Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

อินทนนท์

อ่านต่อ

3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอนกับอากาศ 3 องศา

ท่องเที่ยว 8 December 201917 March 2020

เที่ยวอินทนนท์มาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้อยากสัมผัสกับบรรยากาศหนาวจริงๆของอินทนนท์สักครั้งหนึ่ง จึงเป็นที่มาของทริป “3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอน” ขอรวบรัดตัดความข้ามเรื่องการเดินทาง วาปทีเดียวมาโผล่ที่อินทนนท์เลยละกันนะครับ ฉากแรกของทริปนี้คือที่นี่ครับ โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน คิดแค่ว่าขนเต๊นท์ขึ้นบนรถแล้วไปหาที่กางเอาดาบหน้าที่อินนทนนท์ เปิดกูเกิ้ลเห็นแว่บๆว่ามีที่กางเต๊นท์ชื่อชลธารวิว แต่พอไปถึงสถานที่จริง รู้สึกว่าไม่เหมือนที่คิดไว้สักเท่าไร ขณะขับออกมาจากตรงนั้นนิดหนึงก็พบที่แห่งนี้ครับ ค่ำคืนแรกในเต๊นท์บนอินทนนท์ หนาวสะใจมากครับ ..พอพระอาทิตย์ตกดินอากาศลดลงเหลือ 3 องศา หนาวจนหมูกระทะที่สั่งมากินหน้าเต๊นท์ไม่สามารถปิ้งย่างได้ ต้องรีบหลบเข้าเต๊นท์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหนาวลดลง หลังจากค่ำคืนที่หนาวเหน็บผ่านพ้นไป เช้ารุ่งขึ้นก็ยังอุตส่าแหกขี้หูขี้ตาขึ้นไปบนยอดดอยอินทนนท์อีกนะ เราว่าเราไปเช้าแล้วคือออกไปตอนตี 5 ครึ่ง ปรากฏว่ามีคนไปเช้ากว่าเราอีก คนบนนั้นเยอะจนรถติด สุดท้ายจึงลงมาหาข้าวกินข้างล่าง คืนที่สอง “ลานกางเต๊นท์ต้นสน อุทยานแห่งชาติอินทนนท์” อุทยานแห่งชาติอินทนนท์มีจุดกางเต๊นท์ที่เป็นของอุทยานและมีค่าบริการถูกมากครับเพียงคืนละ 50 บาท ที่นี่จึงเป็นที่พักสำหรับคืนที่สองของทริปนี้ และเช่นเคยครับ “นอนเต๊นท์” ข้อดีของคืนที่สอง คือ ที่นี่ความหนาวลดลง หรืออุ่นขึ้นนั่นเอง ที่นี่อากาศอยู่ที่ประมาณ 10 องศา (แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีสำหรับผม) ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือเดินไปไม่ไกลจากจุดกางเต๊นท์ที่เป็นป่าสนนี้ ก็จะมีร้านอาหารให้บริการอย่างหนาตา คืนที่สองนี้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวเท่าคืนแรก มีนักท่องเที่ยวที่ชอบนอนเต๊นท์มากันอย่างหนาตา แต่ก็ไม่หนาแน่นจนอึกกระทึก เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเก็บเต๊นท์รอจนน้ำค้างที่เกาะเต๊นท์แห้งดีแล้ว ก็เก็บข้าวของกลับบ้าน. ทริปนี้อยากสัมผัสความหนาวบนอินทนนท์ ก็ถือว่าได้ดั่งใจ ทริปหน้าไปไหนเดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง

อินทนนท์
อ่านต่อ

ทริปลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ (ตอนที่ ๑)

ท่องเที่ยว 5 February 201625 August 2022
พระธาตุลำปางหลวง ลำปาง อินทนนท์ เชียงใหม่
อ่านต่อ

โดดเดี่ยว..เที่ยวภูเขาทอง

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 9 November 200823 September 2016

ตั้งใจมาหลายวันแล้วว่าวันนี้ จะไปบริจาคเลือด !! นับเป็นครั้งที่  35 แล้ว ภูมิใจเล็กน้อย เมื่อกล่าวถึงจำนวนครั้ง บริจาคครั้งละ 400 ซีซี ถึงวันนี้ผมบริจาคเลือดไปแล้ว 14,000 ซีซี น่าจะได้ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ไม่น้อย แม้ไม่รู้ว่าใครได้เลือดผมไป แต่ทุกครั้งที่มีคนได้เลือดผม นั่นคือชีวิตของเขา และบุญของผม การให้โดยไม่หวังคืนเช่นการบริจาคเลือดนี้ เปรียบเหมือนแม่ที่ให้ทุกอย่างแก่ลูก โดยไม่หวังสิ่งใดๆจากลูกเลย เราไม่รู้เลยว่าใครได้เลือดเราไป เช่นเดียวกัน พ่อแม่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเมื่อลูกโตแล้ว จะให้อะไรแก่พ่อแม่บ้าง วกมาถึงการเดินทางไปบริจาคเลือดในวันนี้ การเดินทางต้องมีการวางแผนครับ เพื่อประหยัดเวลาและค่าเดินทาง ผมจะไปโดยเรือ ขึ้นเรือที่ท่าเรือคลองตัน โผล่ที่ท่าเรืองอโศกเพชรบุรี แล้วขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินเพชรบุรี ไปโผล่ที่สามย่านฝั่งตรงข้ามกับวัดหัวลำโพง หรือฝั่งจามจุรีสแควที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน เดินตรงขึ้นไปก็จะถึงสถานเสาวภาหรือสวนงู หลังสวนงู คือสภากาชาด คาดว่าใช้เวลาไม่น่าจะถึงชั่วโมง (ปกติไปรถเมล์สาย 113 ใช้เวลาชม.กว่า) หลังจากบริจาคเลือดตั้งใจจะไปเดินเล่นที่วัดสระเกศ หรือวัดภูเขาทอง เวลาบ่ายโมงสี่สิบห้านาทีผมไปนั่งรอเรือที่ท่าเรือ วันนี้เรือมาช้ากว่าปกติ เพราะเป็นวันอาทิตย์ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการครับ ผมขึ้นจากเรือโผล่ที่เพชรบุรีต่อรถไฟ มาโผล่ที่สามย่าน ตรงหน้าจามจุรีสแควนี่เอง มีเรื่องให้พิจารณานิดหนึ่ง ขณะผมเดินด้านหน้าห้างนั่นเอง มีรถซีวิคฮอนด้านสีบรอนด์ ไม่ทราบเลขทะเบียน เพราะไม่สนใจ จอดริมฟุตบาทด้านหน้าผมไม่ถึงสิบเมตร พอรถจอด ก็มีชายคนหนึ่งรีบลงจากรถพร้อมด้วยถือสิ่งหนึ่งมาด้วย วางลงข้างฟุตบาทหน้าห้าง แล้วรีบขึ้นรถออกไป เมื่อผมเพ่งมองที่วัตถุที่ชายนิรนามนำมาวาง ปรากฏว่าเป็นสิ่งมีชีวิตครับ เป็นลูกแมวสีเทาตัวเล็กๆ ท่าทางอ่อนแรง และงงๆ กับชะตาชีวิต ร้องเหมียวๆท่ามกลางแดดที่ร้อนจ้า ผมจำใจเดินผ่านไป โดยไม่รู้จะทำอย่างไรกับเจ้าแมวนั่น ขณะที่เจ้าของที่ทิ้งก็ยังไม่ได้ไปไหนไกลเพราะรถติดอยุ่ ผมพยายามมองทะลุกระจกเข้าไปในรถ อยากจะดูว่าหน้าตาไอ้คนใจดำระยำห่านั่น หน้าตามันเป็นอย่างไร มากันกี่คน น่าเสียดายกระจกมืดดำ เลยอดเห็น ผมเองก็รู้สึกตัวเองผิดที่ไม่ได้ดูดำดูดีกับลูกแมวตัวนั้น ไม่ได้ทำอะไรที่ดีกว่านี้เลย ถึงสภากาชาดในเวลาบ่ายสองห้าสิบ วันเสาร์อาทิตย์และวันนักขัตตฤกษ์ ที่นี่จะปิดให้บริการเร็วคือจะปิดในเวลา 15.30 น. ดังนั้น ผมมีเวลาไม่่มาก เวลาขนาดนี้คนจะไม่เยอะเท่าไรแล้ว ไม่เหมือนตอนเช้าที่คนเนืองแน่นจนหน้ามืด ใช้เวลาในการบริจาคไม่ถึงสามสิบนาทีครับ (บริจาคจริงๆแค่สิบนาที ที่เหลือคือการรอคิว คิวตรวจเลือด คิวบริจาค) ออกจากสภากาชาด ตามแผนอย่างต่อเนื่องเลยครับ จับรถแท็กซี่ไปวัดสระเกศในทันที ด้วยราคามิเตอร์ 70 บาท ถ้าอยากประหยัดกว่านี้ก็ได้…

ภูเขาทอง
อ่านต่อ

น้องพฤกษ์

say, สุขกะภาพ 31 May 201523 September 2021

น้องพฤกษ์เป็นลูกชายขององอาจ เพื่อนข้างๆบ้านนี่เอง ถ้าผมมีลูก ก็จะไล่เลี่ยกันกับน้องพฤกษ์นี่แหละครับ กำลังน่ารักน่าชังน่าตี และซุกซนตามประสาเด็ก เรื่องที่เคยกังวลว่า จิ๊กกี๋จะเป็นปัญหาหรือจะรังแกน้องหรือไม่นั้น ดูจากภาพนี้คงหายกังวลครับ ปกติกี๋จะหวงบ้านมาก แต่วันนี้น้องพฤกษ์เดินต๊อกแต๊กๆ เข้าบ้าน นอกจากกี๋จะไม่เห่าแล้ว ยังเดินตามมาส่งกระดิกหางดุกดิกหมามันฉลาดครับ, มันรู้ใครมาดี ใครมาร้าย “จิตใจแม้จะซ่อนไว้ข้างใน แต่หมามันรู้ครับ“

ยุทธะ-หัด-หมี

เรื่องทั่วไป 16 June 2009

พลายช้างทรงองค์กษัตริย์ หาได้มีความหวาดหวั่นไม่ แม้ตัวเป็นต่อข้าศึก ด้วยพลัดหลงเหล่าเสนาทหารเข้ามาอยู่ท่ามกลางทัพอริศัตรู  สถานการณ์ขณะนั้น แม้หากข้าศึกจู่โจมจู่ลู่ด้วยกำลังกลยุทธ ก็หามีใครสามารถกล่าวอ้างภายหลังได้ว่า รบกันด้วยความอยุติธรรม ก่อนเหตุการณ์จะเอนเอียงไปในทิศทางดังกล่าว องค์จอมกษัตริย์ผู้ทรงช้างท่ามกลางอริข้าศึกที่ยกพลมาประชิดเมือง กล่าวอย่างองอาจไร้ความหวาดหวั่นในพระทัยว่า “เจ้าพี่จะยืนช้างอยู่ในที่ร่มไม้ทำไม  เชิญเสด็จมาทำยุทธหัตถีกันให้เป็นเกียรติยศเถิด  กษัตริย์ภายหน้า ที่จะทำยุทธหัตถีได้อย่างเรา จะไม่มีแล้ว” เมื่อฟังดังนั้น พระมหาอุปราชาก็เกิดทิฏฐิในสงคราม ใคร่จะแสดงความยิ่งใหญ่ให้ปรากฏในหมู่ทหารของตนและฝ่ายตรงข้าม จึงให้เหล่าทหารม้าและกองทหารเดินทุกหมู่นาย จงหยุดการเข้ารุมล้อม เพียงพระองค์จอมทัพกับกษัตริย์จอมศึก จะทรงช้างทำยุทธหัตถี พระมหาอุปราชาทรงช้างชื่อพัทธกอ เป็นช้างที่มีรูปร่างใหญเป็นพญาคชสาร ฝั่งองค์กษัตริย์ทรงช้างชื่อภูเขาทอง ซึ่งภายหลังได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า พระยาไชยานุภาพ เมื่อเข้ารุมตะลุมบอน ช้างพัทธกอที่มีขนาดใหญ่และมีความฮึกเฮิมในศึกสงครามกว่า ก็ปรี่เข้าหาช้างไชยานุภาพเอางางัดขึ้นจนเสียหลัก พระมหาอุปราชาเห็นทีได้เปรียบ จึงใช้พระแสงของ้าว ฟันอย่างรวดเร็ว องค์กษัตริย์เบี่ยงหลบทัน แต่ถูกพระมาลาหนังขาดไปอย่างน่าหวาดเสียว  พอช้างไชยานุภาพสะบัดหลุด แล้วกลับชนได้ล่างแบกถนัดรุนพลายพัทธกอหัวเบนไป  องค์กษัตริย์ได้โอกาสบ้าง ก็จ้วงฟันด้วยพระแสงของ้าว ถูกพระมหาอุปราชาที่ไหล่ขวาขาด  สิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้าง  องค์จอมกษัตริย์ได้รับชัยชนะ อริศัตรูก็ล่าถอย ..แผ่นดินได้รับเอกราช องค์กษัตริย์ที่ทรงช้างอย่างองอาจกำชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา ปรากฏนามว่า “พระนเรศวรมหาราช” ส่วนช้างทรงที่แต่เดิมชื่อว่า พลายภูเขาทอง จากนั้นได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า พระยาไชยานุภาพ และหลังจากศึกที่มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชาครั้งนั้น ก็ได้รับชื่อใหม่อีกครั้งว่า “เจ้าพระยาปราบหงสา” ช้างเป็นสัตว์คู่บุญคู่บารมีองค์มหากษัตริย์มาแต่ครั้งโบราณ ครั้นเวลาผ่านไป.. ช้างถูกย้าย ถูกถอดยศ โดยไม่มีความผิด จากนายทหารผู้ยิ่งใหญ่ กลายเป็นคนงานแบกลากซุง ต้องทำงานแข่งกับเวลา ครั้นงานเสร็จไม่ทัน ช้างต้องเสพยาบ้า เปล่า..ช้างไม่หายามากินเอง หากแต่ควาญชั่วเป็นผู้ป้อนยา  หลังจากได้ยาบ้า ช้างก็ทำงานหนักจนผอมโซตัวซีด บางเชือกกลายเป็นช้างติดยาจนยากแก้ไข  ที่น่าเจ็บปวดใจที่สุด ช้างถูกลดสถานะลงต่ำกว่าเดิมอีก นั่นคือ ช้างขอทาน เดินเตร็ดเตร่ตามเมือง ย่านชุมชน เพียงเพื่อขอเงินจากการขายถุงอาหารให้ถุงละ 20 บาท !!! เมื่อช้างเข้ามาใช้ชีวิตในเมือง ความวุ่นวายประสาคนเมืองก็เกิดขึ้น ช้างถูกรถชน, ช้างตกท่อ, ช้างตกงาน ฯลฯ ขณะที่ช้างนอนเจ็บป่วด ช้างสัตว์ร่างใหญ่ แต่นัยน์ตาเล็ก นัยน์ตาเล็กๆคู่นั้นของช้าง เป็นนัยน์ตาซื่อๆ ใสๆ ของทาสผู้ซื่อสัตย์ แต่เมื่อประสบกับความเจ็บปวดสุดทรมาน จึงเอ่อล้นด้วยน้ำตา และหากช้างได้ดูทีวี ได้ดูข่าวบ้าง น้ำตาที่เอ่อล้นนั้นคงมิใช่เพราะความเจ็บปวดกายอย่างเดียว หากแต่เจ็บไปถึงข้างในใจ ระทมด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ บัดนี้ช้างไม่ได้กู้แผ่นดินอีกแล้ว…

ช้าง

อกหัก

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 27 January 2010

อยู่ดีๆ ผมก็กลายเป็นผู้ชายใจร้าย หักอกผู้หญิงโดยไม่รู้ตัว ย้อนไปเมื่อ 3 ปีก่อน ผมได้รับโทรศัพท์เบอร์แปลกๆ ตอนนั้นยังไม่มีข่าว “โทรศัพท์มรณะ” ก็รับปกติ ปรากฏว่าเป็นหญิงสาวเสียงสดใส วัยน่ารัก พอรับโทรศัพท์ถึงได้รู้ว่า เธอโทรผิด (จะโดยตั้งใจโทรผิดหรือผิดจริง อันนี้ผมไม่ทราบ) แต่เธอก็ชวนผมคุยเป็นวรรคเป็นเวรเกือบชั่วโมง ตอนนั้นผมไม่มีธุระปะปังที่ไหน ก็เลยคุยด้วยได้ เป็นการคุยกับคนที่ไม่รู้จักชื่อและหน้าตามาก่อนนานที่สุดเป็นครั้งแรก เพราะโดยปกติถ้ามีคนโทรผิดมา ก็แค่ขอโทษและวางหูไป ไม่เคยมีใครมาเปิดประเด็นถามถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ อยู่ที่ไหนเหรอ? ทำงานอะไร? ชื่ออะไร ฯลฯ หลังจากวันนั้น เธอก็โทรมาอีกเป็นระยะ แต่ไม่ทุกวัน อาจจะเดือนละ 3-4 ครั้งอย่างต่อเนื่อง บางเดือนก็หายไป แล้วก็กลับมาใหม่ ครั้งล่าสุดเธอหายไปเกือบปี พอโทรอีกที เธอบอกว่า ไปแต่งงานมา ผมก็ตกใจ เพราะเธอพึ่งอายุ 17 และยังเรียนอยู่เลย เธอบอก “เรียนแล้วปวดหัว ……” (ให้ผู้อ่านเติมเอาเองนะครับ ลองตอบกันเล่นๆในคอมเมนต์ดู)  ผมก็แนะนำอย่างผู้ใหญ่แนะนำเด็กไปว่า มีสามีแล้ว ก็ประหยัดเน้อ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องโทรมา เดี๋ยวจะทะเลาะกับสามีเปล่าๆ เธอก็หายไปพักใหญ่ๆ แล้วก็โทรมาอีก คราวนี้บอกมีปัญหากับสามี และอาจรุนแรงถึงขั้นเลิกกัน ทราบมาว่าสามีเธอติดสารเสพติดครับ เธอบอกว่า สามีเธอติดกาว  (บางทีสารเสพติดนี่ก็บอกระดับของคนได้เหมือนกันนะ) ตอนนี้แหละที่เธอโทรบ่อยขึ้น เกือบทุกวันและวันละหลายๆรอบ ตื่นเช้าก่อนผมจะลุกอาบน้ำแปรงฟันไปทำงาน เธอก็โทรมาก่อนละ โทรมาก็ไม่มีอะไร ถามว่าตื่นรึยัง แต่ส่วนใหญ่ผมไม่ได้รับโทรศัพท์ แรกๆก็สอนก็บอกก็ปลอบใจ เพราะรู้พึ่งเลิกกับสามีที่อยู่กันมาปีกว่า แต่หลังๆชักรำคาญ เพราะเธอนอกจากจะไม่เสียใจต่อการเลิกรากับสามีแล้ว ยังมีนิสัยเป็นเด็กรักสนุก ขี้เหงา เอาแต่โทร ครั้งหนึ่งขณะที่คุยโทรศัพท์กับผมอยู่นั้น มีเพื่อนผู้หญิงเดินผ่านมาแล้วถามเธอว่าคุยกับใคร เธอตอบเขาไปว่า คุยกับกิ๊ก กิ๊ก? ผมเกลียดคำนี้ และที่ไม่เข้าใจสุดๆคือ ผมไปยินยอมพร้อมใจเป็นกิ๊กให้เธอตั้งแต่เมื่อไรกัน ตั้งแต่วันนั้น ผมก็ตั้งใจจะไม่คุยกับเธอคนนี้อีกแล้วละ เธอโทรมาหลายครั้งผมก็ไม่รับ แต่เธอก็ยังโทรมาทุกวันๆ จนผมคิดว่า ไม่น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ต้องคุยกับเธอให้ชัดๆ ว่าไม่ต้องโทรมา ไม่ต้องคุยกันอีกแล้ว ไม่ชอบ พอรับโทรศัพท์ หลังจากที่ไม่รับมาหลายครั้ง เธอทำน้ำเสียงเหมือนคนเสียใจมากที่ผมหายไป ทำท่าจะร้องไห้ (เฮ้อ!!) ผมก็ว่าใส่เธอไปชุดใหญ่ เหตุผลคือไม่ต้องการให้เธอโทรมาอีก…

แสงดาว
อ่านต่อ

ตามหาหัวใจ..ที่ชัยภูมิ (ตอน 2)

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 11 August 20163 November 2017

(ต่อจากตอนที่แล้ว) ด้วยความที่ช่วงนี้ออกกำลังกายบ่อย วิ่งทุกอาทิตย์ ร่างกายจึงฟิตเป็นพิเศษ ขับรถเป็นร้อยกิโลก็ยังไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ยังคงมีความสุขกับการขับรถท่องเที่ยว ประมาณบ่ายสองโมงที่ออกจากมอหินขาว ผมมุ่งหน้าสู่อำเภอเทพสถิตย์แหล่งที่ดารดาษด้วยดอกกระเจียวและบรรยกาศที่เย็นสบายเกือบทั้งปี เส้นทางส่วนใหญ่ลัดเลาะไปตามทุ่งนา หมู่บ้านน้อยใหญ่ ผมต้องการปั้มแก๊ส ตอนนี้หน้าปัดโชว์หน้าจอว่าแก๊สใกล้หมดแล้ว น้ำมันก็เหลือไม่ถึงขีด เส้นทางข้างหน้าอีกไกลแค่ไหน มีปั้มมั้ยยากคาดเดา ขับรถด้วยความกังวลเล็กๆเรื่องน้ำมัน ขณะที่คนข้างๆหลับไปนานแล้ว จนในที่สุดผมก็เจอปั้ม PT เติมเบนซินไป 500 บาทก่อนกันพลาด หลังจากนั้นขับรถต่อมาจนเข้าเขตอำเภอเทพสถิตย์ พอย่างเข้าเขตอำเภอผมรู้สึกได้ถึงความเย็น สดชื่น ตลอดทางเราจะพบรถอีแต่น รถไถ และรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าคนแถวนี้ทำนาทำไร่เป็นหลัก บ่ายสี่โมงผมมาถึงที่พัก เส้นทาง@LOVE รีสอร์ท ตัวรีสอร์ทไม่ติดถนนใหญ่ แว่บแรกที่เห็นทางเข้าเป็นถนนลูกรัง ผมใจคอไม่สู้ดีเท่าไร จนกระทั่งวิ่งมาถึงตัวรีสอร์ท ..ประทับใจครับ เป็นรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านติดกับไร่มันสำปะหลัง ถึงเป็นรีสอร์ทไม่ใหญ่มาก แต่การตกแต่งรวมถึงการออกแบบให้ความรู้สึกอบอุ่น น่ารัก เป็นครอบครัว ตัวที่พักจะอยู่รอบๆ เว้นสนามหญ้าตรงกลางไว้สำหรับวิ่งเล่น หรือปั่นจักรยานเล่นได้ ที่นี่มีจักรยานปั่นเที่ยวฟรี มี wifi มีอาหารอร่อย โดยเฉพาะผัดหมี่โคราชรสชาตแบบฉบับโคราชแท้ ห้องพักมีหลายแบบ ทั้งแบบบ้านเดี่ยวปูนเปลือย , บ้านแบบห้องแถวติดกัน หรือแบบเต๊นท์ก็มี แต่ละแบบก็มีความน่ารักและน่าพักแตกต่างกันไป ทั้งหลายทั้งปวงยังไม่เท่ากับความมีอัธยาศัยไมตรีอันดีของเจ้าของรีสอร์ท ยิ่งทำให้ที่นี่น่าอยู่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเจ้าของรีสอร์ทตัวน้อยๆอีก 3 ตัว ที่คอยวิ่งป่วนต้อนรับแขกจนทั่วรีสอร์ท (หมายถึงน้องหมา) บรรยากาศรีสอร์ทดีขนาดนี้ มีหรือผมจะพลาด พอเช็คอินเข้าห้องพักเสร็จสรรพผมเลือกจักรยานที่ชอบ 1 คัน ปั่นออกไปซูดโอโซนในไร่มันสำปะหลัง ไร่มันที่มีภูเขาเป็นแบ็กกราวด์ไกลๆ ช่างงดงามนัก จนมืดค่ำผมกลับมาที่พัก คืนนี้คงได้นอนเต็มอิ่ม พรุ่งนี้ต้องตืนแต่เช้าเพื่อไปชมทุ่งดอกกระเจียว รุ่งเช้า ประมาณหกโมงครึ่ง ผมขับรถจากที่พักออกไปประมาณ 4 กิโลเมตร ก็จะถึงอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ต้องซื้อตั่วเพื่อเข้าชมและเมื่อเข้าไปแล้ว จะต้องซื้อตั๋วอีกครั้งสำหรับนั่งรถเข้าไปในอุทยานซึ่งมีระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เพราะเมื่อคืนมีฝนตก ทำให้เช้าวันนี้อากาศดีเป็นพิเศษกล่าวคือมีหมอกปกคลุมเต็มพื้นที่ไปหมด ผมซูดอากาศเข้าไปเต็มปอด นานแล้วที่ผมไม่ได้ซูดอากาศแบบไม่ต้องรู้สึกตะขิดตะขวงใจแบบนี้ ผมไม่สามารถจะบรรยาบรรยากาศได้ครบถ้วนทั้งหมด จะบอกว่ามันสวยงามมาก อากาศดีมาก หมอกที่ปกคลุมตามชายป่าสีเขียว บนพื้นก็มีต้นหญ้าสีเขียว มีดอกกระเจียวประปราย งดงามครับ งดงามอย่างยากจะบรรยาย คุ้มค่าที่ได้มา     ผมใช้เวลาที่ทุ่งดอกเจียวนานพอสมควร…

ชัยภูมิ ทุ่งดอกกระเจียว

ปมาโท มจฺจุโน ปทํ

ไดอารี่ 10 March 2011

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาถ้าคุณประมาท ผมได้แผลขนาดใหญ่ที่แขนมาเพราะความประมาทครับ ขณะรีดผ้าด้วยเตารีดอบไอน้ำ รีดไปพลาง ดูทีวีไปพลาง เตารีดอบไอน้ำถ้าราคาแพงหน่อยไอน้ำจะพวยพุ่งได้ตลอดเวลา แต่ถ้าราคาถูกก็จะได้ไอน้ำที่เดี๋ยวพุ่ง เดี๋ยวหยุด ที่ผมใช้ ณ ปัจจุบันเป็นแบบอันหลังครับ เดี๋ยวพุ่ง เดี๋ยวหยุด จังหวะที่มันหยุดผมก็ดูทีวี!! ทีนี้อยู่ๆมันก็มาโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า พุ่งใส่แขนผมเต็มเหนี่ยว มีผลทำให้หนังเตลิดเปิดเปิงหลุดหลุ่ย จุดที่โดนหนักๆนอกจากหนังไม่เหลือแล้วเนื้อยังตามไปด้วย!! เป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า “ความประมาท..แม้เพียงนิดเดียวก็เกิดอันตรายใหญ่หลวงได้!!”

ประมาท เตารีดไอน้ำ

ของขวัญจากพระเจ้า!

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 26 May 201128 October 2015

กำลังอ่านหนังสือ “แกะดำทำธุรกิจ ทุ่งหญ้าแห่งความรู้และความสุข” เขียนโดยคุณประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ แนวคิดในการทำธุรกิจ ในการมองโลก มีมุมที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร สมกับที่เรียกตัวเองว่าเป็น “แกะดำ” แกะดำไม่ใช่แกะที่มีความผิดปกติ หรือมีความแปลกประหลากแตกต่างจากคนอื่น หากแต่ว่าเป็นแกะที่เลือกทำในสิ่งที่ดีกว่า แตกต่าง และให้ผลดีกว่า เลือกที่จะเลี้ยวขวา ขณะที่ทุกคนเลี้ยวซ้าย เลือกที่วิ่งในขณะที่ทุกคนเดิน เลือกที่สุขในขณะที่ทุกคนทุกข์ และอีกมากมาย.. อ่านได้ครึ่งเล่มขณะรถติด ได้ความคิดใหม่ว่าขณะรถติดคนส่วนใหญ่ชอบเล่นเกมส์บนมือถือ เล่นเฟสบุค ทวิตเตอร์ บีบี ดูหนัง ฟังเพลง ล้วนแต่เป็นสิ่งสร้างความบันเทิงที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำไมเราไม่อ่านหนังสือ หรือทำอะไรที่มันเกิดประโยชน์ขณะรถติดที่มากกว่านั้น ไม่เสียเงิน แถมได้ประโยชน์มหาศาล ..เลยตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือทุกครั้งที่รถติด!!! จะดูสิว่า เดือนหนึ่งจะอ่านได้กี่เล่ม.. ชอบใจประโยคเด็ดในหนังสือแกะดำฯ ที่คุณประเสริฐ ได้นำคำของ CEO หญิงของ HP มาเขียนไว้อีกที.. ใจความว่า “การที่เราเกิดมาบนโลกใบนี้ ไม่ว่า่จะสูงต่ำดำขาว คือสิ่งวิเศษที่พระเจ้ามอบให้เรา ส่วนเราจะประพฤติตนอย่างไร คือสิ่งวิเศษที่เป็นของขวัญที่เราจะมอบแด่พระเจ้า” * อยากรู้จักแกะดำมากขึ้นคลิกไปที่ http://www.blacksheep.co.th/

ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ พระเจ้า แกะดำ

รำลึกถึงครู..วันครูแห่งชาติ..๒๕๕๓

เรื่องทั่วไป 16 January 2010

วันนี้เป็นครูแห่งชาติ (เสาร์ที่ 3 ของเดือนมกรา) ผมประเภทบล็อกกึ่งไดอารี่ ต้องไหลไปตามวันสำคัญของปฏิทิน ดังนั้น จะละเลยไม่กล่าวถึงความสำคัญของครูไม่ได้ ในอดีตกาล พระเถระที่ได้ชื่อว่ามีความกตัญญูจนได้รับการกล่าวขวัญคงไม่เกินพระติสสะเถระ หรือที่เรารู้จักกันในนามพระสารีบุตรนั่นเอง ครูที่สอนศิลปวิทยาคนแรกของท่านคือท่านสญชัย แต่ครูคนแรกที่สอนทางธรรมของท่านคือพระอัสสชิเถระ หนึ่งในพระปัญจวัคคีย์ ขณะนั้นพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเที่ยวแสวงหาโมกขธรรมอยู่ จนที่สุดก็ได้พบกับพระอัสสชิเถระกำลังเดินบิณฑบาต ท่านก็มิได้แสดงปาฏิหาริย์หรือความอัศจรรย์ใดๆ หากแต่กิริยาที่ก้าวย่างอย่างสำรวมของท่าน ทำให้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะเกิดศรัทธา จนต้องเดินตาม และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ได้บวชในพระพุทธศาสนา ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้บรรลุธรรมชั้นสูงในที่สุด ตั้งแต่วันนั้นท่านก็นับถือพระอัสสชิตลอดมา แม้เดินทางไปในที่ไหน หาทราบว่าพระอัสสชิอยู่ทางทิศไหน ก็จะนอนหันศีรษะไปทางทิศนั้น สำหรับครูคนแรกของผมนั้น มีหลายท่านเหลือเกินครับ แต่ที่จำแม่นๆ คือ ครูศิริพร ครูสักการินทร์ ครูระเบียบ และครูบำเพ็ญ นาดี (ครูคนหลังนี่จำนามสกุลได้ เพราะพึ่งไปพบท่านเมื่อ 2 ปีที่แล้วนี่เอง) ทั้ง 3 ท่าน น่าจะเกษียรแล้วในปีนี้นี่เอง ครูศิริพร เป็นครูคนเก่ง เก่งเชียร์กีฬา เก่งพละ เก่งเล่านิทาน  เรื่องเก่งเล่านิทานนี่เป็นที่ยอมรับของนักเรียนและครูด้วยกัน ผมจำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่นักเรียนมาสายบ่อยๆ ครูใหญ่จึงมีนโยบายให้ครูศิริพรมาเล่านิทานใส่ไมโครโฟนให้ดังไปทั่วโรงเรียนแต่เช้า เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนรีบมาโรงเรียนเพื่อมาฟังนิทานของแก ก็ได้ผลอยู่นะครับ แต่โครงการนี้มีได้ไม่นานก็ยุติ ไม่ใช่ล้มเหลวหรือนักเรียนมาสายกว่าเดิม แต่ครูศิริพรแกไม่ไหวเอง เพราะต้องมาเช้ามาก โตขึ้นมาหน่อย(ป.1-ป.3)  ผมก็มารู้จักกับคุณครูระเบียบ และคุณครูบำเพ็ญ ทั้งสองท่าน เป็นครูที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของครูที่ดุร้าย น่ากลัว ให้เป็นครูใจดีที่นักเรียนสามารถจับต้อง พูดคุย และปรึกษาได้ ครูระเบียบนับว่าใจดีที่สุด ไม่เคยตีนักเรียน ทำผิดให้วิ่งรอบสนามฟุตบอลอย่างเดียว ส่วนครูบำเพ็ญ แกสามารถใจดีและใจร้ายอย่างมีเหตุมีผล ถ้านักเรียนทำตัวน่าัรักแกจะใจดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะเดียวกันหากนักเรียนทำตัวไม่น่ารัก แกพร้อมจะเป็นนางยักษ์ใจร้า้ยได้ทันที .. ในชีวิตของคนๆหนึ่งต้องพึ่งครูมากมายครับ ในศาสตร์แต่ละวิชาแต่ละแขนงล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยครูเป็นคนช่วยชี้แนะก่อน หากใครจะบอกว่าเก่งหรือเรียนด้วยตนเอง อย่างน้อยที่สุดก่อนจะเก่งหรือเรียนนั้น ย่อมต้องได้รับการชี้แนะหรือแรงบันดาลใจจากใครสักคน วันสำคัญเช่นนี้เหล่าศิษย์ควรมีจิตคารวะรำลึกถึงบุญคุณของท่าน ท่านมิใช่แค่เรือจ้าง หากแต่เป็นผู้เสกสรรค์ปลุกปั้นสร้างแรงบันดาลใจ ชี้ทางศิษย์ไปสู่ความสำเร็จ รำลึกถึงบุญคุณของคุณครูทุกท่านเสมอครับ

ครู
อ่านต่อ

อิฐมอญ

สุขกะภาพ, ไดอารี่ 19 June 201530 May 2016

  ผมชอบผนังอิฐมอญ.. ชอบอารมณ์ผนังที่เก่า ๆ เหมือนงานไม่เสร็จหรืองานไม่เรียบร้อย ให้อารมณ์ดิบๆ มันเข้ากับ lifestyle และหน้าตา(ที่เถื่อนๆแบบเรา)

อิฐ
อ่านต่อ

เที่ยวซาฟารีเวิลด์

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 13 August 200815 June 2019

ไปเที่ยวสวนสัตว์ครั้งสุดท้ายเมื่อไรกัน? นึกถึงวัยเด็ก เราต่างโหยหาการไปเที่ยวสวนสัตว์ อยากเจอช้าง ม้า วัว ควาย (ตัวหลังนี้ ไม่ค่อยอยากเจอเท่าไร เพราะมีเยอะแยะไปหมดตามท้องถนน หลังๆมานี้มีบางตัวหลุดรอดเข้าไปในสภา ~ เฮ้อ) อยากเห็นเสือ ม้าลาย อูฐ ยีราฟ ตัวเป็นๆ เห็นแต่ในทีวี ในหนังสือ แล้วคุณครูก็ทำให้ฝันเราเป็นจริง เมื่อโรงเรียนจัดทัศนาจร ก็มีความสุขตามประสาเด็กครับ นอกจากเห็นสัตว์ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีการโชว์การแสดงของสัตว์แสนรู้อีกต่างๆนานาๆ สนุกสนานครับ มีสัตว์ให้ดูทุกชนิด ยกเว้น เหี้ย ตัวนี้ต้องไปหาดูแถวธรรมเนียบ นั่นคือวัยเด็ก ผ่านเวลามานาน เราลืมที่จะไปเที่ยวสวนสัตว์แล้ว ไปเที่ยวห้าง เที่ยวผับ เที่ยวบาร์ซะมากกว่า ผมนึกถึงบรรยากาศเก่าๆนี้ เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา (12 ส.ค.) จึงตั้งใจจะไปเที่ยวสวนสัตว์เปิด ซาฟารี เวิลด์ ออกเดินทางตอน 9 โมงเช้า ไปถึงที่หมายประมาณ 9.40 มาถึงเช้านักท่องเที่ยวยังมาน้อย ซาฟารีเวิร์ดมี 2 โซนให้เลือกเที่ยวครับ 1 คือ ซาฟารีเวิร์ด สวนสัตว์เปิด นั่งรถดูสัตว์ ห้ามลงจากรถ โซนนี้สนนราคาที่ท่านละ 240 บาท อีกโซนหนึ่ง ราคาท่านละ 400 กว่าบาท นอกจากจะให้นั่งรถชมสัตว์แล้ว จะให้ท่านดูการแสดงของสัตว์แสนรู้ต่างๆอีกด้วย ~ ผมเลือกโซนแรกครับ นั่งรถชมสัตว์ต่างๆก็พอ เนื่องจากเมื่อคืนมีฝนตกนิดหน่อย พื้นจึงแฉะไปนิดนึง แต่ไม่เป็นปัญหาครับ เพราะไม่ได้ลงจากรถเลย.. ได้เจอฝูงกวาง อูฐ แรด ม้าลาย และนกตัวใหญ่ๆที่บินกันเต็มท้องฟ้า ไม่ได้อยู่แต่ในกรงอย่างที่เคยเห็นตามสวนสัตว์ทั่วๆไป และแล้วเราก็ผ่านเข้าโซนสัตว์อันตรายอย่าง สิงโต เสือ และหมี โซนนี้จะมีขอบเขตชัดเจน และมีกรงขนาดใหญ่มากรอบๆพื้นที่ กรงใหญ่จนไม่รู้สึกว่าเป็นกรง พอเข้าโซนนี้แล้ว จะถูกห้ามเปิดกระจก และห้ามลงจากรถเด็ดขาด ก็จะได้เจอเสือเดินกันเป็นกลุ่ม เสือ สิงโต และหมี ใช้เวลาในสวนสัตว์ประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ออกจากซาฟารีเวิลด์ มุ่งหน้าไปวัดโสธร แปดริ้ว…

ซาฟารีเวิลด์ สวนสัตว์

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (62)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (87)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (53)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH