บังเอิญเหมือน

“ฮัลโหล..โป้งเหรอ?”
“………..”
“ฮัลโหล”
“คุณเป็นใคร ทำไมถึงรู้จักชื่อผม”
“เฮ้ย..โป้ง กูไง เชียร วิเชียร เผ่าพงศ์พันธ์”
“เชียรไหนว่ะ ไม่รู้จัก คุณโทรผิดแล้ว”

เขาถือโทรศัพท์อย่างงง ก่อนเลื่อนรายชื่อเพื่อนคนต่อไป
“ฮัลโหล..”
“ฮัลโหล”
“เสริฐใช่มั้ย”
“???”
“ผมเอง เชียร วิเชียร เพื่อนสมัยเรียนของนาย”
“เฮ้ย..บ้าป่าว ผมไม่เคยมีเพื่อนชื่อวัดๆอย่างนี้ เชียร เชินไร วู้ ผมไม่มีเวลาว่างมานั่งคุยกับคนแปลกหน้าหรอกนะครับ ต้องรีบเข้าประชุม”

“ฮัลโหล..สมชายใช่มั้ย”ลองดูอีกคน
“เฮ้ย..มึงเป็นใคร ทำไมมึงใช้โทรศัพท์เมียกู มึงเป็นชู้เมียกูใช่มั้ย มึง ๆ”
“เปล่า นี่โทรศัพท์กู ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นละครับ สมชาย คุณไม่รู้จักกูจริงๆเหรอ” เขาเผลอพูดหยาบบ้างอย่างลืมตัว
“มึงยังจะกวนตีนกูอีก..”
ปิ๊ด..ด เขารีบกดวาง สมชายเพื่อนเขาไม่ใช่คนวู่วามและหยาบช้าอย่างนี้

เขาเริ่มงงกับชีวิต หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่ หลังจากวางลงเมื่อเริ่มงงๆกับชีวิต
“มันเกิดอะไรขึ้นว่ะเนี่ย”
และแล้ว เขาก็คิดถึงเพื่อนที่สนิทที่สุด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
พรเลิศ

พรเลิศ คือเพื่อนที่เขาเคยช่วยเหลือตอนถูกเด็กเกเรรังแก มันน่าจะจำเราได้
“ฮัลโหล..เลิศใช่มั้ย”
“ใช่ คุณเป็นใคร?”
“เฮ้ย กูเอง เชียร”
“???”
“เชียรไหนครับ ผมไม่รู้จักคุณ ขอโทษนะครับ ผมต้องวางหูแล้ว”

เขายืนงงๆ อีกครั้ง ช่วงนี้เขาเจอแต่เรื่องแปลกๆ เมื่อวานแฟนสาวที่คบกันมา 7 ปี มาบอกเลิก ด้วยเหตุผลงี่เง่า เราเข้ากันไม่ได้ ทั้งๆที่เข้าออกกันมาตั้ง 7 ปีแล้ว งานที่เขาทำมากว่า 5 ปี ก็เกิดมีปัญหา เขาลาออกจากงานด้วยสปิริต

และตอนนี้เขากำลังเผชิญกับความแปลกอีกเรื่องหนึ่ง จำนวนรายชื่อในโทรศัพท์ที่เขาใช้มาตลอด กลับไม่มีใครรู้จักเขาเลย หรือว่าโนเกีย 3210 เล่นตลกอะไรกับเขา

ท่ามกลางความงุนงง เขาใจชื้นเมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น สงสัยเป็นเพื่อน แฟน เอ..หรือว่าบอส
“ฮัลโหล”
“มึงบอกมานะ มึงอยู่อยู่ไหน มึงมีอะไรกับเมียกูแล้วใช่มั้ย …มึง ๆ กูจะฆ่ามึงงงงงง”

ปิ๊ด..ด เขากดวางและปิดเครื่องโทรศัพท์

เขาเดินไปตามถนนอย่างคนสิ้นหวัง มาหยุดอยู่ตรงสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ด้านล่างคือสายน้ำอันเชี่ยวกราด เขาดึงเนคไทให้เรียบร้อย จัดทรงผมให้เรียบแปร้ เสื้อยัดเข้าในกางเกง
“ถึงแม้จะตายก็ขอตายอย่างคนเรียบร้อยและดูดี เผื่อได้ออกทีวี เขาจะได้ไม่เซ็นต์เซอร์”

เขาปีนขึ้นไปนั่งบนขอบสะพาน ห้อยขาลง และเหม่อลอย
“พ่อครับ แม่ครับ ผมกำลังจะไปเยี่ยมนะครับ” น้ำตาไหลอาบแก้ม
“ผมไม่มีอะไรเหลือแล้ว….ลาก่..”
“เดี๋ยว..ว” มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง คงเป็นพลเมืองดี มาคัดค้านการกระทำครั้งนี้แน่เลย
“ไม่ต้องมาห้ามผม ผมไม่มีอะไรเหลือแล้ว” เขาโวยวาย โดยที่ไม่หันไปมอง
“คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณ แต่ฉันขอโทรศัพท์ฉันคืนได้ไหม”
“???”
“อ่ะนี่ โทรศัพท์คุณ เผลอสับโทรศัพท์กันตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้”

หญิงสาวกระชากโทรศัพท์ไปจากมือ ก่อนวางโทรศัพท์อีกเครื่องลงบนตักเขา
ขณะที่กำลังงงๆอยู่นั่นเอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น บนหน้าจอปรากฏชื่อ ..พรเลิศ

เขาชั่งใจอยู่พักหนึ่งว่าจะรับดีไหม
ในที่สุด เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดรับ
“ฮัลโหล เชียร นายเป็นไงบ้างว่ะ เราพึ่งรู้ข่าวเรื่องงานของนาย อย่าคิดมากนะเว้ย เดี๋ยวมาทำงานกับเรานะ…..ฯลฯ”
หลังจากพรเลิศวางหู เพื่อนคนอื่นๆ ก็ทยอยโทรมาเป็นระยะๆ วิเชียรน้ำตาไหล

ความอบอุ่นในใจเกิดขึ้นอีกครั้ง เขานึกตำหนิตัวเองที่เกือบทำอะไรโง่ๆ อย่างค
นขาดสติ

ในดีมีเสีย ในเสียมีดีเสมอ

พระอาทิตย์เที่ยงวันร้อนระอุ อาจทำให้ใครบางคน หรือต้นไม้บางต้นแห้งเฉา แต่มันก็ไม่ได้ร้อนอยู่อย่างนั้นตลอดไป ไม่นานก็เคลื่อนคล้อย เช่นกับความทุกข์ลำบาก ความไม่สบายใจ จะอยู่กับเราก็เพียงประเดี่ยวประด๋าว …เดี๋ยวก็หาย มันไม่เที่ยง

ความทุกข์นั้น วัดกันที่ว่า..เราจะอดทนกับมันได้มากแค่ไหน
อย่าลืมว่า ฟ้าหลังฝนสดชื่นน่าชื่นชมเสมอ

แต่มีบางอย่างที่ทั้งวิเชียรและผมยังงงสงสัย ทำไม๊ ทำไม โทรศัพท์ของยัยคนนั้น ถึงมีชื่อเหมือนชื่อเพื่อนเขาจัง
มันจะเหมือนอะไรปานนั้นวุ้ย..

“ก็บังเอิญเหมือนง่ะ” ใครบางคนบอก