ที่ขึ้นหัวว่า “สิบกิโลแรกในชีวิต” นี่ไม่ได้หมายถึงน้ำหนักตัวนะครับ lol.
จากคนที่วิ่งแค่ 500 เมตรก็นั่งหอบ ณ วันนี้วิ่งมาถึง 10 กิโลเมตรได้อย่างไร ?
ผมจะเล่าให้ฟัง
แรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ได้คิดว่าจะมาเล่นกีฬาประเภทวิ่งนะครับ ดูแล้วมันน่าเบื่อ ไม่สนุก สู้ตีแบดไม่ได้ เพราะตีแบดยังได้แข่งกับคนอื่น วิ่งนะเหรอ แข่งกับใคร?
วิ่งก็วิ่งคนเดียว.
มี 2 ปัจจัยใหญ่ที่ทำให้ผมต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาออกวิ่ง
1. Facebook ทุกเช้าพอเปิดเฟสบุค ผมจะเห็นเพื่อนแชร์สถิติการวิ่งทุกวัน เริ่มจากวันแรกๆ 1 กิโล เพิ่มเป็น 2 , 3 และ 4 , 5 กิโลเรื่อยๆ ผมเริ่มเกิดความคิดอยากวิ่งบ้าง และยังไม่เริ่มลงมือทำ จนกระทั่ง.
2. Run me to the moon บทความที่สร้างแรงบันดาลใจให้ออกไปวิ่ง โดยคุณโตมร ศุขปรีชา ซึ่งน้องคนหนึ่งแนะนำให้อ่าน (ผมอ่านออนไลน์ ตอนนี้ทำเป็นเล่มขายแล้ว เวอร์ชั่นออนไลน์มีให้อ่านแค่ 2 บท) ผมอ่านจบวันนั้น เช้าวันรุ่งขึ้นเริ่มออกวิ่งทันที!
จากที่เคยสงสัยว่าวิ่งแข่งกับใคร ได้คำตอบจาก Run me to the moon ว่า การวิ่งไม่ได้แข่งกับใคร แต่แข่งกับตัวเอง
ถือเป็นคำตอบที่ยิ่งใหญ่มาก แข่งกับคนอื่นว่ายาก แต่แข่งกับตัวเองนั้นยากกว่า ..อีกใจหนึ่งก็คิดว่า ตัวเราเองน่าจะแข่งชนะได้ง่าย เพราะคู่แข่งคนนี้เรารู้จักนิสัยใจคอมันดี..ผมคิดผิดซะแล้วครับ
ผมเริ่มซ้อมวิ่งตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2559 วิ่งทุกเช้าวันละ 2-3 กิโลเมตร
พอเข้าเดือนมีนาคม ผมรู้สึกว่าการตื่นมาวิ่งทุกเช้าของผมยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน และที่บอกว่าแข่งกับตัวเองนั้นยาก เป็นเรื่องจริงที่สุด บางวันก็ตื่นมาวิ่งได้ บางวันก็ไม่ยอมตื่นซะอย่างนั้น อิดออดหาข้ออ้างให้ตัวเองไม่ต้องลุกซะอย่างนั้น ทุกเช้าฝ่ายดำกับฝ่ายขาวจะเถียงกัน ฝ่ายขาวก็บอกให้ลุก ลุกเถอะ ออกไปวิ่ง ..พอพลิกตัวหน่อย หมอนมันนุ่ม เตียงนอนก็สบาย อากาศก็เย็น ฝ่ายดำทำงานทันที ..นอนต่อเถอะ วันนี้หยุดวิ่งสักวัน วิ่งมาเยอะแล้ว…ฯลฯ
ส่วนมากฝ่ายดำชนะ .. นั่นหมายความว่า ผมเสียวินัยในการลุกขึ้นมาวิ่งซะแล้ว !
หากสถานการณ์เป็นอย่างนี้ไม่ดีแน่ ต้องหาตัวช่วย
ผมจึงหารายการวิ่งสักรายการ เพื่อบริหารวินัยของตัวเอง และมาลงเอยที่รายการวิ่ง
Samsung Galaxy 10k Thailand Championship 2016
ณ สนามศุภชลาศัย และเป็นครั้งแรกที่จัดการวิ่งที่นี่ ..ผมตัดสินใจสมัครวิ่งทันที
หลังจากนี้จะไม่มีข้ออ้างตอนเช้าอีกแล้ว .. ฝ่ายขาวจะคอยกระซิบบอกตลอดเวลาว่า “ถ้ามึงไม่ลุกไปวิ่งตอนนี้ วันแข่งมึงต้องวิ่งไม่ออก เดินรั้งท้าย ให้อายชาวประชาชีเป็นแน่”
พอคิดสภาพว่าตัวเองต้องเดินรั้งท้ายให้อายคนเท่านั้นแหละครับ ตัวดีดออกจากที่นอนทันที !
เดือนมีนาคมทั้งเดือน ผมซ้อมวิ่งเกือบทุกวัน ยกเว้นอาทิตย์สุดท้ายก่อนวิ่งจริง ที่ต้องพักร่างกายไว้ สถิติที่ดีที่สุด คือระยะทาง 9 กิโลเมตร ผมตั้งใจจะเก็บ 10 กิโลเมตรไว้ในวันแข่ง
และเมื่อถึงวันที่ 3 เมษายน ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนและการฝึกซ้อมที่สม่ำเสมอมาตลอด 1 เดือน ผมเข้าเส้นชัยด้วยเวลาค่อนข้างดี น่าพอใจ
และนี่จะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ในการเอาชนะคนที่ได้ชื่อว่าเอาชนะยากที่สุด นั่นคือ “ตัวเอง”