ฆาตกร
“กูแค่หลอกฟันเมียมึงเท่านั้นแหละ ไม่ได้จริงจังหรอก” หลังจากวางสาย ในหัวผมอื้ออึง เหล้าที่กินเข้าไปเกือบหมดขวดดูเหมือนจะน้อยกว่าความโกรธที่พุ่งพล่านทั่วร่าง สองปีที่ผมอยู่กินกับเธอมันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เธอมีใจให้คนอื่นไม่โหดร้ายเท่าชายคนนั้นโทรมาเหยียบย่ำน้ำใจกันอีก ผมปิดมิตเตอร์ ไม่รับผู้โดยสาร บึ่งหน้าไปยังบ้านชายโฉดกับหญิงชั่วนั้นทันที! ไม่นานผมก็มาปรากฏกายหน้าห้องมัน ห้องไม่ได้ล็อค จะโดยบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม วันนี้มันได้เจอดีแน่ ผมเปิดประตูเข้าไป ชายชู้กับหญิงชั่วยังนอนอยู่บนที่นอน โดยไม่รอช้า ผมคว้าขวดเป๊บซี่เปล่า ฟาดไปที่หัวสองที ก่อนที่มันจะตั้งตัว ผมใช้ขวดอันเดิมฟาดไปที่เสาบ้าน ขวดแตกครึ่งหนึ่งเป็นอาวุธชั้นดี ผมรีบแทงไปที่ท้องมันสองที จนมันแน่นิ่งเลือดพุ่งท่วมตัว ขณะที่หญิงชั่วอดีตคนรักผม กรี๊ดร้องออกนอกห้องไป โชคไม่เข้าข้างที่มีสายตรวจอยู่หน้าหอพักพอดี ผมถูกตำรวจจับกุมอย่างงายดาย ผมยอมรับทุกข้อกล่าวหา เหตุจูงใจในการฆ่า คือ การถูกหยามหน้าอย่างรุนแรง “งั้น ทำไมถึงไม่ฆ่าผู้หญิงด้วย” ตำรวจถาม “ผมฆ่าไม่ทัน มันวิ่งออกจากห้องไปก่อน” ผมตอบสีหน้านิ่ง ผมถูกพิพากษาจำคุก 10 ปี แต่เนื่องจากไม่เคยทำผิดมาก่อน และยอมรับผิด เป็นประโยชน์ต่อศาล จึงลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือแค่ 5 ปี.. “หมู่บ้านพี่อยู่ตรงไปใช่มั้ยครับ..” แท็กซี่คนดังกล่าวถามขึ้น หลังจากเล่าเรื่องราวในอดีตจบลง “ค..ครับ ใช่ ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย จอดตรงซอย 25” ผมตอบกลั้นเสียงสั่น “นี่ ครับค่าโดยสาร ไม่ต้องทอนก็ได้นะครับ” “ไม่ได้พี่ ตั้ง 5 บาท ยังไงผมต้องหาทอนจนได้ นี่ครับ เจอเหรียญแล้ว” อดีตฆาตกรคว้าเงินทอนได้ รีบยื่นให้ผม “ขอบคุณนะครับบ” แท็กซี่กล่าวขอบคุณก่อนบึ่งรถออกไป … จบบทสนทนากับแท็กซี่ อดีตฆาตกร กับเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงบนรถแท็กซี่ เหมือนได้ดูหนังจบหนึ่งเรื่อง หนังที่สร้างจากชีวิตจริงของคนๆหนึ่ง ความจริงยังมีรายละเอียดชีวิตในคุกอีกอีกนิดหน่อย แต่เรื่องไม่ปะติดปะต่อเท่าไร เป็นการตอบคำถามมากกว่า ผม : ในเรือนจำเป็นยังไงบ้างครับ? พี่แท็กซี่ : ตอนเข้าไปใหม่ๆ ลำบากมาก มีคนแกล้งทุกวัน ผม : แกล้งยังไง? พี่แท็กซี่ : มาตบหัวบ้าง มาขโมยของบ้าง เขาเห็นว่าเรามาใหม่ คิดว่าเราต้องมีตังค์ มีของ ก็จะมารีดเงิน ผม :…