สืบนัก..รักซะเลย : ตอนที่ 2 พยานปากสุดท้าย

(ต่อจากตอนที่แล้ว ปริศนาการตาย)

อา หรือ สระอา พงศ์พัฒนพงศ์ นักศึกษาปี 4 คณะนิติศาสตร์ แม้จะพึ่งย้ายมาอยู่ที่รมณียคอนโดได้ไม่นาน แต่ด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกต เขาจึงรู้จักเกือบหมดทุกคนในคอนโดแห่งนี
โดยที่คนเหล่านั้น รู้จักเขาเพียงไม่กี่คน อา เป็นคนที่รักความยุติธรรม ไม่ชอบการเอาเปรียบ เขาเลือกเรียนในคณะนิติศาสตร์โดยไม่ลังเลหลังจากพ่อเสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำ ทิ้งความมุ่งมั่นและความตังใจเดิมที่จะเรียนศิลปะ แม้จะทำใจได้ยากเหลือเกิน แต่ความเจ็บช้ำในอดีตพลักดันให้อามุ่งมั่นในทางแห่งความยุติธรรม เขาอยากจะผดุงมันไว้อย่างน้อยที่สุดเพื่อพ่อผู้ล่วงลับ ถึงวันนี้เขาก็ยังยืนยันว่า พ่อถูกฆาตกรรม ไม่ใช่อัตวินิบาตกรรม!!!

เหตุการณ์ที่สีนวลเสียชีวิตด้วยความแปลกประหลาด ยังอยู่ในความสนใจของทุกคน ดังนั้น วันต่อมา จึงมีคนมาร่วมสังเกตการณ์มากกว่าวันแรก อาสังเกตเห็นว่า บุคคลหนึ่งซึ่งไม่ควรจะหาย แต่หายไป เขาเฝ้าสังเกตความผิดปกติอยู่เงียบๆ แล้วก็บังเกิดความผิดสังเกตอีกครั้งหนึ่ง !!

ในบรรดาผู้ที่ให้ความสนใจต่อเหตุการณ์นี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ หรือคนแก่ ส่วนเด็กวัยรุ่น ก็คงมีแต่เขา แต่วันนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่ง หญิงสาวผมยาว ผู้ซ่อนแววตาไว้หลังแว่นตา ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สามส่วน เธอเป็นใคร ทำไมเขาไม่เคยเห็น อาพยายามจ้องมองเธออย่างจับผิด เธอตาหน้าตาเหมือนสักคนที่อยู่อาศัยอยู่ในคอนโดแห่งนี้ แต่ยิ่งคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก

เมื่อลุงเกิดมาถึง เธอก็เฉลยสิ่งที่เค้าคิดทันที
“วันนี้พ่ออยู่เวร เลยให้หนูลงมาแทน” เสียงกังวานสดใสชัดถ้อยชัดคำ ลักษณะแบบนี้เธอน่าจะเรียนครุศาสตร์ หรือไม่ก็นิเทศ หรือถ้าไม่เช่นนั้นคงต้องเป็นแม่ค้าขายอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่เดี๋ยวนะ พ่ออยู่เวร งั้นก็แสดงว่า เธอเป็น..

“ค่ะ ปกติหนูพักอยู่กับย่า แต่ช่วงนี้ปิดเทอมเลยกลับมาเยี่ยมพ่อ”
“ไม่คิดว่าหมวดสรวัฒน์จะมีลูกสาวโตน่ารักขนาดนี้นะเนี่ย”

ลุงเกิดเดินมาตรงกลางวงม้านั่งหินอ่อน ที่มีคนอื่นๆ นั่งรออยู่แล้ว

“ลุงเกิด ที่มานี่ เราอยากจะรู้ความคืบหน้า ตกลงยามมันกลับจากต่างจังหวัดหรือยัง?” พันเปิดประเด็นทันทีอย่างใจร้อน
“เฮ้อ..” ลุงเกิดถอนหายใจก่อนจะกล่าวสืบไปว่า “ข้าก็พยายามจะไม่คิดมาก และไม่อยากจะหาคนผิดหรอกนะ แต่ดูๆ เรื่องนี้มันก็แปลกๆจริงๆ”
“ยังไงเหรอลุง”
“เมื่อเช้านี้ข้าไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัย ต้นสังกัดที่ส่งยามมาทำงานที่นี่ เขาบอกว่า วิเชียรลาออกไปแล้ว ไม่ได้ลากลับบ้านอย่างที่เราเข้าใจ พรุ่งนี้ทางบริษัทจะส่งยามคนใหม่มาแทน”
“อ้าว ..แล้วใครเป็นคนบอกว่ายามลากลับบ้าน”

“เรื่องนี้วิเชียรเป็นคนบอกข้าเอง ข้าก็เลยสงสัย ว่าทำไมวิเชียรถึงต้องโกหกข้า ที่ผ่านมามันก็ดูเป็นคนดีคนหนึ่ง ส่วนว่าบ้านที่ต่างจังหวัดอยู่ไหน มีครอบครัวเป็นอย่างไร อันนี้ไม่รู้เลย”

“ฉันว่ายามคนนี้มันแปลกๆอยู่นะลุงเกิด ” หลังจากนั่งฟังอยู่นาน สมชาย ชายร่างใหญ่สมชาย แต่เสียงเล็กแหลมก็เอ่ยขึ้นบ้าง และถูกสำทับด้วยเสียงทุ่มใหญ่ของพัน
“ฉันว่าต้องเป็นมันแน่ๆ”
“แต่พี่เขาจะทำไปเพื่ออะไรละครับ/ค่ะ” อากับอิงอร พูดพร้อมกันจนทั้งคู่อดแปลกใจไม่ได้ ถึงกับหันมามองหน้ากัน
“นั่นแหละที่ลุงสงสัย เรื่องนี้มันแปลกๆ ”
และท่ามกลางความแปลกใจของทุกคนอยู่นั่นเอง หญิงวัยกลางคน คนหนึ่งก็เดินเข้ามา เธอมีสีหน้าที่แสดงถึงความตกใจอย่างสุดขีด เธออุ้มสิ่งหนึ่งแนบมากับอกด้วยอาการประคองกึ่งวิ่ง ขณะนั้นเวลา 2 ทุ่มเศษ
“มะ ..ม แมนนี่ตายแล้ว แมนนี่ตายแล้ว” ทุกคนต่างตกใจถึงอาการของเธอและสิ่งที่เธอพูด เมื่อเธอเดินมาถึง จึงรู้ว่าสิ่งที่อยู่ในอ้อมอดของเธอ นั่นคือแมวพันธุ์เปอร์เซียสีเทาขาวขนปุกปุย ในสภาพแน่นิ่ง
“ใจเย็นๆ คุณหนิง มันเกิดอะไรขึ้น ” ลุงเกิดในฐานะผู้ใหญ่ที่สุด หลังจากได้สติก็เริ่มสอบสวนเธอทันที แต่เหมือนกับเธออยู่ในอาการของคนที่ตกใจสุดขีด ยิ่งพยายามเล่า ยิ่งไม่รู้เรื่อง จับต้นชนปลายไม่ถูก ท้ายที่สุดทุกคนต่างปลอบจนเธอสงบสติอารมณ์และเริ่มเล่าเหตุการณ์ในที่สุด

“ปกติแมนนี่จะเล่นอยู่ในร้าน หรือไม่ก็นอนบนโซฟา แต่วันนี้มีลูกค้ามาทำผมเยอะ ฉันมัวแต่ทำงาน จนไม่ได้สังเกตแมนนี่ว่ามันหายไปตั้งแต่เมื่อไร จนกระทั่ง…ฮือ ๆ ” เธอเล่าด้วยน้ำตา ทำเอาทุกคนต่างพากันหดหู่ใจไปกับเธอ ทุกคนต่างรู้ว่าเธอไม่มีลูก เธอจึงยืดถึอแมนนี่เป็นลูกของเธอคนหนึ่ง

“ฉันหาจนทั่วร้านก็ไม่เจอ จนเมื่อสักครู่นี้ จึงไปเจอแมนนี่อยู่ในถังขยะหลังคอนโด ในสภาพตัวแข็ง ตาตั้ง ไม่รู้ตายเมื่อไร …ฮืออ แมนนี่ลูกแม่”

หลังฟังจบทุกคนตกใจ บางคนเอามือปิดปากด้วยความเผลอ ชั่วระยะเวลาเพียง 2 วัน มีเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนใจและมีการสูญเสียที่น่าสงสัยถึง 2 ครั้ง!!
เหตุการณ์ที่แมนนี่ตายในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องการการตายของสีนวลหรือไม่ สัตวแพทย์เท่านั้นที่จะให้คำตอบได้

ในคืนวันนั้นเอง ร่างของแมนนี่ถูกนำไปยังรพ.สัตว์เพื่อผ่าพิสูจน์ ทุกคนต่างใจจดใจจ่อเพื่อรอคำตอบจากหมอในวันรุ่งขึ้น