Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

เกาะทะลุ

อ่านต่อ

ทะเล..ทะลุ

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 1 February 201417 March 2020

เป็นทริปที่เกือบจะปีแล้ว แต่ยังไม่ได้เอามาสาธยายในบล็อก ทริป “ทะเล..ทะลุ” เป็นทริปเล็กๆกับที่ออฟฟิส โดยมีเวลาแค่ 2 วัน คือเสาร์-อาทิตย์ แต่เกาะทะลุอยู่ประจวบฯที่ติดกับชุมพร ต้องใช้เวลาในการเดินทางร่วม 5 ชั่วโมง ดังนั้น เพื่อใช้เวลาในการเที่ยวให้มีค่ามากที่สุด ควรจะถึงที่ดำน้ำในเวลาไม่เกิน 9 โมงเช้าของวันเสาร์ ตอนบ่ายจะได้มีเวลาไปเที่ยวที่อื่นบ้าง และเที่ยงของวันอาทิตย์ก็จะเดินทางกลับ เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้คร่าวดังกล่าวนั้น เย็นวันศุกร์จึงต้องมารวมตัวกัน เพื่อออกเดินทางแต่เช้ามืดของวันเสาร์ …กำหนดหมายที่ล้อหมุน คือ ตี 4 เย็นวันศุกร์จึงมีปาร์ตี้วงไพ่เล็กๆที่บ้านผม ณ บางกร่าง อาจจะแน่นไปนิดนึง ด้วยจำนวนสมาชิก 10 กว่าคน แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เช้ารุ่งขึ้น การเดินทางไม่เป็นไปตามแผนเท่าไรนัก เนื่องจากฝนลงเม็ดแต่เช้า การทำเวลาให้ทัน 8.30 ณ จุดดำน้ำจึงทำไม่ได้ แต่โชคดีที่ทางเจ้าหน้าที่รอ แม้จะเลทไป 1 ชั่วโมงก็ตาม จุดดำน้ำในเกาะทะลุ พูดถึงความใส ความสวยของทะเลก็พอรับได้ครับ ปลาอาจไม่ชุมเท่าเกาะสุรินทร์ หรือกระบี่ทางฝั่งอันดามัน แต่ถ้าไปกันสนุกๆ ที่ไม่ไกลมาก แถวนี้ก็พอดำผุดดำว่ายได้อย่างสบายๆ โชคดีที่ทางผู้ให้บริการเอง ก็จัดการกับนักท่องเที่ยวได้ดี ทั้งที่อาบน้ำ อาหารและผลไม้ หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ที่พักที่บ้านกรูดครับ .. ตอนเย็นมีปาร์ตี้ปิ้งย่างเล็กๆน้อยๆ เป็นโหมดกลางคืนเลยไม่ค่อยมีรูปมาฝาก ในวันอาทิตย์สายๆ ไปทานอาหารเกือบเที่ยงที่หน้าหนูโภชนาที่อยู่ริมทะเล ทางที่จะไปวัดทางสาย ร้านนี้ได้รับการการันตีถึงความอร่อย และก็อร่อยจริงๆ เสร็จจากการรับประทานอาหารก็ขึ้นไปไหว้พระที่วัดทางสาย ซึ่งเป็นไฮไลท์ของบ้านกรูด ใครมาแล้วต้องขึ้นไปกราบไหว้สักการะครับ ก่อนเดินทางกลับบ้าน ___ ถึงบ้าน 1 ทุ่มเป๊ะ

ทะเล เกาะทะลุ

สายใย..บางบาง

ไดอารี่ 20 September 2010

โลกเดี๋ยวนี้เราเชื่อมทุกอย่างเข้าใกล้กันมากขึ้น มากขึ้น และง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่กลายเป็นปัจจัยที่ขาดไม่ได้เสียแล้วของ ‘สยามมนุษย์’ นั่นคือ “โทรศัพท์มือถือ” เดี๋ยวนี้มันไม่ได้เป็นแค่โทรศัพท์สำหรับติดต่อกันอย่างเดียว ไม่ว่าจะติดต่อด้วยเสียง ข้อความ รูปภาพ หรือเดี๋ยวนี้กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกสามจี สามารถติดต่อกันด้วยภาพเคลื่อนไหวสดๆได้ โทรศัพท์มือถือกลายสภาพเป็นเครื่องประดับชิ้นเอก เป็นเครื่องวัดมาตรฐานของคนได้ในระดับหนึ่ง หากเมื่อไรที่หนุ่มหรือสาวนางไหน ควักไอโฟนหรือบีบีขึ้นเซย์ฮัลโหล สถานภาพทางสังคมดูดีขึ้นทันที ได้รับการต้อนและไมตรีจากผู้อื่นได้ง่ายขึ้น ชายหนุ่มที่ริจะขอเบอร์สาวๆ หากเดินปรี่ไปหาแล้วหยิบโทรศัพท์ไอโฟนหรือบีบี เพื่อบันทึกเบอร์สาวเจ้า เปอร์เซ็นต์ที่จะได้เบอร์ย่อมมีสูงกว่าพวกที่หยิบโทรศัพท์โนเนมหน้าจอสีขาวดำขึ้นมาบันทึกอย่างแน่นอน โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆออกมา นอกจากเน้นประสิทธิภาพที่มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ดีไซน์ต้องสวยเลิศ เมื่อหยิบขึ้นมาโทรในที่สาธารณะแล้ว ทุกคนต้องมองแล้วร้องวู้ววว..ว  รับโทรศัพท์ได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ต้องแอบๆซ่อนๆใครเพียงเพื่อจะรับโทรศัพท์รุ่นกระติกน้ำโบร่ำโบราณ!! บริการต่างๆที่แฝงมาในโทรศัพท์สามารถดูดเงินในกระเป๋าผู้ใช้ได้อย่างสบายมือ โทรศัพท์ที่ว่าแพงแล้ว บริการต่างๆรายวัน รายเดือน หรือรายปีแพงกว่าอีก!! แน่นอนโทรศัพท์มือถือ ใช้ง่าย สะดวกสบาย คิดถึงใคร ติดต่องานไหน หรือไม่คิดถึง ไม่ได้ติดต่องาน อยากคุยกับเพื่อนที่อยู่ชั้น 2 (ตัวเองนั่งอยู่ชั้น 1) ก็กดโทรคุยได้ง่ายๆ คุยง่าย จ่ายหน้ามืด!! ยิ่งใช้ง่าย สะดวกสบายเพียงไร เงินก็หลุดหายไปได้ง่ายเช่นกัน อย่าลืมว่า..คำพูดทุกคำของเราที่พูดผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นคำพูดมีค่าทั้งสิ้น แม้เรื่องที่พูดอาจจะเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ถ้าพูดผ่านโทรศัพท์..เรื่องไร้สาระจะมีมูลค่าขึ้นมาทันที!! ยิ่งเดี๋ยวนี้มีบริการ เสียงเพลงรอสาย เปลี่ยนเพลงได้ทุกชั่วโมง, เล่นอินเทอร์เนต เฟสบุค ทวิตเตอร์ผ่านมือถือ , ดูดวง, เล่นเกมส์ , จองตั๋วหนัง, จองตั๋วเครื่องบิน, จองศาล จองโลง!!! ฯลฯ บริการเยอะดีจังนะครับ แต่ทุกบริการมีค่าบริการทั้งนั้น และแพงเสียด้วย!! บริการทั้งหลายทั้งปวงที่มีมาในมือถือใช่ว่า ผมจะบอกว่าไม่ดี ดีครับ ดีมาก ..แต่ไม่ใช่จะดีกับทุกคน แล้วดีสำหรับใคร? ดีสำหรับทุกคนที่มีธุระใช้มันจริงๆ ไม่ใช้พร่ำเพรื่อในเรื่องไร้สาระ ถ้าอยากจะไร้สาระหรือบันเทิง ก็ต้องไปใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่บ้านแทน ประหยัดกว่า อินเทอร์เนตผ่านมือถือ มันสะดวกง่าย ค่าบริการก็จึงแพงตามมาด้วยนะ พูดเรื่องโทรศัพท์มาเยอะแยะมากมาย เข้าสู่เรื่องตัวเองซักที ผมใช้โทรศัพท์ถูกๆมาหลายปีแล้วครับ ถูกที่ว่านี่คือถูกจริงๆ เพราะได้มาฟรี ใช้รับสาย โทรออก รับข้อความ และฟังเพลงได้เท่านั้น และผมก็ใช้เท่านั้น ค่าโทรศัพท์รายเดือนไม่เคยเกิน 200 บาท!! ในโทรศัพท์มีเบอร์แม่…

เทคโนโลยี โทรศัพท์

ไล่ล่าสิ่งที่อยู่แสนไกล..จนลืมใจที่ใกล้เพียงเซนฯเดียว

เรื่องทั่วไป 23 January 2010

ไม่ใช่ของใหม่อะไร แต่กลัวตัวเองจะลืมเลยต้องบันทึกไว้ซะหน่อยก่อน เมื่อก่อนในหน้า all about me จะมีบ็อกของ msn ที่แสดงสถาานะของผมว่า ออนไลน์อยู่หรือไม่ ? หากออนไลน์อยู่ ท่านผู้มีเกียรติที่ผ่านเข้ามาก็สามารถทักทาย จุกกรู๊  ด่า ว่า ชม แช่ง ฯลฯ ได้ แต่เมื่อวานนี้พึ่งสังเกตุเห็นว่า เจ้าบ็อกดังกล่าวมันหายไป ทีนี้การจะไปหาโค๊ดเดิมจาก Microsof มาแปะนั้น ก็หาทางเข้าไม่เจอ เดือดรร้อนไปถึงเฮียกู(เกิ้ล)อีก  งานนี้เลยขอเน้นๆ เก็บไว้ในบล็อกส่วนตัวนี่ซะเลย เผื่อหลายคนยังไม่รู้จัก เลยจะขอแนะนำสู่กันฟังเลยครับ มันคือหน้าต่าง MSN บนเว็บ  ทำให้คนที่ต้องการติดต่อคุณ ไม่ต้องลง MSN หรือ WLM ก็สามารถติดต่อคุณได้เพียงแค่มี Browser ถ้าพยายามจินตนการตามแล้วยังนึกภาพไม่ออกเลยว่ะไอ้ทิด คลิกดูตัวอย่างจริงจากหน้านี้เลยขอรับ คลิกดูตัวอย่าง (ลากลงไปด้านล่าง ใต้ภาพสุดท้าย(ผู้ชายเสื้อแดงๆนั่นแหละครับ)) สำหรับเส้นทางไปสู่การได้มันมานั้น ง่ายเหลือหลาย คลิกที่ลิ้งด้านล่างนี่เลย แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย http://settings.messenger.live.com/applications/websettings.aspx สำหรับเว็บที่ขายของ หรือ support ออนไลน์ บริการนี้เหมาะอย่างยิ่งนะครับ จะจบห้วนๆแบบนี้ดูจะสั้นไป วันหนึ่งมีเรื่องมาบอกเ่่ล่ากันแค่นี้เหรอ เมื่อวันก่อนดูรายการเจาะใจ เขาเชิญ จับช่ายแมน หรือ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ เรื่องราวของท่านน่าสนใจมาก และท่านเป็นคนที่มีความคิดไม่เหมือนใคร หลายประโยค เมื่อท่านพูด ทุกคนก็จะร้อง “เออ..เนอะ” หลายเรื่องที่เราไม่ทันคิด ด้วยความเคยชินของชีวิต แต่ท่านคิดทุกเม็ดทุกหน่วย รายการเจาะใจในวันนั้น เวลาไม่พอต้องต่อในอาทิตย์ถัดไป แต่แค่ตอนแรกก็รู้สึกได้ว่า ชีวิตท่านน่าสนใจ น่าศึกษา ครั้งหนึ่งท่านได้มีโอกาสไปร่วมงานกับนาซ่า ประมาณ 6-7 ปี พิธีกรถามว่า รู้สึกอยา่งไรที่ได้ไปร่วมงานกับนาซ่า? ท่านตอบว่า “รู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิตที่ได้ไปที่นั่น” นาซ่าพยายามค้นคว้าหาทางเพื่อไปนอกโลก นอกจักรวาลที่ไกลแสนไกล จนลืมค้นคว้าสิ่งที่อยู่ข้างในเพียงแค่เซนเดียว นั่นคือ หัวใจ คมครับคม ผมชอบ ป.ล. อยากรู้จักท่านมากกว่านี้ คลิกเลย

ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ

รถเมล์เหี้ย เหี้ย

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 19 January 2011

การขึ้นรถโดยสารสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์ รถตู้ หรือรถแท็กซี่เหมือนการซื้อหวย!! ต้องลุ้นเสมอๆว่าจะเจอโชเฟอร์นิสัยดีมั้ย? ขับรถดีมั้ย รถเหม็นมั้ย ฯลฯ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยถูกหวย มีแต่เฉียดๆ อย่าไปคาดหวังถึงรางวัลที่หนึ่ง เพราะไม่รู้ว่ายังมีอยู่หรือเปล่า เท่าที่เคยขึ้นรถเมล์ รถตู้ และรถแท็กซี่มา คิดว่าเจอมาเกือบทุกประเภทแล้ว ตั้งแต่สูบบุหรี่บนรถ อันนี้นรกมากๆ เคยเจอทั้งบนรถแท็กซี่และบนรถเมล์(ร่วมบริการ) สาย 92 รถตู้ไม่เคยเจอสูบบุหรี่ เคยเจอแต่ขับเลวมากๆ ปาดซ้ายปาดขวา จี้ก้น เบรกหัวทิ่ม ออกตัวแรง ผู้โดยสารนั่งบนรถแทบจะอ๊วก เท่านั้นยังไม่พอ การพูดการจากับผู้โดยสารต้องบอกว่า “ต่ำ” และไม่ให้เกียรติเลย เคยเจอรถตู้ที่แอบขึ้นราคากับผู้โดยสารอย่างหน้าด้านๆ ก่อนซื้อหวยต้องอธิษฐานขอให้ถูก ก่อนขึ้นรถเมล์ก็คงต้องทำเช่นนั้นเหมือนกัน!! ปล. ชื่อเรื่องได้รับอิทธิพลจากน้าเน็ก

ปีใหม่ใหม่..ทำอะไรดี

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 1 January 2009

เข้าสู่ปีใหม่อีกแล้ว.. “มีอะไรจะเปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงใหม่ในวันปีใหม่นี้มั้ยครับ?” หลายคนตั้งใจอย่างนั้น รอมาตั้งแต่ต้นปีของปีที่แล้ว ว่าปีใหม่จะทำโน่น เปลี่ยนนี่ ฯลฯ ก็ไม่รู้จะต้องรอปีใหม่ทำไม ในเมื่อปีใหม่ก็แค่วันใหม่เหมือนวันอื่นๆที่ผ่านๆมาทั่วๆไป..ถ้าหากตั้งใจจะทำความดี ไม่ต้องรอปีใหม่ คิดได้วันนี้ ก็ทำเสียเลยในเดี๋ยวนี้ครับ พระพุทธเจ้าตรัสว่า วันที่ทำความดี นั่นแหละคือวันดี วันฤกษ์ดี ปีใหม่นี้ เลยเอาเกร็ดความคิดดีๆ ของท่านมหาตมะคานธีมาฝาก พอดีพึ่งอ่านหนังสืออัตประวัติของท่านจบ “ความเท็จแม้น้อย ก็สามารถนำความพินาศมาสู่มนุษย์ได้ มีอุปมาเช่นเดียวกับยาพิษ แม้เพียงหยดเดียวย่อมทำลายน้ำนมทั้งหมด” “คนเราขลาดที่จะประสบกับความจริง แต่กล้ากับความหลอกลวง และมักจะชื่นชมในความหลอกลวงเสียด้วย” “ทะเลเป็นที่รวมแห่งน้ำฉันใด ถ้าเราประพฤติความแผ่เมตตา เราก็ย่อมจะเป็นที่รวมแห่งมิตรภาพ ฉันนั้น หากชาวโลกอยู่ด้วยมิตรภาพ สภาของโลกคงจะเปลี่ยนแปลงไปจากโลกนี้มาก” “ไม่ควรหาความอิ่มเอิบให้แก่ความอยาก เมื่อเริ่มหาความอิ่มเอิบให้แล้ว คยวามอยาก็จะหาที่หยุดยั้งไม่ได้ หรือถ้าหยุดยั้งได้ก็ยากเต็มที” “การที่จะเข้าใจตัวเองได้อย่างถ่องแท้ เราควรออกไปจากตัวของเราเองเสียก่อน แล้วจึงมองดูตนเองด้วยสายตาอันเป็นกลางจริงๆ การขอร้องความกรุณาจากผู้อื่น คือการบอกขายอิสรภาพของตนเอง” “ธรรมชาติของน้ำย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำฉันใด ความชั่วช้าก็ย่อมนำคนไปสู่ที่ต่ำฉันนั้น แต่ความดีนำคนไปสู่ที่สูง ฉะนั้นความดีจึงเป็นสิ่งที่ปฏิบัติยาก” “คนตาบอดมิใช่คนตาเสีย แต่คนตาบอดคือคนที่ปิดบังโทษของตนเองต่างหาก” “อย่าไปโทษผู้อื่น จงโทษตัวของท่านเอง แล้วท่านจะมีความสุขอย่างแท้จริง ถ้าท่านจะพยายามโทษผู้อื่น บางทีท่านจะเผานิ้วของท่านเอง” “ความรู้ที่ปราศจากคุณธรรม ย่อมเป็นอำนาจที่จะก่อความชั่วเท่านั้น ดังจะเห็นได้ในตัวอย่าง “โจรผู้เฉียบแหลม” และ “สุภาพบุรุษชาติชั่ว” อันมีมากหลายในโลกนี้”   สวัสดีปีวัวทองครับ.

เขาใหญ่ผู้โดดเดี่ยว

สุขกะภาพ 8 November 200928 August 2019

วันนี้มาอัพเดทเรื่องเจ้าเขาใหญ่ (อ่านเรื่องเจ้าเขาใหญ่ ครั้งแรก และครั้งที่สอง) ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ แดดค่อนข้างแรง กอรปกับกอพลูด่างที่เป็นบ้านชั่วคราวของเจ้าเขาใหญ่ไม่ได้น้ำเลย ตั้งแต่มันมาอาศัยอยู่ ไม่รู้จะรดน้ำไปในหลืบไหนได้ เพราะแค่ใส่น้ำไปบ้านของมันก็จะเจิ่งด้วยน้ำทันที งานนี้ต้องยอมเสียพลูด่างเพื่อรักษาชีวิตเจ้าเขาใหญ่ มีข่าวไม่ดีสำหรับเขาใหญ่ นั่นคือ เขาเล็กผู้น้อง ไม่สามารถลืมตาดูโลกได้แน่ๆแล้ว มันกลายเป็นไข่เน่าตายอยู่ภายใต้เปลือกไข่บางๆนั่น สาเหตุน่าจะเกิดจากการที่ได้รับความอบอุ่นจากอกแม่ไม่เพียงพอ อย่างที่เคยเล่าไปแล้วว่า ถ้ามีไข่ตัวหนึ่งฟักออกมาแล้ว แต่อีกตัวยังอยู่ การดูแลของแม่นกก็จะลำบากมากขึ้น กล่าวคือ ต้องไปหาอาหารเพื่อลูกนกที่ออกมาแล้ว จึงไม่ได้กกไข่อีกต่อไป ส่งผลให้ไข่ใบนั้น ก็คือเจ้าเขาเล็ก ไม่ได้รับการดูแลอย่างเพียงพอ วันนี้ผมได้เอาไข่ออกมาจากรัง และได้ทำการตรวจพิสูจน์โดยละเอียดแล้ว มั่นใจว่ามันเสียชีวิตแล้ว (วิธีทำคือ เอาไข่มาเขย่าดู ถ้ามีเสียงขลุกขลักๆ แสดงว่ามันเป็นไข่เน่าแล้ว วิธีนี้ใช้ได้กับไข่ไก่) เนื่องจากแดดแรง ประกอบกับต้นพลูด่างที่เคยให้ร่มเงาก็เฉาตายเกือบจะหมด ผมเลยหากระดาษไปกั้นแดดให้ พอมีสิ่งแปลกปลอมมาในบ้าน แม่นกก็เกิดความระแวง ไม่กล้าเข้ามาดูแลลูก หรือเข้ามาก็แป๊บเดียว แล้วก็หายไปทั้งวัน สร้างความว้าเหว่โโดดเดี่ยวแก่เจ้าเขาใหญ่ยิ่ง ผมเลยต้องไปเล่นกับมันบ่อยๆ ไปหยิบมันออกจากบ้านโทรมๆนั่นบ้าง เจ้าเขาใหญ่โตกว่าเมื่อครั้งก่อนนั้นมาก คาดว่าอาทิตย์หน้า ถ้าแม่มันดูแลดีๆ น่าจะมีขนที่หนากว่านี้เยอะ น่าสงสารเจ้าเขาใหญ่อยู่เหมือนกัน ที่ต้องมาเสียน้องไปตั้งแต่ยังเล็กๆ เป็นโจทก์ครั้งสำคัญสำหรับแม่นกที่จะต้องดูแลลูกคนเดียวนี้ให้ดีที่สุด เท่าที่จะสามารถทำได้…ว่าแต่ว่า ตอนนี้แม่นกไปอยู่ไหนแล้วนะ ทิ้งลูกอยู่คนเดียวทั้งคืนเลยยย..เอ หรือมันไปพบรักใหม่น่ะ?

อ่านต่อ

หลับให้สบายเถอะ..ลูกรัก

ไดอารี่ 19 July 200930 June 2016

ผมเลี้ยงกระต่ายมาปีกว่าแล้ว มันชื่อจุ๊บๆ น่ารัก เชื่อง ซน กัดแทะทุกอย่างในบ้าน ตั้งแต่ไม้กวาด สายไฟ กระเป๋า ผ้า จนถึงขนตัวเอง ผมเคยซื้อกระดิ่งผูกคอให้ มันรำคาญแต่กัดกระดิ่งออกไม่ได้ เลยกัดขนตรงคอที่มีกระดิ่งซะเกลี้ยงเลย เริ่มเชื่อรึยังว่ามันเป็นสัตว์สัญชาติแทะ ผมเลี้ยงจุ๊บจุ๊บแบบปล่อย ไม่เคยขังกรง ปล่อยให้อยู่ที่ระเบียงมีร่มเงา กรง และโพรงให้ จุ๊บจุ๊บอึฉี่เป็นที่เป็นทาง มันมักจะเข้าไปอึฉี่ในกรงที่ด้านล่างมีถาดรองอึมันอยู่ ด้วยความที่ถูกเลี้ยงแบบปล่อย จุ๊บจุ๊บจะติดคนมาก เวลากลางคืนมักจะออกมาเล่นกับผม มาคลอเคลีย เอาหัวมาซบ (ส่วนใหญ่ซบขาเพราะผมนั่งบนเก้าอี้) จุ๊บจุ๊บชอบให้ลูบหัว ไม่ว่าสิ่งที่ลูบนั้นจะเป็นมือหรือเท้าก็ตาม อาหารที่ชอบที่สุด คือ ขนมปังฟาร์มเฮาส์ แต่อาหารที่ขาดไม่ได้คืออาหารเม็ดของซีพี พอได้ยินเสียงถุงพลาสติก จุ๊บจุ๊บเป็นต้องหูผึ่งวิ่งปรี่มาหา นึกว่ามีขนมให้กิน จุ๊บจุ๊บมักร่าเริงในเวลากลางคืน และหลับในเวลากลางวัน เมื่อวานนี้ (19 ก.ค. 52) ฝ้าในห้องผมพังลงมา ด้วยเจอลมแรง ผมไม่คิดเลยว่า ฝ้าที่ตกลงมานั้น เป็นสัญญาณแห่งความสูญเสียในครั้งนี้ ผมจำเป็นต้องพาจุ๊บจุ๊บไปอาศัยอยู่ที่อื่นก่อนสักพัก เพื่อเจ้าของหอจะได้มาซ่อมฝ้า เหตุที่ต้องพาไปที่อื่นก่อน เพราะจุ๊บจุ๊บไม่ถูกอนุญาตให้อยู่ในหอนี้ ..ใช่ มันเป็นแรงงานต่างด้าว ใช้ความน่ารักน่าเอ็นดูให้คนพอใจคลายเหงาแลกกับอาหารไปวันๆ ผมพาจุ๊บจุ๊บขึ้นรถเมล์โดยใส่ในกระเป๋าผ้า จุ๊บจุ๊บไม่ดิ้น ไม่งอแงเวลาอยู่ในกระเป๋าแม้จะต้องนอนคดอยู่ในนั้นร่วมชั่วโมง ผมเห็นแววตาซื่อและเศร้าของมันตลอดเวลาแห่งการเดินทางครั้งนี้ ณ ที่ๆจะฝากจุ๊บๆนั้น เป็นบ้านสองชั้น และมีสนามหญ้าอยู่หน้าบ้าน โดยสนามหญ้ามีรั้วกั้นมิดชิด แม้จะมีสุนัขอยู่ในบ้านก็หมดห่วง เพราะรั้วสูงและแข็งแรงพอที่จะปกป้องจุ๊บจุ๊บได้ พอเท้าแตะสนามหญ้า จุ๊บจุ๊บวิ่ง กระโจน และกัดกินยอดหญ้าอ่อนด้วยความสุข มันไม่เคยสัมผัสกับธรรมชาติแบบนี้มาก่อน อยู่แต่ในตึก มีแต่ปูนจนเข้าใจว่า นั่นคือพื้นโลก ไม่เคยรู้จักพื้นดินและต้นหญ้า จุ๊บจุ๊บมีความสุข นอนกลางวันอย่างที่เคย ผมเห็นดังนั้น ก็ดีใจ แม้จะเห็นพญามัจจุราชวิ่งอยู่รอบๆรั้วด้านนอก ก็ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ผมคิดแต่ว่าหมาเข้าไปทำอันตรายไม่ได้ แต่ลืมคิดไปว่า..กระต่ายมันอาจจะออกมาให้หมาทำอันตรายเสียเอง !! พออาทิตย์ตกดิน ความมืดเข้าปกคลุม จุ๊บจุ๊บเป็นกระต่ายขี้เหงา ชอบให้คนคลอเคลียลูบไล้  มันจึงออกจากรั้วอย่างไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะตั้งแต่เกิดมา มันยังไม่เคยเจอใครที่คิดจะทำร้ายหรือเอาชีวิตมันเลย ทุกอย่างบนโลกนี้เป็นสิ่งสวยงามสำหรับจุ๊บจุ๊บ พอขาก้าวแรกพ้นรั้วเท่านั้น หมาที่อยู่ด้านนอก เหมือนเจอของเล่นมีชีวิต มันตระครุบ กัด ฟัด จนจุ๊บจุ๊บสิ้นใจ ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย…

จุ๊บจุ๊บ
อ่านต่อ

ฝากรอยเท้า ​ณ ปราณบุรี

ท่องเที่ยว, วิ่ง, สุขกะภาพ 26 June 20163 November 2017

เป็นทริปที่ 4 ของ Recon tour ทริปนี้มุ่งหน้าหาทะเลของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นั่นคือ ปราณบุรี เป็นทริปเลี้ยงส่งโค๊ชอาร์ม โค๊ชประจำทีมและถือเป็นการท่องเที่ยวของทีมอีกครั้งอีกด้วย งานนี้มีเยอะคนที่สุดเท่าที่เคยจัดไปเที่ยวมา นั่นคือ มากันถึง 17 คน กับรถ 4 คันๆละ 4 มี 1 คันที่นั่งกันถึง 5

recon tour run ปราณบุรี วิ่ง

เมื่อกรด..มันไหลย้อน

เรื่องทั่วไป 29 October 2009

วันนี้..หลังเลิกงานตั้งใจไว้แล้วว่า จะไปหาหมอ !! ความจริงที่ทำงานอยู่ใกล้รพ.เพชรเวชที่สุด แต่ผมเลือกที่จะใช้บริการประกันสังคมที่ รพ.คาเมลเรียล เนื่องจากหลายปากหลายเสียงแว่วมาหนาหูว่า รพ.เพชรเวชให้บริการประกันสังคม ค่อนข้างแย่ บริการไม่ดี ฯลฯ เราเสียเงินค่าประกันสังคมทุกเดือนๆ แต่นานทีปีหนถึงเข้าไปใช้บริการ ก็ดันให้บริการห่วยอีก หยั่งงี้..จะทู่ซี้ใช้ทำไม..นั่นเป็นเหตุผลที่ผมต้องทนพิษบาดแผล กัดฟันนั่งรถไปอีกประมาณ 5 ป้ายรถเมล์ เพื่อใช้บริการของคาเมลเรียล ที่นี่ คนน้อยดี และเปิดรับประกันสังคมตลอด 24 ชม. ไม่เหมือนเพชรเวช ที่รับแค่ 2 ทุ่ม (ถ้ากูสำลักมาม่าตอน 2 ทุ่มครึ่งก็หมดสิทธิ์เข้ารับการรักษา ใช่ม่ะ) หาหมอวันนี้ด้วยโรคเก่าแก่ที่อยู่ด้วยกันมาปีกว่าแล้ว โรคนี้ตอนอาการหนักๆ ทำเอาผมสะอึก 3 วัน 3 คืน รักษาหลายโรงพยาบาลก็ไม่หาย ไปทั้งจุฬา สมิติเวช คาเมลเรียลก็ไป​…(สุดท้ายหายที่รพ.แรก หลังจากทนสะอึกมา 3 วันเต็มๆ ) กรดไหลย้อน เป็นโรคที่มักเกิดขึ้นกับหนุ่มสาววัยทำงานเกิดจากการไหลย้อนกลับของกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารส่วนบนอย่างผิดปกติโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลากลางวันหรือกลางคืนหรือแม้แต่ผู้ป่วยไม่ได้รับประทานอาหารก็ตามทำให้เกิดอาการจากการระคายเคืองของกรด เช่น อาจทำให้เกิดหลอดอาหารอักเสบและมีแผล หรือหลอดอาหารอักเสบโดยไม่เกิดแผลหรือถ้ากรดไหลย้อนขึ้นมาเหนือกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนบนอาจทำให้เกิดอาการนอกหลอดอาหาร เช่น อาการทางปอดหรืออาการทางคอและกล่องเสียง อาการของโรคกรดไหลย้อน 1. อาการทางคอหอยและหลอดอาหาร อาจมีอาการปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่ บางครั้งอาจร้าวไปที่บริเวณคอได้ รู้สึกคล้ายมีก้อนอยู่ในคอ กลืนลำบาก หรือกลืนเจ็บ เจ็บคอ หรือแสบลิ้นเรื้อรัง โดยเฉพาะในตอนเช้า รู้สึกเหมือนมีรสขมของน้ำดี หรือรสเปรี้ยวของกรดในคอหรือปาก มีเสมหะอยู่ในลำคอ หรือระคายคอตลอดเวลา เรอบ่อย คลื่นไส้ รู้สึกจุกแน่นอยู่ในหน้าอก คล้ายอาหารไม่ย่อย 2. อาการทางกล่องเสียง และปอด อาจมี เสียงแหบเรื้อรัง หรือแหบเฉพาะตอนเช้า หรือมีเสียงผิดปกติไปจากเดิม ไอเรื้อรัง ไอหรือรู้สึกสำลักในเวลากลางคืน กระแอมไอบ่อย เจ็บหน้าอก เป็นโรคปอดอักเสบ เป็นๆ หายๆ อาการหอบหืดที่เคยเป็นอยู่ (ถ้ามี) ก็จะแย่ลง (อ่านอาการและอันตรายของโรคกรดไหลย้อนโดยละเอียด คลิกที่โน้น) ผมก็รู้ว่าเป็นโรคนี้มาสักพักแล้ว ..แต่ก็อย่างว่านั่นแหละครับ ถ้ามันไม่ถึงกับเดินไม่ได้ พูดไม่ออก ผมก็ไม่ค่อยจะเดือดเนื้อร้อนใจสักเท่าไรนัก ถึงอาการของมันจะมีอยู่ทุกวันก็ตาม..ตัดใจในวันนี้ ว่าอย่างไรเสีย ต้องไปหาหมอ…

กรดไหลย้อน

ทะเลาะ..ทำไม

เรื่องทั่วไป, เรื่องสั้นสั้น 24 November 2009

สายน้ำไหลเลาะเซาะซอกเขาใหญ่น้อย รวมกันเป็นสายน้ำใหญ่ไหลลงมาล่อเลี้ยงชาวเมืองใหญ่ถึงสองเมือง แม่น้ำนี้จึงเปรียบดั่งชีวิตและจิตใจ คราใดที่ขาดน้ำผู้คนดุจจะสิ้นใจ คราวใดที่น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ผู้คนก็เปรมปรีด์มีความสุข แม่น้ำสายนี้จึงเปรียบเหมือนเส้นเลือดใหญ่ล่อเลี้ยงสองเมือง คือ เมืองกบิลพัสดุ์ และเมืองเทวทหะตลอดมา แม่น้ำแห่งนี้ชื่อว่าแม่น้ำโรหิณี เมืองกบิลพัสดุ์ซึ่งเป็นเมืองของบิดาของพระพุทธเจ้าของพวกเราตั้งอยูทางเหนือแม่น้ำ ส่วนเมืองเทวทหะซึ่งเป็นเมืองของมารดาของพระพุทธเจ้า ตั้งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำ  ทั้งสองเมืองเปรียบเหมือนเป็นเมืองพี่เมืองน้อง เป็นเมืองที่เป็นญาติถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน และเป็นเช่นนี้มานานนับปี จนกระทั่งมาปีหนึ่งซึ่งน้ำในแม่น้ำน้อยลง แม่น้ำซึ่งทั้งสองเมืองยืดถือเป็นลมหายใจ ดุจจะลองใจคนทั้งสองเมืองให้สำนึกในบุญคุณ ว่ากันว่า ถ้าจะดูใจคนให้ดูในตอนที่เกิดเรื่อง เพราะในตอนนั้นธาตุแท้ของคนก็จะออกมาให้เราประจักษ์ ทั้งสองเมืองมีอาชีพทำนาเป็นหลัก ดังนั้น เมื่อขาดน้ำก็เหมือนขาดข้าวไปด้วย เมืองที่อยู่ทางเหนือแม่น้ำ เริ่มแสดงความเป็นคนใจแคบโดยการกั้นน้ำไว้ ทดน้ำเข้านาของตน เมืองที่อยู่ทางใต้น้ำเกิดภาวะขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง ปัญหานี้เป็นปัญหาระดับชาติ จึงจำเป็นต้องมาเจรจากันระหว่างสองเมือง การเจรจาครั้งนี้ ไม่มีทีท่าเหมือนมาเจรจากันเลย เพราะทั้งสองเมืองได้ยกทัพมาประจันหน้า ณ แม่น้ำโรหิณี ความเป็นเมืองที่ถ้อยทีถ้อยอาศัย แบ่งปันกันในฐานะเมืองพี่เมืองน้อง เมืองญาติกันไม่เหลืออีกต่อไป   พระพุทธองค์ทรงเห็นถึงภัยร้ายแรงนี้ จึงเสด็จรุดไปในวันนั้น ท่ามกลางความขัดแย้งของทั้งสองเมือง พระองค์ทรงประทับยืนกลางแดด จนพระญาติทูลถามว่า “ไยพระองค์ถึงเสด็จยืนท่ามกลางแดดที่ร้อน” พระองค์ตรัสว่า “ถึงแดดจะร้อน แต่ร่มเงาของพระญาตินั้นเย็นกว่าร่มเงาใต้ต้นไม้นัก” เมื่อเห็นพระญาติทั้งสองฝ่ายเงียบ จึงตรัสถามต่อไปว่า  “มหาบพิตรทั้งสอง ทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร” “เรื่องน้ำพระพุทธเจ้าข้า” “ระหว่างน้ำกับชีวิตคนนี่อย่างไหนจะมีค่ามากกว่ากัน” พระองค์ตรัสถาม  “ชีวิตคนมากกว่า  พระพุทธเจ้าข้า”  “ควรแล้วหรือที่ทำอย่างนี้”   พระญาติดุษณีภาพทุกคน   ไม่มีใครกราบทูลเลย   พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า      “ถ้าเราตถาคตไม่มาที่นี่วันนี้  ทะเลเลือดจะไหลนองดุจสายน้ำ”     เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้พระญาติทั้งสองเมืองได้สติ และไม่รบราฆ่าฟันกันในวันนั้น      วันนี้ยกพระพุทธประวัติบางส่วนมาเล่า เพราะเดี๋ยวนี้เกิดเรื่องทะเลาะ ขัดแย้งกันเยอะเหลือเกิน ไม่ว่าจะทะเลาะกับเพื่อน แฟน ทะเลาะกับคนข้างบ้าน ทะเลาะกับคนที่ไม่รู้จักบนท้องถนนที่เราเห็นว่าเขาขับรถไร้มารยาท(แต่เราก็เคยทำแบบนั้นในวันที่รีบ) ทะเลาะกับแท็กซี่ ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน ทะเลาะกับเจ้านาย ทะเลาะกับพี่น้อง ทะเลาะกับญาติ ทะเลาะกับคนข้างประเทศ ฯลฯ     การทะเลาะกันเกิดขึ้นเพราะต่างคนต่างมองว่าอีกฝ่ายไม่ถูกต้อง และฝ่ายเราถูกเอาเปรียบ   การทะเลาะยอดฮิต ก็คือ ทะเลาะด้วยเรื่องผลประโยชน์ ทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้มักจบไม่สวยและลุกลามใหญ่โตกลายเป็นทะเลาะเรื่องอื่นๆ สาวไส้มาทะเลาะมาเกลียด จนลืมต้นเค้าว่าเดิมเราทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร    …

ผู้ชนะสิบทิศ

เรื่องทั่วไป 26 May 2009

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย จริงๆมีแผนจะไปเที่ยวสัตหีบกับเพื่อนๆที่ทำงานในวันเสาร์ที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่มีเหตุจำเป็นทำให้ไม่สามารถเดินทางไปกับเพื่อนๆได้ ฝนตกเกือบทุกวัน ทำให้ไม่อยากคิดถึงการเดินทาง การเที่ยว คิดถึงสภาพท้องถนนที่คลาคลำด้วยรถ ถนนลื่น อุบัติก็เกิดขึ้นง่าย ทะเลคงไม่สวยนัก หากท้องฟ้าไม่สดใส น้ำตกเองคงขุ่นคลั่กหากมีฝน ภูเขาหินผาก็ลื่นเกิดอุบัติเหตุได้ในหน้าฝน หน้าฝนจึงเป็นฤดูที่ไม่เหมาะแก่การเที่ยวเท่าไรนัก แล้วเหมาะแก่อะไรละ?? อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง ผมเลือกของแรกเป็นหลัก ผสมด้วยข้อสอง และไม่ละข้อสาม!   เหตุที่ผมไม่สามารถไปเที่ยวกับเพื่อนๆได้ นั่น เพราะติดงานศพครับ ผู้วายชนม์เป็นอดีตข้าราชการทหารผู้ยิ่งใหญ่ ทำคุณประโยชน์แก่สยามประเทศเป็นอเนกอนันต์ ในอดีตท่านเคยออกรบในสงครามเวียดนามในนาม “จงอางศึก” และทำคุณประโยชน์ในฐานะชายชาติทหารแก่ประเทศชาติอย่างมากมาย ด้วยคุณงามความดีนี่เอง ในงานศพถึงคลาคลำด้วยแขกมากหน้าหลายตา และที่ยิ่งไปกว่านั้น คือ ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อพระองค์ท่านทราบข่าวก็เสียชีวิต ก็ทรงประทานพวงหรีด เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้เสียชีวิตและครอบครัว ผมได้มีโอกาสไปที่บ้านของอดีตนายทหารผู้ยิ่งใหญ่ จึงได้พบเบื้องหลังแห่งความยิ่งใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพความยิ่งใหญ่, บันทึกต่างๆที่ท่านเขียนบันทึกไว้ตลอด(ผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตทุกคนรักการอ่านและการบันทึก ข้อนี้ผมได้ยินมาจากหลายๆท่าน) รวมถึงหนังสือหลากหลาย และหนังสือกองหนึ่งที่สะดุดตาผมยิ่งนัก นั่นคือ หนังสือนิยาย “ผู้ชนะสิบทิศ” โดยยาขอบ แต่ละเล่มมีความหนากว่า 500 หน้า พิมพ์แบบเก่า หนังสือมีความเก่าแก่หน้ากระดาษออกสีเหลืองจนซีด รวมทั้งหมด 10 เล่ม ผมลองหยิบเล่มหนึ่งมาอ่านคำนำที่ยาวเกือบ 5 หน้า เป็นหนังสือที่มีคำนำจากผู้เขียนยาวมาก จึงพบว่า คำนำนี้มิใช่คำนำอย่างหนังสือทั่วๆไป แต่เป็นคำนำที่ผู้เขียนได้กล่าวแก้ต่างจากมีผู้โจมดีในสมัยนั้น เกี่ยวกับเรื่องที่ท่านเขียน โดยถูกกล่าวหาว่าไปลอกคนอื่นบ้าง ไม่ได้คิดเองบ้าง ต่างๆนานาๆ ก็ไม่แปลกใจใครที่ดัง มีชื่อขึ้นมา มักจะเจอข้อกล่าวหาทั้งสิ้น อาจจะแตกต่างกันไปตามลักษณะการกล่าวอ้าง นอกจากนี้ท่านยังได้กล่าวขอบคุณ กล่าวถึงความยากลำบากในการประพันธ์ รวมถึงการกล่าวฝากฝังหนังสือยิ่งใหญ่ไว้ในแผ่นดิน   พออ่านคำนำจบ ก็ให้เกิดความกระหายอยากอ่านเนื้อหา ก็เลยอ่าน ตั้งใจว่าจะอ่านฆ่าเวลา อ่านผ่านไปบทแรก บทสอง บทสาม ก็เกิดความติดใจในรสประพันธ์ประหนึ่งกวางติดใจในรสหญ้าอ่อน ศัพท์สำนวนล้วนเป็นภาษาเก่า ต้องทำความเข้าใจ แต่กระนั้นก็หาใช่อุปสรรคไม่ ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุก ยิ่งอ่านก็ยิ่งวางไม่ลง ใครที่เคยอ่านแฮรี่พ็อตเตอร์แล้วติดงอมแงมวางไม่ลง ก็คงจะเข้าใจอาการนี้ของผมได้อย่างดี วางไม่ลง พอหลับตาลงก็ฝันถึง..   ผู้ชนะสิบทิศ เคยเป็นละครที่ยิ่งใหญ่ในอดีต…

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (10)
  • ท่องเที่ยว (57)
  • บ่น (36)
  • บ้านบ้าน (17)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (69)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (47)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (65)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH