ลาก่อนน้องมารชมพู

พูดถึงความผูกพันธ์ ไม่ว่ากับสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งของ เมื่ออยู่ด้วยกันนานๆย่อมเกิดความผูกพันธ์จนบางครั้งแม้จะเป็นสิ่งของที่ไร้ชีวิต แต่เรารู้สึกว่าเหมือนมันมีชีวิต

เช่นเดียวกับน้องพิงกี้ หรือน้องมารชมพูที่เราร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาเกือบ 13 ปี
ถึงน้องมารชมพูไม่ใช่คนแรกสำหรับเรา แต่น้องมารชมพูอยู่กับเรานานที่สุด และโอเคสุดเท่าที่เคยใช้มา

ก่อนหน้ามารชมพูคือน้องทองกวาว ทองกวาวเป็นซีวิคเกียร์ธรรมดาปี 2000 ส่วนน้องมารชมพูเป็นแจ๊สปี 2005

ก่อนหน้านี้น้องมารชมพูได้ชื่อว่าพิงกี้ ด้วยสีสันฉูดฉาดบาดใจ แต่เมื่อใช้ไปใช้มา ด้วยความที่เป็นรถแรงปรูดปราดเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ปาดซ้ายปาดขวาจนได้รับฉายาใหม่ว่า “มารชมพู”

ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน น้องมารชมพูถือว่าเป็นน้องที่น่ารักคนหนึ่ง ไม่เคยงอแง ไม่เคยพาไปทิ้งกลางทาง ไม่เคยชนหนัก มีบ้างที่เฉี่ยวชนเล็กๆน้อยๆ ตามประสาสาวเปรี้ยวซ่า

เมื่อเข้าปี 2012 ราคาน้ำมันพุ่งสูงจนผมต้องยอมตัดใจขืนใจน้องมารชมพูครั้งแรก ด้วยการติดแก๊ส LPG และนับจากวันนั้นเรารู้เลยว่าต้องดูแลน้องมารชมพูให้มากขึ้นกว่าเดิม

ถึงแม้เราจะประหยัดค่าน้ำมันลง แต่ค่าดูแลต้องเพิ่มมากขึ้น
น้องมารชมพูมีอาการแอร์ไม่เย็น ต้องเปลี่ยนคอมเพรสเซอร์ เปลี่ยนตู้แอร์ หลังจากนั้น 1 ปีเปลี่ยนจานเบรก ปีต่อมามีปัญหาแร็คพวงมาลัย ก็ต้องเปลี่ยน

หลังจากเปลี่ยน น้องมารชมพูก็กลับมาสดใสเช่นเดิม
เราไปเที่ยวดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน ไปอินทนนท์ เชียงใหม่ ไปเขาใหญ่ ฯลฯ ด้วยน้องมารชมพู เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข และเป็นเวลาที่มีความสุขมากกว่าเวลาที่มีความกังวล

เรามักคิดถึงช่วงเวลาที่มีปัญหามากกว่าช่วงเวลาที่มีความสุข ทุกครั้งที่น้องมารชมพูต้องเข้าอู่ซ่อม 2-3 วัน คนรอบข้างมักมีคำถามว่า “ถึงเวลาเปลี่ยนรถคันใหม่รึยัง?”

แรกๆก็ไม่เท่าไร แต่พอบ่อยๆเข้าเริ่มคิดหนัก จนครั้งสุดท้ายน้องมารชมพูมีอาการหนัก คืออาการตัวร้อนมาก คุยกับเพื่อนที่เป็นช่างก็บอกว่าต้องซ่อมหนัก นั่นคือยกเครื่องใหม่!

เพื่อให้น้องมารชมพูกับมาสดใสเช่นเดิม ก็จำเป็นต้องตัดสินใจเปลี่ยน นั่นคือยกเครื่องใหม่ พร้อมกับเกียร์ .. และนั่นคือการเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายของน้องมารชมพู ก่อนเราจะตัดสินใจขายน้องมารชมพูด้วยความเศร้า ในวันที่ 2 เมษายน 2560 ให้กับเต้นท์..

ลาก่อนน้องมารชมพู ..
รักและคิดถึงมาก