Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

nevikup

อ่านต่อ

ดานัง..3 วัน 2 คืน

ท่องเที่ยว 7 February 20257 February 2025

ไม่ได้อัพเดทซะนาน ..คิดถึงมากๆนะ ไดอารี่ของฉัน นี่เป็นบันทึกทริปเดินทางแบบหมู่คณะอีกครั้ง และครั้งหนี้ไปไกลถึงเวียดนาม เราเดินทางด้วยสายการบีน Veitjet air ลำเล็กๆ แต่เป็นการเดินทางระยะสั้นๆเลยไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร คณะที่ไปด้วยครั้งนี้ถือว่าเป็นคณะใหญ่มากๆ การเที่ยวแบบหมู่คณะต้องทำใจว่าอาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ความไม่ถูกใจอาจเกิดขึ้นได้ เพราะคนจำนวนมาก ต่างคนต่างจิตใจ ถ้าทำใจ ก็ไม่มีปัญหา!

ดานัง เวียดนาม
อ่านต่อ

น้ำตา..ซาตาน

เรื่องสั้นสั้น 31 October 20241 November 2024

ในเมืองที่เต็มไปด้วยความหม่นหมอง ณ ซอกซอยแคบของย่านเก่า “ไอศูรย์” ชายวัยกลางคนที่ชีวิตเต็มไปด้วยเรื่องราวของความผิดพลาด เป็นที่รู้จักในนาม “ซาตาน” ไม่ใช่เพราะเขาแข็งแกร่งหรือฉลาด แต่เพราะชีวิตของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย

อ่านต่อ

พบกันน้อยนิด

say 22 October 202422 October 2024

หลังจากหายไปนาน เรากลับมาแล้ว..

อ่านต่อ

ทริปม่วนใจ ม่อนจอง 2 วัน 1 คืน

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 28 January 20235 February 2023

แบกเป้เที่ยวม่อนจอง ยอดเขาสวยในจังหวัดเชียงใหม่

ม่อนจอง เชียงใหม่ เดินป่า
อ่านต่อ

หมาแก่และดอกทิวลิปเดี่ยวดาย บทที่ 3

เรื่องสั้นสั้น 27 November 202227 November 2022

เคยคิดไหมว่าชีวิตเราที่ดำเนินมาจนถึงวันนี้ เพราะมีพระเจ้าคอยกำหนดไว้ หรือมันแค่ดำเนินไปตามเหตุปัจจัยที่ควรจะเป็น?

ทิวลิป มนญา หมาแก่
อ่านต่อ

ทริปสันหนอกวัว 3 วัน 3 คืน

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 10 November 202218 December 2022

กลับไปสู่ป่าเขาอีกครั้งตามคำเรียกร้องของจิตวิญญาณ เสียงลมและแสงแดดกำลังต้องการตัว ทริปนี้ผมไป “สันหนอกหวัว”

กาญจนบุรี สันหนอกวัว เดินป่า
อ่านต่อ

เที่ยวน้ำตกโกรกอีดก

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 13 October 202213 October 2022

นอนเต๊นท์เล่นน้ำตก

กางเต๊นท์ น้ำตกโกรกอีดก โป่งก้อนเส้า
อ่านต่อ

หมาแก่และดอกทิวลิปเดียวดาย บทที่ 2

เรื่องสั้นสั้น 10 October 202227 November 2022

เพลงที่ดังจากเครื่องเล่นในป้อมยาม ยังคงขับกล่อมด้วยเครื่องเล่นเครื่องเก่าและเพลงที่เปิดยังเป็นเพลงเก่าๆ ที่ฟังกี่ครั้งก็ยังไพเราะ เป็นเพลงที่ข้ามเวลามาจากอดีต

ทิวลิป หมาแก่ เรื่องสั้น
อ่านต่อ

นั่งรถไฟไปขุนตาล 2 วัน 1 คืน

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 30 September 202212 October 2022

นานเท่าไรแล้วที่เราไม่ได้นั่งรถไฟ..ทริปนี้เลยออกเที่ยวด้วยการนั่งรถไฟไปขุนตาล

ขุนตาล รถไฟ ลำปาง
1 2 3 … 30

ทองขาว

ไดอารี่ 18 June 2011

หมู่บ้านที่ผมอาศัยอยู่คือ “พฤกษาทาวน์” อยู่ถนนราชพฤกษ์และเป็นโครงการของพฤกษา บริษัทที่สร้างบ้านเยอะที่สุดและมีเรื่องให้พูดถึงในแง่ลบเยอะที่สุดเช่นกัน บ้านผมเป็นทาวน์โฮมครับ ถ้านึกภาพไม่ออกว่าทาวน์โฮมเป็นยังไง ก็ให้นึกถึงทาวน์เฮาทส์ ต่างแต่ว่าทาวน์โฮมสร้างไว้สำหรับอยู่อาศัยเป็นหลัก แต่ทาวน์เฮ้าสท์สร้างไว้ขายของและนิยมปลูกริมถนนใหญ่ แน่นอนทาวน์โฮมก็มีบ้านติดๆกันใช้กำแพงและฝาบ้านร่วมกัน ข้างบ้านผมเป็นคุณลุงคุณป้าวัยเกษียณใจดีทั้งคู่เอ็นดูเราเป็นลูกเป็นหลาน บ้านเราเลี้ยงหมาไทย แต่ชื่อฝรั่งชื่อจิกกี๋ ตัวสีดำ ส่วนลุงกะป้าเลี้ยงหมาบางแก้ว ชื่อไทยๆว่า “ทองขาว” แน่นอนตัวขาวอวบ ทั้งสองไม่ใช่เพื่อนรักกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นเกลียดกันมีคำรามใส่กันบ้างบางครั้ง ทองขาวอายุมากกว่าจิ๊กกี๋ 2  ปี ทั้งสองตัวแม้จะมีสีต่างกันแต่สิ่งที่เหมือนกันมากนั่นคือ ความหวงบ้านและรักเจ้าของ ทุกครั้งที่มีใครมา ไม่ว่าจะเป็นหมาด้วยกันหรือคนแปลกหน้าผ่านมาหน้าบ้าน ทั้งสองจะกระโจนเห่าแสดงท่าทีดุร้ายใส่ทันที ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงต้องถูกล่ามไว้ในยามเจ้าของไม่อยู่ ทองขาวกับจิ๊กกี๋พึ่งย้ายมาอยู่บ้านนี้ในเวลาไล่เลี่ยกันทั้งสองไม่ได้โตที่นี่ แต่ก็รักและหวงแหนที่นี่มาก ก่อนหน้านี้หน้าบ้านลุงกะป้าเป็นพื้นดิน ทองขาวจึงมาอาศัยอยู่หน้าบ้านได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้หน้าบ้านได้ถูกปรับปรุงเป็นพื้นระแนง ทองขาวจึงถูกจำกัดพี้นที่ให้อยู่จำเพาะข้างบ้าน และนับตั้งแต่นั้นเราก็ไม่ค่อยได้เจอและไม่ค่อยได้ยินเสียงทองขาวอีกเลย ใครจะรู้เล่าว่าเราไม่มีโอกาสได้ยินเสียงมันอีกแล้วตลอดไป ทองขาวมีโรคแทรกซ้อนประกอบกับกำลังก้าวสู่วัยชรา เมื่อคืนนี้หลังจากลุงกับป้ากลับจากทำธุระนอกบ้าน พบว่าทองขาวได้นอนสิ้นใจแล้ว นับจากนี้หน้าที่ดูแลบ้านทั้งสองหลังคงมอบหมายภาระหน้าที่ให้แก่จิกกี๋แต่เพียงผู้เดียว ปล.ภาพประกอบจากFlickr

จิ๊กกี๋ ทองขาว

22.05.57

ไดอารี่ 23 May 201422 March 2020

บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ซะหน่อยเถอะ__ หลังจากเมื่อปี 2549 ที่บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุณยรัตน์กลินได้ยึดอำนาจจากทักษิณ ชินวัตร ครั้งนั้นเรียกเต็มปากว่า “ปฏิวัติ” แต่ครั้งนี้ยึดอำนาจโดยบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  แต่เรียกว่า “รัฐประหาร” แทน ปฏิวัติ (revoluton) หมายถึง การเปลี่ยนรูปแบบหรือระบอบการปกครองประเทศ จากรูปแบบหนึ่ง ไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง อย่างสิ้นเชิง เช่น การปฏิวัติฝรั่งเศส (เปลี่ยนจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ไปสู่ระบอบสาธารณรัฐ)หรือ ในประเทศไทย ก็คือสมัย ร๗ ที่เปลี่ยนจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช ไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ) ส่วน รัฐประหาร(coup de ta) หมายถึง การใช้กำลัง เพื่อเปลี่ยนแปลงผู้นำรัฐบาล โดยระบอบการปกครองยังคงเดิม เช่น การรัฐประหารสมัยจอมพล แปลก พิบูลสงคราม หรือ สมัย พลเอก ชาติชาย ชุณหวัณ ซึ่งจะเห็นว่า เปลี่ยนแปลงเฉพาะคณะรัฐบาลเท่านั้น โดยที่ประเทศไทยยังคงระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเช่นเดิม เมื่อสองขั้วทางการเมือง คือ กปปส.(ประชาธิปัตย์) และ นปช. (เพื่อไทย) ต่างไม่ยอมกัน มุ่งจะห่ำหั่นให้ได้ซึ่งชัย โดยไม่คิดลดลาวาศอก หรือพบกันครึ่งทาง และหาข้อตกลงกันไม่ได้ ยิ่งยืดเยื้อยิ่งยากจะยุติ ประเทศชาติบอบช้ำครั้งแล้วครั้งเล่าจนยากจะเยียวยา  ทหารจึงออกมาทำหน้าที่อีกครั้ง โดยทหารเริ่มจากประกาศกฏอัยการศึก เพื่อเตือนทุกฝ่ายให้ยุติ แต่ดูเหมือนไม่มีใครเชื่่อในกฏนั้น และแล้วในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ ผอ.รส. กล่าวเสียงเข้มในที่ประชุมว่า คงปล่อยให้เกิดความขัดแย้งยืดเยื้อต่อไปโดยไม่มีทางออก จึงพร้อมทำทุกอย่างร่วมกับทุกเหล่าให้เกิดสันติสุขโดยเร็ว หวังว่าทุกท่านจะให้เกียรติกองทัพ และอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำทุกอย่างให้ดีขึ้น “สำหรับการประกาศกฎอัยการศึก เชื่อว่าขณะนี้คงเกิดข้อขัดแย้งในใจหลายฝ่าย แต่ขอให้เชื่อว่าผมได้ทำทุกอย่าง พยายามทำทุกอย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดความสงบสุข ไม่ต้องคิดหรือกังวลแทนผม เพราะผมพร้อมรับผิดชอบทุกอย่างไม่ว่าจะถูกหรือผิด แต่ขอให้รู้ว่าที่ผมทำผมรับผิดชอบทุกประการ” ที่ผมทำเพราะผมเป็น คนที่เกิดในแผ่นดินนี้ และเป็นหนี้ในแผ่นดินนี้ ที่ผมจำเป็นต้องมามีส่วนร่วม เพราะผมรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงเป็นหลัก แต่ทว่ามันเกี่ยวข้องในหลายมิติ หากก้าวล่วงใคร ผมก็ขออภัยมา ใน โอกาสนี้ด้วย…

ปฏิวัติ รัฐประหาร

รู้เขา (แต่)ไม่รู้เรา

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 18 February 2011

Facebook, Twitter หรือระบบ Social Network ตัวอื่นๆที่อนุญาตให้ผู้ใช้โพสต์ข้อความลงบนพื้นที่สาธารณะได้ ทำให้เรารู้จักตัวตนของคนอื่นได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบัน สามารถโพสต์ข้อความได้แบบ Everything Everywhere คือโพสต์อะไรจากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ เมื่อเกิดอารมณ์ ความรู้สึก โกรธ โมโห ดีใจ เสียใจ ตอนไหนยังไง ก็แสดงออกออนไลน์มาได้เลย ข้อดี คือ ถ้าเจอเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุบนท้องถนน หรือที่ไหนก็ตาม เราก็โพสต์แจ้งข่าวสารแด่เพื่อนฝูงและชาวโลกได้เลย ณ ขณะนั้น เพื่อนและชาวโลกก็สามารถรับรู้ข่าวสารได้ในทันที ข้อเสีย คือ ถ้าโมโห โกรธ หรือเจอเหตุการณ์ที่น่าสนใจเข้า ไม่ทันได้พิจารณาให้ดีก็รีบโพสต์แจ้งชาวโลก บางข้อความอาจกลายเป็นการด่า ประจาน หรือนำความลับของคนอื่นมาเผยแพร่ เมื่อไม่นานมานี้ พนักงานต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศจีน เห็นดาราเข้ามาเช็คอินเพื่อพักในโรงแรมที่ตนทำงานอยู่ จึงรีบทวิตเตอร์บอกเพื่อนตัวเอง จากข้อความทวิตเตอร์นั่นเอง ทำให้มีแฟนคลับแห่มาขอลายเซ็นต์ จนดาราคนนั้นที่ตั้งใจจะมาพักผ่อนเงียบๆ ไม่ได้รับความสุขตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก ความรู้ถึงผู้บริหาร พนักงานที่ทวิตเตอร์คนนั้นจึงถูกให้ออกจากงาน ข้อความที่ถูกโพสต์ผ่าน Facebook หรือ Twitter ส่วนใหญ่ออกมาจากความรู้สึกและอารมณ์สดๆร้อนๆของผู้โพสต์ เมื่อก่อนถ้าเราไปเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจบางอย่างเข้า ก็ต้องกลับมาถึงบ้าน > เปิดคอมพิวเตอร์ > ต่ออินเทอร์เนต > เปิดเว็บไซต์ > ล็อกอิน > โพสต์ข้อความ จะเห็นว่ากระบวนการกว่าจะถึงขั้นตอนของการโพสต์ข้อความมีมาก จนทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นเบาบาง หรือแทบจะหายไปหมดแล้ว และการปะติดปะต่อเรียบเรียงเรื่องราวก็เริ่มเลือนลางจำไม่ค่อยไ้ด้ แต่ปัจจุบันขั้นตอนการโพสต์ข้อความจาก 5-6 ขั้นตอนลดเหลือขั้นตอนเดียว คือ โพสต์ได้เลยทันที!! ดีใจ== โพสต์ เสียใจ== โพสต์ โกรธ == โพสต์ด่า เมื่อกระบวนการโพสต์สั้นลง มันจึงไม่ผ่านกระบวนการคิด ข้อความทุกอย่างที่เราโพสต์ มันจะบอกตัวตนของเราทั้งหมด!! ผม Follow นักข่าวหลายคน เพื่อหวังติดตามข่าวสารแบบใกล้ชิด จึงทำให้พบว่า นักข่าวที่เราเห็นเขานั่งอ่านข่าวหน้าทีวีทุกวันนั้น เขาอ่านอย่างเดียวตามสคริปต์ที่มีคนเขียนให้อย่างสวยหรู เพราะข้อความที่เขาโพสต์เองบนทวิตเตอร์ พบว่ามันไม่เหมือนเขาในจอทีวี ในโลก พ.ศ. 2554 เราสามารถเรียนรู้อุปนิสัยใจคอคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ผ่านตัวหนังสือไม่กี่ตัว คำถามต่อไปก็คือ คุณอยากให้คนอื่นๆรู้จักคุณในแง่ไหน?…

facebook twitter

รับปริญญา..มหานคร

เรื่องทั่วไป 15 November 2009

วันเสาร์ที่ผ่านมา (14 พ.ย.52) มีเพื่อนที่ประสบความสำเร็จในการศึกษาอีกขั้นหนึ่ง นั่นคือ สำเร็จการศึกษาในชั้นปริญญาโท เพื่อนคนนั้นคือ ตุ๋อึ่ง หรือวนสัณฑ์ (สายัณห์) ศรีสร้อย ถ้านับเพื่อนที่มีอยู่(อันน้อยนิด)ของผมที่สำเร็จการศึกษาถึงขั้นปริญญาโทนั่นน้อยมาก ดังนั้น เมื่อเพื่อนคนหนึ่งประสบสำเร็จ ผมจึงไม่ลังเลที่จะไปร่วมแสดงความยินดี และถือโอกาสได้พบปะเพื่อนๆในกลุ่มอีกด้วย (ลองทายสิว่า..มือที่ปิดตา คือมือใคร) สำหรับตุ๋อึ่ง ผมไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอคือวันที่ตุ๋อึ่งมาประกันตัวผม เปล่าๆ ผมไม่ได้ติดคุก ต้องเรียกว่ามาค้ำประกันเพื่อเข้าทำงานให้ผม ตุ๋อึ่งเป็นเพื่อนที่มีน้ำใจเสมอ ไม่ว่าเพื่อนจะมีอะไรและหนักหนาแค่ไหน เอ่ยปากเมื่อไร ตุ๋อึ่งก็จะยื่นมือช่วยอย่างเต็มใจ ผมเฝ้ามองความสำเร็จของตุ๋อึ่งอย่างชื่นชม ตั้งแต่เขาเริ่มทำงานจนกระทั่งเปลี่ยนงานสู่ตำแหน่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นคนที่ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองอย่างน่าเอาเยี่ยงอย่าง ขณะที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยอยู่ ก็ไม่วายหาโอกาสไปเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ขณะที่ผมยังจมอยู่กับความขี้เกียจและความกลัวว่า จะเรียนไม่จบ? ไม่มีตังค์เรียน..หรืออีกเหตุผลร้อยแปด แต่จริงๆแล้วก้อคือขี้เกียจนั่นเอง..   มหาวิทยาลัยมหานคร เขารับปริญญากันที่ไบเทคบางนาครับ ข้อดีของการรับที่นี่คือ สถานที่กว้างขวาง ไม่ร้อนแดด ไม่กลัวฝนเปียก..(วันนั้นฝนก็ตกด้วย)  หลังรับปริญญาเสร็จมีการไปกินเลี้ยงที่ร้าน เลจ ฮิวจ์ อยู่ในถนนเกษตร นวมินทร์ ตรงข้ามกับร้าน the pool หรือถ้าให้ง่ายก็อยู่ใกล้ๆร้านกุ้งเต้น มีป้ายใหญ่ๆ สูงๆ เป็นตระหง่าน ร้านเลจ ฮิวจ์ เป็นร้านกลางแจ้งขนาดใหญ่ กว้างมาก อยู่บนคลอง ตัวโต๊ะอาหารตั้งอยู่บนแพที่ผูกติดๆกัน มีคาราโอเกะด้วย(ถ้าสนใจ)  บรรยากาศดี ลมเย็นดี อาหารก็ถูก. งานนี้ตุ๋อึ่ง(ผู้รับปริญญา) เป็นผู้เลี้ยง พวกเราๆไปแสดงความยินดีกลับได้กินฟรีครับ (แฮะๆ) อ้อ..ไม่ได้ไปแค่สี่ห้าคนตามที่ปรากฏในภาพนะครับ ไปกันสิบกว่าคนครับ งานนี้จ่ายไปเท่าไรไม่รู้ เพราะผมกลับก่อนตั้งแต่ทุ่มครึ่งแย้วว..

เป็นเหี้ย

ไดอารี่ 3 May 2011

หยุด 3 วันมีโอกาสอยู่บ้านแบบเต็มๆ จึงจัดชุดใหญ่ ‘บิ๊กคลีนนิ่งเดย์’ เริ่มจากหอมผ้าไปลงถัง, ถูกบ้าน และ.. ใส่ปุ่ยให้ต้นไม้ ตอนนี้ต้นลีลาวดีที่อยู่หลังบ้านกำลังหัดออกดอก หลังจากผลิตแต่ใบมากว่า 3 เดือนแล้ว ผมจึงหมั่นไปดูแลทุกค่ำเช้าราวกับพ่อที่รอลูกคนแรกคลอด ต้นองุ่นที่หน้าบ้านก็เบ่งบานเต็มที่ หลังจากได้น้ำฝนบวกกับปุ่ยชีวภาพตอนนี้กำลังเลื้อยขึ้นระแนง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดอีกประมาณ 8 เดือนนับจากนี้องุ่นจะมีลูกมาให้เราเชยชม ชวนชมที่ชวนกันมาจากคอนโดหลังถูกทิ้งตากแดดตัวเหี่ยว ตอนนี้มีใบสดชื่น แข่งกันออกดอกอย่างสนุกสนานเช่นเดียวกับอมรเบิกฟ้าที่พามาจากคอนโดตอนนี้ดอกสีขาวเบ่งบานและร่วงหลายครั้งแล้ว ขณะที่่ดอกสีชมพูมีเพียงใบให้ดูต่างหน้า คนขายบอกว่าสีชมพูออกดอกน้อย ต้อนม่วงมณีดอกสีม่วงเต็มต้นกำลังเป็นพุ่มสวย แต่ด้วยใบที่มีรสกรอบอร่อยจึงเชื้อเชิญบุ้งมากัดกินซะแหว่งหวิ่นเช่นเดียวกับส้มจี้ดถูกทั้งบุ้งและหนอนกัดกินกันอร่อย ต้นคล้ากับต้นกกได้น้ำไม่เคยขาด จึงเบ่งบานสวยสด มีอีกหลายต้นที่จำชื่อไม่ได้ เลยมิได้เอ่ยชื่อไว้ในที่นี้ ต้องกราบขออภัย ขณะตัดแต่งใส่ปุ่ยให้ต้นไม้นั่งเชยชมกับธรรมชาติอยู่นั้น แขกผู้มิได้รับเชิญก็แอบคลืบคลานเข้ามาในรั้วบ้าน!! ตัวไม่ใหญ่ขนาดเท่านิ้วโป้งผู้ใหญ่ วิ่งปรูดเข้ามาในซอกต้นไม้ในบ้าน ผมรีบวิ่งไล่เพื่อขับออกจากบ้านทันที พอเข้าไปใกล้ถึงได้รู้ว่ามันคือ “เหี้ย” ตัวน้อย น้องเหี้ยมาจากไหนไม่รู้วิ่งลุกลี้ลุกลนเข้ามาในรั้วบ้าน จิ๊กกี๋หมาที่เห่าดุเหลือเกินกับทุกสิ่งที่อาจหาญละเมิดอาณาเขตเข้ามาแม้กระทั่งผีเสื้อที่เผลอบินเข้ามามันยังกระโดดงับจนปีกขาด!! แต่ครั้งนี้มันปล่อยน้องเหี้ยน้อยวิ่งเข้ามาในบ้านอย่างหน้าตาเฉย ผมพยายามชี้ให้จิ๊กกี๋ดูให้มันไปช่วยจับ นอกจากไม่มาแล้วมันยังมองไปทางอื่นทำท่าไม่สนใจ เป็นหน้าที่เจ้าบ้านอย่างผม ต้องไล่จับอย่างทุลักทุเลได้รับความช่วยเหลือจากป้าข้างบ้านช่วยอีกแรงนึงทำให้จับได้เร็วขึ้น ผมนำมันไปปล่อยข้างนอกกำแพงหมู่บ้าน ..ให้มันไปสู่ที่ชอบๆ ไปในที่ๆมันชอบ อย่าชอบบ้านผมเลย ก็ไม่รู้ว่าเหี้ยมันเลวยังไงนะ ใครทำตัวไม่ดีถึงถูกด่าว่า “เหี้ย” ผมว่าถูกด่าว่า “ไอ้เหี้ย” ยังรู้สึกแย่น้อยกว่าถูกด่าว่า “ไอ้นักการเมือง” ผมจะโกรธมาก โกรธจริงๆ แค่คิดก็ขยะแขยง สะอิดสะเอียนเวียนหัวแล้ว

เหี้ย
อ่านต่อ

นั่งรถไฟไปขุนตาล 2 วัน 1 คืน

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 30 September 202212 October 2022

นานเท่าไรแล้วที่เราไม่ได้นั่งรถไฟ..ทริปนี้เลยออกเที่ยวด้วยการนั่งรถไฟไปขุนตาล

ขุนตาล รถไฟ ลำปาง

มาม่า

ไดอารี่ 9 June 2008

ยุคนี้ยุคประหยัดครับ ใครๆต่างช่วยกันประหยัด หลายหน่วยงานมีกิจกรรมรณรงค์ส่งเสิรมกันมากมาย  มีกิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจ และทำคล้ายๆกันหลายองค์กร นั่นคือ การสมนาคุณลูกค้า ของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไม่ว่าจะเป็น มาม่า หรือไวไว หากใครมีซองเปล่าครบ 10 ซองสามารถไปแลกฟรีได้ 1 ซอง ผมทานมาม่าเป็นจริงเป็นจัง ซองที่มีน่าจะมากกว่า 10 ซอง พอมีโปรโมชั่นนี้มา เลยไม่ช้าที่จะหอบซองมาม่าไปที่ร้านสะดวกซื้อ 24 ชม. (เซเว่นนะแหละ) ..ติ๊ง ต๊อง.. “เซเว่น อีเลเว่น รับอะไรดีค๋ะ” “เอ่อ..เอาซองเปล่ามาม่า มาแลกมาม่าครับ” ผมตอบอย่างมั่นใจ พนักงานขาย..มองหน้าอย่างเหยียดๆ พร้อมรวบรวมซองเปล่านับอย่างไม่ค่อยสนใจ เสร็จสรรพเธอหยิบมาม่าใส่ถุงให้ผม 3 ห่อ ผมรับถุงมาม่า พร้อมกับทำหน้าแปลกใจ..และพอผมก้าวขาออกจากเซเว่นเท่านั้นแหละ ผมก็ได้คำตอบของอาการของเธอนั้น..มีเสียงแว่วๆ ของพนักงานคุยกันเบาๆ ตามผมมา “หน้าตาก็ดี..แต่จ๊น จน กินแต่มาม่าได้ทั้งเดือนนน”

ไม่รู้ว่าหลอก..แต่เต็มใจให้หลอก

เรื่องทั่วไป 13 May 2010

วันก่อนมีโอกาสคุยกะเพื่อนที่ฝั่งธนฯ  เพื่อนคนนี้มีอัธยาศัยดี หน้าตาเป็นมิตรกะคนทั่วไป ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา ซึ่งบุคลิกอย่างนี้ใช่ว่าจะมีแต่ข้อดี ข้อเสีย คือ นอกจากจะทำให้คนรอบข้าง(ที่เรารู้จัก)รู้สึกดีแล้ว ยังมีผลถึงคนรอบข้าง(ที่เราไม่รู้จัก)อีกด้วย เขาเป็นเหมือนแรงดึงดูดเอามิจฉาชีพ 18 มงกุฏมาหาตัวเองเรื่อยๆ ด้วยบุคลิกยิ้มง่า่ย อัธยาศัยดี และขี้เกรงใจนี่เอง  จึงทำให้เป็นที่หมายปองของมิจฉาชีพบ่อยๆ และครั้งนี้ก็เช่นกัน มันมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง (อีกแล้ว) ว่า ผมโพสต์ไว้วันที่ 13 พ.ค. รอดูวันที่ 16 ซึ่งเป็นวันหวยออก มันจะถูกหวยจริงๆหรือไม่? 18 มงกุฏรายนี้ร้ายจริงๆ นอกจากจะหลอกเอาเงินไปแล้ว ยังหลอกให้เสียเงินซื้อหวย(ผิดๆ) อีกต่างหาก .. เงินที่เสียค่าโง่ไป 700 บาทนะไม่เท่าไร แต่ถ้าคนถูกหลอกเชื่อจริงๆจังๆ ซื้อหวยหมดเป็นพัน หรือถึงหมื่น .. นี่นับว่าร้ายแรงเลยทีเดียว

พิภพ หวย

องค์บาก 2

เรื่องทั่วไป 30 June 2008

  คิดว่าหลายๆคนก็คงเป็นเหมือนผม รอดูผลงานของพี่จา โทนี่ จา อยู่ โดยเฉพาะล่าสุด องค์บาก 2 พี่แกเล่นกำกับเองด้วย ยิ่งอยากดูใหญ่ ตย.หนังนี้ไปเอาจากเว็บต่างประเทศมา พี่แกเอาไปโปรโมทในเทศกาลหนังเมืองคานส์ แต่ตัวหนังองค์บาก 2 จริงๆ เห็นว่ายังถ่ายทำไม่เสร็จ ถ้าเมื่อไรเสร็จ..ก็จะไม่พลาดตีตั๋วไปดูแน่นอน

จา พนม องค์บาก

อาโรคฺยปรมา ลาภา

เรื่องทั่วไป 9 June 2008

วันนี้มีข่าวเศร้าที่สะเทือนความรู้สึก.. สองสามีภรรยา พึ่งจดทะเบียนกันได้ไม่กี่วัน ก็พากันกินยาฆ่าตัวตาย โดยฝ่ายหญิงได้เขียนจดหมายลาตายที่ให้ความกระจ่างแด่คนที่อยู่ด้านหลังว่า.. ฝ่ายชายเป็นโรคร้าย คือ โรคเส้นเลือดในสมองตีบ ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงในการรักษา  หากไม่รักษาอาจทำให้ตาบอด อัมพาต หรือเป็นเจ้าชายนิทราตลอดชีวิต ทั้งคู่รักกันมาก จึงไม่อาจทนรับกับสภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ทางออกทางเดียวที่จะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต คือการตายไปด้วยกัน ฝ่ายหญิงจึงไปหายามาผสมกับอาหาร ให้ฝ่ายชายทานก่อน เพื่อที่ว่าชายหนุ่มจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวจนนาทีสุดท้ายของชีวิต และหลังจากนั้นเธอก็กินอาหารที่ผสมยาตายตามไปด้วยกัน.. ทั้งคู่นอนตายด้วยสภาพที่นอนกอดกัน สร้างความรันทดใจแก่ผู้พบเห็นยิ่ง อ่านข่าวนี้แล้ว..สะเทือนใจ พระพุทธพจน์ที่ว่า อาโรคฺยปรมา ลาภา (ไม่ใช่ อาโรคฺยา ปรมา ลาภา ที่มักเขียนผิดๆกันนะครับ) ลาภที่ยิ่งใหญ่ คือความไม่มีโรค น่าจะเข้ากับข่าวนี้ได้ และเพื่อป้องกันโรคร้อยแปดพันประการ…วันนี้เราออกกำลังกายกันรึยัง?

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (62)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (87)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (53)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH