ซ้อมวิ่งยาว 35 กิโลเมตร

ตารางซ้อมมาราธอน จะมีวันวิ่งยาวใน 1 สัปดาห์ หรือสัปดาห์ละครั้ง เป็นการซ้อมที่สำคัญและจำเป็นสำหรับผู้ที่จะวิ่งมาราธอน เพราะจะเป็นการอัพสกิลหรือเพิ่มความอึดในการวิ่งยาว

ระหว่างสัปดาห์อาจมีซ้อมวิ่งเร็ว Interval บ้าง วิ่ง Rocovery บ้าง ห้าโลสิบโลก็ว่ากันไปตามความเหมาะสม แต่ในวันสุดท้ายของสัปดาห์ต้องมีวันวิ่งยาว

และครั้งนี้น่าจะเป็นการวิ่งยาวครั้งสุดท้ายของผมก่อนถึงวันวิ่งจริงในมาราธอนแรกที่บางแสน

สนามซ้อมที่ใกล้ที่สุดคือกระทรวงสาธารณสุข จริงๆมีใกล้กว่านั้นคือวิ่งในหมู่บ้าน แต่เคยพยายามแล้วรู้สึกสนามไม่อำนวยต่อความสุนทรีย์ในการวิ่งสักเท่าไร ทั้งรถราที่มีวิ่งเป็นระยะ(แม้จะเป็นเวลาตี 4 ก็ตาม) และที่สำคัญกว่านั้นเนื่องจากใกล้บ้านมาก ความขี้เกียจจะถามหาทุกทีที่วิ่งผ่านหน้าบ้านตัวเอง มันจะคอยบอกว่า พอเถอะ พอเถอะ เลี้ยวเข้าบ้านเลย ๆ ..จนสุดท้ายเราก็จะพ่ายแพ้ต่อมัน.

กระทรวงสาธารณสุขจึงเป็นสนามซ้อมที่เหมาะสมที่สุด ด้วยเป็นสนามวิ่งที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีปั้มปตท.ที่มีทั้งห้องน้ำสะอาดและเซเว่น และมีรอบวิ่งที่รอบละประมาณ 2.3 กิโลเมตร

เช้าวันเสาร์ ผมตั้งนาฬิกาปลุกที่เวลา ตี 3.15 นาที
ผมตื่นตามเวลาที่ตั้งไว้ ทำกิจธุระส่วนตัว พยายามถ่ายให้ได้ แต่เนื่องจากผิดเวลามันจะออกมาแค่นิดเดียว กินขนมปัง 1 ก้อน แล้วขับรถบึ่งไปกระทรวงสาธารณสุข

ถึงกระทรวงฯในเวลา ตี 3.50 นาที จอดรถในปั้มปตท. ปั้มยังไม่เปิดบริการแต่เซเว่นเปิด ผมต้องไปเซเว่นเพื่อซื้อกล้วยตากกินระหว่างวิ่ง ประตูเซเว่นไม่เปิดอัตโนมัติ ต้องเคาะประตูถึงมีพนักงานมาเปิดให้ สอบถามได้ความว่า แถวนี้ตกดึกจะเปลี่ยวมาก เกรงจะมีโจร และพนักงานก็มีเพียงผู้หญิงคนเดียวด้วย จึงต้องล็อกประตู

ผมใช้กล้วยตากขนาดเล็กราคา 10 บาทสำหรับการวิ่งในครั้งนี้ โดยวางแผนวิ่งว่า จะหยุดกินน้ำและกล้วยตากที่กิโลเมตรที่ 10, 15, 20, 25, 30, 32 และ 35

เริ่มวิ่งตอนเวลาตี 4

กระทรวงสาธารณสุข ณ เวลาตีสี่มีความวังเวง ลมหนาวพัดมาเป็นระยะ ใบไม้ที่เกลื่อนตามถนนเสียงดังกร็อกแกร็กตามแรงลมราวกับมีชีวิต หมาที่อาศัยอยู่ในกระทรวงตื่นตกใจที่มีคนวิ่งในยามวิกาลทั้งเห่าและหอนรับ แต่จะเห่าแค่รอบแรก พอวิ่งในรอบต่อๆไปก็เริ่มคุ้นเคย จึงหยุดเห่า

กิโลเมตรแรก อาจจะเพราะความกลัวหรือยังกะความเร็วตัวเองไม่ได้ ความเร็วพุ่งไปที่ 6.36 นาที ผิดที่ตั้งใจไว้ว่าจะวิ่งที่ 6.45 – 6.50 พอจับจังหวะตัวเองได้ ก็เริ่มผ่อนความเร็วมาวิ่งในจังหวะที่ตัวเองถนัดจนครบ 10 กิโลเมตรที่เวลาประมาณ 6.53 นาที/กิโลเมตร

ประมาณกิโลเมตรที่ 9 ข้าศึกประชิดประตูเมืองเข้าสู่สถานการณ์คับขันมาก ระยะทางยังไม่ครบ 10 กิโลเมตร แต่จะหยุดเพื่อเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้ เพราะห้องน้ำอยู่ไกลกว่า 1 กิโลเมตร คือ ไม่่ว่าจะยังไงต้องวิ่งไปจนถึง 10 กิโลเมตรเพื่อพักกินน้ำและเข้าห้องน้ำ!!

หลังจากได้พักเข้าห้องน้ำ กินน้ำและกินกล้วย ออกวิ่งสู่กิโลเมตรที่ 11 ต่อไป

ประมาณตี 4.30 นาที เริ่มมีคนมาวิ่งเป็นเพื่อน แต่กว่าจะเห็นเป็นตัวคนก็ทำใจหายใจคว่ำ เห็นเป็นร่วงดำๆ ไกลๆ ตะคุ่มๆ ถ้าใครเคยไปกระทรวงสาธารณสุขจะรู้ดีว่า ข้างถนนเป็นทั้งต้นไม้ พุ่มไม้ และบางแห่งมีศาลตั้งอยู่ ชวนให้ขนลุกเวลาวิ่งผ่าน

พอเห็นว่าเป็นนักวิ่งเหมือนกันก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ..และที่น่าแปลกใจกว่าคือ เป็นผู้หญิง!!
เธอกล้ามากที่มาวิ่งในสถานที่เช่นนี้ในเวลานี้คนเดียว

ตี 5 เริ่มมีคนมากขึ้น ทั้งนักวิ่งและนักปั่น ทำให้บรรยากาศเริ่มครึกครื้นขึ้นบ้าง

กิโลเมตรที่ 30 น้ำที่เตรียมไว้ 1 ขวดลิตรหมด และกล้วยก็หมด!!
กิโลเมตรที่ 32 แวะซื้อน้ำขวดเล็กที่เซเว่น
กิโลเมตรที่ 35 ระหว่างก่อนถึงกิโลเมตรสุดท้าย กำลังตัดสินใจว่าจะวิ่งให้ครบ 40 หรือ 42 เลยดีมั้ย สภาพร่างกายพอไหว สภาพอากาศก็ได้ ไม่มีเหงื่อเลย แต่เกรงว่าการฟืนวิ่งในครั้งนี้จะมีผลเสียต่อร่างกายในวันวิ่งจริง จึงหยุดไว้เท่านี้ดีกว่า

และคิดว่าตัดสินใจถูกที่หยุดวิ่ง พอถอดรองเท้าออกมา นิ้วก้อยกับนิ้วนางด้านซ้ายมีเลือดไหล เนื่องจากเส้นเลือดฝอยแตก ส่วนนิ้วโป้งด้านขวาบวมพองจนคับรองเท้า!

อีก 2 อาทิตย์ก่อนถึงวันวิ่งจริง ‘บางแสนมาราธอน‘ ต้องรีบไปรักษานิ้วเท้าที่พอง และหาวิธีแก้ไขต่อไป
ส่วนสภาพร่างกายและระยะวิ่งถือว่า ยังไปได้อยู่, เปิดดูการ์มิน ตลอดระยะ 53 กิโลเมตรผมวิ่งโซน 3 ตลอดทาง ซึ่งถือเป็นเรื่องดี

ผมจะใช้เพชนี้ในวันวิ่งจริง

รอดูผลมาราธอนแรกของผมในวันที่ 19 พฤศจิกายนอีกครั้ง.