Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

เซ็ง

สามเซ็งซี้ดส์ อ่านต่อ

สามเซ็งซี้ดส์

ไดอารี่ 21 March 2011

วันอาทิตย์ประมาณบ่าย 3 โมงมีนัดกับช่างสวิส ช่างสวิสเป็นช่าง buit in ที่มีฝีมือและอัธยาศัยดีคนหนึ่ง นี่เป็นครั้งที่สองที่ใช้บริการจากแก ครั้งแรกใช้ให้ย้ายตู้ให้ เป็นการย้ายตู้ที่ไม่ธรรมดา เพราะต้องรื้อและต้องไปประกอบขึ้นใหม่ ครั้งนี้เป็นงานใหญ่กว่าครั้งแรก เพราะผมจะว่าจ้างให้แกรื้อและทาสีคอนโดใหม่!! คอนโดถูกปลวกยึดมาปีกว่า วันนี้ถึงเวลาที่ผมต้องขอคืนพื้นที่แล้ว นอกจากจะเรียกใช้บริการจากช่างสวิสแล้วผมได้เรียกบริษัทกำจัดปลวกมาอีกชุดหนึ่ง งานนี้ต้องขอคืนพื้นที่ชนิดไม่ให้เหลือ เซ็ง 1 ช่วงเช้าก่อนไปเจอกับช่างสวิส เลยมีเวลาว่างจึงไปดูหนังกันดีกว่า!! ตั้งใจไปดูเรื่อง SuckSeed ห่วยขั้นเทพ ขับรถไปดูที่เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ เนื่องจากยังไม่เที่ยง คนเลยยังไม่มากนักพอเลี้ยวเข้าห้าง ก็เจอที่ว่างทันที ผมกดไฟฉุกเฉินเตรียจอด!! ที่จอดเป็นทางเลี้ยวพอดี ที่จอดอยู่ขวามือ ผมหันหัวรถไปทางซ้ายเพื่อให้ท้ายเข้าทางขวา ขณะถอยเข้าซอง ก็มีเสียงแตรและเสียงชนดังขึ้นไล่ๆกัน ..ซวยแล้ว พอลงจากรถไปดูเหตุ สาวเจ้าของรถคันหลังใส่แว่นดำแต่งตัวหวือหวาไม่รับกับสภาพรถที่ค่อนข้างเก่าเลยสักนิด เจ๊แกตำหนิผมก่อนที่ผมจะเอ่ยปากพูดอะไร “ทางนี้เขาห้ามเลี้ยวซ้าย” น้ำเสียงเรียบแต่ท่าทีตำหนิเป็นเชิงสั่งสอนอยู่ในที “ผมไม่ได้จะเลี้ยวซ้าย ผมจะเ้ข้าจอด ไฟฉุกเฉินยังเปิดอยู่เลย” ผมพูดพร้อมชี้ให้ดูไฟกระพริบ เจ๊แกรู้ตัวว่าตัวเองผิด เดินกลับขึ้นรถหน้าตาเฉย ผมดูด้วยสายตา รถเจ๊แกไม่เป็นอะไรเลย ส่วนรถผมตรงกันโคลนหน้าเผยอขึ้นเล็กน้อย มองผิวเผินแทบไม่เห็นความเสียหาย ผมก็เลยไม่ติดใจเอาความ ด้วยมีรถติดจอดเป็นแถวยาวอยู่ “คุณจะมีปัญหาอะไรมั้ย” ผมถามเจ๊คู่กรณี เพราะถ้าเอาเข้าจริงผมก็มีส่วนผิดอยู่ไม่น้อย ที่ไม่ยอมมองหลังให้ดีก่อนถอย เจ๊แกนิ่ง ผมกล่าวขอบคุณ (ซึ่งไม่รู้จะขอบคุณทำไม) แล้วก็ขับรถออกไป พร้อมด้วยอารมณ์ที่เซ็งเล็กน้อย เซ็ง 2 ถึงมีเหตุการณ์เซ็งๆแบบนี้ ผมก็ไม่ละความตั้งใจที่จะดูหนังไทย..ซัคซี้ด พอเข้าไปซื้อตั๋ว ปรากฏว่าหนังเริ่มฉายพอดี ผมไม่รอช้า รีบซื้อตั๋วดิ่งเข้าโรง พอเข้าโรง ภาพยนตร์ตัวอย่างจบพอดี หนังกำลังเริ่ม ..แต่เอ่ะเดี๋ยวก่อน ทำไม เครดิตผู้สร้างเป็นภาษาอังกฤษ ผมดูหนังไทยไม่ใช่เหรอ คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งออกมาหน้าโรง ตายห่า..ในตั๋วบอกโรงหก แต่ผมเข้าโรงห้า!! ในที่สุดก็ได้ดูหนังสมใจ SuckSeed ห่วยขั้นเทพ หนังย้อนยุคสัก 3-5 ปี ช่วงชีวิตเด็กวัยรุ่นยุคม.ปลาย ยุคที่เด็กเกรงใจเพื่อนมากกว่าพ่อแม่และครู บูชานักร้องดังเทพเจ้า มีความใฝ่ฝัน อยากเป็นนักร้อง และมีความรักเป็นครั้งแรก หนังสะท้อนชีวิตเด็กประถมช่วงสั้นๆ และเด็กมัธยมได้อย่างได้รสได้ชาติมาก หนังมีสีสันด้วยได้นักร้องดังมาโผล่ในทุกฉากที่มีเสียงเพลง มีมุกตลกสอดแทรกอยู่เป็นระยะ นักแสดงหน้าใหม่อย่าง “ลูกพีช” เล่นดีบทเด่นแซงหน้า “ก้าว” พระเอกในเรื่อง…

suckseed รถ เซ็ง
อ่านต่อ

ตะลุยแก่งกระจาน

ท่องเที่ยว 12 December 201514 June 2019
เพชรบุรี แก่งกระจาน

Thank You

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 7 August 2008

ได้หนังซีรีส์เกาหลี เรื่อง Thank You (ชื่อไทยไม่รู้ชื่ออะไร)มาจากที่ทำงาน เป็นแผ่นดีวีดี 5 แผ่นๆ หนึ่ง ประมาณ 3 ชั่วโมงเศษ   ตั้งใจจะลองดูสักแผ่น อยากรู้ว่าละครเกาหลี แตกต่างจากละครไทยเรามากมั้ย เบื่อละครไทยเต็มที เน่าจนไม่รู้จะเน่าอย่างไร ทำซ้ำไปซ้ำมา ก็อปปี้บท ก็อปปี้เนื้อหา จนเอียนจนเลี่ยน จนไม่อยากจะดูละครไทยอีกแล้ว :p   เอาละ..บ่นละครไทยเป็นหอมปาก วกกลับมาที่ละครเกาหลีใหม่..   เรื่อง Thank You เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงบ้านนอกวัย 6 ขวบคนหนึ่ง เธอเป็นเด็กธรรมดา แต่อยู่มาวันหนึ่งมีเรื่องราวที่ทำให้เธอต้องเปลี่ยนไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว.. เธอประสบอุบัติเหตุ ต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ด้วยความผิดพลาดของหมอ ทำให้เธอได้รับเชื้อเอดส์มา !!   เด็กหญิงซื่อๆ น่ารักๆ ช่างพูดจา เป็นที่รักของแม่ และทุกคนในหมู่บ้าน ได้รับเชื้อเอดส์โดยไม่รู้ตัว แต่แม่ของเธอทราบจากหมอ หัวใจแทบสลาย แต่ก็พยายามทำทุกวิธีทางเพื่อที่จะให้ลูกน้อยได้อยู่ในโลกนี้นานที่สุด และมีความสุขที่สุด   เธอเลือกที่จะไม่บอกใคร แม้แต่ลูกเอง ไม่บอกคนในหมู่บ้าน แต่ก็สอนลูกว่า ถ้ามีอุบัติที่โรงเรียนถึงขั้นเลือกออก ห้ามขอความช่วยเหลือจากใคร ห้ามให้ใครเห็นเลือดเด็ดขาด โดยโกหกว่า เธอเป็นนางฟ้าจากสวรรค์มาจุติ ไม่สามารถให้คนธรรมดาเห็นเลือดได้ และเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามบอกใครเด็ดขาด   เด็กหญิงก็เชื่ออย่างนั้นตามประสาเด็ก..   เด็กคนนี้เป็นเด็กที่โชคร้าย เพราะนอกจากได้รับเชื้อ เอซ ไอ วี มาแล้ว พ่อของเธอก็ยังไม่ปรากฏว่าเป็นใคร คือ เป็นเด็กที่ท้องไม่มีพ่อ ต้องอยู่กับแม่ แม่ต้องส่งเสียน้องชายเรียน และเลียงดูตาที่ความจำเสื่อม แถมต้องดูแลลูกที่มีเชื้อเอซ ไอ วี อีกด้วย..   อีกด้านหนึ่ง หมอ(เป็นผู้หญิง) ที่ทำผิดพลาดให้เด็กหญิงต้องได้รับเชื้อเอดส์นั้น รู้สึกผิดมาโดยตลอด อยากจะเข้าไปขอโทษ อยากจะอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการไถ่โทษ แต่เธอไม่สามารถทำได้ เมื่อตรวจพบว่าตัวเธอเองเป็นมะเร็งในตับอ่อน จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อีกไม่นาน แต่ก่อนเธอจะสิ้นใจนั้น เธอได้ฝากบอกแฟนของเธอ ให้ช่วยสานฝันของเธอ ช่วยไปสารภาพผิดต่อเด็กหญิงผู้โชคร้ายคนนั้น..   เรื่องราวต่างๆก็เกิดขึ้นจากจุดนี้ครับ…..

อ่านต่อ

KMUTNB Run Walk 2017

วิ่ง, สุขกะภาพ 21 August 20172 November 2017

เป็นรายการวิ่งที่พลาดเมื่อปีที่แล้ว เพราะตรงกับรายการวิ่งบนทางด่วนศรีรัช ปีนี้เลยบอกน้องที่หมู่บ้านไปว่า ถ้าหาเบอร์วิ่งได้หาให้ด้วย และเมื่อถึงวันวิ่งน้องก็หามาให้จนได้สมใจ

อ่านต่อ

หลับให้สบายเถอะ..ลูกรัก

ไดอารี่ 19 July 200930 June 2016

ผมเลี้ยงกระต่ายมาปีกว่าแล้ว มันชื่อจุ๊บๆ น่ารัก เชื่อง ซน กัดแทะทุกอย่างในบ้าน ตั้งแต่ไม้กวาด สายไฟ กระเป๋า ผ้า จนถึงขนตัวเอง ผมเคยซื้อกระดิ่งผูกคอให้ มันรำคาญแต่กัดกระดิ่งออกไม่ได้ เลยกัดขนตรงคอที่มีกระดิ่งซะเกลี้ยงเลย เริ่มเชื่อรึยังว่ามันเป็นสัตว์สัญชาติแทะ ผมเลี้ยงจุ๊บจุ๊บแบบปล่อย ไม่เคยขังกรง ปล่อยให้อยู่ที่ระเบียงมีร่มเงา กรง และโพรงให้ จุ๊บจุ๊บอึฉี่เป็นที่เป็นทาง มันมักจะเข้าไปอึฉี่ในกรงที่ด้านล่างมีถาดรองอึมันอยู่ ด้วยความที่ถูกเลี้ยงแบบปล่อย จุ๊บจุ๊บจะติดคนมาก เวลากลางคืนมักจะออกมาเล่นกับผม มาคลอเคลีย เอาหัวมาซบ (ส่วนใหญ่ซบขาเพราะผมนั่งบนเก้าอี้) จุ๊บจุ๊บชอบให้ลูบหัว ไม่ว่าสิ่งที่ลูบนั้นจะเป็นมือหรือเท้าก็ตาม อาหารที่ชอบที่สุด คือ ขนมปังฟาร์มเฮาส์ แต่อาหารที่ขาดไม่ได้คืออาหารเม็ดของซีพี พอได้ยินเสียงถุงพลาสติก จุ๊บจุ๊บเป็นต้องหูผึ่งวิ่งปรี่มาหา นึกว่ามีขนมให้กิน จุ๊บจุ๊บมักร่าเริงในเวลากลางคืน และหลับในเวลากลางวัน เมื่อวานนี้ (19 ก.ค. 52) ฝ้าในห้องผมพังลงมา ด้วยเจอลมแรง ผมไม่คิดเลยว่า ฝ้าที่ตกลงมานั้น เป็นสัญญาณแห่งความสูญเสียในครั้งนี้ ผมจำเป็นต้องพาจุ๊บจุ๊บไปอาศัยอยู่ที่อื่นก่อนสักพัก เพื่อเจ้าของหอจะได้มาซ่อมฝ้า เหตุที่ต้องพาไปที่อื่นก่อน เพราะจุ๊บจุ๊บไม่ถูกอนุญาตให้อยู่ในหอนี้ ..ใช่ มันเป็นแรงงานต่างด้าว ใช้ความน่ารักน่าเอ็นดูให้คนพอใจคลายเหงาแลกกับอาหารไปวันๆ ผมพาจุ๊บจุ๊บขึ้นรถเมล์โดยใส่ในกระเป๋าผ้า จุ๊บจุ๊บไม่ดิ้น ไม่งอแงเวลาอยู่ในกระเป๋าแม้จะต้องนอนคดอยู่ในนั้นร่วมชั่วโมง ผมเห็นแววตาซื่อและเศร้าของมันตลอดเวลาแห่งการเดินทางครั้งนี้ ณ ที่ๆจะฝากจุ๊บๆนั้น เป็นบ้านสองชั้น และมีสนามหญ้าอยู่หน้าบ้าน โดยสนามหญ้ามีรั้วกั้นมิดชิด แม้จะมีสุนัขอยู่ในบ้านก็หมดห่วง เพราะรั้วสูงและแข็งแรงพอที่จะปกป้องจุ๊บจุ๊บได้ พอเท้าแตะสนามหญ้า จุ๊บจุ๊บวิ่ง กระโจน และกัดกินยอดหญ้าอ่อนด้วยความสุข มันไม่เคยสัมผัสกับธรรมชาติแบบนี้มาก่อน อยู่แต่ในตึก มีแต่ปูนจนเข้าใจว่า นั่นคือพื้นโลก ไม่เคยรู้จักพื้นดินและต้นหญ้า จุ๊บจุ๊บมีความสุข นอนกลางวันอย่างที่เคย ผมเห็นดังนั้น ก็ดีใจ แม้จะเห็นพญามัจจุราชวิ่งอยู่รอบๆรั้วด้านนอก ก็ไม่รู้สึกกังวลแต่อย่างใด ผมคิดแต่ว่าหมาเข้าไปทำอันตรายไม่ได้ แต่ลืมคิดไปว่า..กระต่ายมันอาจจะออกมาให้หมาทำอันตรายเสียเอง !! พออาทิตย์ตกดิน ความมืดเข้าปกคลุม จุ๊บจุ๊บเป็นกระต่ายขี้เหงา ชอบให้คนคลอเคลียลูบไล้  มันจึงออกจากรั้วอย่างไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะตั้งแต่เกิดมา มันยังไม่เคยเจอใครที่คิดจะทำร้ายหรือเอาชีวิตมันเลย ทุกอย่างบนโลกนี้เป็นสิ่งสวยงามสำหรับจุ๊บจุ๊บ พอขาก้าวแรกพ้นรั้วเท่านั้น หมาที่อยู่ด้านนอก เหมือนเจอของเล่นมีชีวิต มันตระครุบ กัด ฟัด จนจุ๊บจุ๊บสิ้นใจ ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย…

จุ๊บจุ๊บ

ปมาโท มจฺจุโน ปทํ

ไดอารี่ 10 March 2011

อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาถ้าคุณประมาท ผมได้แผลขนาดใหญ่ที่แขนมาเพราะความประมาทครับ ขณะรีดผ้าด้วยเตารีดอบไอน้ำ รีดไปพลาง ดูทีวีไปพลาง เตารีดอบไอน้ำถ้าราคาแพงหน่อยไอน้ำจะพวยพุ่งได้ตลอดเวลา แต่ถ้าราคาถูกก็จะได้ไอน้ำที่เดี๋ยวพุ่ง เดี๋ยวหยุด ที่ผมใช้ ณ ปัจจุบันเป็นแบบอันหลังครับ เดี๋ยวพุ่ง เดี๋ยวหยุด จังหวะที่มันหยุดผมก็ดูทีวี!! ทีนี้อยู่ๆมันก็มาโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า พุ่งใส่แขนผมเต็มเหนี่ยว มีผลทำให้หนังเตลิดเปิดเปิงหลุดหลุ่ย จุดที่โดนหนักๆนอกจากหนังไม่เหลือแล้วเนื้อยังตามไปด้วย!! เป็นอุทาหรณ์สอนใจว่า “ความประมาท..แม้เพียงนิดเดียวก็เกิดอันตรายใหญ่หลวงได้!!”

ประมาท เตารีดไอน้ำ

กาลามสูตรบอกว่าอย่าเชื่อ..เพราะ..!!??

เรื่องทั่วไป 22 January 2010

ช่วงนี้มีข่าวแปลกๆ เกิดขึ้นทางภาคเหนือ และกำลังจะแพร่ระบาดไปในภาคอื่นๆ นั่นคือ ข่าวเรื่อง “โทรศัพท์มรณะ” เชื่อกันว่า หากมีเบอร์โทรศัพท์แปลกๆ เป็นเลขตองเรียงกันโทรเข้ามา หากรับสายจะตายทันที!! ฟังดูเป็นเรื่องเหลวไหลและหาเหตุผลไม่ได้เลย แต่ทางภาคเหนือก็เชื่อกันอย่างเป็นตุเป็นตะ เป็นคุ้งเป็นแคว ขนาดมีการปิดป้ายเตือนกันตามที่ต่างๆ และมีการบอกต่อด้วยความหวังดีอย่างแพร่หลาย ผมไม่แน่ใจว่ามีคนตายจากการรับโทรศัพท์บ้างรึยัง ชาวบ้านถึงกลัวกันขนาดนี้ หรือตาย ก็อาจจะตายด้วยสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่เพราะรับโทรศัพท์แน่ๆ แต่อาจจะบังเอิญ พอเหมาะพอเจาะกับก่อนหน้านั้นคนตายได้รับโทรศัพท์จากเบอร์แปลกๆอีกด้วย เรื่องราวก็เลย เลยเถิดกันไปใหญ่.. เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ ถ้าใช้หลักของพระพุทธศาสนา ก็จะสามารถแยกแยะได้ว่า สิ่งไหนควรเชื่อ และสิ่งไหนไม่ควรเชื่อ ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยพุทธกาล ก็มีเรื่องราวทำนองนี้ เรื่องมีอยู่ว่า คนกลุ่มหนึ่งได้ทูลถาม สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงข้อที่เขากำลังงงไปหมด โดยไม่อาจจะทราบได้ว่า ข้อปฏิบัติอย่างไร จะเป็นไปเพื่อความดับทุกข์โดยตรง ครูบาอาจารย์ หรือศาสดาพวกนี้มาก็สอนได้อย่างหนึ่ง พวกโน้นมาก็สอนอีกอย่างหนึ่ง จนมากมายหลายพวกด้วยกันจนงง จนไม่รู้ว่าอันไหนจะเป็นที่เชื่อถือได้ ขอให้พระผู้มีพระภาคเจ้า ช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าได้ตรัส ตอบคนเหล่านั้นว่า อย่าได้เชื่อถือด้วยเหตุผลต่างๆดังที่จะกล่าวต่อไปนี้ คือ อย่าได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บอกต่อๆกันมา อย่าได้เชื่อ ถือ โดยเหตุที่สักแต่ว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตามๆกันมา อย่า ได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมด แล้วมันต้องเป็นความจริง อย่าได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า มันมีอ้างไว้ หรือเขียนไว้ในตำรับตำรา อย่าได้เชื่อถือ ด้วยการเดาของตัวเอง อย่าได้เชื่อถือ ด้วยการตรึกเอาตามเหตุผลส่วนตัวของตัวเอง อย่าได้เชื่อถือ ด้วยความคาดคะเนของตัวเอง อย่าได้เชื่อถือว่า นี่มันเข้ากันได้กับลัทธิ ที่เรากำลังปฏิบัติอยู่เป็นประจำ อย่า ได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า ผู้พูด ผู้กล่าว ผู้สอนนั้น อยู่ในฐานะที่พอจะเชื่อถือได้ อย่าได้เชื่อถือ โดยเหตุสักว่า ท่านผู้กล่าว ผู้สอนนั้นเป็นครูบาอาจารย์ของเรา ทั้ง  10 ข้อนี้เรียกว่า กาลามสูตร ถ้ามีสติปัญญา พิจารณาด้วยเหตุและผล ก็จะเห็นได้ว่า สิ่งไหนควรเชื่อ และสิ่งไหนเป็นสิ่งไร้สาระ แต่ในปัจจุบันสิ่งลวงตามีมากกว่าก่อนเยอะ หลายเรื่องเราไม่สามารถแยกแยะได้จริงๆ โดยเฉพาะเรื่องที่คุณนักการเมืองที่เคารพทั้งหลาย ออกมาพูดกันก่อนเลือกตั้งให้เราเคลิ้มเนี่ยะ แยกไม่ออกจริงๆ ว่าอันไหนจริง อันไหนโกหก อันไหนทำได้…

ธรรมะคือคุณากร

เรื่องทั่วไป 15 January 2010

ว่ากันว่าถ้าหมกมุ่นในเรื่องอะไรมากๆ เวลาพูด แสดงออก หรือคิดก็จะอยู่แต่ในเรื่องนั้นๆ ส่วนตัว นอกจากเรื่องงานแล้ว ก็ไม่ค่อยคิดเรื่องอื่นเท่าไรนัก(ยกเว้นเรื่องเที่ยวที่นานๆคิดที) ดังนั้น จึงพยายามอยากจะหมกมุ่นในเรื่องอะไรดี ในที่สุดจึงคิดได้ว่า ควรหมกมุ่นในเรื่องของธรรมะ เพราะธรรมะคือคุณากร บ่อเกิดแห่งความดี วันนี้ขอนำเสนอธรรมขั้นพื้นฐานปุถุชนเช่นพวกเราๆ ก่อน ถ้าได้เรียนในระดับศึกษาธรรมชั้นตรี ธรรมะข้อนี้ก็จะอยู่ในหมวดต้นๆเลย นั่นคือ “ธรรมอันทำให้งาม ๒ อย่าง อันได้แก่ ขันติ ๑ โสรัจจะ ๑ ขันติ แปลว่า     ความอดทน เป็นลักษณะของผู้มีน้ำใจเข้มแข็ง หนักแน่น เป็นคุณสมบัติของผู้ปกครอง และเป็นมงคลเหตุแห่งความเจริญ ความอดทนยังแบ่งย่อยไปอีก  ๓ ประเภท คือ ๑. อดทนต่อความลำบากตรากตรำ เช่น ทนหนาว ร้อน เป็นต้น ๒. อดทนต่อทุกขเวทนา เช่น เวลาเจ็บไข้ ป่วย เป็นต้น ๓. อดทนต่อความเจ็บใจ มี ๓ ประเภท (๑) ตีติกขาขันติ    อดทนด้วยการกลั้นไว้ได้ (๒) ตปขันติ    อดทนจนเป็นตบะเดชะ (๓) อธิวาสนขันติ อดทนจนยังคำพูดหยาบคาย ของผู้อื่นให้กลับอยู่เป็นเพื่อน เป็นมิตรกันได้ โสรัจจะ แปลว่า ความเสงี่ยม ได้แก่การรู้จักทำจิตใจให้แช่มชื่นเบิกบาน มีกายวาจา  สงบเสงี่ยมเรียบร้อย คือมีอาการปกติเยือกเย็น ภายใน ไม่แสดงอาการขึ้นลง เป็นต้น จากธรรมะสองข้อนี้ ก็พอจะเห็นแล้วว่า ทำไมถึงได้ชื่อว่า เป็นธรรมะอันทำให้งาม ความงามในที่นี้มิได้หมายว่างามด้วยทรวดทรงองค์เอว ผิวพรรณผุดผุ่ง หรือหน้าตาสวยใส หากแต่หมายถึงความงามแห่งกิริยาท่าทางการแสดงออกในสังคมอย่างเหมาะสมตามกาละเทศะ ผู้ที่มีหน้าตาสวยใส หากแสดงกิริยากราดเกรี้ยวโมโหร้าย เพราะไม่อดทนต่อความพูดไม่ถูกหู ก็กลายเป็นคนขี้เหร่ขึ้นมาได้เช่นกัน อดทนเพียงอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องมีความสงบเสงี่ยม ทำจิตใจให้แช่มชื่นเบิกบาน มิเพียงแต่แสดงออกภายนอกเท่านั้น แต่ต้องมีความแช่มชื่นที่ออกมาจากข้างใน สกัดกั้นอารมณ์ไม่พอใจเสียได้ แล้วดำรงสภาวะด้วยอาการอันปกติ นโปเลียนนักรบผู้ยิ่งใหญ่ ข้าศึกขนาบเมืองทั้งหน้าหลัง ทหารรีบเข้าไปแจ้งข่าวด้วยความตื่นตะหนกตกใจสุดขีด จนแทบจะพูดออกมาไม่ถูก แต่พอนโปเลียนรับทราบว่า กลับกล่าวด้วยอาการปกติและบอกแก่นายทหารคนนั้นว่า…

ธรรม

ของขวัญจากพระเจ้า!

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 26 May 201128 October 2015

กำลังอ่านหนังสือ “แกะดำทำธุรกิจ ทุ่งหญ้าแห่งความรู้และความสุข” เขียนโดยคุณประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ แนวคิดในการทำธุรกิจ ในการมองโลก มีมุมที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร สมกับที่เรียกตัวเองว่าเป็น “แกะดำ” แกะดำไม่ใช่แกะที่มีความผิดปกติ หรือมีความแปลกประหลากแตกต่างจากคนอื่น หากแต่ว่าเป็นแกะที่เลือกทำในสิ่งที่ดีกว่า แตกต่าง และให้ผลดีกว่า เลือกที่จะเลี้ยวขวา ขณะที่ทุกคนเลี้ยวซ้าย เลือกที่วิ่งในขณะที่ทุกคนเดิน เลือกที่สุขในขณะที่ทุกคนทุกข์ และอีกมากมาย.. อ่านได้ครึ่งเล่มขณะรถติด ได้ความคิดใหม่ว่าขณะรถติดคนส่วนใหญ่ชอบเล่นเกมส์บนมือถือ เล่นเฟสบุค ทวิตเตอร์ บีบี ดูหนัง ฟังเพลง ล้วนแต่เป็นสิ่งสร้างความบันเทิงที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ทำไมเราไม่อ่านหนังสือ หรือทำอะไรที่มันเกิดประโยชน์ขณะรถติดที่มากกว่านั้น ไม่เสียเงิน แถมได้ประโยชน์มหาศาล ..เลยตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือทุกครั้งที่รถติด!!! จะดูสิว่า เดือนหนึ่งจะอ่านได้กี่เล่ม.. ชอบใจประโยคเด็ดในหนังสือแกะดำฯ ที่คุณประเสริฐ ได้นำคำของ CEO หญิงของ HP มาเขียนไว้อีกที.. ใจความว่า “การที่เราเกิดมาบนโลกใบนี้ ไม่ว่า่จะสูงต่ำดำขาว คือสิ่งวิเศษที่พระเจ้ามอบให้เรา ส่วนเราจะประพฤติตนอย่างไร คือสิ่งวิเศษที่เป็นของขวัญที่เราจะมอบแด่พระเจ้า” * อยากรู้จักแกะดำมากขึ้นคลิกไปที่ http://www.blacksheep.co.th/

ประเสริฐ เอี่ยมรุ่งโรจน์ พระเจ้า แกะดำ
อ่านต่อ

จิ๊กกี๋ในวัย 70 กะรัต

สุขกะภาพ, ไดอารี่ 23 September 20163 November 2017

เข้าสู่วัย 10 ขวบแล้วสำหรับจิ๊กกี๋ ถ้าเป็นคนก็เริ่มเข้าสู่วัย 70 นิสัยเธอก็ยังเป็นเหมือนเดิม ขี้อ้อน ขี้กลัว กลัวฝนกลัวฟ้าร้องกลัวฝนตก สายตาเริ่มพร่ามัว มองไกลๆไม่ค่อยเห็นตามประสาหมาสูงอายุ แต่ยังเป็นหมาที่กินยาก ฉี่ยาก อึยากเช่นเคย เอาภาพมาอัพเดตไว้เท่านี้แหละ

จิ๊กกี๋

ชิงเถิดหมา

ไดอารี่ 20 February 2011

ถ้าพูดถึง “พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง” หลายๆคนก็คงจะคิดภาพผู้ชายดิบๆ เถื่อนๆ สมัยวัยรุ่นเป็นนักร้องร็อค เพลงกวนตีนอย่าง ครายจะทำมาย หรือเพลงที่โดนใจจิ๊กโก๋อย่าง หัวใจนักเลง เพลงซึ่งๆอย่าง สั่งเสีย และอื่นๆอีกมากมาย ภายหลังนักร้องร็อครุ่นใหญ่ได้มาเอาดีทางการแสดง ก็จัดได้ว่าเป็นนักแสดงขั้นเทพคนหนึ่ง จนปัจจุบันขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับเต็มตัว สร้างชื่อให้ตัวเองโด่งดังจากเรื่อง Be myself ขอให้รักจงเจริญ และเรื่อง Happy Birthday ส่วนงานละครก็มีให้ชมอย่างต่อเนื่อง เรียกว่าฝีมือเป็นที่ถูกอกถูกใจคอหนังคอละครทีเดียว จนมาถึงเรื่องล่าสุด “ชิงหมาเถิด” ทีแรกก็คิดว่าเป็นหนังตลก เพราะดูจากตัวอย่างหนังที่ตัดมา มีแต่ฉากตลก แต่พอได้ดูจึงรู้ว่าเป็นหนังเสียดสีแดกดันประชดประชันสังคมแทบจะถูกอณูหนัง คือทุกฉากมีการแอบกัดแอบประชดสังคมตลอด อยู่ที่ว่าผู้ดูสามารถตีความหรือดูออกหรือไม่? หนังเล่าถึงยุคที่สังคมเป็นโรคบ้าเห่อ ในหนังทุกคนกำลังเห่อสัตว์ตัวหนึ่งที่เรียกกันว่าเป็น “หมาหิมะ” หมาหิมะเป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศ ยกเว้นสามคน คือ ลูกเจ้าของหมาหิมะที่พ่อสนใจแต่หมาจนไม่สนใจตน รู้สึกตัวเองว่าถูกหมาหิมะแย่งความรักไปจนหมด อีกคนคือ “เด่น” ผู้ถูกให้ออกจากงาน เพราะไม่เอาการเอางาน แต่พาลไปโกรธ “หมาหิมะ” พยายามประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรม แต่ก็ไร้ผล และอีกคนคือ “อาท” เด็กอัจฉริยะทางด้านคอมพิวเตอร์ที่เคยเป็นข่าวโด่งดังทางหน้าหนังสือพิมพ์ แต่แล้วทุกคนก็ลืมเขาผู้เป็นเด็กอัจฉริยะ หันไปสนใจและกล่าวถึงแต่หมาหิมะ จนเขารู้สึกมั่นไส้จึงเขียนประกาศในห้องน้ำชายว่า เขาจะลักหมาหิมะมาให้ดู หนังก็เล่าถึงระบบรักษาความปลอดภัยหมาหิมะขั้นสูง พอๆกับระบบรักษาความปลอดภัยของภาพโมนาลิซ่า หรือเพชรพันล้าน  ภาพตอนผ่านเข้าไปทีละขั้น ดูไฮเทคดี แต่พอตัดมาที่ฉากบัญชาการภายใต้ระบบที่โคตรไฮเทคนั้น โลเทคสิ้นดี มีคอมพิวเตอร์เก่าๆ 4-5ตัว และเจ้าหน้าที่หน้าตาโบราณเหมือนข้าราชการแก่ที่ไม่ค่อยรู้จักคอมพิวเตอร์นั่งบัญชาการอยู่ สภาพห้องยิ่งหดหู่ ฉากที่แดกดันประชดประชันมากที่สุดคงเป็นฉากที่ผู้บัญชาการตำรวจกำลังนำทีมสืบหาหมาหิมะที่หายไป แต่แล้วนายตำรวจท่านหนึ่งก็เข้ามารายงานว่า จังหวัดหนึ่งของประเทศกำลังถูกยึดไปแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจกล่าวด้วยเสียงมีอารมณ์ว่า “ประเทศเรามีหลายจังหวัด เสียไปจังหวัดเดียวก็เท่ากับเสียไปแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเสียหมาหิมะที่มีแค่ตัวเดียวในโลกเท่ากับเสียไป 100 ปอร์เซ็นต์ เท่านี้พวกคุณก็เรียงลำดับความสำคัญไม่ได้!!” แต่โดยรวมแล้วหนังก็สนุกดี ส่วนหนึ่งเพราะได้นักแสดงคุณภาพอย่าง บอย ปกรณ์  โก๊ะตี๋ มีฉากซึ้งๆระหว่างพ่อกับลูกให้ซึ่งได้เหมือนกัน แต่ที่ยังสงสัยจนหนังจบแล้วยังไม่หายสงสัยคือ พี่อ็อฟ พงษ์พัฒน์ในเรื่องเป็นใคร??? ดูจนจบแล้วหนังก็ไม่บอกว่าพี่แกเป็นใครมาจากไหน ไล่ยิงชาวบ้านอย่างเดียว พอถามก็บอกแค่ว่า เป็นหน้าที่ !! ยังบอกไม่ได้ว่า หนังของพี่อ็อฟเรื่องเป็นหนังแนวไหน สันนิษฐานว่าเป็นหนังตามใจผู้กำกับที่พยายามจะถ่ายทอดสังคมปัจจุบันในมุมมองของพี่แกเอง ตอนจบเป็นยังไง ไม่ขอบอก เผื่อบางคนอยากไปดู แต่ถ้าใครดูแล้วได้คำตอบว่าพี่อ็อฟเป็นใคร รบกวนช่วยมาบอกด้วยนะ อยากรู้จริงๆ

ชิงหมาเถิด พงษ์พัฒน์

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (62)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (53)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH