Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

ระยอง

อ่านต่อ

ทริปทุเรียน

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 11 June 201416 June 2019

ไปเที่ยวระยองครับ.. ครั้งสุดท้ายที่ไปเที่ยวต่างจังหวัด คือ เมื่อปีใหม่  ครั้งนี้อยากไปเที่ยวแนวธรรมชาติ เลยไประยอง ไปกินทุเรียน! ได้ไอเดียจากอ.วีระ แกพึ่งพามิตรรักแฟนเพลงไปเที่ยวชิมทุเรียนที่ระยองมา เราไม่มีโอกาสได้ไปกับแก เลยต้องไปเองครับ เป้าหมายคือ สวนบ้านเรา อ.แกลง สวนเดียวกับที่ อ.วีระไป  และที่พักที่ทำการจองไว้ คือ โรงแรมโกลเด้นท์ ซิตี้ เมืองระยอง ที่พัก กับ ที่เที่ยว อยู่กันคนละที __ แต่ไม่ใช่ปัญหา ถือว่าขับรถเที่ยว เช้าวันเสาร์ออกเดินทาง วิธีเดินทางง่ายมากครับ ขับรถมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าชลบุรี พอพ้นจุดพักรถบนมอเตอร์เวย์ขับต่อไปไม่นาน ก็จะมีป้ายระยองออกขวา ไปทางบ้านบึงครับ ทีนี้ก็ขับยาวอย่างเดียวจนถึงระยอง ผมไปถึงสวนบ้านเรา เวลา 11.00 น. โดยประมาณ จ่ายค่าบุพเฟ่ 200 บาท/คน และหลังจากนั้นก็ได้เวลากินอย่างไม่ยั้ง ไม่ว่า่จะเป็นทุเรียนหมอนทอง เงาะ ลองกอง และมังคุด สวนทีนี่ดูแลโดยคุณขจร แกบอกทำสวนมาได้ 7 ปีแล้ว แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เปิดบุฟเฟต์ เพื่อเปิดตลาดสำหรับนักชิมผลไม้ ทีนี่มีพันธุ์ทุเรียนกว่า 100 สายพันธุ์ แต่ช่วงนี้มีเหลือแค่หมอนทองกับชะนี “ถ้าให้ดีควรมาช่วงหลังสงกรานต์ ช่วงนั้นจะได้ชิมทุเรียนหลายพันธุ์และทุเรียนจะอร่อยมากในหน้าร้อน” กินทุเรียนอิ่มหน่ำก็ตีรถเข้าระยองครับ ระหว่างทางก็แวะเที่ยวชายหาดของจ.ระยอง  มาถึงโรงแรมที่พักในตัวเมืองระยองในเวลา 5 โมงเย็น ระยองเป็นจังหวัดปานกลาง ไม่ใหญ่และไม่เล็กมาก ในตัวเมืองมีรถมาก เจอคนขับรถแย่ๆ  2-3 ครั้ง ทำเอาเสียความรู้สึกไปเหมือนกัน แต่ก็ทำใจว่า คนขับรถแย่ๆที่ไหนก็มี!! เช้าวันอาทิตย์ ต้องเดินทางกลับกรุงเทพละ แต่ก่อนกลับต้องหาของฝากก่อน เลยไปแวะตลาดบ้านเพซื้ออาหารสด อาหารทะเล และแวะไปสวนทุเรียนบ้านเราอีกครั้ง เพื่อซื้อของฝาก จากเมื่อวานที่เห็นของฝากเป็นทุเรียนทอดหลายถุง พอทัวร์มาลงเท่านั้นแหละ เกลี้ยงเลย…จึงได้แค่ทุเรียนหมอนทอง แวะเอาไปฝากพ่อตาที่ บางแสน ชลบุรี ก่อนจึงบึ่งรวดเดียวถึงกรุงเทพ ___รวมระยะทางทั้งไปและกลับ 700 กว่ากิโลเมตร ใช้แก๊ส LPG ไป 700 กว่าบาท จบทริป..ทุเรียน ปล. เย็นวันนั้นกลับถึงบ้าน 5…

ทุเรียน ระยอง สวนบ้านเรา
ทะเล-ทะเลาะ อ่านต่อ

ทะเล-ทะเลาะ

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 20 October 200816 June 2019

ปีนี้ ถ้านับครั้งนี้ด้วย ก็จะเป็นแค่ครั้งที่สอง ที่ผมจะไปทะเลลลลลลลลลลล…ล พูดถึงทะเล ก็จะมีภาพเหล่านี้ลอยเข้ามาในหัว แน่นอนไปทะเลต้องมี..ทะเล ท้องฟ้าสีฟ้าสด.. ทราย.. สายลม.. เสียงหัวเราะ.. ความสุข.. นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวผมเมื่อนึกถึงทะเล อาทิตย์นี้ผมได้ไปทะเล กับที่ทำงาน ชั่งใจอยู่นานสองนาน สามนาน สี่นาน ห้านาน..ว่าจะไปดีหรือไม่ เพราะการไปครั้งนี้ค่อนข้างไปกันหลายชีวิต ใช่ว่าจะมีแต่แผนกเรา มีหลายๆแผนกไป ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และส่วนใหญ่ชอบกินเหล้า ผมตัดสินใจ ด้วยการอวดอ้างสรรพคุณความสนุกจากเพื่อนคนหนึ่ง “การไปทะเลกะคนเยอะๆๆ นี่สนุกนะ ทริปนี้มีกิจกรรมเยอะแยะมากมาย รับรองๆ สนุกแน่ๆ สนุกจริง” ผมตัดสินใจอย่างยากเย็น ด้วยอยากพักผ่อนจริงๆ หลังจากที่เหนื่อยมาหลายวันมากแล้ว กลัวไม่สนุก กลัวไม่ได้พักผ่อน ~ และสุดท้ายก็ตัดสินใจ ไป… ~ ตามกำหนดการณ์ คือ ออกเดินทางเจ็ดโมง แต่เลทไปจนถึงแปดโมงกว่า ไม่เป็นไรไม่ถือสา แต่ที่ผมเริ่มจะรับไม่ได้ คือ การเดินทางครั้งนี้ไปด้วยรถทัวร์พัดลม โอ้วววว ไม่นะ ครั้งสุดท้ายที่ผมเดินทางด้วยรถทัวร์พัดลม คือเมื่อสัก 3 ปีก่อน เดินทางไปทอดผ้าป่าสามัคคีกับพิภพที่สกลนคร ครั้งนั้นทั้งเหนื่อย ร้อน และหนวกหู เพราะเครื่องเสียกระหึ่มรถมาก ครั้งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากครั้งนั้นเลยยย เครื่องเสียงดังมาก ยิ่งกว่าในผับเสียอีก โอ้ ไปถึงทะเลเกือบบ่าย ทะเลที่ว่า คือหาดแม่รำพึง ระยองนี่เองครับ เลยไปไม่ไกล ภาพทะเล ความสนุกที่วาดไว้บนหัวหายหมดสิ้น ทะเลร้อนมาก หาดก็ไม่น่าลงเล่นเท่าไร ที่พักแย่ไปใหญ่ หาที่เป็นส่วนตัวไม่ได้เลย เพราะไปกันเยอะ กิจกรรมก็ขำๆดี แต่ผมไม่สนุกด้วย ตกกลางคืนงานเริ่มส่อแววล่ม เมื่อบรรดาขี้เมาเริ่มมีการกระทบกระทั่งกัน จอโปรเจกเตอร์ตัวใหญ่ที่ไว้ฉายคาราโอเกะ ภาพแจ่มดี แต่เครื่องเสียงห่วยชนิดไม่น่าให้อภัย เครื่องเสียงไม่ดีอยู่แล้ว คนร้องกลับเป็นขี้เมาอ้อแอ้ ผมทนกับสภาพนี้ไม่ไหวแล้ว จึงทิ้งกลุ่มออกมาเดินเล่นที่ชายหาดอย่างเงียบๆ คิดถึงความหฤโหดของการเดินทางในวันพรุ่งนี้ แดดร้อนๆ รถพัดลมอับๆ บวกกับเครื่องเสียนรกแตก กูตายแน่ๆ ผมกลับเข้ามาในงานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้เข้าไปร่วม ได้แต่นั่งดูข้างนอก เริ่มเห็นความวุ่นวายลางๆ มีการกระทบกระทั่ง มีปากเสียงกันหลายคู่ หลายคน จนในที่สุดเมื่อเวลาห้าทุ่ม…

ทะเล ระยอง

อ้อ..โอเคนึกว่าอ่านไม่ออก

เรื่องทั่วไป 22 March 2010

ใช้ชีวิตในโลกอินเทอร์เนตมาเกือบๆ 10 ปี ชีวิตผมจึงถูกเปลี่ยนให้อยู่ในระบบของโลกออนไลน์มากขึ้น ในโลกแห่งความเป็นจริง (จริงๆ อินเทอร์เนตก็คือโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนกัน แต่จริงน้อยกว่า)  มี 3 ช่องทางการสื่อสาร คือ อ่าน พูด และเขียน  โลกอินเทอร์เนต ก็สามารถสื่อสารได้ทั้ง 3 ช่องทางเช่นกัน คือ ทั้งอ่าน พูด และเขียน แต่ช่องทางพูดอาจจะน้อยกว่า เราอาศัยพูดกันผ่านตัวหนังสือ !! ตัวหนังสือสื่อสาร ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการพูดกันสักเท่าไร หากทั้งคู่(หมายถึงคู่สนทนา) รู้จักกัน(ดี)มาก่อน เคยคุยกันมาก่อน เพียงเห็นตัวหนังสือก็จะสามารถจินตนาการถึงเสียงของคู่สนทนาชัดเจนอยู่ในหัว เหมือนคุยกันอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว หากแต่ว่่าถ้าไม่เคยคุยกันมาก่อน ไม่เคยได้ยินเสียง หรือไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน เพียงตัวหนังสือแม้สื่อมาด้วยคำธรรมดาๆ ก็อาจถูกอีกฝ่ายตีความหมายเป็นอื่นได้ !! ปัญหานี้ อาจทำให้เราเสียเพื่อน หรือร้ายกว่านั้น เพื่อนอาจกลายมาเป็นศัตรูได้อย่างน่ากลัว เหตุการณ์นี้พึ่งเกิดขึ้นกับผม ในฐานะบล็อกแห่งนี้เป็นบล็อกส่วนตัว จึงไม่แปลกที่ผมจะเล่าเรื่องส่วนตัว.. เรื่องมันเกิดขึ้นจากการคุยกันผ่านตัวหนังสือนี่แหละ.. ผมคุยกับเพื่อนแฟนที่อยู่ต่างประเทศผ่านโปรแกรมยอดฮิต Facebook คุยกันบนกระดานหน้าบ้านเขาเลย  ก่อนหน้าที่เขาจะไปอยู่ต่างประเทศ เราก็เคยไปเที่ยว กิน ดูหนังด้วยกันระยะหนึ่ง จนผมทึกทักเอาเองว่า เออ..เพื่อนแฟนก็เพื่อนเราด้วยคนหนึ่ง วันที่เขาบิน เราก็ไปส่งที่สนามบิน ผมแอบชื่นชนกับแฟนว่า เพื่อนหญิงคนนี้ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ ทึ่งกับความกล้าที่่จะบินไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศโดยลำพัง ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังไม่สามารถขนาดนั้น .. หลังจากที่เขาไปต่างประเทศก็หลายปีที่ไม่ได้คุยกัน แต่ก็ได้แอดไว้ใน facebook จนล่าสุดเมื่อวันศูกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 ผมได้ทักทายเขาไปในfacebook และก็ได้การตอบกลับมาด้วยไมตรี ถามสารทุกข์สุขดิบประสาคนที่ไม่ได้คุยกันมาเป็นปี ๆ มันเป็นการสนทนาผ่านตัวหนังสือที่ใช้คนละภาษา คือ เขาพิมพ์อังกฤษมา ผมตอบภาษาไทยไป .. ด้วยความคิดมากของผมเอง ไม่แน่ใจว่าเครื่องที่เขาใช้สามารถพิมพ์หรืออ่านภาษาไทยได้ไหม? จึงถามไปว่า อ่านภาษาไทยได้ไหม? ความหมายคือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่อ่า่นภาษาไทยได้ใช่ไหม? เมื่อเขาตอบว่าได้ ..ผมก็ตอบว่า “อ้อ..โอเคนึกว่าอ่านไม่ออก” ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกหรือประชดประชันแดกดันอะไรแต่อย่างใดเลย เป็นน้ำเสียงตอบบประสาสื่ออย่างเพื่อนคุยกับเพื่อนเท่านั้นเอง แต่คำตอบที่ผมได้หลังจากนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เขาไม่พอใจมากกับประโยคนั้น เขาบอกน้ำเสียงของผมมันเย้ยหยันถึงขั้นดูถูก .. เบื้องต้นผมไม่ทราบว่าเขาโกรธผมจากประโยคไหนที่เราคุยกัน ผมถูกบล็อกไม่ให้ติดต่อใน facebook ยิ่งทำให้ร้อนใจยิ่งกว่าเดิมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมให้เพื่อน…

หนึ่ง

คิดดี..พูดดี..ทำดี..ปีใหม่

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 6 January 2010

ก้าวเข้าสู่ปีใหม่เกือบจะอาทิตย์แล้ว แต่กิจกรรมหลายๆอย่างในทางแย่ๆของผมยังคงเป็นปกติ เช่น.. – นอนดูทีวีไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย – ไม่จัด, กวาด, ถูห้อง – ไม่อ่านหนังสือ – ไม่นั่งสมาธิ (โอ้..ว้าว ตั้งใจจะทำเหรอนั่น) – ตื่นสาย – และอื่นๆอีก(ยังคิดไม่ออกในตอนนี้) แต่จะว่าไปแล้ว สิ่งที่เริ่มจะทำในปีใหม่นี้ก็มีนะ เช่น.. – ออกกำลังกาย (เริ่มเมื่อวานเป็นวันแรก) – ไม่กินข้าวเย็น กินแต่ผักผลไม้แทน – ไม่กินน้ำอัดลม – (ได้แค่นี้เองเหรอ) ถ้าไม่เริ่มมันก็จะไม่เกิด ..แล้วไปนั่งเสียใจและบ่นเพ้อตอนกลางๆปี จนถึงท้ายปี ปีนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด เย็นเมื่อวานเริ่มต้นไปออกกำลังกายเป็นวันแรก ก็ไม่เลวนัก สำหรับผู้ที่ร้างสนามไปตั้งเกือบปีอย่างผม วิ่ง หอบ ก็หยุดพัก วิ่งว่าเหนื่อยแล้ว ตอนเดินกลับจากสนามวิ่งมาที่บ้านยิ่งเหนื่อยกว่าอีก เกือบอดใจไม่ไหว โบกรถเมล์ตั้งหลายครั้ง แต่ทนเวทนาตัวเองไม่ได้ ไปออกกำลังกาย แต่นั่งรถเมล์ (เพื่ออะไรว่ะ) กิจกรรมอีกอย่างที่ว่าจะเพลาๆลง นั่นคือ การดูทีวี บางคนบอกก็เลือกดูแต่ข่าวสารสิ ข่าวสารตามทีวีมันได้เนื้อหาน้อยมาก เนื่องด้วยเวลาในจอทีวีมันแพงมาก ดังนั้นข่าวจึงถูกหั่นจนสั้นกุด และในข่าวที่สั้นนั้น ยังถูกเบียดบัง บิดเบือนหรือแทรกด้วยความเห็นของผู้วิจารณ์ข่าวจนเราคล้อยตาม อ.วีระ บอกว่า ทีวียิ่งดูยิ่งโง่ ถ้าอยากอ่านข่าว ให้หาอ่านตามหนังสือพิมพ์ สนใจข่าวไหนก็เจาะลึกข่าวนั้นเป็นเรื่องๆ ทีวีดูได้ แต่ไม่ควรเกินวันละ 1 ชม. ไม่เช่นนั้นวิถีชีวิต วิธีคิด วิธีใช้ชีวิตของเรา จะเป็นไปตามทีวีโดยไม่รู้ตัว วันนี้..เราเป็น เราพูด เราคิด และทำตามแบบของเราเองดีที่สุด

อ่านต่อ

เที่ยว ‘สุพรรณฯ’ วันเดียว

ท่องเที่ยว 29 April 20167 June 2019

Recon on Tour ทริปนี้เป็นทริปที่ 3 หลังจากครั้งแรกไปนครนายก ครั้งที่สองไปเพชรบุรี(แก่งกระจาน) ครั้งนี้มีภารกิจคือ ไปทำบุญวัดป่าเลย์ไลก์ โดยได้รับการสบทบทำบุญจากหลายๆท่านทั้งที่มาด้วยกัน และไม่ได้

สุพรรณบุรี
อ่านต่อ

3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอนกับอากาศ 3 องศา

ท่องเที่ยว 8 December 201917 March 2020

เที่ยวอินทนนท์มาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้อยากสัมผัสกับบรรยากาศหนาวจริงๆของอินทนนท์สักครั้งหนึ่ง จึงเป็นที่มาของทริป “3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอน” ขอรวบรัดตัดความข้ามเรื่องการเดินทาง วาปทีเดียวมาโผล่ที่อินทนนท์เลยละกันนะครับ ฉากแรกของทริปนี้คือที่นี่ครับ โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน คิดแค่ว่าขนเต๊นท์ขึ้นบนรถแล้วไปหาที่กางเอาดาบหน้าที่อินนทนนท์ เปิดกูเกิ้ลเห็นแว่บๆว่ามีที่กางเต๊นท์ชื่อชลธารวิว แต่พอไปถึงสถานที่จริง รู้สึกว่าไม่เหมือนที่คิดไว้สักเท่าไร ขณะขับออกมาจากตรงนั้นนิดหนึงก็พบที่แห่งนี้ครับ ค่ำคืนแรกในเต๊นท์บนอินทนนท์ หนาวสะใจมากครับ ..พอพระอาทิตย์ตกดินอากาศลดลงเหลือ 3 องศา หนาวจนหมูกระทะที่สั่งมากินหน้าเต๊นท์ไม่สามารถปิ้งย่างได้ ต้องรีบหลบเข้าเต๊นท์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหนาวลดลง หลังจากค่ำคืนที่หนาวเหน็บผ่านพ้นไป เช้ารุ่งขึ้นก็ยังอุตส่าแหกขี้หูขี้ตาขึ้นไปบนยอดดอยอินทนนท์อีกนะ เราว่าเราไปเช้าแล้วคือออกไปตอนตี 5 ครึ่ง ปรากฏว่ามีคนไปเช้ากว่าเราอีก คนบนนั้นเยอะจนรถติด สุดท้ายจึงลงมาหาข้าวกินข้างล่าง คืนที่สอง “ลานกางเต๊นท์ต้นสน อุทยานแห่งชาติอินทนนท์” อุทยานแห่งชาติอินทนนท์มีจุดกางเต๊นท์ที่เป็นของอุทยานและมีค่าบริการถูกมากครับเพียงคืนละ 50 บาท ที่นี่จึงเป็นที่พักสำหรับคืนที่สองของทริปนี้ และเช่นเคยครับ “นอนเต๊นท์” ข้อดีของคืนที่สอง คือ ที่นี่ความหนาวลดลง หรืออุ่นขึ้นนั่นเอง ที่นี่อากาศอยู่ที่ประมาณ 10 องศา (แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีสำหรับผม) ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือเดินไปไม่ไกลจากจุดกางเต๊นท์ที่เป็นป่าสนนี้ ก็จะมีร้านอาหารให้บริการอย่างหนาตา คืนที่สองนี้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวเท่าคืนแรก มีนักท่องเที่ยวที่ชอบนอนเต๊นท์มากันอย่างหนาตา แต่ก็ไม่หนาแน่นจนอึกกระทึก เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเก็บเต๊นท์รอจนน้ำค้างที่เกาะเต๊นท์แห้งดีแล้ว ก็เก็บข้าวของกลับบ้าน. ทริปนี้อยากสัมผัสความหนาวบนอินทนนท์ ก็ถือว่าได้ดั่งใจ ทริปหน้าไปไหนเดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง

อินทนนท์

สังคหเฮติ

เรื่องทั่วไป 19 January 2010

ประเทศที่คนไม่ค่อยรู้จักอย่าง เฮติ ก็กลายเป็นประเทศที่ทั่วโลกกล่าวถึงและระดมความช่วยเหลือเข้าอย่างเต็มที่  เพราะเมื่อ วันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2553 เวลาท้องถิ่น 16:53:09 (หรือตรงกับเช้าวันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ.2553 เวลา 04.53 นาฬิกา ตามเวลาประเทศไทย) ได้เกิดแผ่นดินไหวใน เฮติที่มีความรุนแรง 7.0 ตามมาตราริกเตอร์ โดยศูนย์กลางแผ่นดินไหวห่างจากกรุงปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของประเทศไปราว 25 กิโลเมตร (หรือ 16 ไมล์) ซึ่งนับเป็นเหตุแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบ 200 ปี เฮติ (Haiti) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐเฮติ (Republic of Haiti) เป็นประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาเหนือ ตั้งอยู่บนเกาะฮิสปันโยลาในทะเลแคริบเบียน โดยมีเกาะเล็ก ๆ ใกล้เคียงด้วย คือ ลาโกนาฟว์ (La Gonâve) ลาตอร์ตู (La Tortue) เลกาเยอมีต (Les Cayemites) อีลาวาช (Île à Vache) ลากรองด์เก (La Grande Caye) และนาวาส (Navasse) โดยประเทศเฮติแบ่งครึ่งเกาะฮิสแปนิโอลากับสาธารณรัฐโดมินิกัน มีพื้นที่ 10,714 ตารางไมล์ (27,750 ตารางกิโลเมตร) มีเมืองหลวงคือกรุงปอร์โตแปรงซ์ (ข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org) ประเทศไทยเราเอง ในส่วนรัฐบาล และหลายหน่วยงานก็เร่งระดมช่วยเหลือด้วยการบริจาคเงินไปช่วยเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากประเทศเฮติอยู่ไกล หากบริจาคเป็นสิ่งของอาจจำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก เพื่อการขนส่งสิ่งของเหล่านั้น ดังนั้น การบริจาคเป็นเงินจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด หากใครได้อ่านบล็อกของผม ก็อยากให้ร่วมอนุโมทนาด้วยกันด้วย เมื่อวานนี้ผมได้ร่วมบริจาคด้วยการโอนเงินไปสมทบทุนกับช่อง 3 จำนวน 500 บาท แม้เป็นเงินไม่มาก แต่หากหลายๆคนรวมกันเข้าก็กลายเป็นเงินจำนวนมหาศาลได้เช่นกัน การร่วมอนุโมทนาเมื่อมีผู้ทำบุญ เราเรียกว่าอนุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนา ขอเพียงเรากล่าวสาธุ และชื่นชมยินดีในการทำบุญของผู้อื่น บุญก็จะสำเร็จแก่เราด้วยเช่นกัน คนไทยเรามีนิสัยที่น่ารักอีกอย่างหนึ่งคือ ชอบช่วยเหลือ ขี้สงสาร…

เฮติ

เขาใหญ่ผู้โดดเดี่ยว

สุขกะภาพ 8 November 200928 August 2019

วันนี้มาอัพเดทเรื่องเจ้าเขาใหญ่ (อ่านเรื่องเจ้าเขาใหญ่ ครั้งแรก และครั้งที่สอง) ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ แดดค่อนข้างแรง กอรปกับกอพลูด่างที่เป็นบ้านชั่วคราวของเจ้าเขาใหญ่ไม่ได้น้ำเลย ตั้งแต่มันมาอาศัยอยู่ ไม่รู้จะรดน้ำไปในหลืบไหนได้ เพราะแค่ใส่น้ำไปบ้านของมันก็จะเจิ่งด้วยน้ำทันที งานนี้ต้องยอมเสียพลูด่างเพื่อรักษาชีวิตเจ้าเขาใหญ่ มีข่าวไม่ดีสำหรับเขาใหญ่ นั่นคือ เขาเล็กผู้น้อง ไม่สามารถลืมตาดูโลกได้แน่ๆแล้ว มันกลายเป็นไข่เน่าตายอยู่ภายใต้เปลือกไข่บางๆนั่น สาเหตุน่าจะเกิดจากการที่ได้รับความอบอุ่นจากอกแม่ไม่เพียงพอ อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่า ถ้ามีไข่ตัวหนึ่งฟักออกมาแล้ว แต่อีกตัวยังอยู่ การดูแลของแม่นกก็จะลำบากมากขึ้น กล่าวคือ ต้องไปหาอาหารเพื่อลูกนกที่ออกมาแล้ว จึงไม่ได้กกไข่อีกต่อไป ส่งผลให้ไข่ใบนั้น ก็คือเจ้าเขาเล็ก ไม่ได้รับการดูแลอย่างเพียงพอ วันนี้ผมได้เอาไข่ออกมาจากรัง และได้ทำการตรวจพิสูจน์โดยละเอียดแล้ว มั่นใจว่ามันเสียชีวิตแล้ว (วิธีทำคือ เอาไข่มาเขย่าดู ถ้ามีเสียงขลุกขลักๆ แสดงว่ามันเป็นไข่เน่าแล้ว วิธีนี้ใช้ได้กับไข่ไก่) เนื่องจากแดดแรง ประกอบกับต้นพลูด่างที่เคยให้ร่มเงาก็เฉาตายเกือบจะหมด ผมเลยหากระดาษไปกั้นแดดให้ พอมีสิ่งแปลกปลอมมาในบ้าน แม่นกก็เกิดความระแวง ไม่กล้าเข้ามาดูแลลูก หรือเข้ามาก็แป๊บเดียว แล้วก็หายไปทั้งวัน สร้างความว้าเหว่โโดดเดี่ยวแก่เจ้าเขาใหญ่ยิ่ง ผมเลยต้องไปเล่นกับมันบ่อยๆ ไปหยิบมันออกจากบ้านโทรมๆนั่นบ้าง เจ้าเขาใหญ่โตกว่าเมื่อครั้งก่อนนั้นมาก คาดว่าอาทิตย์หน้า ถ้าแม่มันดูแลดีๆ น่าจะมีขนที่หนากว่านี้เยอะ น่าสงสารเจ้าเขาใหญ่อยู่เหมือนกัน ที่ต้องมาเสียน้องไปตั้งแต่ยังเล็กๆ เป็นโจทก์ครั้งสำคัญสำหรับแม่นกที่จะต้องดูแลลูกคนเดียวนี้ให้ดีที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้…ว่าแต่ว่า ตอนนี้แม่นกไปอยู่ไหนแล้วนะ ทิ้งลูกอยู่คนเดียวทั้งคืนเลยยย..เอ หรือมันไปพบรักใหม่น่ะ?

อ่านต่อ

ทริปวันเดียว-เที่ยวน้ำตก-นอนเต๊นท์-กาญจนบุรี

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 5 October 201912 November 2019

เป็นอีกหนึ่งปุ้บปั้บทริป..คุยโทรศัพท์กับเพื่อนว่าเสาร์นี้ไปกินข้าวกันมั้ย แค่ชวนกินข้าวร้านดีๆแถวบ้าน รู้ตัวอีกทีมากินข้าวกลางป่าที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติสายน้ำและภูเขาซะแล้ว.. ที่หลับที่นอนคืนนี้อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีห่างจากน้ำตกเอราวัณประมาณ 7 กิโลเมตรติดกับเขื่อนศรีนครินทร์ กางเต๊นท์บนผาที่มองด้านล่างลงมาเป็นเขื่อน ใกล้ๆกันมีน้ำตกที่ไม่ปรากฏชื่อในแผนที่!! สายน้ำเล็กๆที่ไหลผ่านหน้าเต๊นท์พวกเรา คือน้ำที่แบ่งสายมาจากน้ำตกซึ่งไหลลงมาจากภูเขาลงเขื่อน บรรยากาศต้องบอกว่าสุดๆจริงๆ   หลังจากกางเต๊นท์เสร็จก็ลองเดินสำรวจน้ำตกครับ ทีแรกนึกว่าน้ำตกเล็กๆ แต่พอเดินลัดเลาะไปตามเสียงน้ำตกก็พบว่า ไม่เล็กเลย แต่เนื่องจากทางที่เดินลงมาค่อนข้างลำบาก คนก็เลยไม่นิยมมาเล่น กอรปกับค่อนข้างอันตรายนิดนึ่งเพราะด้านล่างเป็นเขื่อน ถ้าลื่นมีหวังไหลลงเขื่อนแน่นอน หลังจากสำรวจเสร็จก็กลับไปทำอาหารกินกันที่เต๊นท์ครับ บรรยากาศทำอาหารกินเองหวนให้ระลึกถึงสมัยเข้าค่ายลูกเสือ สมัยนั้นได้มาม่าปลากระป๋องนี่ก็ถือว่าเลิศแล้ว คืนนี้มีฝนปรอยๆทำให้บรรยากาศเย็นลงนิดนึง นอนฟังเสียงฝนและเสียงน้ำตก บางคนอาจรำคาญ แต่สำหรับผมบอกเลยว่า ฟินนนนน เช้าประมาณตี 5 เปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดกีฬา ออกไปวิ่งที่เขื่อนศรีนครินท์ บรรยากาศต้องบอกว่าคุ้มค่าตื่นมากๆ..หมอกหนาเต็มพื้นที่ ราวกับวิ่งบนสวรรค์ หลังจากวิ่งเสร็จก็กลับมาทานอาหารเช้ากันที่เต๊นท์ และหลังจากนั้นสายๆ ก็เก็บเต๊นท์ และมุ่งหน้าไปหาน้ำตกอีกที่หนึ่ง เราออกเดินทางจากจุดกางเต๊นท์ประมาณ 40 กิโลเมตร ก็มาถึง “น้ำตกแม่ขมิ้น” น้ำตกแม่ขมิ้น เป็นอุทยานแห่งชาติครับ ดังนั้น จึงมีบริการจุดกางเต๊นท์ มีร้านค้าสวัสดิการ เรียกว่าเป็นอีกที่หนึ่งสำหรับคนที่ชอบกางพักแบบกางเต๊นท์ มีเต๊นท์ให้เช่าหรือจะเอาเต๊นท์มาเองก็สะดวก จบปุ้บปั้บทริปแต่เพียงเท่านี้ครับ

กาญจนบุรี น้ำตกแม่ขมิ้น
อ่านต่อ

หย่อนใจ ณ บ้านไร่ อุทัยธานี

ท่องเที่ยว 15 July 201813 June 2019

บรรยากาศต่างจังหวัด ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ช่วงเช้าน่าออกไปวิ่งเสมอครับ ..ลองออกไปสัมผัสดูสัก 10-20 โล

ขับประมาท..ขาดสติ..จะฉิหาย

เรื่องทั่วไป 20 January 2011

บนท้องถนนมีอันตรายมากมาย ไม่แพ้ในสนามรบ จากข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์พบข่าวอุบัติเหตุเกิดขึ้นทุกวัน แต่ละเหตุการณ์ถ้าไม่เสียชีวิต ก็บาดเจ็บสาหัส รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์คือสาเหตุหลัก แต่ถ้าสาวให้ลึกไปกว่านั้น ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลมาจาก “คน” ขับรถนะง่าย แต่จะขับให้ดี ขับยาก ถ้าเหล้าคือน้ำเปลี่ยนนิสัย รถก็คือเหล้าชนิดหนึ่งเช่นกัน บางคนพออยู่หลังพวงมาลัยกลายเป็นอีกคนทันที ใจร้อน ขี้บ่น โมโหร้าย และประมาท!! จากการรวบรวมข้อมูลด้านธุรกิจประกันภัยของสหรัฐฯ เว็บไซต์อินชัวรันส์ดอทคอม เผยผลสำรวจพฤติกรรมในการขับขี่ยานพาหนะ พบว่าทนายความและผู้พิพากษาติดอันดับ 1 ใน 10 ของอาชีพที่มีผู้ขับขี่รถยนต์ อันตรายที่สุด… อันดับ 2 นักการเงินการธนาคาร อันดับ 3 ได้แก่ เจ้าหน้าที่รัฐบาล อันดับ 4-10 ได้แก่ บาร์เทนเดอร์ และพนักงานเสิร์ฟ, นักธุรกิจ, ช่างตัดขนสุนัข, นักการตลาดและนักโฆษณา, ช่างทำผม ช่างแต่งหน้า และนักออกแบบเสื้อผ้า รวมถึงโค้ชฝึกซ้อมกีฬาและพยาบาล ไม่น่าเชื่อว่าอาชีพที่ขับรถยนต์อันตรายน้อยที่สุดจะเป็นนักกีฬา เพราะเคลมประกันอุบัติเหตุเฉลี่ยปีละ 17 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนอาชีพพ่อบ้านและแม่บ้าน ควรจะขับรถอย่างระมัดระวังเพื่อความปลอดภัยของเด็กที่อยู่ในรถกลับเป็นผู้ ขับขี่รถยนต์อันตรายกว่านักกีฬา เพราะสถิติการเคลมประกันแต่ละปีสูงถึง 24 เปอร์เซ็นต์ นักกีฬาที่เราเห็นเขาอารมณ์ร้อนในสนามแข่ง หรือเกือบมีเรื่องต่อยตี เช่นกีฬาฟุตบอล ดูเหมือนเขาใจร้อนอารมณ์ร้าย แต่ความกดดัน ความเหนื่อยในสนามกีฬาทำให้เขาแม้ฝึกความอดทนต่ออารมณ์ทั้งหลายได้ขนาดนั้น ยังระเบิดอารมณ์ออกมากได้ แล้วอย่างเราๆที่ไม่เคยฝึกฝนอารมณ์เหล่านั้นเลยละะ พร้อมที่จะระเบิดได้ตลอดเวลา!! โดยเฉพาะบนท้องถนน น่า่จะเป็นที่ๆไม่ควรจะมีอารมณ์ร้อน หรืออารมณ์ร้าย เพราะอารมณ์เหล่านั้นจะทำลายสติ ทำให้ไม่มีสมาธิในการขับรถ ก่อให้เกิดความประมาท และเกิดอุบัติได้ในที่สุด รถดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่สมรรถนะหรือราคาแพงอย่างเดียว รถที่วิ่งดีจากการขับรถดีนั่นต่างหาก คือ “รถดี”

รู้เขา (แต่)ไม่รู้เรา

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 18 February 2011

Facebook, Twitter หรือระบบ Social Network ตัวอื่นๆที่อนุญาตให้ผู้ใช้โพสต์ข้อความลงบนพื้นที่สาธารณะได้ ทำให้เรารู้จักตัวตนของคนอื่นได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบัน สามารถโพสต์ข้อความได้แบบ Everything Everywhere คือโพสต์อะไรจากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ เมื่อเกิดอารมณ์ ความรู้สึก โกรธ โมโห ดีใจ เสียใจ ตอนไหนยังไง ก็แสดงออกออนไลน์มาได้เลย ข้อดี คือ ถ้าเจอเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุบนท้องถนน หรือที่ไหนก็ตาม เราก็โพสต์แจ้งข่าวสารแด่เพื่อนฝูงและชาวโลกได้เลย ณ ขณะนั้น เพื่อนและชาวโลกก็สามารถรับรู้ข่าวสารได้ในทันที ข้อเสีย คือ ถ้าโมโห โกรธ หรือเจอเหตุการณ์ที่น่าสนใจเข้า ไม่ทันได้พิจารณาให้ดีก็รีบโพสต์แจ้งชาวโลก บางข้อความอาจกลายเป็นการด่า ประจาน หรือนำความลับของคนอื่นมาเผยแพร่ เมื่อไม่นานมานี้ พนักงานต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศจีน เห็นดาราเข้ามาเช็คอินเพื่อพักในโรงแรมที่ตนทำงานอยู่ จึงรีบทวิตเตอร์บอกเพื่อนตัวเอง จากข้อความทวิตเตอร์นั่นเอง ทำให้มีแฟนคลับแห่มาขอลายเซ็นต์ จนดาราคนนั้นที่ตั้งใจจะมาพักผ่อนเงียบๆ ไม่ได้รับความสุขตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก ความรู้ถึงผู้บริหาร พนักงานที่ทวิตเตอร์คนนั้นจึงถูกให้ออกจากงาน ข้อความที่ถูกโพสต์ผ่าน Facebook หรือ Twitter ส่วนใหญ่ออกมาจากความรู้สึกและอารมณ์สดๆร้อนๆของผู้โพสต์ เมื่อก่อนถ้าเราไปเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจบางอย่างเข้า ก็ต้องกลับมาถึงบ้าน > เปิดคอมพิวเตอร์ > ต่ออินเทอร์เนต > เปิดเว็บไซต์ > ล็อกอิน > โพสต์ข้อความ จะเห็นว่ากระบวนการกว่าจะถึงขั้นตอนของการโพสต์ข้อความมีมาก จนทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นเบาบาง หรือแทบจะหายไปหมดแล้ว และการปะติดปะต่อเรียบเรียงเรื่องราวก็เริ่มเลือนลางจำไม่ค่อยไ้ด้ แต่ปัจจุบันขั้นตอนการโพสต์ข้อความจาก 5-6 ขั้นตอนลดเหลือขั้นตอนเดียว คือ โพสต์ได้เลยทันที!! ดีใจ== โพสต์ เสียใจ== โพสต์ โกรธ == โพสต์ด่า เมื่อกระบวนการโพสต์สั้นลง มันจึงไม่ผ่านกระบวนการคิด ข้อความทุกอย่างที่เราโพสต์ มันจะบอกตัวตนของเราทั้งหมด!! ผม Follow นักข่าวหลายคน เพื่อหวังติดตามข่าวสารแบบใกล้ชิด จึงทำให้พบว่า นักข่าวที่เราเห็นเขานั่งอ่านข่าวหน้าทีวีทุกวันนั้น เขาอ่านอย่างเดียวตามสคริปต์ที่มีคนเขียนให้อย่างสวยหรู เพราะข้อความที่เขาโพสต์เองบนทวิตเตอร์ พบว่ามันไม่เหมือนเขาในจอทีวี ในโลก พ.ศ. 2554 เราสามารถเรียนรู้อุปนิสัยใจคอคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ผ่านตัวหนังสือไม่กี่ตัว คำถามต่อไปก็คือ คุณอยากให้คนอื่นๆรู้จักคุณในแง่ไหน?…

facebook twitter

แบ่งตามหมวด

  • say (8)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (61)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (52)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH