Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

อุบัติเหตุ

หลับตา..หาสติ อ่านต่อ

หลับตา..หาสติ

ไดอารี่ 29 April 2011

เวลาเกิดอุบัติเหตุสิ่งที่ต้องรีบทำที่สุดนอกจากควานหาสติ นั่นคือต้องระงับอารมณ์ อุบัติเหตุที่ว่าหมายถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากรถยนต์ หลายครั้งที่คนอารมณ์ดีๆ กลับต้องหงุดหงิดเสียอารมณ์ถึงขั้นทำร้ายทุบตีหรือยิงกันตายด้วยสาเหตุแค่รถยนต์เฉี่ยวกัน อุบัติเหตุบนถนน ทำให้รถติด เสียเวลา เสียเวลาสำคัญที่สุด เพราะไม่ใช่แค่เสียเวลาบนถนนที่ต้องรอประกันมาเคลมเท่านั้น แต่หมายถึงต้องเสียเวลาต้องนำรถไปซ่อมอู่อีกเป็นอาทิตย์ หรือก็เป็นเดือนๆ แล้วระหว่างที่รถกำลังซ่อมอยู่ละ?? ไม่ได้เป็นเศรษฐีมีโชว์รูมในบ้าน จันทร์ขับวอลโว่ อังคารขับเบนซ์ พุธขับบีเอ็ม พฤหัสขับมินิ ศุกร์ขับปอเช่ซะที่ไหน มีรถเพียงคันเดียว พอมันมีปัญหาก็เป็นปัญหากันหมด อุบัติเหตุ บางครั้งเกิดขึ้นเพียงนิดเดียว แต่ด้วยความไม่รู้จักระงับอารมณ์ และควานหาสติไม่เจอ จึงเกิดความสูญเสียที่ร้ายแรงขึ้น เมื่อเกิดอุบัติ(ที่ใครก็ไม่อยากให้เกิด) ตั้งสติ ระงับอารมณ์โทสะ ถึงเราจะผิดหรือไม่ก็ตาม ถึงอีกฝ่ายจะบันดาลโทสะมากก็ตาม ปั้นหน้าให้ปกติแล้วรีบกล่าวขอโทษถ้ารู้ตัวว่าผิด ลองคิดภาพว่าทั้งสองฝ่า่ยบันดาลโทสะระเบิดอารมณ์ใส่กัน ..กลางถนนอันร้อนระอุ อารมณ์ที่ร้อนเร่า มันจะจบอย่างไร? ปล. พึ่งเกิดอุบัติเหตุ 2 ครั้งใน 1 อาทิตย์ ถูกชนท้าย กับ ถูกถอยมาชนหน้า ควานหาสติแทบไม่ทัน..เฮ้อ

อุบัติเหตุ

วันนี้ของวัยเยาว์

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 8 January 2010

ช่วงนี้มีแต่บันทึกประจำวัน ไม่มีเรื่องสั้น หรือบทความบ่นว่าอะไร(อย่างที่เคย)สักเท่าไร ส่วนหนึ่งอาจเกิดเพราะความตั้งใจจะเขียนให้ได้ทุกวัน และอารมณ์ที่จะเขียนเรื่องสั้น หรือบทความนั้นมิได้เกิดขึ้นและไม่สามารถสร้างมันได้ทุกวัน ยกเว้นแต่การเขียนบันทึกแบบไดอารี่ที่มีให้เขียนให้พูดได้ทุกวัน หลังจากที่ตั้งใจจะวิ่งออกกำลังกายหลังเลิกงาน และจะงดอาหารคาวในมื้อค่ำ เมื่อวานเป็นวันที่ 3 ของการอดมื้อค่ำและวันที่ 2 ของการวิ่ง .. วิ่งยังเหนื่อยเหมือนเดิม ยังไม่เข้าที่เท่าไร ส่วนมื้อค่ำก็ยังหิว และรู้สึกว่าจะหิวกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ กินแอปเปิ้ลไป 2 ลูก ช่วยได้นิดหน่อย พยายามจะดูทีวีเพื่อไม่ให้คิดถึงเรื่องกิน แต่คิดผิดอย่างถนัด ทีวีไทยนอกจากข่าวแล้ว มีแต่เรื่องกิน กิน กิน และกิน โดยเฉพาะละครไทย โอยย..สารพัดจะกิน พอโฆษณา ก็พบว่าโฆษณาถึงของกินเยอะกว่าอย่างอื่น แค่โฆษณามาม่าตัวเดียว ตบะผมก็เกือบแตกแล้ว เหมือนได้กลิ่นมาม่าโชยออกมาจากทีวี ไม่ไหวแล้ว..ปิด ~ ช่วง 2 – 3 วันมานี้ นอนเร็วกว่าที่เคย 1-2 ชั่วโมง ปกติไม่เที่ยงคืนไม่เข้านอน แต่เมื่อคืนแค่ 4 ทุ่ม ตาผมก็แทบปิดแล้ว อาจจะเหนื่อยจากการออกกำลังกาย กำลังคิดว่าควรจะตกแต่งห้องใหม่ให้น่าอยู่ ถึงไม่ใช่ห้องของตัวเอง(ห้องเช่า)ก็เถอะ เราก็สามารถตกแต่งและทำให้มันน่าอยู่ได้นี่นา .. บางทีบรรยากาศในห้องอาจทำใ้ห้เกิดจินตนาการเพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆใหม่ๆ ก็ได้  🙂 พรุ่งนี้จะวันเด็กแล้ว ความจำในวัยเด็กเริ่มเลือนลาง วันนี้ของเราที่อายุ 7 ขวบ กำลังทำ คิด หรือพูดอะไร อยู่ที่ไหนนะ บางทีเราในตอนนั้นอาจคิด พูด หรือทำไม่แตกต่างจากตอนนี้ ต่างแต่จุดประสงค์ที่ทำ แต่การกระทำเหมือนเดิม การกระทำในตอนเด็ก อาจจะซื่อๆใสๆ ไร้จริต ทำเพื่อความสนุก ความซน ความอยากรู้อยากเห็น แต่การกระทำในตอนโต กระทำเพื่อจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน เน้นผลประโยชน์เป็นหลัก เกมส์ยอดฮิตที่เด็กๆทุกยุคต้องเคยเ่ล่น คือ เกมส์ซ่อนหา วิธีเล่นก็ง่ายๆ ต้องมีผู้เล่นอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป ให้คนหนึ่งเป็นคนหา คนที่เหลือเป็นคนไปซ่อน ถ้าหาเจอจนครบคนที่ถูกเจอคนแรกก็จะเป็นผู้หาต่อไป สลับวนเวียนกันไปเรื่อยๆ นั่นคือวิธีการเล่นของเด็ก พอโตขึ้น เราก็จะพบผู้ใหญ่เล่นเกมส์ซ่อนหา พื้นที่ซ่อนอาจไม่ใช่แค่สนามเด็กเล่น แต่เป็นการซ่อนทั่วโลก ไม่จำกัดเวลาในการหา…

อ่านต่อ

แม่ฮ่องสอน..ตะลอนเที่ยว: ห้วยน้ำดัง

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 17 December 202024 September 2021

กลายเป็นประเพณีของผมไปซะแล้วครับ สำหรับการท่องเที่ยงทางเหนือช่วงหน้าหนาว จุดเริ่มต้นก็จะคล้ายๆกันทุกปี นั่นคือไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายที่ลำพูน หลังจากนั้นค่อยเลือกเป้าหมายต่อไปว่าจะไปไหน ปีที่แล้วไปอินทนนท์ ส่วนสำหรับปีนี้เราเลือก “แม่ฮ่องสอน“ แม่ฮ่องสอน พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน และยังคงเป็นป่าไม้ตามธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยมีเนื้อที่ป่าไม้ ประมาณ 10,976.979104 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 6,860,611.94 ไร่) คิดเป็นร้อยละ 85.99 ของเนื้อที่จังหวัด มีทิวเขาเรียงตามแนวทิศเหนือ–ใต้ขนานกัน  ดูจากข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นของจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว บันเทิงแน่นอนครับ การขับรถขึ้นลงเขาอันสลับซับซ้อนคดเคี้ยวเป็นตัวเอส ต้องมีความระมัดระวังสูงมาก ไม่สามารถใช้ความเร็วได้มากนัก ผู้ที่มีธาตุเบาอาจมีการมึนหัวและอาเจียนได้ หลังจากไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางจากลำพูนตัดเชียงใหม่มุ่งสู่แม่ฮ่องสอน เป้นหมายแรกของวันนี้คืออำเภอยอดฮิตนั่นคือ ปาย ก่อนถึงปายมีร้านกาแฟเล็กอยู่บนยอดเขาระหว่างทาง เราพักกินน้ำกินท่าพอให้หายเมารถก่อน หลังจากได้พักดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ก็เริ่มเดินทางต่อ และจุดหมายต่อมาของเราก็คือจุดชมวิวยอดฮิตอีกเช่นกัน อยู่ก่อนถึงอำเภอปาย นั่นคือ “ห้วยน้ำดัง” ห้วยน้ำดัง เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีสภาพป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 179.5 ตารางกิโลเมตร หรือ 112,187.5 ไร่ ภูมิศาสตร์เป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เป็นป่าต้นน้ำที่มีทัศนียภาพงดงาม มีความสูงตั้งแต่ 400-1,962 เมตร จากระดับน้ำทะเล โพสต์นี้ต้องจบตรงนี้ก่อน เรามัวแต่ดื่มด่ำกับธรรมชาติจนลืมไปว่าคืนนี้เรายังไม่มีที่นอน! ตอนต่อไปเราจะไปหาที่หลับที่นอนในอำเภอปายกัน…

ปาย แม่ฮ่องสอน

ปู่ซ่า..บ้าพลัง

เรื่องทั่วไป 17 June 2009

สิ่งที่นักดูหนังเกลียดและกลัวที่สุดในขณะดูหนัง 1. เสียงโทรศัพท์ดัง 2. ต่อเนื่องจากข้อ 1 เสียงคนคุยโทรศัพท์ 3. เสียงคนคุยกัน (เกี่ยวกับหนังที่กำลังดู ดูเองดูเป็นรอบที่สอง ชิ่งเล่าฉากไคลแม็กซ์ก่อนซะลั่นโรง) 4. เด็ก !! 3 ข้อแรก หลัง ๆ เริ่มพบน้อยถึงน้อยมากกระทั่งน้อยที่สุด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะสังคมโดยมากรังเกียจและประณามบุคคลเหล่านี้อย่างออกนอกหน้า บางคนทนไม่ได้ถึงขนาดร้องเรียนไปถึงมูลนิธีปวีณา ร้องเรียนนายก และยังขู่สำทับอีกว่า หากยังไม่ดำเนินการ จะร้องเรียนพันธมิตร!! ด้วยประการดังนี้ บุคคล 3 ประเภทข้างต้น จึงค่อยๆหายไป ยังความปลาบปลื้มใจแก่ประดานักดูหนังยิ่งนัก จะเหลือก็แต่บุคคลประเภทสุดท้าย เด็ก หนังบางเรื่องไม่เหมาะกับเด็กเลย แต่อีแม่ที่ไร้จิตสำนึกฝ่ายดีอยากดูมาก ก็จึงต้องลากลูกให้เข้าไปดูเป็นเพื่อน โดยไม่คำนึงสักนิ๊ดว่า ภาพและเนื้อหาในจอภาพยนตร์นั้นกำลังทำร้ายลูกตัวเองโดยตรง  บางเด็กดูแล้วก็ดูอย่างตั้งใจ บางเด็กร้องไห้ บางเด็กหิว บางเด็กอยากเข้าห้องน้ำ บางเด็กง่วงนอน งอแง .. ฯลฯ จะโทษเด็กคงไม่ได้แล้ว ต้องโทษพ่อแม่มัน ทำไมไม่เอาลูกฝากไว้กับที่ฝากของหน้าโรงหนัง !! ถ้าหนังเรื่องไหนมีเนื้อหาเหมาะสำหรับเด็ก ไม่โหดร้าย หยาบคาย(เยี่ยงหนังไทยในปัจจุบัน) หรือเป็นหนังแอนิเมชั่น อันนี้ต้องยกให้เด็ก ผู้ใหญ่จะเข้าไปดู ก็พึงสำเนียกด้วยว่าเราไปขอเด็กดู ไม่ใช่เด็กมาขอเราดู และเมื่อย่างกรายเข้าโรงหนังเด็กแล้ว หากจะพบว่ามีแต่เด็กเกือบทุกที่นั่ง ก็ไม่ต้องตกใจและไม่ต้องทำหน้าตาเซ็ง อย่าลืม เรามาขอดูหนังเด็ก เด็กจะหัวเราะ พูดคุย งอแง ในโรงหนังของเด็ก สามารถทำได้ครับ ผู้ใหญ่ไม่ควรโกรธ หรือผูกอาฆาตกระทั่งหาทางข่มขืนเด็ก พูดมาตั้งนานนั้น เพื่อจะวกเข้าเรื่องตัวเองที่เกี่ยวข้องครับ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมไปขอดูหนังเด็กมา เรื่อง “UP ปู่ซ่าบ้าพลัง” เป็นภาพยนตร์แอนิเมชันสัญชาติอเมริกัน สร้างโดยพิกซาร์ แอนิเมชัน สตูดิโอส์ และจัดจำหน่ายโดยวอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ ผมทำใจตั้งแต่ซื้อตั๋วแล้วละครับ ว่าจะเจอมวลเด็กในโรงหนัง ด้วยเราไปอาศัยดูหนังเขา และก็ไม่ผิดหวัง เด็กรายล้อมซ้ายขวา หน้าหลัง มีตั้งแต่ขวบครึ่งถึงเก้าขวบ ความกลัวว่าเด็กจะงอแง เสียงดังนั้นมีอยู่เต็มอก แต่ตั้งใจแล้วก็เลยดั้นด้นด้วยอยากดูหนังเรื่องนี้อยู่เหลือกำลัง เด็กเยอะเต็มโรงนั่นจริงแล้วครับ แต่ปัญหาที่ผมกลัวนานาประดามีนั้น หาได้มีจริงเลย เด็กก็มีพูดคุย งอแงบ้าง…

อ่านต่อ

เที่ยวปราสาทหิน..ถิ่นพระเจ้าราเชนวรมัน

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 13 January 201023 September 2016

ทริปเล็กๆ ในตอนปีใหม่ ระหว่างเดินทางไปตจว.ก็แวะเที่ยวเป็นระยะ ใครเคยไปคงพอเดาออกว่าที่ไหน ..ถ้าเดาไม่ออกจะเฉลยละกันนะครับ นี่คือ “ปราสาทพนมรุ้ง” ในวิกิพีเดีย กล่าวถึงพนมรุ้งไว้ว่า ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการบูรณะก่อสร้างต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 17 และในพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอมได้หันมานับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนา ในช่วงแรกปราสาทหินพนมรุ้ง สร้างขึ้นจากหินทรายสีชมพู ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมรุ้งสูง 1,320 ฟุตจากระดับน้ำทะเล ชื่อพนมรุ้งแปลว่าภูเขาใหญ่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15-18 จารึกต่าง ๆ ที่นักวิชาการได้อ่านและแปลพอจะสรุปได้ว่า พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 3 กษัตริย์แห่งเมืองพระนคร (พ.ศ. 1487-1511) ได้สถาปนาเทวาลัยถวายพระอิศวรที่เขาพนมรุ้ง ซึ่งในสมัยแรก ๆ คงยังไม่ใหญ่โตนัก ต่อมาพระเจ้าชัยวรมันที่ 5 (พ.ศ. 1511-1544) ได้ทรงอุทิศที่ดินและข้าทาสถวายแด่เทวสถานพนมรุ้ง ในสมัยพุทธศตวรรษที่ 17 นเรนทราทิตย์ เจ้านายแห่งราชวงศ์มหิทรปุระที่ปกครองดินแดนแถบนี้ (ซึ่งเป็นต้นตระกูลของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ผู้สร้างนครวัด) ได้สร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นและได้ทรงบำเพ็ญพรตเป็นโยคี ณ ปราสาทพนมรุ้ง จากนั้นที่แวะยอดฮิตครับ วังน้ำเขียว พอดีเย็นมากแล้วยังไม่มีที่พัก ระหว่างทางแอบเห็นป้ายโฆษณารีสอร์ทต่างๆ เลยลองโทรสุ่มดู เผื่อยังมีที่ว่างให้ซุกหัวนอน ที่แรกก็ได้เลยครับ เจ้าของบอกว่า ความจริงไม่ว่าง แต่คนที่จองเขายกเลิก ห้องน้อยเลยตกเป็นของเรา ผมรีบบึ่งเข้าไปทันที .. นี่คือเจ้าของบ้าน เป็นแมวท้องโต เดินตามเราไม่หยุดเลย ถ้าจะถามว่า ปลายภูหมอก โอเคมั้ย เต็ม 10 ผมให้ 3 ครับ ทางเข้าก็แคบ ขรุขระ รถสวนกันไม่ได้เลย ถ้าบังเอิญมาปะกันระหว่างทางจะทำยังไง?? แอร์ไม่มี (แต่ตอนโทรคุยกันบอกมี) ไฟแสบตามาก อันนี้ผมรับไม่ได้สุดๆ พี่แกเน้นไฟสว่างรีสอร์ท รวมถึงตัวห้องแบบประหยัด ใช้ไฟตะเกียบ แบบสว่างจ้า แสบตามาก นอนดูทีวีบนเตียงต้องปิดไฟ จริงๆรีสอร์ทต้องมีไฟสลัวๆ หรี่ๆ แบบนุ่มๆ สบายตา อันนี้รับไม่ได้ๆ…

พนมรุ้ง
อ่านต่อ

พระเจ้าสร้างคนไทย(จริงหรือ)~

เรื่องทั่วไป 16 May 201114 May 2016

ก็ไม่รู้ว่าใครแต่งเรื่องนี้อ่ะนะครับ แต่หลายๆเรื่องในปัจจุบันที่เกิดในบ้านเมืองเรา เห็นแล้วก็ได้แต่ เฮ้อ ..ๆ ๆ  ๆ  บ้านเมืองอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ ไม่เคยไป แต่เมืองไทย มีข่าว ..ขโมยสายไฟ ขโมยเสาธง ขโมยพระพุทธรูป ขโมยล้อรถ ขโมย ๆ ๆ ๆ ..ๆ  มีข่าวแปลกๆ ข่าวห่าเหวอะไรมากมายในทุกวงการ เมืองไทยที่เมื่อก่อนเคยทัดเทียมกับญี่ปุ่น ก็ถูกญี่ปุ่นทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น ปัจจุบันกำลังจะถูกเวียดนามหรือลาวแซงหน้า และล่าสุดถูกเขมรตีหัว!! เมืองไทยเราโชคดี..แต่พวกเราๆเองไม่รู้ว่าตัวเองโชคดี พออ่านเมล์ฟอร์เวิร์ด(ด้านล่างนี้) ก็เลยเกิดอาการเห็นด้วย ฤๅพระเจ้าสร้างเรามาแบบนั้นจริงๆ ..ลองอ่านดูครับ (ไม่รู้ใครแต่งแต่โดน) กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว…เมื่อครั้งที่พระเจ้าสร้างโลก พระองค์มีถุงหนังใบใหญ่เอาไว้ใส่ ของวิเศษต่างๆมากมาย พระองค์เริ่มต้นด้วยการสร้างมหาสมุทรทั้ง 7 โดยหลักของการวางของวิเศษ พระองค์จะต้องวางทั้งของดีและของไม่ดี คู่กันไป เพื่อไม่ให้ประเทศหนึ่งประเทศใดสมบูรณ์ไปกว่าประเทศอื่นๆ ทรงเอาเทือกเขาร็อกกี้ น้ำตกไนแองการ่า วางไว้ให้อเมริกาแล้วก็เอาทะเลทรายอริโซน่า กับพายุทอนาโดวางไว้ด้วย เอาป่าอเมซอนวางไว้ให้บราซิล แต่ทรงเอาไข้ป่าวางไว้ให้ด้วย เอาขั้วแม่เหล็กโลกวางไว้ให้แคนาดา แต่ก็ทรงเอาความหนาวเย็นวางไว้ให้ด้วย เอาเทือกเขาหิมาลัยให้ธิเบตกับเนปาลเพื่อเป็นปราการกั้นข้าศึก แต่ก็เอาความเบาบางของอากาศ และความแห้งแล้งไว้ให้ด้วย ทุกประเทศจะได้ของคู่กันแบบนี้ทั้งหมด…..จึงไม่มีประเทศใดน้อยหน้ากว่ากัน คราวนี้พระองค์ทรงลืมประเทศ รูปขวานเล็กๆ ทางแหลมอินโดจีนทรงสะพายถุงวิเศษ แล้วก้าวข้ามเขาหิมาลัยไป แต่ด้วยความที่เขาสูงชันมาก เทือกเขาได้เกี่ยวถุงของพระเจ้าขาดข้าวของที่ดีๆ ที่เตรียมเอาไว้ให้ประเทศอื่นๆ เช่น ชายหาดสวยๆ ผืนดินอุดมสมบูรณ์ ศิลปะวัฒนธรรมดีๆ อาหารอร่อยที่สุดในโลก ดอกไม้ ผลไม้ ชายทะเล ก็เทไปกองรวมกันที่ประเทศไทยหมด ว้า !! แย่แล้ว พระเจ้าคิดว่าประเทศนี้ท่าทางต้องเจริญกว่าประเทศอื่นๆ ทั้งหมดแน่นอน พระเจ้าทรงมองหาภัยธรรมชาติที่จะมาถ่วงดุล แต่สายเสียแล้ว พระองค์ทรงเอาภูเขาไฟ กับแผ่นดินไหวให้ญี่ปุ่นไปแล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ประเทศอื่นๆจะมาฟ้องร้องพระองค์ได้ว่า พระองค์ไม่ยุติธรรม จะมีภัยธรรมชาติอันใดหนอที่ จะทำให้ประเทศไทยไม่เจริญกว่าประเทศอื่นๆได้ เมื่อคิดได้เพื่อเป็นการป้องกัน ประเทศอันสมบูรณ์ที่สุดในโลกนี้ไม่ให้เจริญล้ำไปกว่าที่อื่นๆ พระองค์ก็เลยสร้างคนไทยขึ้นมา!!

คนไทย พระเจ้า
อ่านต่อ

เที่ยวสัตหีบ หาดเตยงาม อ่าวดงตาล

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 10 July 201917 March 2020

ทะเลที่ไม่ไกลกรุงเทพมากนัก เดินทางไปสะดวก ที่สำคัญทะเลสวย น้ำใส สะอาด และสงบ ขอแนะนำที่นี่เลยครับ หาดเตยงาม สัตหีบ  น้ำทะเลใสมาก..ถ้าจะเล่นน้ำทะเล ก็สามารถลงเล่นได้เลยที่หาดเตยงาม แต่ถ้าจะนั่งชิวริมทะเล บรรยากาศสบายๆ นั่งทานข้าวชมวิวสวยๆ แนะนำอ่าวดงตาล ผมเดินเล่นจากหาดเตยงาม และขับรถต่อไปอีกนิดเดียวก็ถึงอ่าวดงตาล เวลาตอนเย็นที่พระอาทิตย์กำลังจะตก เป็นบรรยากาศที่สบาย วิวสวยมากครับ อ่าวดงตาล เป็นชายหาดที่อยู่ในพื้นที่ของกองเรือยุทธการ ฐานทัพเรือสัตหีบ แต่เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปเที่ยว พักผ่อนได้ บริเวณริมอ่าวมีต้นสนและ ต้นตาลสูงเรียงรายเป็นแถว ที่ปลูกไว้อย่างหนาแน่นจนกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของชายหาดแห่งนี้ และเป็นที่มาของชื่ออ่าวดงตาล

สัตหีบ หาดเตยงาม อ่าวดงตาล

'สาระแนสิบล้อ' ติดอันดับหนังเสียดายตังค์แห่งปี

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 8 April 2010

พอดีไปอ่านบทวิจารณ์หนังเรื่อง “สาระแนสิบล้อ” มา  ก็เลยรู้สึกเห็นด้วย เพราะพึ่งไปดูมาเหมือนกัน !! เขาวิจารณ์ประมาณนี้อ่ะครับ “..ที่หนังโปรโมตตัวเองว่า “มีบท” นั้น เอาเข้าจริงก็ไม่ได้จริงจังอะไร คือโดยตัวหนัง มันก็มีหัวมีท้าย แบบว่าจะเริ่มเรื่องยังไงและจะไปจบตรงไหนยังไง พูดง่ายๆ ก็คือหนังเขียนบทไว้แบบหลวมๆ เพื่อจะอัดสถานการณ์พิลึกพิลั่นลงไป เปรียบเทียบกัน มันก็คงคล้ายๆ กับหนังของของคุณหม่ำ จ๊กม๊ก อย่าง “วงษ์คำเหลา” ที่คิดพล็อตคร่าวๆ ให้มันมีตอนต้นตอนท้าย แล้วในระหว่างทางก็ “ตบมุก” ไปเรื่อยๆ หรือถ้าจะพูดให้ชัดขึ้น ผมว่า บางที ทีมสาระแนอาจจะแจ่มแจ้งแก่ตัวเองดีว่าไม่มี “ความสนใจ” มากพอที่จะสร้างสรรค์หนังที่ดีๆ เนียนๆ ได้ ก็เลย “หาทางออก” ด้วยการเลือกที่จะทำมันออกมาในลักษณะแบบบ้าๆ บวมๆ และมั่วแหลกกันไปเลย และผลลัพธ์ที่ได้ก็คือความหลุดโลกสุดเพี้ยน เพี้ยนตั้งแต่เนื้อหาที่พ่วงมากับวิธีคิดแบบทื่อๆ ตื้นๆ อย่างเช่น การจะเป็นลูกผู้ชายได้ต้องใช้ชีวิตหยาบๆ เถื่อนๆ อย่างการไปเที่ยวซ่อง หรือใช้กำลังตัดสิน (กระทืบคนแก่!!) เพี้ยนทั้งตัวละครและสิ่งของ ที่มีตั้งแต่ “แฝดนรกหัวติดกัน” (เสนาหอย, โก๊ะตี๋ อารามบอย) หรือแม้แต่รถสิบล้อที่กลายร่างเป็นหุ่นยนต์คนเหล็ก (ยืมวิชามาจาก Transformers แบบเต็มๆ) และเพี้ยนแม้กระทั่งสถานการณ์ในเรื่อง อย่างเช่น มีดกระเด็นไปเฉาะปากของน้าเชจนฟันหน้าหลุดหลอ, มีดเล่มเดิมนั้นผ่าลงหัวของคู่แฝดทำให้ทั้งคู่หลุดออกเป็นอิสระจากกัน และที่ต้องบอกว่า “บ้า” อย่างสุดกู่ ก็คือผีสาวเข้าสิงรถสิบล้อแล้วทำให้รถสิบล้อพูดได้แถมร้องไห้ซิกๆ นั่นแหละครับ ไม่รู้ว่าใช้สมองส่วนไหนคิด กว่าจะได้ไอเดียนี้มา (อันนี้ไม่ได้แขวะนะครับ แต่ทึ่งจริงๆ ว่าคิดได้ไง)..” สรุปง่ายๆว่า..เป็นหนังอีกเรื่องที่ดูแล้ว รู้สึกสึกเสียดายตังค์มากกกกๆๆ ..และตั้งใจไว้แล้วว่า จะไม่ดูหนังของค่าย Luck film อีกแล้ว

กาลามสูตรบอกว่าอย่าเชื่อ..เพราะ..!!??

เรื่องทั่วไป 22 January 2010

ช่วงนี้มีข่าวแปลกๆ เกิดขึ้นทางภาคเหนือ และกำลังจะแพร่ระบาดไปในภาคอื่นๆ นั่นคือ ข่าวเรื่อง “โทรศัพท์มรณะ” เชื่อกันว่า หากมีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ เป็นเลขตองเรียงกันโทรเข้ามา หากรับสายจะตายทันที!! ฟังดูเป็นเรื่องเหลวไหลและหาเหตุผลไม่ได้เลย แต่ทางภาคเหนือก็เชื่อกันอย่างเป็นตุเป็นตะ เป็นคุ้งเป็นแคว ขนาดมีการปิดป้ายเตือนกันตามที่ต่างๆ และมีการบอกต่อด้วยความหวังดีอย่างแพร่หลาย ผมไม่แน่ใจว่ามีคนตายจากการรับโทรศัพท์บ้างรึยัง ชาวบ้านถึงกลัวกันขนาดนี้ หรือตาย ก็อาจจะตายด้วยสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่เพราะรับโทรศัพท์แน่ๆ แต่อาจจะบังเอิญ พอเหมาะพอเจาะกับก่อนหน้านั้นคนตายได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลกๆอีกด้วย เรื่องราวก็เลย เลยเถิดกันไปใหญ่.. เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ ถ้าใช้หลักของพระพุทธศาสนา ก็จะสามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งไหนควรเชื่อ และสิ่งไหนไม่ควรเชื่อ ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยพุทธกาล ก็มีเรื่องราวทำนองนี้ เรื่องมีอยู่ว่า คนกลุ่มหนึ่งได้ทูลถาม สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงข้อที่เขากำลังงงไปหมด โดยไม่อาจจะทราบได้ว่า ข้อปฏิบัติอย่างไร จะเป็นไปเพื่อความดับทุกข์โดยตรง ครูบาอาจารย์ หรือศาสดาพวกนี้มาก็สอนได้อย่างหนึ่ง พวกโน้นมาก็สอนอีกอย่างหนึ่ง จนมากมายหลายพวกด้วยกันจนงง จนไม่รู้ว่าอันไหนจะเป็นที่เชื่อถือได้ ขอให้พระผู้มีพระภาคเจ้า ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าได้ตรัส ตอบคนเหล่านั้นว่า อย่าได้เชื่อถือด้วยเหตุผลต่างๆดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ คือ อย่าได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บอกต่อๆกันมา อย่าได้เชื่อ ถือ โดยเหตุที่สักแต่ว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตามๆกันมา อย่า ได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมด แล้วมันต้องเป็นความจริง อย่าได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า มันมีอ้างไว้ หรือเขียนไว้ในตำรับตำรา อย่าได้เชื่อถือ ด้วยการเดาของตัวเอง อย่าได้เชื่อถือ ด้วยการตรึกเอาตามเหตุผลส่วนตัวของตัวเอง อย่าได้เชื่อถือ ด้วยความคาดคะเนของตัวเอง อย่าได้เชื่อถือว่า นี่มันเข้ากันได้กับลัทธิ ที่เรากำลังปฏิบัติอยู่เป็นประจำ อย่า ได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า ผู้พูด ผู้กล่าว ผู้สอนนั้น อยู่ในฐานะที่พอจะเชื่อถือได้ อย่าได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า ท่านผู้กล่าว ผู้สอนนั้นเป็นครูบาอาจารย์ของเรา ทั้ง  10 ข้อนี้เรียกว่า กาลามสูตร ถ้ามีสติปัญญา พิจารณาด้วยเหตุและผล ก็จะเห็นได้ว่า สิ่งไหนควรเชื่อ และสิ่งไหนเป็นสิ่งไร้สาระ แต่ในปัจจุบันสิ่งลวงตามีมากกว่าก่อนเยอะ หลายเรื่องเราไม่สามารถแยกแยะได้จริงๆ โดยเฉพาะเรื่องที่คุณนักการเมืองที่เคารพทั้งหลาย ออกมาพูดกันก่อนเลือกตั้งให้เราเคลิ้มเนี่ยะ แยกไม่ออกจริงๆ ว่าอันไหนจริง อันไหนโกหก อันไหนทำได้…

กุ้งรสเด็ด

สุขกะภาพ, เรื่องทั่วไป 4 July 2008

เพื่อนคนหนึ่งกำลังจะบรรจุเป็นร้อยตรี และจะไปประจำการที่ 3 จังหวัดภาคใต้ เมื่อไปประจำการที่นั่นแล้ว ก็ไม่รู้เมื่อไรจะได้กลับมาอีก จะมีโอกาสกลับมาไหม หรือยังไง ก็ไม่รู้ ..ก็จึงถือโอกาสนี้เลี้ยงส่งกัน ตามความคาดหมายทีแรก คิดว่าน่าจะมีเพื่อนมามากกว่านี้ แต่ถึงเวลาจริงๆ เนื่องจากอีกวันเป็นวันทำงาน คนโน้นติดงานบ้าง คนนี้อยู่ไกล ฯลฯ ก็เลยมากันได้แค่ไม่กี่คน งานนี้เราไปกินกันที่ร้านรสเด็ก สามแยกพระโขนง เป็นร้านกุ้งกะทะบุพเฟ่ต์ คนละ 99 บาท เดิมทีร้านนี้เป็นของคุณสมรักษ์ เนื้อย่างเกาหลี แต่พี่แกบริหารงานอีท่าไหนไม่ทราบ ถึงได้ตกมาอยู่ในมือของรสเด็ดในปัจจุบัน การเดินทางไปสะดวกมาก จากแยกคลองตันไป ก็มีหลายสาย 25, 71, 40 หรือรถซุบารุขนาดเล็กก็ได้ วิ่งตรงมาจนถึงสามแยก ร้านจะตั้งอยู่กลางแยกพอดี สังเกตง่ายเห็นชัด ห่างจาก BTS พระโขนงประมาณ 50 เมตร ว่ากันถึงบรรยากาศ ร้านนี้บรรยากาศไม่ค่อยจะดีมากนัก ออกจะแออัดไปนิ๊ด (ร้านหมูกะทะในความคิดผม ควรจะเป็นแบบสวนๆ โล่งๆ สบายๆ หน่อย) แต่คนเยอะพอสมควร ขนาดไปตั้งแต่ 6 โมงเย็น ก็เริ่มจะหาที่นั่งลำบากเสียแล้ว ส่วนอาหาร ถ้าเทียบกับที่อื่นๆ แล้ว ที่นี่ค่อนข้างให้อาหารเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นกุ้งที่มีมาให้เป็นระยะๆ ปลาหมึก ปลาเผา สเต็ก และอาหารทั่วๆไป ข้าวพัดรสชาติไม่เพี้ยน ของหวานก็หลากหลายครับ (บางที่ผมเคยเห็นของหวานมีไม่เกิน 5 อย่าง แต่ที่นี่เป็นสิบ) ที่นี่มีเบียร์หลายยี่ห้อให้ทดลองชิม น้องๆเชียร์ก็มีหลายเจ้า Hineken, Tiger, Cheer, Singha ฯลฯ เจ้าภาพงานนี้ปฏิเสธเบียร์ Tiger ด้วยเหตุผล น้องเชียร์เบียร์ไม่น่ารัก แถมปากร้าย แต่ยอมดื่มเบียร์ Cheer แม้ไม่เคยดื่มเลยในชีวิต ด้วยเหตุผลนี้ครับ หน้าตาเหมือนลูกครึ่งญี่ปุ่น แต่เธอปฏิเสธว่าไม่ใช่ และบอกว่ามาจากขอนแก่น ! สอบถามชื่อนาม เธอชื่อ กุ้ง มีชื่อจริงว่า สาวิตรี แซ่ไหล ธุรกิจบัณฑิตย์ ปี 2…

กุ้ง
อ่านต่อ

3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอนกับอากาศ 3 องศา

ท่องเที่ยว 8 December 201917 March 2020

เที่ยวอินทนนท์มาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้อยากสัมผัสกับบรรยากาศหนาวจริงๆของอินทนนท์สักครั้งหนึ่ง จึงเป็นที่มาของทริป “3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอน” ขอรวบรัดตัดความข้ามเรื่องการเดินทาง วาปทีเดียวมาโผล่ที่อินทนนท์เลยละกันนะครับ ฉากแรกของทริปนี้คือที่นี่ครับ โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน คิดแค่ว่าขนเต๊นท์ขึ้นบนรถแล้วไปหาที่กางเอาดาบหน้าที่อินนทนนท์ เปิดกูเกิ้ลเห็นแว่บๆว่ามีที่กางเต๊นท์ชื่อชลธารวิว แต่พอไปถึงสถานที่จริง รู้สึกว่าไม่เหมือนที่คิดไว้สักเท่าไร ขณะขับออกมาจากตรงนั้นนิดหนึงก็พบที่แห่งนี้ครับ ค่ำคืนแรกในเต๊นท์บนอินทนนท์ หนาวสะใจมากครับ ..พอพระอาทิตย์ตกดินอากาศลดลงเหลือ 3 องศา หนาวจนหมูกระทะที่สั่งมากินหน้าเต๊นท์ไม่สามารถปิ้งย่างได้ ต้องรีบหลบเข้าเต๊นท์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหนาวลดลง หลังจากค่ำคืนที่หนาวเหน็บผ่านพ้นไป เช้ารุ่งขึ้นก็ยังอุตส่าแหกขี้หูขี้ตาขึ้นไปบนยอดดอยอินทนนท์อีกนะ เราว่าเราไปเช้าแล้วคือออกไปตอนตี 5 ครึ่ง ปรากฏว่ามีคนไปเช้ากว่าเราอีก คนบนนั้นเยอะจนรถติด สุดท้ายจึงลงมาหาข้าวกินข้างล่าง คืนที่สอง “ลานกางเต๊นท์ต้นสน อุทยานแห่งชาติอินทนนท์” อุทยานแห่งชาติอินทนนท์มีจุดกางเต๊นท์ที่เป็นของอุทยานและมีค่าบริการถูกมากครับเพียงคืนละ 50 บาท ที่นี่จึงเป็นที่พักสำหรับคืนที่สองของทริปนี้ และเช่นเคยครับ “นอนเต๊นท์” ข้อดีของคืนที่สอง คือ ที่นี่ความหนาวลดลง หรืออุ่นขึ้นนั่นเอง ที่นี่อากาศอยู่ที่ประมาณ 10 องศา (แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีสำหรับผม) ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือเดินไปไม่ไกลจากจุดกางเต๊นท์ที่เป็นป่าสนนี้ ก็จะมีร้านอาหารให้บริการอย่างหนาตา คืนที่สองนี้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวเท่าคืนแรก มีนักท่องเที่ยวที่ชอบนอนเต๊นท์มากันอย่างหนาตา แต่ก็ไม่หนาแน่นจนอึกกระทึก เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเก็บเต๊นท์รอจนน้ำค้างที่เกาะเต๊นท์แห้งดีแล้ว ก็เก็บข้าวของกลับบ้าน. ทริปนี้อยากสัมผัสความหนาวบนอินทนนท์ ก็ถือว่าได้ดั่งใจ ทริปหน้าไปไหนเดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง

อินทนนท์

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (10)
  • ท่องเที่ยว (57)
  • บ่น (36)
  • บ้านบ้าน (17)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (69)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (47)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (65)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH