริเริ่มจัดงานเลี้ยงรุ่น ทั้งยังอุตส่าหติดต่อเพื่อนๆเราในรุ่นจนครบ พรุ่งนี้ตอนเย็นงานเลี้ยงอันอบอุ่นจะเริ่มขึ้น ผมรีบเคลียร์งานที่ค้างทั้งหมด แล้วบึ่งรถตามเพื่อนๆที่ล่วงหน้าไปก่อนกันแล้ว เส้นทางนี้ เมื่อก่อนเป็นทางที่ใช้วิ่งเป็นประจำ ดังนั้น แม้จะเป็นเวลากลางคืนก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับผม แม้จะไม่ได้ใช้เส้นทางนี้แล้วกว่า 10 ปี แต่ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม มีเพียงต้นไม้ และทุ่งนาอันเวิ้งว้างที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามฤดูกาล ขณะนาฬิกาบนหน้าปัด บอกเวลาตีหนึ่ง ผมรู้สึกง่วงเล็กน้อย อยากจะหาปั้มงีบสักแห่ง แต่ทางข้างหน้ายังเป็นทุ่งร้างสลับป่าเช่นเดิม เส้นทางนี้หากไม่ชินทาง ให้เกิดความน่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะเวลาขณะนี้ ยากที่จะหารถวิ่งบนท้องถนนเป็นเพียง ราวกับว่ามีเราเพียงคันเดียวที่กำลังเดินทางในค่ำคืนนี้ ความรู้สึกปล่าวเปลี่ยวเริ่มทวีขึ้นทุกที ผมเริ่มเหยียบคันเร่งขึ้น เพื่อให้เจอเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนบ้าง หรืออย่างน้อยเจอหมู่บ้านบ้างก็ดี เพราะขณะนี้มีเพียงความมืดและป่า ขณะที่ผมพยายามเร่งความเร็วอยู่นั่นเอง ผมเหลือบดูกระจกหลัง ปรากฏมีรถคันหนึ่งวิ่งจากระยะไกล  และด้วยความเร็ว รถคันนั้นค่อยๆใกล้ผมมากขึ้น มากขึ้น จนแซงหน้าผมไป ขนาดผมวิ่งที่ความเร็ว 120/ชม รถคันนั้นยังแซงผมไปได้  ผมไม่คิดจะขับตาม คงขับไปเรื่อยๆ จนรถคันดังกล่าวลับตาไป ไม่ทันที่คันหน้าลับตา คันหลังก็ปรากฏขึ้น ผมรู้สึกดี ไม่เปล่าเปลี่ยว อย่างน้อยบนถนนนี้ก็ยังมีผู้ขับขี่ร่วมเส้นทาง ผมเริ่มสนุกกับการนับจำนวนรถที่แซงขึ้นหน้าไป จากคันแรกที่ปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้มีรถแซงผมไปแล้ว 5 คัน!! แต่เมื่อคันที่ 6 ปรากฏตัวขึ้น ผมรู้สึกถึงความผิดปกติ!! ทุกคันที่ปรากฏตัว มักจะเวลาเดียวกันกับที่คันหน้าลับตาไป เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง และที่น่าแปลกใจ ทุกคันเป็นรถเก๋งสีขาวเหมือนกัน!! ผมเริ่มสังเกตป้ายทะเบียน อยากจะรู้ว่าเป็นอันเดียวกันหรือไม่? “xxxx กรุงเทพมหานคร” ผมพึมพำป้ายทะเบียนในลำคอ เมื่อคันที่ 6 ผ่านหน้าไป ผมจำป้ายทะเบียนได้อย่างแม่นยำ.. ขณะที่รถคันที่ 6 ลับตา ไฟจากรถคันหลังก็ปรากฏขึ้นทันที!! เป็นไปตามที่ผมตั้งข้อสังเกตไว้ไม่มีผิด แต่เมื่อรถคันนั้นแซงไป ผมโล่งใจ  ไม่ใช่รถเก๋ง มันเป็นรถกระบะยอดนิยมที่มีสมรรถนะดีเยี่ยม โฉบเฉี่ยว และทรงตัวดี เหมาะกับการขับในต่างจังหวัด VIGO ผมคงคิดมากไป กับข้อสังเกต 2 ข้อนั่น คงเป็นความบังเอิญ…

ผี
อ่านต่อ

ผู้โดยสาร

เรื่องสั้นสั้น 30 March 200929 June 2016

หลังจากรับรถจากอู่ ลุงชม รีบบึ่งออกหาผู้โดยสารทันที! เมื่อเศรษฐกิจไม่ดี อาชีพที่ใครต่อใครต่างมองว่าง่ายและสามารถทำได้ คือ ขับแท็กซี่ บางคนขับแท็กซี่ เพื่อรองานใหม่ บางคนขับเพราะไม่รู้จะทำอะไร บางคนขับเพราะชอบ บางคนขับเพราะตกงาน ฯลฯ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ณ ปัจจุบันแท็กซี่ในกรุงเทพได้เพิ่มจำนวนขึ้นทุกที คิดเป็นอัตรา 7 ใน 10 หมายความว่า ถ้ามีรถวิ่งมาในถนนเส้นหนึ่ง 10 คัน เป็นแท็กซี่ 7 คัน ลุงชมแกไม่ได้พึ่งตกงาน หรือกำลังรองานใหม่ แกยึดอาชีพขับแท็กซี่มานานกว่า 10 ปีแล้ว แกใช้ชีวิตหลังพวงมาลัย ใต้ป้ายรถ TAXI METER มานาน เห็นความเปลี่ยนแปลงของสังคม เห็นชีวิตคนกรุง ความวุ่นวาย และความเปลี่ยนแปลงมากมาย ลุงชมขับรถแท็กซี่กะดึก เพราะความวุ่นวายน้อยกว่ากลางวัน แต่ต้องทนสู้รบปรบมือกับพวกขี้เมา คนเที่ยวกลางคืน หญิงกลางคืน  และสิ่งที่มองไม่เห็น!! แม้มิจฉาชีพจะชุมพอๆกับยุง แต่ลุงชมก็ยังไม่เคยเจอ และไม่คิดอยากจะเจอ คืนนี้หลังจากส่งผู้โดยสารที่ขนเสื้อผ้าจากประตูน้ำมายังซอยวัดแห่งหนึ่ง ลุงชมแกบึ่งแท็กซี่ออกถนนใหญ่เพื่อหาผู้โดยสารอีกครั้ง จนกระทั่งมาถึงหน้าวัดแห่งหนึ่ง ขณะนั้นเวลาบนหน้าปัดบอกเวลา 2 ทุ่มยี่สิบ ผู้โดยสาร 4 คน ยืนโบกรถหน้าวัด 1ใน 4 ใส่ชุดขาว อีก 3 คนใส่ชุดดำ และ 1 ใน 3 คนที่ใส่ชุดดำนั้น ถือภาพขนาดใหญ่ประกบไว้ที่อก “ไปไหนครับ” ลุงชมถามอย่างสุภาพ ต่อผู้โดยสารสตรีสูงวัยทั้ง 3 “ถ้าจะเหมาไปสุพรรณบุรี..จะไปมั้ย?” ลุงชมใช้เวลาคิดแว่บหนึ่ง ก่อนผงกหัวตกลง และเมื่อต่อรองราคาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้โดยสารทุกคนก็ขึ้นรถแท็กซี่ สีเขียว-เหลือง มุ่งตรงสุพรรณบุรี “แท็กซี่ ถ้าถึงอำเภอสองพี่น้องแล้ว ปลุกด้วยนะ วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน” ป้าที่นั่งด้านข้างคนขับบอก ก่อนที่ทั้งหมดจะหลับด้วยความเพลีย ยกเว้นชายชุดขาวที่นั่งตรงกลางด้านหลังคนขับ นอกจากไม่หลับแล้ว ยังมองจ้องมายังคนขับตลอดเวลา จนบางครั้งลุงชมรู้สึกตกใจ ลุงชมแอบมองผ่านกระจกทีไร เป็นต้องสบตากับเขาทุกที ครั้งหนึ่งลุงชมแทบหยุดหายใจ เมื่อแว่บหนึ่งมองเห็นสายตาของชายชุดขาวไร้แววตาดำ มีแต่ตาเหลือกขาว แกรีบหันกลับมา และตั้งใจขับรถต่อไป…..

ผี ลี้ลับ วิญญาณ
อ่านต่อ

406

เรื่องสั้นสั้น 6 July 200814 June 2019

นิดา หญิงสาวที่พึ่งก้าวขาเข้ารั้วมหาวิทยาลัยปีแรก รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ใช้ชีวิตแบบนักศึกษาอย่างเต็มตัว เมื่อพ่อแม่อนุญาตให้เธอย้ายไปอยู่หอพักที่ตั้งอยู่ใกล้ๆมหาวิทยาลัย เพราะทนต่อการรบเร้าของเธอไม่ไหว กอรปกับการเดินทางไปเรียนที่ไกล จึงเป็นเหตุผลเพียงพอ มันเป็นอพาร์ตเมนต์ไม่เก่ามาก แต่ไม่น่าจะต่ำกว่า 5 ปี สูง 4 ชั้น เธอได้ห้องที่อยู่ชั้น 3 ข้อดีของหอนี้ คือ อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเพียงป้ายรถเมล์เดียว ประตูเข้าหอพักใช้สมาร์ทการ์ด เป็นหอหญิงล้วน ไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าหลัง 1 ทุ่มไปแล้ว แต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว คือห่างจากตลาดจึงทำให้หาซื้อของกินค่อนข้างลำบาก แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรค หลังจากย้ายข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น สมุดหนังสือ ตู้เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอก็เข้ามาอยู่ โดยถือฤกษ์วันพฤหัสบดี ซึ่งถือว่าเป็นวันครู (เธอเกิดวันอาทิตย์ โบราณว่า วันอาทิตย์เป็นมิตรกับวันครู) เป็นวันเข้านอนวันแรก คืนแรกผ่านไปด้วยดี แม้จะนอนไม่ค่อยหลับ เนื่องจากแปลกที่แปลกทาง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ เนื่องจากยังไม่เปิดเทอม เธอจึงใช้เวลาที่เหลือสร้างความคุ้นเคยกับหอแห่งใหม่ หาต้นไม้มาปลูกบ้าง ติดโปสเตอร์บ้าง จนห้องเล็กๆ น่าอยู่ขึ้นมาทันที เธอเริ่มรู้สึกชอบห้องนี้โดยลำดับ หลังจากนอนสร้างความเคยชินจนหนึ่งครบหนึ่งอาทิตย์ เธอบอกพ่อกับแม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วง เธอชอบที่นี่มาก แม้ยังไม่มีเพื่อนใหม่ เพราะยังไม่เปิดเทอม แต่เธอรู้สึกตื่นเต้น และหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี.. พอเข้าอาทิตย์ที่สองของหอพักใหม่..คืนหนึ่ง ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเสียงหนึ่งทำให้เธอสะดุ้งตื่นกลางดึก ราวๆ เที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง  มันเป็นเสียงคนคุยกัน และยกย้ายข้าวของ อันที่จริงเสียงก็ไม่ได้ดังมาก แต่เนื่องจากเป็นกลางคืนที่เงียบสงัด เธอจึงได้ยินเกือบจะชัดเจน เธอพยายามเงี่ยหูฟังว่าเสียงนั้นมาจากไหน มันดังขึ้นและค่อยลง ดังขึ้น ค่อยลง จนเงียบสนิท และมีเสียงปิดประตู มันเป็นเสียงจากห้องข้างบน ชั้น 4 ซึ่งอยู่ตรงกับห้องของเธอ แต่คนละชั้น ห้อง 406 เธอพยายามคิดในแง่ดี ห้องข้างบนคงกำลังจัดห้อง หรือย้ายออก หรือไปต่างจังหวัด หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่ขโมยแน่ๆ  เธอยิ่งมั่นใจว่าความคิดเธอถูกต้อง เพราะตอนเช้า ไม่มีใครพูดถึงเรื่องขโมย คืนวันต่อมา เธอยังคงได้ยินเสียงแบบเดิมนั้นอีก และได้ยินในเวลาเดิม ๆ มันเป็นเสียงลากโต๊ะจากซ้ายไปขวา จากระเบียงไปยังประตู เสียงพูดคุยเบาๆ เสียงของเล็กๆน้อยๆร่วงกระทบพื้น และเสียงสุดท้าย คือเสียงปิดประตู! ทีแรกเธอไม่ใส่ใจ แต่เริ่มทนไม่ไหว เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นติดต่อกัน 1…

ผี
อ่านต่อ

เสียงจากความมืด

เรื่องสั้นสั้น 30 June 200614 June 2019

คงเคยได้ยินมาบ้างแล้วนะครับ กรณีที่เพื่อนหรือคนที่เรารู้จักเสียชีวิตไปแล้ว แต่เรายังไม่ได้ลบเบอร์เขาออกจากมือถือของเรา แล้วเวลาดึกของวันหนึ่ง ก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น ขณะงัวเงียจะรับโทรศัพท์อย่างเคยชิน แว่บหนึ่งก็มองหน้าจอมือถือ ยังไม่คิดอะไร ยกโทรศัพท์มาประกบที่ข้างหู แต่ไม่ทันโทรศัพท์จะถึงหูและฟังเสียงปลายสาย ก็เอ่ะใจ..จึงดูหน้าจอมือถืออีกครั้ง แล้วชื่อที่ปรากฏในหน้าจอนั้นคือ .. คนที่เสียชีวิตแล้ว กดวางแล้วโยนโทรศัพท์นั้นทิ้งทันที.. ยังไม่ทันได้ฟังและพูดอะไรเลย และหลังจากวันนั้นก็ได้สอบถามไปยังญาติผู้เสียชีวิต ได้รับข้อมูลว่า สิ่งของส่วนตัวผู้ตายส่วนใหญ่ ถ้าไม่เผาไปพร้อมกับศพ ก็ถวายวัดหมดแล้ว.. ! เรื่องประมาณนี้ คงเคยได้ยินได้ฟังบ้างใช่มั้ยครับ แต่เรื่องที่จะเล่านี้ คล้ายๆกัน แต่มันมีมากกว่านั้นครับ เกิดขึ้นกับไอ้แจ๊ส.. ไอ้แจ๊ส พ่อเป็นตำรวจ แม่เป็นครู เป็นรุ่นน้องผมประมาณ 2-3 ปี ผมรู้จักไอ้แจ๊สจากพี่ชายของมัน พี่ชายมันเป็นเพื่อนผม เมื่อก่อนผมชอบไปค้างที่นั่น ดึกๆ เวลาหิว ไอ้แจ๊สทำหน้าที่เป็นพ่อครัวที่ดีเสมอ หลังจากถูกพี่มันบังคับและขู่ (ถ้าเมิงไม่ทำนะ กูจะบอกพ่อว่ามึงสะสมหนังโป๊) แจ๊สจึงลวกมาม่าให้พวกเรากินอย่างจำยอม แจ๊สมีเพื่อนเยอะมาก ทั้งหญิงและชาย ชอบพามาแนะนำให้รู้จักอย่างไม่ซ้ำหน้า เพื่อนส่วนใหญ่เป็นเพื่อนเที่ยว เพื่อนกินมากกว่า แต่ในที่สุด แจ๊สก็ได้เพื่อนตาย..! ตอนที่เพื่อนคนนี้ตาย แจ๊สไม่สามารถไปร่วมงานศพได้ เพราะงานศพจัดที่ต่างจังหวัดทางภาคเหนือค่อนข้างไกล และกระทันหัน เสียชีวิตวันเดียว วันต่อมาก็เผาแล้ว เพื่อนของแจ๊สคนนี้ชื่อมี้ เป็นหญิงมาดมั่น น่ารัก สดใส เธอเสียชีวิตพร้อมกับผู้โดยสารบนเรือด่วนอีก 4 คน เรือที่เทอใช้โดยสารในวันเกิดเหตุ เกิดพลิกคว่ำกลางแม่น้ำเจ้าพระยาที่เชี่ยวกราด ผู้โดยสาร 20 กว่าชีวิตว่ายน้ำได้ จึงรอด มี้เป็นคนเหนือ ว่ายน้ำไม่เป็น เธอจมน้ำเสียชีวิต กว่าเจ้าหน้าที่จะช่วยกู้ศพขึ้นมา ร่างเธอก็ขึ้นอึดจนจำแทบไม่ได้ หลังจากมี้เสียชีวิตไปประมาณ 2 อาทิตย์ ทุกคนเกือบลืมเรื่องเศร้าๆของมี้หมดแล้ว แต่แล้วจู่ๆ วันหนึ่ง เป็นวันศุกร์ปลายเดือนที่ทุกคนมักไปเที่ยวยามค่ำคืน คืนนั้นก็เช่นกัน แจ๊สไปกับเพื่อนๆในกลุ่ม กลับถึงบ้านตอนเกือบตีสามด้วยอาการสลึมสลือด้วยฤทธิ์แอลกอฮอ ขณะกำลังไขกุญแจบ้านด้วยความลำบากยิ่ง โทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดังขึ้น แจ๊สกดรับทันทีโดยไม่ทันดูหน้าจอว่าใครโทรเข้า “ฮาาาา..า โหลล” “……” “ฮาาโหล ใครอ่ะ” สองมือของแจ็สยังไขกุญแจอย่างยุ่งยาก โทรศัพท์เหน็บข้างหู ใช้ไหล่หนีบไว้ “ฮาโหลๆๆๆๆ ๆ ๆ ไม่พูดจะวางแล้วน่ะ”…

ผี
อ่านต่อ

ปาย..เชียงใหม่

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 5 January 200923 September 2016

ลืมตาดูโลกมาจนอายุปูนนี้ ผมพึ่งเคยไปเหนือสุดแค่พิษณุโลก ไปไหว้พระพุทธชินราช แต่นั่นไปด้วยความบังเอิญเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว..ปีใหม่ปีนี้(2552) เลยจะไปเหนือแบบจริงๆ จังๆ ซักที!! พลิกตำราว่าด้วยการท่องเที่ยวห้อง bluplanet ณ พันทิพย์ กล่าวอ้างกันอย่างหนาหูว่า ปาย สวย สงบ เลิศ ธรรมชาติ หนาว เย็น สบาย ได้อารมณ์ กล่าวอ้างพร้อมภาพประกอบ พลิกดูภาพแล้วต้องร้องหูวส์..สวย..แจ่ม..เงียบ..สบาย..สงบ นี่แหละคือสิ่งที่เราค้นหามาครึ่งชีวิต ผมเริ่มวางแผนการเดินทางตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้วก่อนสิ้นปี!! ไม่เวอร์ครับ ณ ที่แห่งนี้จองก่อน 4 เดือนยังจะช้าไป มีหลายแห่งแน่นและเต็มแล้ว ผมวางทริปคร่าว ๆ มีเวลา 4 วัน นั่งรถไฟนอน ไปลงเชียงใหม่แต่เช้าตรู่ รถโรงแรมมารับเช็คอินแต่เช้าเสร็จ เที่ยวเชียงใหม่ในวันนั้นเลย ค้างที่เชียงใหม่หนึ่งคืน เช้าอีกวันจับรถเช่าของนอร์ทวิลยิงตรงไปปาย ค้างที่นั่นสัก 2 คืน เที่ยวซะให้ทั่วปายเลย วันสุดท้ายมานอนที่เชียงใหม่ ก่อนจะขึ้นเครื่องบินกลับในตอนเช้าของอีกวัน ~ เหตุผลที่ต้องไปด้วยรถไฟนอน และกลับด้วยเครื่องบิน เพราะต้องการไปแบบหลับสบาย พร้อมที่จะเที่ยวในวันต่อมาได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลาไปนอนพักเอาแรง และรถไฟนอนคือคำตอบ ส่วนขากลับต้องนั่งเครื่อง เพราะหลายครั้งที่ไปเที่ยว ขาไปมักสนุกสนานเฮฮา ไปยังไงก็ได้ แต่ขากลับมักเหงาหงอย เหนื่อยล้า เพราะฉะนั้น กลับยังไงให้เร็วที่สุด เครื่องบินคือคำตอบ อาจแพงไปนิ๊ด แต่สบายยย.. นั่นคือแผนที่วางไว้ แต่เอาเข้าจริง..รถไฟที่เปิดให้จองล่วงหน้าได้นานสุด 60 วัน และเต็มไปต่อหน้าต่อตา ทั้งๆที่อุตส่าแหกขี้ตาไปรอจองตั้งแต่ 6 โมงเข้า เมื่อแผนแรกพลาด ผมเลยมุ่งไปที่รถทัวร์แทน รถทัวร์ที่ขึ้นชื่อ อันดับต้นๆคือ นครชัยแอร์ ถัดมาคือ สยามเฟิร์สทัวร์ นครชัยแอร์เปิดจองล่วงหน้านาน 30 วัน ผมรอให้ถึงวันนั้นไม่ได้กลัวจะพลาดอีก เลยไปที่สยามเฟิร์สทัวร์..เรียบร้อย การเดินทางไปเรียบร้อยแล้ว การเดินทางกลับด้วยเครื่องบินก็จองเรียบร้อยแล้วด้วยแอร์เอเซีย..จองผ่านอินเทอร์เนต วันออกเดินทางจริง เป็นไปด้วยความเรียบร้อยครับ สยามเฟิร์สทัวร์บริการดี ที่สำคัญไม่ต้องไปขึ้นรถที่หมอชิต ที่ขึ้นที่บริษัทเขาได้เลย จึงตัดปัญหารถติดตอนขึ้นรถ เบาะนั่งค่อนข้างสบาย ปรับนอนได้มาก เบาะนวดด้วย..อืมม เขาดีจริงๆ ไปถึงที่เชียงใหม่ในเวลา…

ปาย เชียงใหม่
อ่านต่อ

โคราช-เขาใหญ่​..ครั้งที่เท่าไรไม่รู้

สุขกะภาพ 20 February 20173 November 2017

ไปพักผ่อนเฉยๆนี่แหละครับ แต่จะไปวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันเสาร์อาทิตย์นั้นนะหรือ คนก็เยอะเกิ๊น เลยเลือกเดินทางวันศุกร์และกลับบ่ายๆวันอาทิตย์ดีกว่า ไปโคราชไปเยี่ยมพี่กุ้ง พี่ต้อมผู้ดูแลรีสอร์ทอารมณ์ดี และวินดีรีสอร์ท วันแรกไปโคราชก่อน ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากพี่กุ้งพี่ต้อมเช่นเคย ..ทั้งสองคนนี้เป็นพี่น้องกันที่น่าเอาตัวอย่างในเรื่องความรักพี่รักน้องและเรื่องการต้อนรับปฏิสันถาร ดูแลดีมาก ทั้งที่พัก อาหารการกิน กระทั่งพาไปเที่ยวในที่ๆพอจะไปได้ในเวลาอันจำกัด  การดูแลเอาใส่ใจต่อแขกนี้ ใช่ว่าจะทำกับคนรู้จักเท่านั้นนะครับ แกดูแลแขกที่มาพักที่รีสอร์ทด้วยอัธยาศัยอันดีเช่นกัน จึงทำให้รีสอร์ทเล็กๆ มีคนเข้ามาพักเต็มตลอดปี เช้าวันเสาร์แม้จะตื่นสายสักหน่อย แต่ผมก็ไม่ลังเลที่จะหยิบรองเท้าออกไปวิ่ง ..เมื่อตอนเย็นแอบเห็นแล้วละว่าแถวนี้มีสวนสาธารณะกว้างขวางและมีคนออกกำลังกายมากมาย สวนนี้มีชื่อว่่า “สวนน้ำบุ่งตาหลั่ว” ตรงกลางเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ รอบๆมีถนนอย่างดีสำหรับวิ่ง เดิน และปั่นจักรยาน แยกเลนสำหรับนักปั่นและนักวิ่งโดยเฉพาะครับ คือดีงามมาก กว้างพอสมควร วิ่ง 1 รอบระยะทาง 3.2 กิโลเมตร เช้าวันนั้นจัดไป 10 กิโลเมตร อยากจะวิ่งให้มากกว่านั้น แต่แดดเริ่มแยงตา เสียดายที่ตื่นสายไปหน่อย.. วันที่สองจากโคราชมา มุ่งหน้าเขาใหญ่ งานนี้จัดที่พักพรีเมี่ยมเลยครับ เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ สนนราคาที่พักคืนละ 4,200 บาท ถือว่าแพงที่สุดเท่าที่เคยพักมา ตัวโรงแรมอยู่ในถนนธนรัชต์ที่จะมุ่งหน้าขึ้นเขาใหญ่ไม่ห่างจากปาลิโอมากนัก ตัวโรงแรมอลังการอย่างที่เขาว่าจริงๆ สไตล์ยุโรป (ยุโรปไหนนี่ไม่รู้) บรรยากาศในตัวโรงแรมก็เหมือนอยู่ต่างประเทศ เปิดเพลงคันทรี่เบาๆ ทั่วโรงแรม แต่ละตึกเน้นปลูกต้นตีนตุ๊กแกให้เลื้อยไปทั่วตัวโรงแรม งานนี้เอาภาพมาโชว์อย่างเดียวดีกว่า เล่าแล้วบรรยายไม่ถูก..

เขาใหญ่ เทมส์ วัลลีย์

ตัวต่อตัว..ไม่กลัวอยู่แล้ว

ไดอารี่ 28 January 2011

ช่วงนี้แฮงก์บ่อย ไม่ได้กินเหล้า ไม่ได้เมา แต่คิดมาก ..คิด คิด มาก มาก ตอนเด็กๆ ได้ยินผู้ใหญ่ชอบพูดว่า เป็นเด็กสบายไม่ต้องคิดมาก ก็ไม่เข้าใจว่า ผู้ใหญ่เขาคิดมากเรื่องอะไร? วันนี้เป็นผู้ใหญ่กะเขาบ้างแล้ว ก็เลยเข้าใจว่า ผู้ใหญ่เขาคิดมากเรื่องอะไร? มันบอกเป็นชื่อเรื่องไม่ได้ เพราะไม่รู้จะตั้งชื่อเรื่องอะไร แต่มันสุมๆ กองๆ เยอะๆ วุ่นๆ วายๆ อยู่ในหัว จะจัดการอย่า่งไร? ให้หมดไปคงยาก คงมีวิธีเดียว คือตามรอยพุทธองค์ หยุดใจให้นิ่ง..แยกแยะปัญหาแต่ละเรื่องออกมา เมื่อเรียงปัญหาตามลำดับความสำคัญ 1 2 3 แล้ว ก็กระโจนใส่ทีละปัญหาอย่างบ้าคลัง ดูสิว่า ใครจะแน่กว่ากัน ถ้าตัวต่อตัวรับรองมันสู้เราไม่ได้อยู่แล้ว ที่เราแพ้ เพราะเราเอาตัวคนเดียวสู้กับปัญหาทั้งหมด แต่ถ้าลองแยกปัญหาแต่ละตัวออกจากกัน แล้วลุยตัวต่อตัวทีละปัญหา.. รับรอง ..ชนะชัวร์ ปล. คิดเป็นนี่ ..แต่ทำให้ได้นะโคตรยาก!!

อ่านต่อ

ละคร “สี”

บ่น, สุขกะภาพ 2 December 201328 October 2015

ภาพทั้งหมดจากสำนักข่าวต่างประเทศ BBC เคยนึกสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมภาพข่าวจากต่างประเทศมันถึงดูดี มีศิลปะ ถ่ายทอดภาพออกมาเป็นอารมณ์มากขนาดนั้น ราวกับไม่ใช่เหตุการณ์จริง ราวกับเป็นการจำลองสถานการณ์โดยนายแบบนางแบบมืออาชีพ .. แต่ไม่ใช่ ภาพนี่ถ่ายจาก เหตุการณ์จริง เจ็บจริง ร้อนจริง ลำบากจริง และน่ากลัวจริงๆ  ..ภาพที่ถ่ายทอดออกสู่สายตาชาวโลกก็เลยสมจริง จริงๆ  ________ จนชาวโลกกลัว “บ้านเรามันบ้านป่าเมืองเถื่อน” ตามที่เขาให้คำนิยาม แต่ช่างแม่งเหอะ ___ ชาวโลกจะมองยังไงก็ช่างแม่ง! มัวแต่ไปแคร์สายตาชาวโลกมากจนไม่กล้วทำอะไร  ไม่ได้ว่าสนับสนุนให้มีความรุนแรงนะครับ แต่เชื่อเถอะแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันแน่นอน จะให้ประเทศเราไปทำตามประเทศนั้น ประเทศนี้ มันไม่ได้หรอก เอามาได้ แต่ก็ต้องมาพิจารณาเป็นอย่างๆ และปรับใช้ให้เหมาะสม ___ ถ้าจะเอามาทั้งดุ้น รับรองเละ ต่อภาพจากสำนักข่าว BBC คือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2556 นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้แบ่งมวลมหาชนออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อไปยึดสถานที่ต่างๆในกรุงเทพมหานคร รายละเอียดนอกจากนี้จะไม่ขอนำมาเล่าไว้  เพราะเรื่องยังไม่จบ เพียงแต่นำภาพจาก bbc มาแล้วก็เลยอยากอธิบายไว้คร่าวๆ เรื่องราวการประท้วงประจำปี จะจบอย่างไร? จบสวยไหม? ก็ต้องติดตามกันต่อ ___ ในฐานะคนนอกที่ไม่ฝักฝ่ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นพิเศษ ก็ได้แต่นั่งดูสถานการณ์ห่างๆ อันใดดีเราตบมือให้ อันไหนไม่ถูกต้องเราก็จ้องประณาม … ใช่แล้ว เราอยู่ข้างความถูกต้อง ____ เราไม่สามารถตัดสินได้ว่า ฝ่ายไหนถูก ฝ่ายไหนผิด เราไม่เก่งขนาดนั้น  นั่นจึงต้องนั่งดูไปเรื่อยๆ จนกว่า่ละครเรื่องนี้จะอวสาน ไม่ว่าจะกี่ปีก็ตาม  

ไล่ล่าสิ่งที่อยู่แสนไกล..จนลืมใจที่ใกล้เพียงเซนฯเดียว

เรื่องทั่วไป 23 January 2010

ไม่ใช่ของใหม่อะไร แต่กลัวตัวเองจะลืมเลยต้องบันทึกไว้ซะหน่อยก่อน เมื่อก่อนในหน้า all about me จะมีบ็อกของ msn ที่แสดงสถาานะของผมว่า ออนไลน์อยู่หรือไม่ ? หากออนไลน์อยู่ ท่านผู้มีเกียรติที่ผ่านเข้ามาก็สามารถทักทาย จุกกรู๊  ด่า ว่า ชม แช่ง ฯลฯ ได้ แต่เมื่อวานนี้พึ่งสังเกตุเห็นว่า เจ้าบ็อกดังกล่าวมันหายไป ทีนี้การจะไปหาโค๊ดเดิมจาก Microsof มาแปะนั้น ก็หาทางเข้าไม่เจอ เดือดรร้อนไปถึงเฮียกู(เกิ้ล)อีก  งานนี้เลยขอเน้นๆ เก็บไว้ในบล็อกส่วนตัวนี่ซะเลย เผื่อหลายคนยังไม่รู้จัก เลยจะขอแนะนำสู่กันฟังเลยครับ มันคือหน้าต่าง MSN บนเว็บ  ทำให้คนที่ต้องการติดต่อคุณ ไม่ต้องลง MSN หรือ WLM ก็สามารถติดต่อคุณได้เพียงแค่มี Browser ถ้าพยายามจินตนการตามแล้วยังนึกภาพไม่ออกเลยว่ะไอ้ทิด คลิกดูตัวอย่างจริงจากหน้านี้เลยขอรับ คลิกดูตัวอย่าง (ลากลงไปด้านล่าง ใต้ภาพสุดท้าย(ผู้ชายเสื้อแดงๆนั่นแหละครับ)) สำหรับเส้นทางไปสู่การได้มันมานั้น ง่ายเหลือหลาย คลิกที่ลิ้งด้านล่างนี่เลย แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย http://settings.messenger.live.com/applications/websettings.aspx สำหรับเว็บที่ขายของ หรือ support ออนไลน์ บริการนี้เหมาะอย่างยิ่งนะครับ จะจบห้วนๆแบบนี้ดูจะสั้นไป วันหนึ่งมีเรื่องมาบอกเ่่ล่ากันแค่นี้เหรอ เมื่อวันก่อนดูรายการเจาะใจ เขาเชิญ จับช่ายแมน หรือ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ เรื่องราวของท่านน่าสนใจมาก และท่านเป็นคนที่มีความคิดไม่เหมือนใคร หลายประโยค เมื่อท่านพูด ทุกคนก็จะร้อง “เออ..เนอะ” หลายเรื่องที่เราไม่ทันคิด ด้วยความเคยชินของชีวิต แต่ท่านคิดทุกเม็ดทุกหน่วย รายการเจาะใจในวันนั้น เวลาไม่พอต้องต่อในอาทิตย์ถัดไป แต่แค่ตอนแรกก็รู้สึกได้ว่า ชีวิตท่านน่าสนใจ น่าศึกษา ครั้งหนึ่งท่านได้มีโอกาสไปร่วมงานกับนาซ่า ประมาณ 6-7 ปี พิธีกรถามว่า รู้สึกอยา่งไรที่ได้ไปร่วมงานกับนาซ่า? ท่านตอบว่า “รู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิตที่ได้ไปที่นั่น” นาซ่าพยายามค้นคว้าหาทางเพื่อไปนอกโลก นอกจักรวาลที่ไกลแสนไกล จนลืมค้นคว้าสิ่งที่อยู่ข้างในเพียงแค่เซนเดียว นั่นคือ หัวใจ คมครับคม ผมชอบ ป.ล. อยากรู้จักท่านมากกว่านี้ คลิกเลย

ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ

ไว้อาลัย..ไมเคิล

เรื่องทั่วไป 26 June 2009

ปีนี้มีคนดังๆตายกันเยอะ เมื่อไม่นานมานี้ก็มีดาราดังแห่งฮอลลีวูดมาสิ้นใจตายที่เมืองไทย ด้วยความตายที่สร้างความกังขา ผ่านไปไม่นานก็มาถึงความตายของคนดังอีกคน วันนี้ ทุกสื่อต่างพูดถึงข่าวการตายของราชาเพลงป็อบอย่าง ไมเคิล แจ็คสัน หลายคนช็อคกับข่าวนี้ครับ โดยเฉพาะคนอเมริกันคลั่งไคล้ไมเคิลมาก บูชาเป็นดั่งเทพ ถ้าได้ศึกษาประวัติของไมเคิลตั้งแต่เด็ก จนถึงเติบใหญ่ ได้เห็นความสามารถของเขา ก็ไม่น่าแปลกใจที่คนเหล่านั้นบูชาไมเคิลขนาดนั้น ไมเคิล คือ อัจฉริยบุรุษ เขาเริ่มต้นอาชีพนักดนตรีในฐานะนักร้องนำของวง The Jackson 5 เมื่ออายุได้เพียง 7 ปี และได้ออกงานเดี่ยวชิ้นแรกในอัลบั้ม Got to Be There ออกวางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2514 ในขณะที่ยังเป็นสมาชิกของวง The Jackson 5 อยู่และมีอายุเพียง 11 ปี ไมเคิล แจ็กสันก็สามารถคว้าอันดับ 1 บนชาร์ตเพลงมาครองได้มากถึง 3 เพลงฮิตแล้ว นี่คือจุดเริ่มต้นของราชาเพลงป็อบที่ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดสูงสุดที่สุดของชีวิตที่คนๆหนึ่งจะพึงถึงได้ แต่จะอย่างไร ไมเคิลก็ไม่สามารถล่วงพ้นกฏของไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) ไปได้ เมื่อถึงจุดสูงสุด ก็เริ่มร่วงโรย ไมเคิลมีข่าวอื้อฉาวมากมาย จนแทบจะล้มละลายหลายต่อหลายครั้ง ด้วยหนี้สินที่มากมาย การใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือย การใช้เงินไปกับการดูแลรักษาความงาม การรักษาโรคประจำตัว และที่อื้อฉาวที่สุดคือดคีล่วงละเมิดเด็ก แต่ถึงจะอย่างไร คนอเมริกันหรือแฟนคลับของไมเคิลทั่วโลก ก็ยังชื่นชอบคลั่งไคล้ไมเคิลอย่างไม่สร่างซา ณ วันนี้ ถึงแม้ไมเคิลจะไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ตำนานราชาเพลงป็อบของเขาคงจะอยู่คู่กับโลกไปอีกนาน ควบคู่กับตำนานเพลงร็อคของ เอวิส เพรสลีย์ ข่าวคราวและประวัติของไมเคิลหลายคนรู้จักมามากแล้ว วันนี้ไม่ได้เขียนถึงเพื่อเล่าประวัติ เพียงแค่อยากสลักไว้ในบล็อกถึงตำนานอันยิ่งใหญ่ของไมเคิล เพื่อเป็นเกียรติแก่บล็อกเล็กๆแห่งนี้เท่านั้น.. ขอไว้อาลัย แด่…ราชาเพลงป็อบผู้ยิ่งใหญ่ ไมเคิล โจเซฟ แจ็คสัน ป.ล. ตอนนี้คนทั้งโลกกำลังไว้อาลัยแด่ไมเคิล ด้วยการใส่ผ้าปิดหน้าเหมือนไมเคิล

ได้เวลา..เอาเลือดบ้าออก

ไดอารี่ 12 January 2010

หยุดเสาร์-อาทิตย์ กิจกรรมออกกำลังกายและงดมื้อเย็นของผมก็มีอันต้องหยุดไปด้วย ตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าวันอาทิตย์นี้ จะไปบริจาคเลือดให้ได้ หลังจากปีที่แล้ว ไปแค่ครั้งเดียว และครั้งเดียวนั้นก็ถูกปฏิเสธจากสภากาชาดด้วยข้อหา “เลือดลอย”  ก่อนบริจาคเลือดจะมีกระบวนการวัดความดัน และเจาะเลือดตรวจก่อน หลังจากสูบเลือดจากปลายนิ้วเสร็จแล้ว เขาจะหยดแหมะลงในน้ำยาสีฟ้า ถ้าเลือดปกติมันจะดิ่งลงก้นขวดในทันที ถ้าเลือดจาง มันจะค่อยๆจม หรือไม่จมเลย ที่เราเรียกว่า “เลือดลอย” นั่นแหละครับ สาเหตุมาจาก นอนดึก พักผ่อนน้อย หรือเคยบริจาคเลือด แต่ไม่กินยาบำรุงเลือด ผมอยู่ในจำพวก ไม่กินยาบำรุงเลือดที่เขาาให้มา สาเหตุคือ ผมแพ้ยาวิตามินเม็ดสีแดงมันๆ หวานๆ นั่นอย่างรุนแรง ร่างกายจะสร้างปฏิกิริยาต่อต้น พะอืดพะอมจนจะอาเจียนพู่งปรี๊ดกลับมาทางเดิมให้ได้ ..อาการแพ้มันเกิดขึ้นเพราะผมอุตริเอง เมื่อสมัยบริจาคเลือดยุคแรกๆเมื่ออายุ 17-18 พอได้ยาบำรุงเลือดมา ก็กระดกหมดทั้งถุง ตั้งแต่บัดนั้นละครับ ผมเกลียดยานี้อย่างรุนแรง อย่าว่าแต่กินเลย เห็นหน้ายาก็เกิดอาการแล้วละ วันนี้ตั้งใจว่าจะบริจาคจริงๆ เย็นวันก่อนไปบริจาคเลยปฏิเสธแอลกอฮอลล์จากเพื่อนๆในงานแต่งจนสิ้น ได้ความรู้ใหม่เกี่ยวกับการบริจาคเลือดครับ ก่อนจะบริจาคเลือด นอกจากต้องนอนให้พอ กินอาหารให้อิ่ม ไม่กินยาพารา ยาแก้อักเสบแล้ว ภายในวันนั้นก่อนบริจาคเลือด ต้องอย่ากินอาหารมันๆ เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ ฯลฯ วันนี้คนมาบริจาคเยอะพอสมควร เวลาบ่าย 2 โมงแล้ว คิวยังยาวเฟื้อย มีเทคนิคนิดหนึ่งสำหรับคนที่ไปบริจาคแล้ว พบว่ามีคิวยาวมาก แนะนำให้ว่า ก่อนกรอกรายละเอียดในการบริจาคเลือดให้ไปกดบัตรคิวก่อน กดบัตรคิวทั้งข้างบนและข้างล่าง คิวข้างล่างเพื่อเจาะตรวจเลือดวัดความดัน ส่วนคิวด้านบนเพื่อเจาะเก็บเืลือด เอาคิวทั้งสองที่มาก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับการบริจาค อาจจะช่วยให้เร็วขึ้นอีกนิดนึง เลือดผมค่อนข้างดี เร็ว และแรง อาจเพราะอั้นมาทั้งปี หลังจากไปนอนกำแบๆ แป๊บเดียว ก็เต็มกระปุกแล้ว เต็มก่อนคนที่เข้าไปก่อนซะอีก  วันนี้เจอพวกแปลกๆมาบริจาคเลือด แบกกล้องตัวใหญ่มาด้วย แล้วก็เที่ยวถ่ายทุกช็อตตั้งแต่ทางเดิน จนกระทั่งบันไดเลื่อน ถ่ายๆ พอตัวเองต้องนอนให้เลือด ก็ยังอุตส่าห์หยิบกล้องตัวใหญ่กระเตงถ่ายแขนตัวเองที่มีเข็มปักอยู่อย่างยากลำบาก.. ไม่รู้ถ่ายไปอวดใคร แต่เอาเถอะ..ถ้าไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แถมยังได้บุญด้วย ผมก็ขออนุโมทนาด้วยคนน่ะ หลังจากบริจาคเลือดแล้วว่าจะเข้าไปกราบพระพุทธรูปทองคำ วัดไตรมิตรฯ แต่วน 2 รอบ ยังหาที่จอดไม่ได้เลย แดดก็ร้อน รถก็เยอะ คนก็แยะ เลยถอดใจ วันหลังค่อยมาใหม่ละกัน…..

ของขวัญจากพระเจ้า!

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 26 May 201128 October 2015

กำลังอ่านหนังสือ “แกะดำทำธุรกิจ ทุ่งหญ้าแห่งความรู้และความสุข” เขียนโดยคุณประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ แนวคิดในการทำธุรกิจ ในการมองโลก มีมุมที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร สมกับที่เรียกตัวเองว่าเป็น “แกะดำ” แกะดำไม่ใช่แกะที่มีความผิดปกติ หรือมีความแปลกประหลากแตกต่างจากคนอื่น หากแต่ว่าเป็นแกะที่เลือกทำในสิ่งที่ดีกว่า แตกต่าง และให้ผลดีกว่า เลือกที่จะเลี้ยวขวา ขณะที่ทุกคนเลี้ยวซ้าย เลือกที่วิ่งในขณะที่ทุกคนเดิน เลือกที่สุขในขณะที่ทุกคนทุกข์ และอีกมากมาย.. อ่านได้ครึ่งเล่มขณะรถติด ได้ความคิดใหม่ว่าขณะรถติดคนส่วนใหญ่ชอบเล่นเกมส์บนมือถือ เล่นเฟสบุค ทวิตเตอร์ บีบี ดูหนัง ฟังเพลง ล้วนแต่เป็นสิ่งสร้างความบันเทิงที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำไมเราไม่อ่านหนังสือ หรือทำอะไรที่มันเกิดประโยชน์ขณะรถติดที่มากกว่านั้น ไม่เสียเงิน แถมได้ประโยชน์มหาศาล ..เลยตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือทุกครั้งที่รถติด!!! จะดูสิว่า เดือนหนึ่งจะอ่านได้กี่เล่ม.. ชอบใจประโยคเด็ดในหนังสือแกะดำฯ ที่คุณประเสริฐ ได้นำคำของ CEO หญิงของ HP มาเขียนไว้อีกที.. ใจความว่า “การที่เราเกิดมาบนโลกใบนี้ ไม่ว่า่จะสูงต่ำดำขาว คือสิ่งวิเศษที่พระเจ้ามอบให้เรา ส่วนเราจะประพฤติตนอย่างไร คือสิ่งวิเศษที่เป็นของขวัญที่เราจะมอบแด่พระเจ้า” * อยากรู้จักแกะดำมากขึ้นคลิกไปที่ http://www.blacksheep.co.th/

ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ พระเจ้า แกะดำ

วันนี้ของวัยเยาว์

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 8 January 2010

ช่วงนี้มีแต่บันทึกประจำวัน ไม่มีเรื่องสั้น หรือบทความบ่นว่าอะไร(อย่างที่เคย)สักเท่าไร ส่วนหนึ่งอาจเกิดเพราะความตั้งใจจะเขียนให้ได้ทุกวัน และอารมณ์ที่จะเขียนเรื่องสั้น หรือบทความนั้นมิได้เกิดขึ้นและไม่สามารถสร้างมันได้ทุกวัน ยกเว้นแต่การเขียนบันทึกแบบไดอารี่ที่มีให้เขียนให้พูดได้ทุกวัน หลังจากที่ตั้งใจจะวิ่งออกกำลังกายหลังเลิกงาน และจะงดอาหารคาวในมื้อค่ำ เมื่อวานเป็นวันที่ 3 ของการอดมื้อค่ำและวันที่ 2 ของการวิ่ง .. วิ่งยังเหนื่อยเหมือนเดิม ยังไม่เข้าที่เท่าไร ส่วนมื้อค่ำก็ยังหิว และรู้สึกว่าจะหิวกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ กินแอปเปิ้ลไป 2 ลูก ช่วยได้นิดหน่อย พยายามจะดูทีวีเพื่อไม่ให้คิดถึงเรื่องกิน แต่คิดผิดอย่างถนัด ทีวีไทยนอกจากข่าวแล้ว มีแต่เรื่องกิน กิน กิน และกิน โดยเฉพาะละครไทย โอยย..สารพัดจะกิน พอโฆษณา ก็พบว่าโฆษณาถึงของกินเยอะกว่าอย่างอื่น แค่โฆษณามาม่าตัวเดียว ตบะผมก็เกือบแตกแล้ว เหมือนได้กลิ่นมาม่าโชยออกมาจากทีวี ไม่ไหวแล้ว..ปิด ~ ช่วง 2 – 3 วันมานี้ นอนเร็วกว่าที่เคย 1-2 ชั่วโมง ปกติไม่เที่ยงคืนไม่เข้านอน แต่เมื่อคืนแค่ 4 ทุ่ม ตาผมก็แทบปิดแล้ว อาจจะเหนื่อยจากการออกกำลังกาย กำลังคิดว่าควรจะตกแต่งห้องใหม่ให้น่าอยู่ ถึงไม่ใช่ห้องของตัวเอง(ห้องเช่า)ก็เถอะ เราก็สามารถตกแต่งและทำให้มันน่าอยู่ได้นี่นา .. บางทีบรรยากาศในห้องอาจทำใ้ห้เกิดจินตนาการเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆใหม่ๆ ก็ได้  🙂 พรุ่งนี้จะวันเด็กแล้ว ความจำในวัยเด็กเริ่มเลือนลาง วันนี้ของเราที่อายุ 7 ขวบ กำลังทำ คิด หรือพูดอะไร อยู่ที่ไหนนะ บางทีเราในตอนนั้นอาจคิด พูด หรือทำไม่แตกต่างจากตอนนี้ ต่างแต่จุดประสงค์ที่ทำ แต่การกระทำเหมือนเดิม การกระทำในตอนเด็ก อาจจะซื่อๆใสๆ ไร้จริต ทำเพื่อความสนุก ความซน ความอยากรู้อยากเห็น แต่การกระทำในตอนโต กระทำเพื่อจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน เน้นผลประโยชน์เป็นหลัก เกมส์ยอดฮิตที่เด็กๆทุกยุคต้องเคยเ่ล่น คือ เกมส์ซ่อนหา วิธีเล่นก็ง่ายๆ ต้องมีผู้เล่นอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป ให้คนหนึ่งเป็นคนหา คนที่เหลือเป็นคนไปซ่อน ถ้าหาเจอจนครบคนที่ถูกเจอคนแรกก็จะเป็นผู้หาต่อไป สลับวนเวียนกันไปเรื่อยๆ นั่นคือวิธีการเล่นของเด็ก พอโตขึ้น เราก็จะพบผู้ใหญ่เล่นเกมส์ซ่อนหา พื้นที่ซ่อนอาจไม่ใช่แค่สนามเด็กเล่น แต่เป็นการซ่อนทั่วโลก ไม่จำกัดเวลาในการหา…

อ่านต่อ

น่าน..งัย

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 5 February 201428 October 2015

จังหวัดน่านเป็นจังหวัดเล็กๆในภาคเหนือ มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา และภูเขาส่วนใหญ่ไม่มีต้นไม้ เนื่องจากเมื่อก่อนคนที่นั่นมีค่านิยมตัดไม้มาสร้างบ้าน บ้านต้องมีท่อนไม้ใหญ่ๆ ถึงจะแสดงถึงฐานะ ปัจจุบันค่านิยมนี้เริ่มหมดไปแล้ว แต่ยังคงหลงเหลืออยู่ให้เห็นตามบ้านเก่าแก่ของคนน่าน ผลที่เกิดจากค่านิยมนี้ทำให้ภูเขาหลายๆลูกในจังหวัดน่านไม่มีต้นไม้!! ระยะทางจากรุงเทพไปน่านประมาณ 860 กิโลเมตร ถ้าจะไปเที่ยวแนะนำให้ไปในช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลปีใหม่ ที่ไม่แนะนำเพราะผมเจอมาแล้วกับตัว! ถึงจังหวัดน่านจะเป็นจังหวัดเล็กๆ แต่การเดินทางไปทางเหนือยังไงเสียก็ต้องอาศัยทางเดียวกันอยู่ดี ดังนั้น ระหว่างทางทั้งไปและกลับผมรถติดเต็มๆ การท่องเที่ยวครั้งนี้ผมเลือกขับรถไปเองครับ โดยน้องพิงกี้ หรือมารชมพู ไปพร้อมกับเพื่อนบ้านอีก 2 คน รวมเป็น 4 คน 2 คัน ไม่มีการจองที่พัก หลังรถเรามีเต๊นท์ อาหาร และเครื่องนอนแล้ว ใยต้องกลัวอะไร? เดินทางวันแรกวันที่ 28 ธ.ค. 56 แต่เช้าตรู่ รถไม่เยอะมาก แต่ก็ใช้ความเร็วมากไม่ได้สักเท่าไร วันแรกเลยไปไม่ถึงน่าน ได้แค่จ.แพร่ อ.สูงเม่น อากาศยังไม่หนาวมากเท่าไร วันต่อมาออกเดินทางท่องเที่ยวเล็กๆน้อยๆในแพร่ก่อน แล้วมุ่งหน้าไปดอยเสมอดาว จ.น่าน ระหว่างทางไปดอยเสมอดาว วิวข้างทางสวยงามมากครับ แต่ไม่มีเวลาจอดถ่ายรูป ต้องรีบไปดอยเสมอดาวเพื่อหาที่นอนให้ได้ก่อนในคืนนี้ ณ ดอยเสมอดาว ปกติที่นี่จะแทบไม่มีคน หรือถ้ามีก็รับคนได้สูงสุดไม่เกิน 30-40 คน แต่วันนี้ที่เราเดินทางไปถึง คนร่วมร้อย!! จุดกางเต๊นท์ที่เจ้าหน้าที่จัดให้เต็มหมดแล้ว ที่เหลือต้องหาจุดกางเอง ซึ่งแทบจะไม่มีที่กางแล้ว ที่ๆเราได้อย่าใช้ชื่อว่าเป็นที่กางเต๊นท์เลยครับ เพราะมันเป็นพื้นที่ไม่เรียบ นั่งตรงๆไม่ได้จะไหล ไม่ต้องพูดถึงนอน นอนไม่หลับเลยทั้งคืน!! แต่อากาศหนาวมาก ตื่นเช้าเริ่มรู้สึกไม่สบาย … หลังจากเก็บเต็นท์เครื่องนอน และทานข้าวต้มที่ทำขึ้นเองในตอนเช้าเสร็จแล้ว ก็มุ่งหน้าไป อ.บ่อเกลือ อ. บ่อเกลือตั้งอยู่บนดอยสูง ถนนถึงแม้จะดี แต่ก็มีความโค้ง เลี้ยวเยอะค่อนข้างน่ากลัว ต้องใช้เกียร์ต่ำตลอด และพอถึง อ.บ่อเกลือซึ่งอยู่บนดอย อากาศกลางวันกับกลางคืนต่างกันสุดขั้ว ส่งผลให้วันรุ่งขึ้น ผมป่วย 100% มีไข้ และไอรุ่นแรง วันต่อมาเดินทางลงจากบ่อเกลือเข้าเมืองน่าน เพื่อที่จะพักในตัวเมืองน่าน ก่อนออกเดินทางกลับในวันถัดไป …เรามาส่งท้ายปีเก่าที่เมืองน่านครับ ตัวเมืองน่านเองเป็นเมืองที่เงียบ ๆ เล็กๆ  แม้จะเป็นช่วงปีใหม่ก็ยังเงียบ แต่มีงานส่งท้ายปีใหม่ที่ศาลาว่าการน่าน เช้าของวันปีใหม่ อาการไข้ดีขึ้น…

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (10)
  • ท่องเที่ยว (50)
  • บ่น (36)
  • บ้านบ้าน (17)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (62)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (47)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (65)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH