Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

หนึ่ง

อ้อ..โอเคนึกว่าอ่านไม่ออก อ่านต่อ

อ้อ..โอเคนึกว่าอ่านไม่ออก

เรื่องทั่วไป 22 March 2010

ใช้ชีวิตในโลกอินเทอร์เนตมาเกือบๆ 10 ปี ชีวิตผมจึงถูกเปลี่ยนให้อยู่ในระบบของโลกออนไลน์มากขึ้น ในโลกแห่งความเป็นจริง (จริงๆ อินเทอร์เนตก็คือโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนกัน แต่จริงน้อยกว่า)  มี 3 ช่องทางการสื่อสาร คือ อ่าน พูด และเขียน  โลกอินเทอร์เนต ก็สามารถสื่อสารได้ทั้ง 3 ช่องทางเช่นกัน คือ ทั้งอ่าน พูด และเขียน แต่ช่องทางพูดอาจจะน้อยกว่า เราอาศัยพูดกันผ่านตัวหนังสือ !! ตัวหนังสือสื่อสาร ประสิทธิภาพก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าการพูดกันสักเท่าไร หากทั้งคู่(หมายถึงคู่สนทนา) รู้จักกัน(ดี)มาก่อน เคยคุยกันมาก่อน เพียงเห็นตัวหนังสือก็จะสามารถจินตนาการถึงเสียงของคู่สนทนาชัดเจนอยู่ในหัว เหมือนคุยกันอยู่ตรงหน้าเลยทีเดียว หากแต่ว่่าถ้าไม่เคยคุยกันมาก่อน ไม่เคยได้ยินเสียง หรือไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน เพียงตัวหนังสือแม้สื่อมาด้วยคำธรรมดาๆ ก็อาจถูกอีกฝ่ายตีความหมายเป็นอื่นได้ !! ปัญหานี้ อาจทำให้เราเสียเพื่อน หรือร้ายกว่านั้น เพื่อนอาจกลายมาเป็นศัตรูได้อย่างน่ากลัว เหตุการณ์นี้พึ่งเกิดขึ้นกับผม ในฐานะบล็อกแห่งนี้เป็นบล็อกส่วนตัว จึงไม่แปลกที่ผมจะเล่าเรื่องส่วนตัว.. เรื่องมันเกิดขึ้นจากการคุยกันผ่านตัวหนังสือนี่แหละ.. ผมคุยกับเพื่อนแฟนที่อยู่ต่างประเทศผ่านโปรแกรมยอดฮิต Facebook คุยกันบนกระดานหน้าบ้านเขาเลย  ก่อนหน้าที่เขาจะไปอยู่ต่างประเทศ เราก็เคยไปเที่ยว กิน ดูหนังด้วยกันระยะหนึ่ง จนผมทึกทักเอาเองว่า เออ..เพื่อนแฟนก็เพื่อนเราด้วยคนหนึ่ง วันที่เขาบิน เราก็ไปส่งที่สนามบิน ผมแอบชื่นชนกับแฟนว่า เพื่อนหญิงคนนี้ตัวเล็กแต่ใจใหญ่ ทึ่งกับความกล้าที่่จะบินไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศโดยลำพัง ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังไม่สามารถขนาดนั้น .. หลังจากที่เขาไปต่างประเทศก็หลายปีที่ไม่ได้คุยกัน แต่ก็ได้แอดไว้ใน facebook จนล่าสุดเมื่อวันศูกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 ผมได้ทักทายเขาไปในfacebook และก็ได้การตอบกลับมาด้วยไมตรี ถามสารทุกข์สุขดิบประสาคนที่ไม่ได้คุยกันมาเป็นปี ๆ มันเป็นการสนทนาผ่านตัวหนังสือที่ใช้คนละภาษา คือ เขาพิมพ์อังกฤษมา ผมตอบภาษาไทยไป .. ด้วยความคิดมากของผมเอง ไม่แน่ใจว่าเครื่องที่เขาใช้สามารถพิมพ์หรืออ่านภาษาไทยได้ไหม? จึงถามไปว่า อ่านภาษาไทยได้ไหม? ความหมายคือ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้อยู่อ่า่นภาษาไทยได้ใช่ไหม? เมื่อเขาตอบว่าได้ ..ผมก็ตอบว่า “อ้อ..โอเคนึกว่าอ่านไม่ออก” ไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกหรือประชดประชันแดกดันอะไรแต่อย่างใดเลย เป็นน้ำเสียงตอบบประสาสื่ออย่างเพื่อนคุยกับเพื่อนเท่านั้นเอง แต่คำตอบที่ผมได้หลังจากนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เขาไม่พอใจมากกับประโยคนั้น เขาบอกน้ำเสียงของผมมันเย้ยหยันถึงขั้นดูถูก .. เบื้องต้นผมไม่ทราบว่าเขาโกรธผมจากประโยคไหนที่เราคุยกัน ผมถูกบล็อกไม่ให้ติดต่อใน facebook ยิ่งทำให้ร้อนใจยิ่งกว่าเดิมว่าเกิดอะไรขึ้น ผมให้เพื่อน…

หนึ่ง

Thank You

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 7 August 2008

ได้หนังซีรีส์เกาหลี เรื่อง Thank You (ชื่อไทยไม่รู้ชื่ออะไร)มาจากที่ทำงาน เป็นแผ่นดีวีดี 5 แผ่นๆ หนึ่ง ประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ   ตั้งใจจะลองดูสักแผ่น อยากรู้ว่าละครเกาหลี แตกต่างจากละครไทยเรามากมั้ย เบื่อละครไทยเต็มที เน่าจนไม่รู้จะเน่าอย่างไร ทำซ้ำไปซ้ำมา ก็อปปี้บท ก็อปปี้เนื้อหา จนเอียนจนเลี่ยน จนไม่อยากจะดูละครไทยอีกแล้ว :p   เอาละ..บ่นละครไทยเป็นหอมปาก วกกลับมาที่ละครเกาหลีใหม่..   เรื่อง Thank You เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงบ้านนอกวัย 6 ขวบคนหนึ่ง เธอเป็นเด็กธรรมดา แต่อยู่มาวันหนึ่งมีเรื่องราวที่ทำให้เธอต้องเปลี่ยนไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว.. เธอประสบอุบัติเหตุ ต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ด้วยความผิดพลาดของหมอ ทำให้เธอได้รับเชื้อเอดส์มา !!   เด็กหญิงซื่อๆ น่ารักๆ ช่างพูดจา เป็นที่รักของแม่ และทุกคนในหมู่บ้าน ได้รับเชื้อเอดส์โดยไม่รู้ตัว แต่แม่ของเธอทราบจากหมอ หัวใจแทบสลาย แต่ก็พยายามทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะให้ลูกน้อยได้อยู่ในโลกนี้นานที่สุด และมีความสุขที่สุด   เธอเลือกที่จะไม่บอกใคร แม้แต่ลูกเอง ไม่บอกคนในหมู่บ้าน แต่ก็สอนลูกว่า ถ้ามีอุบัติที่โรงเรียนถึงขั้นเลือกออก ห้ามขอความช่วยเหลือจากใคร ห้ามให้ใครเห็นเลือดเด็ดขาด โดยโกหกว่า เธอเป็นนางฟ้าจากสวรรค์มาจุติ ไม่สามารถให้คนธรรมดาเห็นเลือดได้ และเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามบอกใครเด็ดขาด   เด็กหญิงก็เชื่ออย่างนั้นตามประสาเด็ก..   เด็กคนนี้เป็นเด็กที่โชคร้าย เพราะนอกจากได้รับเชื้อ เอซ ไอ วี มาแล้ว พ่อของเธอก็ยังไม่ปรากฏว่าเป็นใคร คือ เป็นเด็กที่ท้องไม่มีพ่อ ต้องอยู่กับแม่ แม่ต้องส่งเสียน้องชายเรียน และเลียงดูตาที่ความจำเสื่อม แถมต้องดูแลลูกที่มีเชื้อเอซ ไอ วี อีกด้วย..   อีกด้านหนึ่ง หมอ(เป็นผู้หญิง) ที่ทำผิดพลาดให้เด็กหญิงต้องได้รับเชื้อเอดส์นั้น รู้สึกผิดมาโดยตลอด อยากจะเข้าไปขอโทษ อยากจะอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการไถ่โทษ แต่เธอไม่สามารถทำได้ เมื่อตรวจพบว่าตัวเธอเองเป็นมะเร็งในตับอ่อน จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกไม่นาน แต่ก่อนเธอจะสิ้นใจนั้น เธอได้ฝากบอกแฟนของเธอ ให้ช่วยสานฝันของเธอ ช่วยไปสารภาพผิดต่อเด็กหญิงผู้โชคร้ายคนนั้น..   เรื่องราวต่างๆก็เกิดขึ้นจากจุดนี้ครับ…..

อ่านต่อ

จุดเปลี่ยนของชีวิต..คุณลิขิตเองได้(นะ)

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 29 January 201030 June 2016

ผมชอบดูรายการที่เขาสัมภาษณ์คนใหญ่คนโต หรือคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต คำว่า คนใหญ่คนโต ไม่ใช่เฉพาะ นายกรัฐมนตรี, สส. หรือคนร่ำรวมมหาศาลอย่างเดียว แต่หมายถึงคนที่มีความสุขในชีวิต มีอาชีพที่มั่นคง และได้ชื่อว่าประสบแล้วซึ่งความสำเร็จในชีวิต รายการแบบนี้มีน้อยเต็มทีในทีวีบ้านเรา เห็นมีเจาะใจที่ยังยืนยันยึดมั่นทำรายการแบบนี้มา ส่วนวู้ดดี้ เป็นรายการสัมภาษณ์เช่นกัน แต่สัมภาษณ์ดารา อิงกระแส เน้นถามแรงๆ แปลกๆ .. ส่วนสาระนั้นแทบไม่มี เมื่อวานนี้ผมได้ดูรายการสัมภาษณ์แบบนี้ 2 รายการ ไหนๆ ก็บอกไว้แล้วว่ารายการทำนองนี้มีสาระ ก็จึงต้องหาสาระจากการดูมาเล่าสู่กันฟังซะหน่อย รายการแรกบังเอิญได้ดูเมื่อตอนหัวค่ำ คม ชัด ลึก โดยพิธีกรน่ารัก อายุเท่ากันกับผม จอมขวัญ กัลยา แกได้ไปสัมภาษณ์คุณประเสริฐ รุ่งโรจน์ ผู้เป็นเจ้าของหนังสือ “แกะดำทำธุรกิจ” คำว่าแกะดำในความหมายของคุณประเสริฐ คือ การทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามคนหมู่มาก การสร้างทางเลือกใหม่ให้แก่ชีวิต การเลี้ยวขวาขณะที่คนหมู่มากเลี้ยวซ้าย ไม่ใช่คนขวางโลก แต่เป็นการคิดและการทำอย่างมีเหตุผลซึ่งแกทำและประสบความสำเร็จมากว่า 20 ปีแล้ว ..แกะดำของคุณประเสริฐน่าสนใจมั้ย? คุณประเสริฐเริ่มต้นชีวิตการทำงานจากศูนย์ แกจบวิศวะ แต่มาเริ่มทำงานด้านโฆษณาตอนอายุ 29 แกเริ่มต้นงานโฆษณาจากศูนย์จริงๆ เพราะแกไม่รู้จักกระทั่งคำว่า “อาร์ตเวิร์ก” คืออะไร แต่ 2 ปีผ่านไปทุกอย่างก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จอย่างล้นลามอย่า่งในปัจจุบัน จุดเปลี่ยนของคุณประเสริฐคือ ตอนที่ท่านประสบอุบัติเหตุ ต้องนอนนิ่งๆอยู่ในห้องไอซียูถึง 3 อาทิตย์ ตรงนั้นเองทำให้ท่านคิด และพิจารณาถึงวงจรชีวิตที่เป็นวงกลมอันนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ จากหลังมือเป็นหน้ามือ คุณประเสริฐบอกว่า คีย์เวิร์ดสำคัญของการประสบความสำเร็จ คือ การตั้งคำถามอย่างถูกต้อง การตั้งคำถามอย่างถูกต้อง จะนำไปสู่การหาคำตอบที่ถูกต้องเช่นกัน เมื่อตั้งคำถามผิด คำตอบก็จะหาไม่ได้ เมื่อไม่ได้คำตอบในชีวิต การดำเนินชีวิตจะดีได้อย่างไร แกะดำ ไม่ได้สอนให้ทำธุรกิจด้วยตัวเองอย่างเดียว แต่สอนให้รู้จักคิดต่าง เพื่อสร้างความสุขในชีวิต ในหน้าที่การงาน ให้ออกจากวงกลมของชีวิตของแกะขาว กล่าวคือ ตื่นเช้า ไปทำงาน พักเที่ยงกินข้าว เย็นกลับบ้าน นอน เช้าวันใหม่ ก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ..นั่นคือ แกะขาวของคุณประเสริฐ จากการได้ดูการสัมภาษณ์ ทำให้ผมเริ่มอยากรู้จักวิถีชีวิตของแกะดำมากขึ้น วันนี้เลยสั่งซื้อหนังสือของคุณประเสริฐมา 1 เล่มก่อน…

แกะดำ
อ่านต่อ

Solo Camping | กางเต็นท์คนเดียว

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 30 January 202213 March 2022

เป็นครั้งแรกของผมสำหรับการออกเที่ยวคนเดียว และโดยเฉพาะการเที่ยวแบบแคมป์หรือกางเต็นท์นอน เป็นความอยากที่เก็บไว้มานานแล้ว เมื่อมีโอกาสจึงขอลองสักครั้ง และครั้งนี้ผมเลือกที่นี่ครับ Lakeview Cafe กาญจนบุรี หลังจากดูรีวิจากที่คนอื่นเขาเคยมาแล้ว ภาพภูเขาที่สะท้อนกับทะเลสาปเหมือนภาพวาดดึงดูดใจราวกับมีเสียงเรียกร้องให้ผมมาเยือนทุกค่ำคืน ในที่สุดผมก็มาตามคำเรียกร้อง และก็ไม่ผิดหวังเลย ภาพในหัวที่คิดกับสถานที่จริงไม่แตกต่างกันเลย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีไม่กี่ครั้งที่ความคาดหวังจะกลายเป็นความผิดหวังเมื่อเจอของจริง ที่เป็นเช่นนั้น เพราะคนส่วนใหญ่นำเสนอแต่มุมที่สวยงามและถ่ายภาพเฉพาะมุมที่สวยที่สุดเท่านั้น แต่ที่นี่ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมรับรองได้ กับราคาค่ากางเต็นท์คืนละ 300 บาท มีจุดให้ต่อไฟ มีห้องน้ำแยกชายหญิง ผมว่าคุ้มค่ามากครับ ทริปนี้ผมใช้เต็นท์ขนาดเล็กที่พกพาง่ายและเบาอย่าง naturehike หลังจากทำอาหารเย็นอย่างง่ายๆ กินเสร็จแล้ว ก็นั่งชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน แม้จะเริ่มย่างเข้าฤดูร้อน แต่พอหลังตะวันตกดินอากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ จนกระทั่งก่อนเข้านอนในเวลา 5 ทุ่ม ผมเช็คสภาพอากาศอยู่ที่ 18 องศา นอนหลับสบาย การได้ใช้ชีวิตคนเดียวแบบเงียบๆ ทำให้ใจผมสงบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รอบตัวได้ยินเพียงเสียงสรรพสัตว์ ไม่มีเสียงรถราและผู้คน ค่ำคืนนี้มีแต่เราผู้เดียว ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างช้าช้าโดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น ลองไปเที่ยวแบบนี้ดูสักครั้งนะครับ แล้วจะพบว่าตัวเราที่เรารู้จัก อาจไม่ใช่ตัวเราที่เราเป็นก็ได้.

Lakeview กาญจนบุรี
อ่านต่อ

3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอนกับอากาศ 3 องศา

ท่องเที่ยว 8 December 201917 March 2020

เที่ยวอินทนนท์มาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้อยากสัมผัสกับบรรยากาศหนาวจริงๆของอินทนนท์สักครั้งหนึ่ง จึงเป็นที่มาของทริป “3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอน” ขอรวบรัดตัดความข้ามเรื่องการเดินทาง วาปทีเดียวมาโผล่ที่อินทนนท์เลยละกันนะครับ ฉากแรกของทริปนี้คือที่นี่ครับ โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน คิดแค่ว่าขนเต๊นท์ขึ้นบนรถแล้วไปหาที่กางเอาดาบหน้าที่อินนทนนท์ เปิดกูเกิ้ลเห็นแว่บๆว่ามีที่กางเต๊นท์ชื่อชลธารวิว แต่พอไปถึงสถานที่จริง รู้สึกว่าไม่เหมือนที่คิดไว้สักเท่าไร ขณะขับออกมาจากตรงนั้นนิดหนึงก็พบที่แห่งนี้ครับ ค่ำคืนแรกในเต๊นท์บนอินทนนท์ หนาวสะใจมากครับ ..พอพระอาทิตย์ตกดินอากาศลดลงเหลือ 3 องศา หนาวจนหมูกระทะที่สั่งมากินหน้าเต๊นท์ไม่สามารถปิ้งย่างได้ ต้องรีบหลบเข้าเต๊นท์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหนาวลดลง หลังจากค่ำคืนที่หนาวเหน็บผ่านพ้นไป เช้ารุ่งขึ้นก็ยังอุตส่าแหกขี้หูขี้ตาขึ้นไปบนยอดดอยอินทนนท์อีกนะ เราว่าเราไปเช้าแล้วคือออกไปตอนตี 5 ครึ่ง ปรากฏว่ามีคนไปเช้ากว่าเราอีก คนบนนั้นเยอะจนรถติด สุดท้ายจึงลงมาหาข้าวกินข้างล่าง คืนที่สอง “ลานกางเต๊นท์ต้นสน อุทยานแห่งชาติอินทนนท์” อุทยานแห่งชาติอินทนนท์มีจุดกางเต๊นท์ที่เป็นของอุทยานและมีค่าบริการถูกมากครับเพียงคืนละ 50 บาท ที่นี่จึงเป็นที่พักสำหรับคืนที่สองของทริปนี้ และเช่นเคยครับ “นอนเต๊นท์” ข้อดีของคืนที่สอง คือ ที่นี่ความหนาวลดลง หรืออุ่นขึ้นนั่นเอง ที่นี่อากาศอยู่ที่ประมาณ 10 องศา (แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีสำหรับผม) ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือเดินไปไม่ไกลจากจุดกางเต๊นท์ที่เป็นป่าสนนี้ ก็จะมีร้านอาหารให้บริการอย่างหนาตา คืนที่สองนี้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวเท่าคืนแรก มีนักท่องเที่ยวที่ชอบนอนเต๊นท์มากันอย่างหนาตา แต่ก็ไม่หนาแน่นจนอึกกระทึก เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเก็บเต๊นท์รอจนน้ำค้างที่เกาะเต๊นท์แห้งดีแล้ว ก็เก็บข้าวของกลับบ้าน. ทริปนี้อยากสัมผัสความหนาวบนอินทนนท์ ก็ถือว่าได้ดั่งใจ ทริปหน้าไปไหนเดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง

อินทนนท์

สุดยอดภาพแห่งปี 2008

สุขกะภาพ, เรื่องทั่วไป 4 April 2009

ช่วงนี้มีแต่เรื่องเครียดๆ ทั้งการบ้านการเมือง, ผู้ชุมนุม, ปัญหาเศรษฐกิจ ไหนจะปัญหาระหว่างประเทศ (ไทยกะเขมรยิงกันสนั่นเมือง(เมื่อวานนี้)) ข่าวโน่นข่าวนี่ มีแต่ข่าวเครียดๆ เมื่อเป็นดังนี้แล้ว มาหาอะไรที่มันบันเทิงเริงใจ ดูแล้วทำให้ใจสดชื่น คิดไปในทิศทางบวกดีกว่า เว็บไซต์ต่างประเทศรายหนึ่ง เปิดให้ผู้ชมส่งภาพและโหวตภาพกัน และจากกิจกรรมนี่เองทำให้เราได้ชมภาพ น่ารักๆ ขำๆ จากทั่วโลก ภาพต่อไปนี้ที่ชนะโหวดนะครับ แต่ผมไม่ได้เรียงว่าอันไหนได้ที่ 1 ที่ 2 หรือที่ 3 แต่ละรางวัลเขามีชื่อด้วยนะครับ เช่น รางวัลภาพ  “Specail Animal world” เอามาดูกันเพื่อสร้างรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก .. (ถ้าภาพเล็กกรุณา Refresh หน้านี้ หรือกด F5)     เห็นภาพนี้แล้วคิดถึงภาพยนตร์ไทยเรื่อง “โคลิค เด็กเห็นผี”   จ๊ะ..เอ๋ อิริยาบถของเจ้าป่าอย่างสิงโตแบบนี้ ไม่เคยเห็นกันแน่ๆ   ภาพนี้น่ารักมั่กๆๆ.. ภาพอันสุดท้ายนี่เหลือเกินจริง ๆ แต่คงถูกใจคนที่เกลียดทหาร –_-“

เมมโมรี่

เรื่องทั่วไป 26 August 2008

พึ่งเช่าวีซีดีเรื่อง เมมโมรี่ รัก-หลอน มาดู หนังแนวลึกลับ ซ่อนเงื่อน มีปมอดีต เมมโมรี่ ในหนังเรื่องนี้ หมายถึงความทรงจำที่แย่ๆในอดีต ซึ่งมีผลในปัจจุบัน ทำให้คนๆหนึ่งมองโลกแปลกไป มองโลกในแง่ร้าย เกลียด กลัว สำหรับตัวละครที่รับบทนี้คือ คุณใหม่ เจริญปุระ   ใหม่เป็นอิงอร ที่ถูกพ่อข่มขื่นตั้งแต่เด็กจนเป็นสาว เธอจึงเกลียดพ่อ ลามไปถึงเกลียดผู้ชายทุกคน เกลียดแม่ตัวเองที่ไม่ห้ามพ่อ ปล่อยให้เรื่องเลวร้ายนี้เกิดขึ้นกับเธอ   เธอโตมาด้วยความรู้สึกแบบนี้ จนเธอมีโอกาสแต่งงานกับเศรษฐีคนหนึ่ง ซึ่งแต่งไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ เธอก็เจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบเดิมๆอีกครั้ง กล่าวคือ สามีของเธอชอบใช้ความรุนแรงกับเธอ ขืนใจเธอ จนเธอมีลูก เธอแบบวางยาพิษชนิดสะสมให้สามีกิน จนกระทั่งสามีตาย เธอจึงได้พาลูกไปอยู่ที่อื่น จนมาเจอกับอนันดา หมอโรคจิต (หมอรักษาคนโรคจิต) อิงอรมักทำร้ายลูก เมื่อลูกขัดใจเธอ แต่เมื่อทำร้ายแล้วก็รู้สึกผิด รู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่ได้ทำ (อาการแบบนี้เกิดขึ้นกับหลายๆคน มากหรือน้อยเท่านั้น ผมก็คนหนึ่ง เคยเป็นแบบนี้บ่อยครั้ง) ขณะที่หมออนันดาพยายามจะช่วยเธอกับลูก แต่ถูกปฏิเสธ อนันดาเองก็มีเมมโมรี่เล็กๆอยู่ในอดีตเช่นกัน เมื่อมาเจอกับอิงอร เขาจึงรู้สึกสงสาร เห็นใจ และเกิดความรักในที่สุด แต่อิงอร เธอไม่รู้สึกเช่นนั้น เธอเกลียดผุ้ชาย สุดท้ายเธอก็ลงมือทำแบบเดิมอีกครั้ง นั่นคือวางยาหมอ   แต่ครั้งนี้หมอยังไม่ถึงฆาต.. ปมประเด็นทั้งหมดจะถูกเปิดเผยออก ความลับ และเมมโมรี่ร้ายๆในอดีตของอิงอรน่ากลัวขนาดไหน และเมมโมรี่ของอนันดาคืออะไร …ลองแวะร้านเช่าวีซีดีมาชมดูกันครับ   ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ แน่นอนว่า ไม่เชื่อว่าโลกนี้มีผี สิ่งที่ทุกคนเรียกว่าผีนั้น เป็นโรคเมมโมรี่นี่เอง โรคของความทรงจำร้ายๆในอดีตคอยหลอกหลอน และเกิดภาพซ้อนในสมอง อยู่กับความจริงแท้ และความจริงเทียมจนแยกไม่ออกว่าอันไหนคือจริง อันไหนคือแท้ ท้ายที่สุดก็เป็นโรคประสาท โรคบ้า เห็นอะไรแปลกๆที่คนอื่นไม่เห็น   คนที่กลัวผีน่าจะลองดูหนังเรื่องนี้นะครับ ถ้าทฤษฏีของหนังเรื่องนี้ถูก ผีไม่น่าจะมีในโลก   ป.ล. เมื่อคืนนั่งดูรายการ จับเข่าคุย แขกรับเชิญคือคุณสมจิตร จงจอหอ ฮี่โร่โอลิมปิก ปักกิ่งเกมส์ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว สมจิตรก็มารายการนี้ แต่อารมณ์ตรงกันข้ามกับครั้งนี้ ตอนนั้นเขากลับจากโอลิมปิกอย่างผู้แพ้ เขาท้อ…

ใจหายไปเลย

ไดอารี่ 8 September 2008

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เขียนเลย ไม่อยากจะอ้างงาน อ้างโน่น อ้างนี่ ท้ายที่สุดแล้ว ก็คือความขี้เกียจและไร้วินัยในตัวเอง   สถานการณ์บ้านเมืองก็ยังคลุมเครือ จะไปต่อก็ไม่ได้ ถอยไปก็ยาก อยู่อย่างงงๆ กันต่อ ก็ต้องรอดูกันต่อไปอย่างมีสติ ช่วงนี้ต้องพิจารณาข่าวกันอย่างมีสติมากขึ้น ข่าวมาจากไหน เป็นกลางหรือเอนเอียงก็มีผลต่อการพิจารณา อย่าตื่นข่าวเกินเหตุ ~ บอกตัวเอง เมื่ออาทิตย์ก่อน (ประมาณวันที่ 31 สิงหาคม) พึ่งรู้ตัวว่า ATM หายไป รู้ตัวตอนที่จะกด ATM ตอนประมาณ 5 ทุ่ม รีบมานั่งทบทวนว่ามันหายนานแค่ไหนแล้ว โชคดีว่า มันพึ่งหายได้วันเดียว ที่ว่าโชคดี เพราะบางครั้ง ระยะเวลาระหว่างการกดเงินมันห่างกันเป็นอาทิตย์ กว่าจะรู้ตัวเงินอาจหมดจาก ATM แล้วก็ได้ รีบโทรไประงับบัตรและเช็คยอดเงินว่าอยู่ครบมั้ย   ตอนที่รอคำตอบจากคอลเซ็นเตอร์ตอนเช็คยอดเงิน ใจระทึกมาก อารมณ์ประมาณโทรไปถามผลสอบจากเพื่อนที่กำลังดูจากป้ายประกาศให้ ถึงแม้ ATM จะมีรหัสป้องกัน หากกดผิด 3 ครั้ง มันจะยึดบัตร แต่อย่าลืมว่าบัตร ATM ในปัจจุบันอยู่ในรูปของบัตร DEBIT ด้วย นั่นคือ สามารถใช้รูดเงินได้ .. ผมเริ่มใจคอไม่ดี   แต่สุดท้าย ยอดเงินในบัญชีก็อยู่ครบจากเหตุการณ์นี้ ผมเลยมานั่งตรึกตรองว่า ATM หายตอนไหน ที่ไหน ยังไง? เพราะปกติผมเป็นคนค่อนข้างรอบคอบในเรื่องนี้ คิดไปคิดมา ก็เลยจำได้ว่า น่าจะเกิดขึ้นที่ตลาดคลองตัน ขณะกดเงินอยู่นั้น บังเอิญโทรศัพท์เข้า ผมรับโทรศัพท์พร้อมกับหยิบเงินใส่กระเป๋า แต่ลืมหยิบบัตรมาด้วย!! ปัญหาจาก ATM หายที่ตามมาก็คือ การต้องไปธนาคารเพื่อทำ ATM ใหม่ ปกติของธนาคารไทยพาณิชย์ สามารถไปทำใหม่ที่สาขาไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสาขาที่ได้ไปเปิดบัญชีไว้ก็ได้ ผมเปิดบัญชีไว้ที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน แต่จะไปทำ ATM ใหม่ที่สาขาคลองตัน ปรากฏว่า สมุดบัญชีผมด้านหลังไม่มีลายเซ็นต์ของพนักงานที่เปิดบัญชีให้ จึงไม่สามารถทำได้ในสาขาอื่น ต้องไปที่สาขาที่เปิดบัญชีเท่านั้น !!   ถามว่ากรณีนี้ ผมผิดเหรอ?“คุณไม่ผิดหรอกครับ..เจ้าหน้าที่เขาลืมเอง” พนักงานชายตอบในเมื่อพวกคุณผิดเอง…

atm
อ่านต่อ

หลับให้สบายเถอะ..ลูกรัก

ไดอารี่ 19 July 200930 June 2016

ผมเลี้ยงกระต่ายมาปีกว่าแล้ว มันชื่อจุ๊บๆ น่ารัก เชื่อง ซน กัดแทะทุกอย่างในบ้าน ตั้งแต่ไม้กวาด สายไฟ กระเป๋า ผ้า จนถึงขนตัวเอง ผมเคยซื้อกระดิ่งผูกคอให้ มันรำคาญแต่กัดกระดิ่งออกไม่ได้ เลยกัดขนตรงคอที่มีกระดิ่งซะเกลี้ยงเลย เริ่มเชื่อรึยังว่ามันเป็นสัตว์สัญชาติแทะ ผมเลี้ยงจุ๊บจุ๊บแบบปล่อย ไม่เคยขังกรง ปล่อยให้อยู่ที่ระเบียงมีร่มเงา กรง และโพรงให้ จุ๊บจุ๊บอึฉี่เป็นที่เป็นทาง มันมักจะเข้าไปอึฉี่ในกรงที่ด้านล่างมีถาดรองอึมันอยู่ ด้วยความที่ถูกเลี้ยงแบบปล่อย จุ๊บจุ๊บจะติดคนมาก เวลากลางคืนมักจะออกมาเล่นกับผม มาคลอเคลีย เอาหัวมาซบ (ส่วนใหญ่ซบขาเพราะผมนั่งบนเก้าอี้) จุ๊บจุ๊บชอบให้ลูบหัว ไม่ว่าสิ่งที่ลูบนั้นจะเป็นมือหรือเท้าก็ตาม อาหารที่ชอบที่สุด คือ ขนมปังฟาร์มเฮาส์ แต่อาหารที่ขาดไม่ได้คืออาหารเม็ดของซีพี พอได้ยินเสียงถุงพลาสติก จุ๊บจุ๊บเป็นต้องหูผึ่งวิ่งปรี่มาหา นึกว่ามีขนมให้กิน จุ๊บจุ๊บมักร่าเริงในเวลากลางคืน และหลับในเวลากลางวัน เมื่อวานนี้ (19 ก.ค. 52) ฝ้าในห้องผมพังลงมา ด้วยเจอลมแรง ผมไม่คิดเลยว่า ฝ้าที่ตกลงมานั้น เป็นสัญญาณแห่งความสูญเสียในครั้งนี้ ผมจำเป็นต้องพาจุ๊บจุ๊บไปอาศัยอยู่ที่อื่นก่อนสักพัก เพื่อเจ้าของหอจะได้มาซ่อมฝ้า เหตุที่ต้องพาไปที่อื่นก่อน เพราะจุ๊บจุ๊บไม่ถูกอนุญาตให้อยู่ในหอนี้ ..ใช่ มันเป็นแรงงานต่างด้าว ใช้ความน่ารักน่าเอ็นดูให้คนพอใจคลายเหงาแลกกับอาหารไปวันๆ ผมพาจุ๊บจุ๊บขึ้นรถเมล์โดยใส่ในกระเป๋าผ้า จุ๊บจุ๊บไม่ดิ้น ไม่งอแงเวลาอยู่ในกระเป๋าแม้จะต้องนอนคดอยู่ในนั้นร่วมชั่วโมง ผมเห็นแววตาซื่อและเศร้าของมันตลอดเวลาแห่งการเดินทางครั้งนี้ ณ ที่ๆจะฝากจุ๊บๆนั้น เป็นบ้านสองชั้น และมีสนามหญ้าอยู่หน้าบ้าน โดยสนามหญ้ามีรั้วกั้นมิดชิด แม้จะมีสุนัขอยู่ในบ้านก็หมดห่วง เพราะรั้วสูงและแข็งแรงพอที่จะปกป้องจุ๊บจุ๊บได้ พอเท้าแตะสนามหญ้า จุ๊บจุ๊บวิ่ง กระโจน และกัดกินยอดหญ้าอ่อนด้วยความสุข มันไม่เคยสัมผัสกับธรรมชาติแบบนี้มาก่อน อยู่แต่ในตึก มีแต่ปูนจนเข้าใจว่า นั่นคือพื้นโลก ไม่เคยรู้จักพื้นดินและต้นหญ้า จุ๊บจุ๊บมีความสุข นอนกลางวันอย่างที่เคย ผมเห็นดังนั้น ก็ดีใจ แม้จะเห็นพญามัจจุราชวิ่งอยู่รอบๆรั้วด้านนอก ก็ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ผมคิดแต่ว่าหมาเข้าไปทำอันตรายไม่ได้ แต่ลืมคิดไปว่า..กระต่ายมันอาจจะออกมาให้หมาทำอันตรายเสียเอง !! พออาทิตย์ตกดิน ความมืดเข้าปกคลุม จุ๊บจุ๊บเป็นกระต่ายขี้เหงา ชอบให้คนคลอเคลียลูบไล้  มันจึงออกจากรั้วอย่างไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะตั้งแต่เกิดมา มันยังไม่เคยเจอใครที่คิดจะทำร้ายหรือเอาชีวิตมันเลย ทุกอย่างบนโลกนี้เป็นสิ่งสวยงามสำหรับจุ๊บจุ๊บ พอขาก้าวแรกพ้นรั้วเท่านั้น หมาที่อยู่ด้านนอก เหมือนเจอของเล่นมีชีวิต มันตระครุบ กัด ฟัด จนจุ๊บจุ๊บสิ้นใจ ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย…

จุ๊บจุ๊บ

08-08-08

เรื่องทั่วไป 8 August 2008

ไม่ได้ใบ้หวยแต่อย่างใดครับ แต่ชื่อหัวข้อนั่นมาจากวัน เดือน และปีนี้ ชาวจีนถือว่าเลขแปด เป็นเลขมงคล เพราะแปดตามเสียงของภาษาจีนกลางออกเสียงว่า ปา ซึ่งมีความหมายว่ารวย เมื่อเลขแปดมารวมกันถึงสามตัว ก็มีความหมายว่า รวย รวย รวย แสดงว่าคนจีนถือเงินทอง ความร่ำรวยถือเป็นมงคล แต่คงไม่ใช่เฉพาะคนจีน เดี๋ยวนี้ใครต่อใครต่างถือว่า เงินทอง ความร่ำรวยเป็นมงคลทั้งนั้นแหละครับ ขัดแย้งกับพระพุทธศาสนาอย่างสิ้นเชิง ปากก็บอกว่านับถือพุทธๆ แต่เที่ยวถือเงินทองเป็นมงคลนี่ ขัดต่อพุทธเห็นๆ พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนว่า เงินทองเป็นมงคล แต่ได้สอนมงคล ๓๘ ประการไว้ เริ่มตั้งแต่ อเสวนา จะ พาลานัง ปัณฑิตานัญจะ เสวนา..การไม่คบคนพาล๑ การคบหาแต่บัณฑิต๑..เป็นต้น ก่อนที่พระองค์จะทรงสอนมงคล ๓๘ ประการนั้น ก็มีการถกเถียงกันในหมู่นักปราชญ์มานานนมแล้ว ว่า อะไรกันแน่เป็นมงคล บ้างก็ว่า สิ่งที่ได้ฟังแล้วไพเราะหู นั่นแหละเป็นมงคล บ้างก็ว่า สิ่งที่ได้เห็นแล้วเกิดความปลาบปลื้มบันเทิงใจนั่นแหละเป็นมงคล บ้างก็ว่า อารมณ์ที่เกิดในจิตใจที่เป็นอารมณ์ที่เป็นกุศล นั่นแหละเป็นมงคล หากสนใจเนื้อหามงคล ๓๘ โดยละเอียด คลิกที่นี่เลยครับ วันนี้ไม่ได้ตั้งใจมาเล่าเรื่องมงคล แต่มากล่าวถึงเลขมหัศจรรย์ 08-08-08 อีกนานกว่าจะเวียนบรรจบมาพบกับเลขวัน เลขเดือน และเลขปีเช่นนี้อีก ส่วนเรื่องที่ว่าเลข 8 ถือว่าเป็นเลขมงคล มีความหมายว่า รวย รวย รวย นั้น ผมไม่สู้จะตื่นเต้นเท่าไรนัก พระพุทธเจ้าสอนอย่างชัดเจนแล้วครับ มงคล ๓๘ ประการดังกล่าวแล้วข้างตน วันนี้เป็นวันสุดยอดมงคลของจีน นอกจากจะเป็นวันมงคลดังกล่าวแล้ว วันนี้เป็นวันเปิดงานโอลิมปิกที่จีนอีกด้วย.. ยิ่งใหญ่ทีเดียว และนับจากนี้ ก็คงจะได้ติดตามมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติ จะรอดูว่า ปีนี้เป็นปีอภิมหามงคลของจีนหรือไม่ ถ้าเป็นของจีนจริง จีนต้องได้เป็นจ้าวเหรียญทอง จะรอดูและรอเชียร์ ~

ปราสาทพระวิหาร..มรดกใคร? มรดกโลก

เรื่องทั่วไป 8 July 2008

วันนี้ชาวเขมรต่างโห่ร้องดีใจกันทั่วหน้าครับ หลังองค์การยูเนสโกมีมติให้ปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ผมในฐานะคนไทย ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ หรือแย่อะไรมากมายอย่างที่ข่าวนำเสนอ ข่าวพยายามนำเสนออาการของคนสองประเทศ ประเทศหนึ่ง(เขมร) โห่ร้องดีใจ ตัดฉับมาที่อีกประเทศหนึ่ง(ไทย) เสียใจผิดหวัง อารมณ์ประมาณบอลยูโร ตอนที่สเปนเอาชนะเยอรมันในรอบตัดเชือกได้ยังไงยังงั้น มันไม่ได้มีอะไรแย่มากมายขนาดนั้นครับ คนไทยเข้าใจมานานนมแล้วว่าปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่ของคนไทย เป็นของๆเราแต่เพียงบันไดขึ้น รู้กันอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด แล้วทำไมจู่ๆวันนี้มาเกิดอาการอยากได้ของชาวบ้านเขาละ ถึงแม้วันนี้ปราสาทพระวิหารจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว แล้วยังไง เขาจะลากเอาบันไดฝั่งไทยไปด้วยเหรอ ก็เปล่านี่ ก็ยังตั้งอยู่อย่างนั้น ดีเสียอีก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก คนทั้งโลกจะได้รู้จัก จะได้อยากมาเท่ี่ยว มาดู มาชม เวลาจะมา มายังไงละ ถ้าไม่นั่งเครื่องบินมา นั่งเครื่องบินก็มาลงที่ไทย ไทยก็ได้อีกแหละ พักโรงแรมก็พักที่โรงแรมในไทย ไทยก็ได้อีกแหละ เวลาจะขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทพระวิหาร ก็ต้องขึ้นฝั่งไทย ต้องซื้อโน่นซื้อนี่ที่ข้างบันไดฝั่งไทย ไทยก็ได้อีกแหละ เรื่องนี้ที่ยืดยาวซะขนาดนี้ คุยกันไม่จบซักที ก็เพราะมีการเมืองมาเอี่ยว รู้ทั้งรู้ว่าเราร้องแรกแหกกระเฌอกันแค่ไหน ก็ไม่มีวันได้คืนอยู่แล้ว เหมือนมาณพที่เที่ยวร้องเอาพระจันทร์และพระอาทิตย์ เหมือนพราหมณ์ที่ร่ำร้องเอาลูกชายที่ตายจากไปแล้ว..ไม่มีวันได้คืืนหรอกครับ เอาเวลาทะเลาะๆกันนั่น มาพูดจากัน มองไปข้างหน้า แล้วมาพัฒนาประเทศกันดีมั้ย กรณีปราสาทเขาพระวิหารนี้ ผมก็แหกปากในมุมของคนรู้คนเห็นน้อยนะครับ อาจจะผิดหรือถูก แต่ก็ไม่ได้ให้เห็นตาม ป.ล. ปีนี้มีวันแห่งชาติเกิดขึ้นอีกวันครับ นั่นคือ วันงดดื่มสุราแห่งชาติ ครม.ให้ วันเข้าพรรษา เป็น วันงดดื่มสุราแห่งชาติ

เขาพระวิหาร

แบ่งตามหมวด

  • say (8)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (61)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (52)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH