Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

รัก

อ่านต่อ

จส.100 รัก

เรื่องสั้นสั้น 6 February 201431 July 2015

เบื้องหน้าของเขาคือถนน 3 เลนที่คลาคล่ำด้วยฝูงรถซึ่งกระเถิบกันไปเต็มพื้นที่ถนนจนหาเลนไม่เจอ ใช้คำกิริยาว่า “กระเถิบ” คงไม่ผิดนัก เพราะรถค่อยๆ ไปทีละสเต็ป ช้ากว่ารถมอเตอร์ไซต์หรือแม้แต่จักรยาน ดีกว่าหน่อยตรงที่มีแอร์เย็นๆ และเพลงเพราะๆ  เขาเลือกที่จะฟังช่องรายงานจราจรแทนที่จะฟังเพลง  มิใช่เพราะอยากรู้เส้นทางไหนรถติดจะได้หลีกเลี่ยง หรือใคร่รู้ในข่าวสารจราจร เขาเพียงอยากได้ยินเสียง ‘เธอ’ ในทุกๆเช้าที่ขับรถฝ่ารถติดไปทำงาน! เวลา 07.00 น. จนถึง 09.00 น. เขาจำช่วงเวลาที่เธอจัดรายการได้ดี เพราะเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องนั่งนิ่งๆอยู่บนรถในถนนอันคับแคบ เขาเฝ้าฟังคนที่โทรไปรายงานผลจราจรจากจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพ น้ำเสียงที่เธอเจรจากับแท็กซี่ หน่วยกู้ภัย ตำรวจจราจร หรือแม้แต่คนทั่วๆไปที่โทรมารายงานผล ช่างไพเราะ น้ำเสียงสดใส แฝงด้วยความเป็นห่วงใยเมื่อสมาชิกโทรมาแจ้งอุบัติเหตุ เธอช่วยติดต่อประสานงานให้ผู้ใช้รถบนท้องถนนที่ประสบปัญหา สามารถผ่านพ้นปัญหาไปได้ด้วยดี เธอ คือ ‘นางฟ้าจราจร’ เขาเฝ้าฝันสักครั้งหนึ่ง อยากจะโทรเข้าไปในรายการบ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะโทรไปรายงานผลอะไร รายงานผลจราจรรึ? เขากังวลที่จะใช้ศัพท์เทคนิคทางจราจร ไม่ว่าจะเป็นขาเข้า ขาออก รถขาเข้าคือทางไหน และรถขาออกคือจากไหนออกไปไหน แล้วถ้าเธอถามกลับมาว่า เราอยู่ในช่วงไหน เราจะตอบเธอยังไงดี? ช่วงกำลังรัก หรือช่วงกำลังคิดถึง ถ้าเธอไม่ตลกกับมุขนี้ละ? เราไม่เก่งเรื่องการจราจร รู้แต่ว่า ณ จุดตรงนี้รถติด แต่ข้างหน้าอีก 100 เมตร 200 เมตร หรือ 500 เมตรจะติดไหม? ถ้ารถไม่ติด แต่เราแจ้งว่าติดจะผิดไหม? เรื่องจะโทรรายงานผลจราจร เป็นอันต้องยกเลิกความคิด รายงานอุบัติเหตุ  ครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นรถกระบะชนท้ายรถเก๋ง ส่งผลให้รถติดเพิ่มความติดทวีคูณยิ่งหนักกว่าเดิม คู่กรณีทั้ง 2 ยังไม่ยอมเอารถออกจากจุดเิกิดเหตุ ต่างโยนความผิดใส่กันไปมา ต้องรอตำรวจมาเจรจาตั้งนานสองนาน รถจากถนน 3 เลนเหลือ  2 เลน ค่อยๆขยับไปจนถึงจุดเกิดเหตุ เขาพยายามเพ่งมองความเสียหายที่เกิดจากการเฉี่ยวชน มีเพียงรอยถลอกเล็กๆจากกันชนหน้า แผลเท่านี้เอาน้ำฉีดแรงๆ ก็หาย แต่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ยอม เขาละอายที่จะโทรแจ้งอุบัติเหตุที่เล็กน้อยแต่ส่งผลให้รถติดได้มหาศาลนี้ และเขาช้ากว่าคนอื่นเสมอ ไม่นานจากเหตุเกิดเขาได้ยินเสียงคนโทรเข้าไปรายงานผลแล้ว เขาคงเหมาะที่จะฟังเธออย่างเดียวจริงๆ สักครั้ง เขาอยากจะฟังเสียงเธอที่คุยกับเขา ไม่ใช่ฟังเธอผ่านวิทยุอย่างนี้ แว่บความคิดหนึ่งเกิดขึ้น เขารีบหยิบโทรศัพท์ รู้สึกมีความสุขเมื่อกดหาเบอร์ที่คุ้น แต่ไม่เคยกดหาแม้แต่ครั้งเดียว…

จราจร จส.100 รัก
อ่านต่อ

รักข้ามมิติ (ตอนจบ)

เรื่องยาว 18 July 201116 June 2019

ในค่ำคืนแห่งวันที่พระจันทร์เต็มดวง ทิวเขายามสัมผัสกับแสงแห่งพระจันทร์ดูราวกับเงาปีศาจยืนเรียงราย

รัก
รักหาย..วาเลนไทน์เดย์</strong data-lazy-src=

รักหาย..วาเลนไทน์เดย์

เรื่องสั้นสั้น 13 February 200931 July 2015

ความรัก..ขณะที่ฉันเฝ้าหามาแสนนาน จนถอดใจ แล้วอยู่ๆ มันก็เป็นฝ่ายมาหาฉันเอง เหมือนวิ่งไล่เงาตัวเอง ยิ่งวิ่งตาม ยิ่งไกลออกไป พอหยุดมันก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง มีคนให้คำนิยามความรักไว้มากมาย บ้างก็ว่าเหมือนไฟที่ใกล้ก็ร้อน ไกลก็หนาว รักคือ…ความซื่อสัตย์ ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์ก้อคงไปด้วยกันไม่ได้ รักคือ…ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจกันก็จะทำให้ทะเลาะกัน รักคือ…อิสระ ถ้าเราไม่ให้อิสระกับคนที่เรารัก คนที่เรารักเขาก็จะไม่รักเรา รักคือ…การเสียสละ ถ้าเราเสียสละแล้วทำให้เขามีความสุขก็ต้องเสียสละ รักคือ…การให้ ให้ในสิ่งที่เราคิดว่ามีเขาความสุข ฯลฯ รักครั้งแรกของฉันเกิดขึ้นเมื่อฉันก้าวสู่รั้วมหาลัย..ชายคนนั้นที่ฉันไม่กล้าแม้จะเดินผ่าน ฉันมีความสุขในสมุดบันทึกที่ได้มีเขามาร่วมบันทึกไว้ด้วย ฉันเขียนถึงเขาวันแล้ววันเล่า จนรู้สึกเหมือนว่าเขาได้มาเป็นแฟนฉันแล้วจริง ๆ นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เมื่อเรามีใจจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากๆ สิ่งนั้นจะกลายเป็นจริง ในที่สุดเมื่อก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 สิ่งที่ฉันจดจ่อมาตลอดก็กลายเป็นจริง ด้วยความบังเอิญที่เหมือนกามเทพดลใจ เขากับฉันอยู่ในกลุ่มที่ต้องทำรายงานด้วยกัน ในกลุ่มมี 4 คน สองคนต้องทำงานคู่ไปกับการเรียน จึงไม่มีเวลามาช่วยงานกลุ่ม มีเพียงเขาและฉัน..และนั่นคือจุดเริ่มต้น เขาเริ่มออกจากสมุดไดอารี่มาสู่ชีวิตจริงของฉัน ยิ่งรู้จักกันมากขึ้น ฉันยิ่งรักเขามากขึ้น ขณะเดียวกันความรู้สึกเล็กๆที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็เกิดขึ้นด้วย ฉันเริ่มรู้สึกว่า ฉันเกลียดเขา!! ความใกล้ชิดทำให้ฉันรู้ว่า.. เขาสูบบุหรี่ ซึ่งฉันแพ้กลิ่นบุหรี่อย่างรุนแรง แต่เขาเป็นคนสะอาด เรียบร้อย พูดจาเพราะ เขาไม่ชอบอ่านหนังสือนอกเวลา แต่ฉันขาดหนังสือไม่ได้ ฯลฯ ฉันอาจจะรู้จักเขาในแบบของไดอารี่ของฉันมากเกินไป เมื่อรู้จักตัวตนของเขาจริงๆ จึงรู้ว่าเขาไม่ใช่ ความจริง ลบกับความคาดหวัง เท่ากับความผิดหวัง ฉันผิดหวังที่เขาไม่อาจะเป็นอย่างที่ฉันหวัง แต่ก็ไม่พร้อมจะเสียเขาไป เหมือนไฟที่ใกล้ก็ร้อน ไกลก็หนาว แต่เราก็ขาดมันไม่ได้ ความรักครั้งที่สองเกิดขึ้นเมื่อฉันก้าวเข้าสู่วัยทำงาน..วัยที่มีความคิดและความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ขณะที่ฉันเป็นพนักงานตัวเล็กๆคนหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามาในชีวิตโดยที่ฉันไม่ได้เชื้อเชิญ แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นความบังเอิญเหมือนรักครั้งแรก เขาแสดงตัวอย่างชัดเจนว่าสนใจฉัน เสนอตัวช่วยงาน ของฝาก ดอกไม้ กระทั่งเลี้ยงข้าว ในทีแรก ฉันไม่ได้แสดงทีท่าว่าชอบเขา แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเกลียด ในที่สุดฉันก็พ่ายแพ้ต่อความดีและความสม่ำเสมอของเขา ฉันพึ่งรู้ในตอนหลังว่าเขามีฐานะการงานในบริษัทค่อนข้างสูง แต่น่าเสียดายที่มีบางอย่างที่ฉันพึ่งรู้หลังจากนี้เหมือนกัน เมื่อเราตกลงเป็นแฟนกัน เขาทุ่มเท รับส่ง เอาใจฉัน ทำราวกับฉันเป็นเจ้าหญิง นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกดี เขาไม่สูบบุหรี่ และชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน ดูเหมือนว่าอะไรๆของเราคล้ายกัน เขาดูเป็นผู้ใหญ่ที่ปกป้องฉันได้ ฉันคิดไกลไปถึงอนาคตที่เราจะแต่งงานกัน ฉันไว้ใจ ให้ใจอย่างไม่มีเหลือ รักคือ…ความซื่อสัตย์ ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์ก้อคงไปด้วยกันไม่ได้ รักคือ…ความเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจกันก็จะทำให้ทะเลาะกัน…

รัก วาเลนไทน์
รักข้ามมิติ อ่านต่อ

รักข้ามมิติ

เรื่องยาว 14 October 200616 June 2019

ชายชราสีหน้าเปื้อนยิ้ม เสยผมที่ขาวโพลน ก่อนเอ่ยปากเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี “ข้าอกหัก” ผู้ที่ใครๆรู้จักในนามลุงมา ผ่านโลกมาแล้วกว่า ๖๐ ปี กว่าครึ่งของอายุแกใช้ชีวิตในชุดสีเขียวเข้ม นั่นคือ เครื่องแบบทหาร ไม่ใช่ข้าราชการทหารทั่วไป แต่ทว่า แกคือทหารป่าลาดตระเวน เมื่อ ๕๐ ปีที่แล้ว แกถูกเกณฑ์ทหาร ไม่ต้องรอให้ใครบังคับ แกเลือกที่จะสมัครไปเป็นทหาร แกเชื่อว่าแกเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ และแกจะซื่อสัตย์ต่อคำตอบท่ีเคยตอบครูไปเมื่อสมัยอนุบาลว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร นักเรียนชายเกือบทั้งห้องตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากเป็นทหาร แต่เอาเข้าจริง เห็นมีแกอยู่คนเดียวที่สมัครเป็นทหาร ลุงมาเข้ารับการฝึกซ้อม เป็นทหารผู้มีระเบียบวินัยเคร่งครัดคนหนึ่ง เมื่อจวนเจียนจะครบกำหนด ๒ ปีที่ต้องอำลาชีวิตทหาร เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติที่ชายแดน ทหารทุกหน่วยถูกเรียกให้ไปปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ นั่นรวมถึงลุงมาด้วย เลือดนายทหารผู้พึ่งผ่านการฝึกฝนอย่างทรหดปะทุเต็มที่ เหตุการณ์ไม่ปกติกลับเข้าสู่ความปกติภายใน ๑ เดือน ทหารฝ่ายลุงมาได้รับชัยชนะ แต่ต้องสูญเสียทหารหาญไปมิใช่น้อย ศพนายทหารหาญทุกนายล้วนถูกลำเลียงมาบำเพ็ญกุศลอย่างสมเกียรติ ทุกอย่างเกือบจะปกติ แต่เมื่อตรวจเช็คตามรายชื่อ มีชื่อตกหล่น ลุงมา ยังไม่กลับมา ลุงมามีชีวิตอยู่หรือว่าเสียชีวิตแล้ว ไม่มีใครทราบ แต่ทุกคนมีความเห็นอย่างเดียวกันว่า เสียชีวิตแล้ว ในการบำเพ็ญกุศลศพนายทหารหาญครั้งนั้น จึงมีรูปลุงมาตั้งอยู่ แต่ไม่ปรากฏศพ “ลุงไปอยู่ไหนมา” ผู้ที่รอคำตอบอย่างจดจ่อ คือ ทิดลั่น ชายชราถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองหน้าไปยังท้องทุ่งอันเขียววจี ต้นตาลริมถนนที่มุ่งหน้าไปยังทุ่ง ตั้งเป็นแถวเรียงราย สายลมพัดต้นข้าวโอนเอนราววงดุริยางค์ประโคมดนตรีขับขาน “ข้าหนึข้าศึกเข้าป่าใหญ่ แต่แกรู้ไหม ที่ป่าใหญ่นั้นมีอะไรรอข้าอยู่” “ไม่รู้” “ข้าได้พบกับโลกใหม่” “ยังไงละลุง” “ที่นั่นนะ ผู้คนแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ถักกันเองอย่างเรียบๆ ปลูกบ้านหลังเล็กๆ ทั้งหมู่บ้านไม่น่าจะถึง ๕๐ คน ทุกคนล้วนสื่อสารด้วยภาษาที่ข้าไม่เข้าใจ” “แล้วลุงทำไง” “ข้านั่งอยู่สักพัก เขาก็เอาผลไม้มาให้ข้า คล้ายๆลูกพุทรานะ แต่ลูกใหญ่เท่าส้มโอ” “โอ้โห..แล้วรสชาติเป็นไงลุง?” ทิดลั่นทำท่าตื่นเต้น “เหมือนมันแกว แต่หวานกว่า” “แล้วไงต่อ..ลุง” “ข้าใช้ชีวิตที่นั่นตามวิถีของคนที่นั่น ข้าลืมบ้านเมืองเราโดยสิ้น เพราะที่นั่นไม่มีเสียงรถ เสียงก่นด่า ไม่มีข่าวโหดร้าย ไม่มีคนโกง ไม่มีคำหยาบ ไม่มีควันบุหรี่ ไม่มี..” “พอๆๆ ลุง แล้วลุงอยู่ได้เหรอ ก็ไอ้ที่ไม่มีๆที่ลุงพูดมานั่นนะ มันมีในตัวลุงทั้งนั้นเลยนา”…

รัก

หลับตา..หาสติ

ไดอารี่ 29 April 2011

เวลาเกิดอุบัติเหตุสิ่งที่ต้องรีบทำที่สุดนอกจากควานหาสติ นั่นคือต้องระงับอารมณ์ อุบัติเหตุที่ว่าหมายถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากรถยนต์ หลายครั้งที่คนอารมณ์ดีๆ กลับต้องหงุดหงิดเสียอารมณ์ถึงขั้นทำร้ายทุบตีหรือยิงกันตายด้วยสาเหตุแค่รถยนต์เฉี่ยวกัน อุบัติเหตุบนถนน ทำให้รถติด เสียเวลา เสียเวลาสำคัญที่สุด เพราะไม่ใช่แค่เสียเวลาบนถนนที่ต้องรอประกันมาเคลมเท่านั้น แต่หมายถึงต้องเสียเวลาต้องนำรถไปซ่อมอู่อีกเป็นอาทิตย์ หรือก็เป็นเดือนๆ แล้วระหว่างที่รถกำลังซ่อมอยู่ละ?? ไม่ได้เป็นเศรษฐีมีโชว์รูมในบ้าน จันทร์ขับวอลโว่ อังคารขับเบนซ์ พุธขับบีเอ็ม พฤหัสขับมินิ ศุกร์ขับปอเช่ซะที่ไหน มีรถเพียงคันเดียว พอมันมีปัญหาก็เป็นปัญหากันหมด อุบัติเหตุ บางครั้งเกิดขึ้นเพียงนิดเดียว แต่ด้วยความไม่รู้จักระงับอารมณ์ และควานหาสติไม่เจอ จึงเกิดความสูญเสียที่ร้ายแรงขึ้น เมื่อเกิดอุบัติ(ที่ใครก็ไม่อยากให้เกิด) ตั้งสติ ระงับอารมณ์โทสะ ถึงเราจะผิดหรือไม่ก็ตาม ถึงอีกฝ่ายจะบันดาลโทสะมากก็ตาม ปั้นหน้าให้ปกติแล้วรีบกล่าวขอโทษถ้ารู้ตัวว่าผิด ลองคิดภาพว่าทั้งสองฝ่า่ยบันดาลโทสะระเบิดอารมณ์ใส่กัน ..กลางถนนอันร้อนระอุ อารมณ์ที่ร้อนเร่า มันจะจบอย่างไร? ปล. พึ่งเกิดอุบัติเหตุ 2 ครั้งใน 1 อาทิตย์ ถูกชนท้าย กับ ถูกถอยมาชนหน้า ควานหาสติแทบไม่ทัน..เฮ้อ

อุบัติเหตุ
อ่านต่อ

ทริปลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ (ตอนที่ ๑)

ท่องเที่ยว 5 February 201625 August 2022
พระธาตุลำปางหลวง ลำปาง อินทนนท์ เชียงใหม่
อ่านต่อ

ไหว้พระวัดโพธิ์

สุขกะภาพ, ไดอารี่ 2 June 201520 October 2017

สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตที่ชาวต่างชาตินิยมชมชอบ คือถ้ามาเมืองไทยแล้วต้องไปให้ได้ (จะไปเองหรือถูกไกด์บังคับพาไปก็ตาม) เฉพาะในกรุงเทพนะ ถ้ามาถึงแล้วต้องไป นั่นคือ วัดพระแก้ว วัดโพธิ์ และวัดไตรมิตร เจอ 3 วัดเข้าไป ก็หมดวันละ เฉพาะวัดพระแก้วกับวัดโพธิ์นี่ก็แทบหมดแรงละครับ กว้างขวางแถมร้อนมากด้วยเช่นกัน แต่สำหรับชาวต่างชาติ ผมว่าคุ้มครับ กับการได้เข้าไปชมสถานที่ๆมีความสวยงามขนาดนั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ได้ตั้งใจจะไปไหว้พระวัดโพธิ์ตามหัวเรื่องที่จั่วไว้ ไปทานข้าวริมแม่น้ำที่ปากคลอง ขากลับมีอันต้องผ่านวัดโพธิ์ พี่ที่ไปด้วยแกมาอยู่กรุงเทพหลายสิบปี แต่สาบานได้ว่าไม่เคยมาวัดโพธิ์เลย จึงต้องแวะพาแกไปไหว้พระสักหน่อย ถึงจะร้อนมากก็ตาม เดิมทีว่าจะข้ามไปฝั่งวัดอรุณฯด้วย แต่ดูท่าจะสู้แรงแดดไม่ไหว วัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร อยู่ติดกับวัดพระแก้วชนิดรั้วเกือบติดกัน กั้นด้วยถนนเท่านั้นเอง แต่การจะเดินไปมาหาสู่กันไม่ใช่เรื่องสนุก เดินกันขาลากหัวเปียกเลยทีเดียว ประวัติวัดโพธิ์ใครใคร่รู้โดยละเอียดก็ไปหาจากอากู๋เอาเองนะครับ อัตราค่าบริการสำหรับคนไทยฟรี ต่างชาติต้องซื้อตั๋ว เอาภาพเล็กๆน้อยๆของวัดโพธิ์ในวันที่แดดแรงมาก มาให้ชมเพียงเท่านี้นะครับ แนะนำให้ไปเที่ยวชมด้วยตนเองดีกว่า ไปง่าย ถ่ายคล่อง รับรองอร่อย

วัดโพธิ์
อ่านต่อ

น.ส. จิกกี๋

สุขกะภาพ 29 June 201328 October 2015

สมาชิกในบ้านที่่สร้างความปั่นป่วนได้ตลอดเวลา

อ่านต่อ

เสด็จสู่สรวงสวรรคาลัย

ไดอารี่ 13 October 20163 November 2017

    * เป็นวันที่โลกมืดมิดและหยุดนิ่ง ได้ยินเพียงเสียงร่ำไห้

สวรรคต ในหลวง

ทำไม..ฝนตกขึ้นฟ้า

เรื่องทั่วไป 4 February 2010

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เป็นเหตุให้ไม่ได้รีวิว แนะนำที่ท่องเที่ยว มีภาำพถ่าย(สวยๆ)มาอวดเลย พึ่งรู้ว่าขาจรส่วนใหญ่ที่พลาดเข้าเว็บผมมาจาก google ด้วยคีย์เวิร์ดเรื่องท่องเที่ยวเป็นหลัก รู้สึกสิ่งที่ตัวเองทำมา 2 อาทิตย์ไม่ไร้ค่าเสียทีเดียว หลังจากอดอาหารคาวในมื้อเย็น และวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้น้ำหนักหายไป 2 กิโลกรัม !!!! ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้หายไปสักอย่างน้อย 5 กิโล วันนี้ตั้งใจจะเล่าเรื่องหนังสืออีกเล่มที่พึ่งอ่านจบไปของคุณวินทร์ เหลียววาริณ “ฝนตกขึ้นฟ้า” ชื่อเรื่องดูธรรมด๊า ธรรมดา จนแทบไม่น่าสนใจ แต่เนื้อหา และวิธีเล่าเรื่องสนุก ได้รสชาติยิ่ง ผมชอบผลงานของคุณวินทร์ ตรงที่แกมีอะไรแปลกๆมาเล่าให้เราอ่านอยู่เรื่อยๆ ด้วยวิธีที่ไม่ซ้ำ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เด่นชัดของคุณวินทร์ คือการตีแผ่สังคมอย่างตรงมาตรงไป ชัดเจน และแรง ประชดประชัน แดกดันได้สะใจ บทรักมีพอได้อรรถรสไม่ถึงกับลึกซึ้งกินใจ แต่พอทำให้ใจไม่ห่อเหี่ยวเกินไปนัก ฝนตกขึ้นฟ้า คุณวินทร์บอกว่า เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นแบบหนังฟิล์มนัว (ถ้าไม่เข้าใจคำว่าฟิล์มนัวก็คลิกดู) ทั้งบทพูด เนื้องเรื่อง เป็นในรูปของภาพยนตร์มากกว่าตัวหนังสือ ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าได้อ่านเรื่องนี้ เหมือนได้ดูหนังเรื่องหนึ่งทีเดียว บทพูด ฉากชัดเจนมาก และเสน่ห์ของงานเขียนคุณวินทร์อีกอย่างคือ แฝงปรัชญา ข้อคิด และคำคมในตัวละครมากมาย ไม่ว่าพระเอก หรือผู้ร้าย มีเหตุผลของตัวเองที่จะทำแบบนั้น ถ้าได้อ่านแค่เหตุผลของผู้ร้าย ผมก็เข้าข้างและเชื่อผู้ร้าย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลจากทางฝั่งพระเอก ตรงนั้นจึงทำให้เราคิด และชั่งใจว่า เหตุผลข้างไหนน่าฟังกว่ากัน ผู้เขียนไม่ได้ชี้ชัดว่า เหตุผลของใครถูก ปล่อยให้ผู้อ่านไปคิดและตัดสินใจเอาเอง นี่ก็คือเสน่ห์อีกข้อของคุณวินทร์ ให้เกียรติผู้อ่านเสมอ  ผู้อ่าน 10 คน ไม่จำเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกันในเรื่องเดียวกันนี้ มองอาร์ตเวิร์ดของเรื่อง “ฝนตกขึ้นฟ้า” แว่บแรกก็นึกแปลกใจ ทำไมภาพประกอบ และเลขหน้าต้องทำกลับหัวให้ผู้อ่านรำคาญใจด้วย แต่พอได้อ่านเนื้อเรื่องจึงเข้าใจ อยากรู้มั้ยครับ ทำไมคุณวินทร์ถึงจัดอาร์ตเวิร์กกลับหัวอย่างนั้น? ผมไม่บอกนะครับ อยากรู้ไปหาซื้ออ่านเอาเอง แต่ยืนยันนะครับว่า .. สนุกกว่าหนังบางเรื่องเสียอีก

อ่านต่อ

ตะลุยแก่งกระจาน

ท่องเที่ยว 12 December 201514 June 2019
เพชรบุรี แก่งกระจาน
อ่านต่อ

ให้อภัยตัวเอง แล้วเริ่มต้นใหม่

ไดอารี่ 11 July 201611 July 2016

ถึงวันนี้(11/07/59) ผมก้าวเข้าสู่การวิ่งมาแล้ว 5 เดือน วิ่งต่อเนื่องทุกอาทิตย์ เฉลี่ยอาทิตย์ละ 20 กิโลเมตร หากยังวิ่งแบบเดิมๆ ฝึกแบบเดิมๆ ก็จะได้ผลเท่าเดิม คือ วิ่งต่อเนื่องได้แค่ 10 กิโล มาถึงเดือนนี้ (กรกฏาคม) ซึ่งเป็นเดือนเกิดของผมเอง ตั้งใจว่าจะฝึกวิ่งทุกวัน อาจจะไม่ได้ถึง 10 กิโล แต่อยากให้ได้ความต่อเนื่อง เพื่อฝึกกำลังขา แต่พอเข้าเดือนกรกฏา ฝนก็ตกเกือบทุกวัน มีผลให้ความตั้งใจต้องล้มไม่เป็นท่า ถึงอย่างไร เมื่อมีโอกาสต้องรีบเข้าสู่โหมดความตั้งใจเดิมให้ได้ “ให้อภัยตัวเอง แล้วเริ่มต้นใหม่” เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไปวิ่งที่กระทรวงสาธารณสุข และนี่คือเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยวิ่งมา เราต้องดีขึ้นเรื่อยๆ

run วิ่ง ออกกำลังกาย

เลือดชาวนา

เรื่องทั่วไป 5 March 2010

หลังจากเปิดหมวดหมู่ใหม่ ก็เลยอัดแต่เรื่องในหมวดหมู่ใหม่ไปเยอะ..วันนี้มาเข้าเรื่องที่อยู่ในหัวตามเดิมบ้าง หลายอย่างเกิดขึ้นและดับไปในหัว บางอย่างดับไปแล้วแต่ยังมั่นอยู่ในสัญญา คือยังจำได้อยู่ แต่บางอย่างได้หายไปแล้วกับกาลเวลา ไอเดีย หรือแรงบันดาลใจเกิดขึ้นในใจผมหลายครั้งมาก แต่น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถรักษาพวกเขาให้อยู่กับเราตลอดไป .. แต่มันต้องมีวิธีสิ ต้องมีวิธีที่จะรักษาไอเดียและแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นในใจ ณ เวลานั้นๆ ให้อยู่กับเราตลอดไป เพื่อใช้เป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตให้ดำเนินไปอย่างถูกต้องตามครรลอง อังคารที่ผ่านมา มีความรู้สึกภาคภูมิใจในอาชีพบรรพบุรุษของผมเกิดขึ้น ซึ่งแทบจะกล่าวได้ว่ามันเกิดขึ้นน้อย และหลังๆแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยกับอาชีพนี้ นั่นคือ อาชีพชาวนา !! ชาวนาผู้น่าสงสาร ทำงานหนักทั้งปี แต่มีหนี้ท่วมตัว ฝนไม่ตกข้าวก็พัง ฝนตกมากข้าวก็เน่า มีลูกสาวลูกชาว ประดาลูกๆ ก็ไม่อยากเป็นชาวนา ไม่มีความภาคภูมิใจในอาชีพบรรบุรุษนี้แล้ว อยากเรียนต่อ เรียนสูงๆ ..ชาวนาผู้น่าสงสาร จะเอาเงินที่ไหนส่งลูกเรียน ในเมื่อข้าวราคาแสนถูก ผลิตผลแต่ละปีก็ย่ำแย่ ไม่น้ำแห้ง ก็น้ำท่วม แต่สุดท้ายด้วยความรักลูก ก็ต้องยอมสละสมบัติชิ้นสุดท้ายอันเป็นที่ทำงานมาทั้งชีวิต นั่นคือ ที่นา !! ชาวนาผุ้น่าสงสารทำนาเหมือนเดิม แตกต่างแต่ว่า นานั้นไม่ใ่ช่ของตนอีกต่อไป ความหวังสุดท้ายอยู่ที่ลูกชายลูกสาวที่ส่งเสียไปร่ำเรียนถึงในกรุง ชาวนาผู้น่าสงสารยังมีสัตว์เลี้ยงที่น่าสงสารยิ่งกว่าอีก นั่นคือ ควาย  ~ โง่เหมือนควาย ไอ้ควาย!! คนฉลาดในเมืองหลวงคอยตักตวงเอาผลประโยชน์จากชาวนาผุ้น่าสงสารที่พลัดหลงเข้ามาในเมืองหลวง กดขี่ข่มเหง คนที่ทนต่อสภาพกดดันนั้นได้ กลายเป็นอดีตชาวนาผู้มีประสบการณ์ทางมิจฉาชีพในเมืองหลวงสูง เขาผันตัวเองเป็นผู้ตักตวงผลประโยชน์ หลอกลวงคนอื่นบ้าง นั่นคือ ผลผลิตจากอดีตที่เจ็บปวดของเขา ชาวนาผู้น่าสงสารที่ไม่เข้าในเมืองหลวง ก็กลับถูกผู้อยู่ในเมืองดั้นด้นไปจนถึงชายทุ่ง หลอกลวงขอซื้อที่ด้วยราคาที่แทบจะถูกกว่าล้อรถยนต์ ความภาคภูมิใจในอาชีพชาวนาเมื่อในอดีตสูญสิ้น เมื่อกล่าวถึงอาชีพนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า “จน” และค่อนข้าง “โง่” จนเมื่ออังคารที่ผ่านมา ผมดูรายการคนค้นฅน ตอน  ตุ๊หล่าง เลือดชาวนา ความภาคภูมิใจในอดีตค่อนก่อตัวขึ้นใหม่ ตุ๊หล่าง เป็นผู้ที่ไม่หยุดคิดในการพัฒนาตนเองและวิชาชีพชาวนาเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง อาชีพชาวนาเป็นอาชีพที่ยิ่งใหญ่ในความคิดของตุ๊หล่าง และเขาทำให้ทุกคนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตุ๊หล่างทำให้ทุกคนรู้ว่า ชาวนา ไม่ใช่อาชีพที่ยากจนหรือถึงจนก็จนแค่ภายนอก แต่ภายในใจนั้นเปี่ยมสุขอย่างล้นเหลือ ชาวนาอย่างตุ๊หล่างมิได้ทำแค่นา แต่ได้ทำหน้าที่ของนักอนุรักษ์ อนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้สารพิษเพื่อฆ่าแมลงในนา แต่เลี้ยงกบ เลี้ยงปลาเพื่อให้ช่วยฆ่าแมลงแทน ให้ธรรมชาติปรับธรรมชาติอย่างสมดุล โดยมนุษย์เป็นแค่ผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด  ตุ๊หล่างบอกว่า รู้สึกตัวเองด้อยพัฒนาลงทันที หากปีไหนไม่ได้ทำนา ทุกปีที่ลงมือทำนา นั่นหมายถึงการได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริง ตุ๊หล่างเลี้ยงข้าวด้วยความรัก…

คนค้นฅน ชาวนา
อ่านต่อ

ละคร “สี”

บ่น, สุขกะภาพ 2 December 201328 October 2015

ภาพทั้งหมดจากสำนักข่าวต่างประเทศ BBC เคยนึกสงสัยเหมือนกันว่า ทำไมภาพข่าวจากต่างประเทศมันถึงดูดี มีศิลปะ ถ่ายทอดภาพออกมาเป็นอารมณ์มากขนาดนั้น ราวกับไม่ใช่เหตุการณ์จริง ราวกับเป็นการจำลองสถานการณ์โดยนายแบบนางแบบมืออาชีพ .. แต่ไม่ใช่ ภาพนี่ถ่ายจาก เหตุการณ์จริง เจ็บจริง ร้อนจริง ลำบากจริง และน่ากลัวจริงๆ  ..ภาพที่ถ่ายทอดออกสู่สายตาชาวโลกก็เลยสมจริง จริงๆ  ________ จนชาวโลกกลัว “บ้านเรามันบ้านป่าเมืองเถื่อน” ตามที่เขาให้คำนิยาม แต่ช่างแม่งเหอะ ___ ชาวโลกจะมองยังไงก็ช่างแม่ง! มัวแต่ไปแคร์สายตาชาวโลกมากจนไม่กล้วทำอะไร  ไม่ได้ว่าสนับสนุนให้มีความรุนแรงนะครับ แต่เชื่อเถอะแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันแน่นอน จะให้ประเทศเราไปทำตามประเทศนั้น ประเทศนี้ มันไม่ได้หรอก เอามาได้ แต่ก็ต้องมาพิจารณาเป็นอย่างๆ และปรับใช้ให้เหมาะสม ___ ถ้าจะเอามาทั้งดุ้น รับรองเละ ต่อภาพจากสำนักข่าว BBC คือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2556 นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้แบ่งมวลมหาชนออกเป็นกลุ่มๆ เพื่อไปยึดสถานที่ต่างๆในกรุงเทพมหานคร รายละเอียดนอกจากนี้จะไม่ขอนำมาเล่าไว้  เพราะเรื่องยังไม่จบ เพียงแต่นำภาพจาก bbc มาแล้วก็เลยอยากอธิบายไว้คร่าวๆ เรื่องราวการประท้วงประจำปี จะจบอย่างไร? จบสวยไหม? ก็ต้องติดตามกันต่อ ___ ในฐานะคนนอกที่ไม่ฝักฝ่ายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นพิเศษ ก็ได้แต่นั่งดูสถานการณ์ห่างๆ อันใดดีเราตบมือให้ อันไหนไม่ถูกต้องเราก็จ้องประณาม … ใช่แล้ว เราอยู่ข้างความถูกต้อง ____ เราไม่สามารถตัดสินได้ว่า ฝ่ายไหนถูก ฝ่ายไหนผิด เราไม่เก่งขนาดนั้น  นั่นจึงต้องนั่งดูไปเรื่อยๆ จนกว่า่ละครเรื่องนี้จะอวสาน ไม่ว่าจะกี่ปีก็ตาม  

แบ่งตามหมวด

  • say (8)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (61)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (52)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH