Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

say

อ่านต่อ

หมากับงูเห่า

say, ไดอารี่ 9 April 20209 April 2020

เมื่อวานขณะกำลัง Standup Meeting อยู่นั้น พลันได้ยินเสียงเจ้าม่อนเห่าแปลกๆ แบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนทั้งเห่าทั้งขู่ พอเบือนหน้าจากหน้าจอมีตติ้งหันไปดูเท่านั้นแหละ !!งูเห่ากำลังแผ่หัวชูคอฟ่อๆ หมาก็เห่างูก็เห่า ดูสถานการณ์แล้ว ไม่น่าจะอาจสามารถจัดการเองได้ จึงรีบไปตามยาม พอยามมาถึงก็ใช้วิธีวิสามัญฆาตกรรมแบบไม่ต้องมีหมายเรียก ปิดคดีภายในไม่ถึง 10 นาที งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้ไอ้ม่อน หมาหน้ามึนตัวนี้ นี่ถ้าเราไม่มีหมาไว้สังเกตสังกาหน้าบ้าน สถานการณ์อาจเลวร้ายกว่านี้ ฝั่งที่โชคร้ายอาจไม่ใช่งูเห่า แต่อาจเป็นใครสักคนภายในบ้าน

แซลม่อน
อ่านต่อ

“โพสต์”

say, เรื่องทั่วไป 12 May 201811 June 2019

-1- หลังจากกลับจากโรงเรียนเย็นวันนั้น เด็กชายตื่นเต้นมากกับสิ่งที่เขาได้มาจากโรงเรียน เขาหลงใหลกับสิ่งนี้มาก ในสายตาเขามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ สามารถวาดการ์ตูน เขียนตัวหนังสือสวยๆงามๆ บนกระดานได้ เขาตื่นเต้นทุกครั้งที่ครูใช้มันสร้างสิ่งยิ่งใหญ่บนกระดาน และสำคัญว่ามันจะสามารถวาดหรือเขียนอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ มันคือสิ่งที่เรียกว่า “ชอล์ก” -2- ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือส่งตัวเองเข้าสู่โลกโซเชียล รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเมื่อเห็นคลิปน่ารักๆ ที่เพื่อนเขาโพสต์ แต่พอนิ้วสไลด์ขึ้นขยับสายตาเลื่อนลงมาในโพสต์ถัดไป กลับเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นนิ่งเฉย แววตาแฝงความอิจฉา เมื่อเห็นภาพเพื่อนๆที่ถ่ายตามที่ท่องเที่ยวต่างๆในท่าทีที่มีความสุข นึกถึงตัวเองที่ตอนนี้ยังคงทำงานหนัก แต่ยังไม่สามารถมีเงินไปเที่ยวที่ไหนเหมือนคนอื่นๆ เขาไม่แม้แต่จะกดไลท์ และรีบเลื่อนมันพ้นๆไป สายตายิ่งแฝงความเคียดแค้นชิงชังหนักขึ้น เมื่อเลื่อนลงมาพบข่าวดาราที่เขาชื่นชอบถูกแฟนบอกเลิกทั้งๆที่มีลูกด้วยกันแล้ว -3- เด็กชายเสียใจนิดหน่อยที่พบว่า “ชอล์ก” ที่เขาได้มาจากโรงเรียนไม่สามารถเนรมิตตัวการ์ตูนหรือสิ่งสวยๆงามๆอย่างที่ครูทำได้ อีกทั้งพบว่า “ชอล์ก” ไม่ใช่ผู้สร้าง เป็นแต่เพียงเครื่องมือช่วยในการสร้างเท่านั้นหลังจากที่พยายามเที่ยววาดทั่วกำแพงบ้านและกำแพงวัดในหมู่บ้าน นอกจากภาพที่วาดจะไม่สวยงามแล้ว บางข้อความที่เด็กชายเขียนเป็นคำด่าหยาบคายระบายอารมณ์ส่วนตัว -4- ชายหนุ่มโพสต์ข้อความหยาบคายแสดงความคิดเห็นต่อข่าวดาราที่เขาชื่นชอบถูกแฟนบอกเลิกทั้งๆที่มีลูกด้วยกันแล้ว ทุกตัวอักษรที่เขาบรรจงพิมพ์แต่ละตัวเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังด้วยอารมณ์ส่วนตัว แต่ใช้พื้นที่ข่าวในการแสดงออก ดังนั้น ข้อความที่เขาโพสต์ลงไปจึงเต็มไปด้วยอคติและบิดเบือนความเป็นจริงแทบทั้งสิ้น และเมื่อกดเผยแพร่ ข้อความของเขาก็เข้าสู่โลกโซเชียลอันไม่มีที่สิ้นสุดเสียแล้ว เจ้าของบ้านทั้งก่นด่า สาปช่างเมื่อเห็นว่ากำแพงเลอะไปด้วยข้อขีดเขียนเต็มไปหมด พระเณรเองก็ต้องทำความสะอาดกำแพงวัดยกใหญ่ ด้วยฝีมือของเด็กชายผู้ไร้เดียงสา หลังจากกดเผยแพร่ไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง ชายหนุ่มเริ่มมีสติและคิดได้ว่าข้อความเหล่านั้นไม่ถูกต้อง รีบกลับไปลบ..แต่สายไปเสียแล้ว ข้อความของเขาถูกแค้ปเจอร์ไว้หมดแล้ว หลังจากนี้อาจถูกดำเนินคดีในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น การกระทำของทั้ง 2 คน ไม่แตกต่างกัน เป็นการกระทำแบบเด็กที่ไม่มีสติ แต่ความเสียหายเหมือนกัน เด็กทำยังเข้าใจว่าไร้เดียงสา แต่ถ้าผู้ใหญ่ทำเรียกว่าไร้ปัญญา!

อ่านต่อ

ตารางฝึกฮาล์ฟมาราธอน

say, วิ่ง, ไดอารี่ 26 July 20163 November 2017

วิ่งให้เข้าเส้นชัยใครก็วิ่งได้, แต่วิ่งให้เข้าเส้นชัยแบบสบายๆ นี่ต้องมีตารางฝึก ไปได้ตารางฝึกจากพันทิปมา มีตารางวิ่งย่อมดีกว่าวิ่งลอยๆ ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ผลที่ดีกว่าแล้ว ยังอาจเจ็บตัว บาดเจ็บอีก คำแนะนำจากจขกท. CT- Cross train เป็นกิจกรรมที่ทำในวันที่ไม่ได้วิ่ง เลือกกิจกรรมที่เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ (cardio workout)ยาวประมาณ 30 นาที เช่น ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ TT- Time Trial วิ่ง warm up 1.6km จากนั้นวิ่ง pace (ความเร็วในการเคลื่อนที่ปกติ หมายถึงระยะเวลานาทีที่ใช้วิ่ง/เดินต่อหนึ่งกิโลเมตร) สบายๆ จากนั้นจับเวลาในการวิ่งเร็ว เป็นระยะทาง 3.2km แล้วพยายามวิ่งให้เร็วขึ้นสำหรับ TT ครั้งต่อไป R&R Run-Rest & Recovery run วิ่ง 4.8km – 6.4km ที่ pace สบายๆ ไม่ต้องรีบเร่ง ทุก ๆ 4 อาทิตย์จะเป็นอาทิตย์ R&R INT- Intervals วิ่ง 1.6km แบบสบาย ๆ จากนั้นให้สลับระหว่างหนึ่งนาทีแบบวิ่งเร็ว (ประมาณ 80-90%) แล้วก็หนึ่งนาทีวิ่งแบบสบาย ๆ หรือวิ่งเร็ว (80-90%) สองนาที แล้วก็วิ่งแบบสบาย ๆ หนึ่งนาที เป็นระยะทาง 3.2km จากนั้นให้วิ่งแบบสบาย ๆ อีก 0.8km เป็นการ Cool down T- Tempo run ( 4.8km – 6.4km ) วิ่ง 1.6km ที่ความเร็วปกติ จากนั้นวิ่งเร็วขึ้น Tempo run (สปีดเร็วกว่าปกติ สามารถพูดได้ 3-4…

halfmarathon run วิ่ง
อ่านต่อ

ป้าจิ๊กกี๋

say 25 July 201523 September 2016

เข้าสู่ปีที่  10 ของเธอแล้ว ถ้าเป็นคนก็อายุประมาณ 65 ปี เป็นป้าที่เอาแต่ใจ และจนถึงวันนี้จิ๊กกี๋ก็ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็น “หมา” ไม่รู้จะบอกเธอยังไง กลัวเธอรับไม่ได้

จิ๊กกี๋
อ่านต่อ

พี่เบส

say 9 June 201514 June 2019

“งานทำให้ค้นพบตัวเอง” – พี่เบสบอก.

อ่านต่อ

น้องพฤกษ์

say, สุขกะภาพ 31 May 201523 September 2021

น้องพฤกษ์เป็นลูกชายขององอาจ เพื่อนข้างๆบ้านนี่เอง ถ้าผมมีลูก ก็จะไล่เลี่ยกันกับน้องพฤกษ์นี่แหละครับ กำลังน่ารักน่าชังน่าตี และซุกซนตามประสาเด็ก เรื่องที่เคยกังวลว่า จิ๊กกี๋จะเป็นปัญหาหรือจะรังแกน้องหรือไม่นั้น ดูจากภาพนี้คงหายกังวลครับ ปกติกี๋จะหวงบ้านมาก แต่วันนี้น้องพฤกษ์เดินต๊อกแต๊กๆ เข้าบ้าน นอกจากกี๋จะไม่เห่าแล้ว ยังเดินตามมาส่งกระดิกหางดุกดิกหมามันฉลาดครับ, มันรู้ใครมาดี ใครมาร้าย “จิตใจแม้จะซ่อนไว้ข้างใน แต่หมามันรู้ครับ“

เคยชิน อ่านต่อ

เคยชิน

say 30 May 201510 July 2015

เรามักใช้ชีวิตด้วยความเคยชิน.. เคยชิน..กับการตื่น 6 โมงเช้าในวันจันทร์ถึงศุกร์ และเกือบเที่ยงในวันเสาร์อาทิตย์ เคยชิน..กับการบ่นเมื่อรถติดตามมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทั้งๆที่มันก็ติดทุกวัน เคยชิน..กับการกินกาแฟเอสเปรสโซ่หวานน้อยก่อนการเริ่มทำงาน เคยชิน..กับการเข้างานช้า ทั้งๆที่หลายครั้งมาถึงออฟฟิสเช้า เคยชิน..กับการกินอาหารแบบเดิมๆ รสชาติเดิมๆ และปฏิเสธอาหารอื่น ทั้งๆที่มีรสชาตดีกว่า เคยชิน..กับสังคมเน่าๆ ทั้งที่สามารถทำให้มันดีได้ เคยชิน..กับการคุยคนเดียวมากกว่าต้องไปคุยกับใคร เคยชิน..กับการอยู่คนเดียว เคยชิน..กับการไม่ต้องคิดถึงใคร เคยชิน..หรือจริงๆแล้วไม่ใช่ความเคยชิน แต่เป็นความแตกต่างตั้งแต่ต้น

ผมกำลังจะเป็นพ่อ! อ่านต่อ

ผมกำลังจะเป็นพ่อ!

say 24 September 2013

ช่วงความเปลี่ยนแปลงของชีวิตอีกหนึ่งอย่างกำลังเกิดขึ้นกับผม เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ทั้งชีวิตและจิตใจไปตลอดกาล ความเปลี่ยนแปลงนี้มีเกือบทุกคน และมีกันมานานมากแล้วตั้งแต่โบราณ แต่เรื่องอย่างนี้ไม่เกิดขึ้นกับใครย่อมไม่รู้หรอกครับ ผมกำลัังจะบอกว่า “ผมกำลังจะเป็นพ่อคน” อยู่กับแฟนมานานกว่า 3 ปี คุยกันตลอดเวลาว่า สำหรับเรา ลูกนะ มีก็ได้ ไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่ยิ่งแก่ตัวขึ้นก็ยิ่งรู้สึกว่า “โดดเดี่ยว” ลังเลใจระหว่าง ใจหนึ่งก็อยากมี แต่อีกใจก็กลัว .. ..กลัวว่าเราจะเลี้ยงเขาให้ดีได้ไหม? ..กลัวว่าถ้าเราว่าลูกแล้วลูกไม่ฟัง เราจะทำยังไง? ..กลัวว่าลูกโตมาจะเป็นคนดีไหม? ..กลัวว่า ฯลฯ ความกลัวสารพัดจะกลัว ประเดประดังเข้ามาหลังทราบข่าวว่าแฟนท้องได้ 2 เดือน เราเริ่มระแคะระคายว่าท้อง เมื่อผ่านไป 1 เดือน แฟนบอกเมนส์ไม่มา อาการเมนส์ไม่มาใช่ว่าจะมีสาเหตุมาจากท้องอย่างเดียว อาจจะเพราะเครียด หรืออายุที่มากขึ้นก็ได้ แต่เมื่อเริ่มเข้าเดือนที่ 2 เมนส์ก็ยังไม่มา และที่สำคัญ แฟนมีอาการแปลกๆที่บ่งว่าอาจจะท้องได้ นั่นคือ หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน เคลื่อนไส้ และปวดท้องน้อย เพื่อให้หายสงสัย จึงตัดสินใจซื้ออุปกรณ์ตรวจครรภ์ด้วยตนเองมาตรวจ และผลก็เป็นไปดั่งที่นึกหวั่น นั่นคือขึ้นมา 2 ขีด หมายความว่า แฟนผมท้อง!! ความกลัวทั้งหมดที่กล่าวข้างต้นก็ประเดประดังทันที คิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ สมัยเมื่อท่านท้องก็คงมีอาการไม่ต่างกันมากนัก ความรู้สึกนึกคิดแห่งความเป็นพ่อก่อตัวทันที ในหัวเริ่มมีเรื่องให้คิดมากมายต่างๆนานาสารพัด ..ถึงตอนนี้เรื่องอื่นๆ ต้องโยนทิ้งให้หมด พุ่งประเด็นไปที่ลูกน้อยในท้องอย่างเดียว หลายครอบครัวที่มักมีปัญหากันระหว่างผัวเมีย ถ้าลองมีลูกขึ้นมา ผมว่าถ้าผู้ชายไม่แย่จนเกินไปนักและมีความเป็นมาตรฐานของผู้ชาย เขาจะต้องรู้สึกรักลูกรักเมีย และรักครอบครัวมากขึ้นกว่าเดิมมาก ผมกล้าพูด เพราะตอนนี้ผมเป็นอย่างนั้น.. ผมรู้สึกรักแฟนผมมากขึ้น ความรักนั้นแผ่ไปถึงลูกน้อยๆในท้องและคนรอบข้าง ถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย ผมจะเป็นพ่อคนรึนี่!!

สืบนัก..รักซะเลย : ตอนที่ 2 พยานปากสุดท้าย อ่านต่อ

สืบนัก..รักซะเลย : ตอนที่ 2 พยานปากสุดท้าย

say 11 November 20092 August 2017

(ต่อจากตอนที่แล้ว ปริศนาการตาย) อา หรือ สระอา พงศ์พัฒนพงศ์ นักศึกษาปี 4 คณะนิติศาสตร์ แม้จะพึ่งย้ายมาอยู่ที่รมณียคอนโดได้ไม่นาน แต่ด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกต เขาจึงรู้จักเกือบหมดทุกคนในคอนโดแห่งนี โดยที่คนเหล่านั้น รู้จักเขาเพียงไม่กี่คน อา เป็นคนที่รักความยุติธรรม ไม่ชอบการเอาเปรียบ เขาเลือกเรียนในคณะนิติศาสตร์โดยไม่ลังเลหลังจากพ่อเสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำ ทิ้งความมุ่งมั่นและความตังใจเดิมที่จะเรียนศิลปะ แม้จะทำใจได้ยากเหลือเกิน แต่ความเจ็บช้ำในอดีตพลักดันให้อามุ่งมั่นในทางแห่งความยุติธรรม เขาอยากจะผดุงมันไว้อย่างน้อยที่สุดเพื่อพ่อผู้ล่วงลับ ถึงวันนี้เขาก็ยังยืนยันว่า พ่อถูกฆาตกรรม ไม่ใช่อัตวินิบาตกรรม!!! เหตุการณ์ที่สีนวลเสียชีวิตด้วยความแปลกประหลาด ยังอยู่ในความสนใจของทุกคน ดังนั้น วันต่อมา จึงมีคนมาร่วมสังเกตการณ์มากกว่าวันแรก อาสังเกตเห็นว่า บุคคลหนึ่งซึ่งไม่ควรจะหาย แต่หายไป เขาเฝ้าสังเกตความผิดปกติอยู่เงียบๆ แล้วก็บังเกิดความผิดสังเกตอีกครั้งหนึ่ง !! ในบรรดาผู้ที่ให้ความสนใจต่อเหตุการณ์นี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ หรือคนแก่ ส่วนเด็กวัยรุ่น ก็คงมีแต่เขา แต่วันนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่ง หญิงสาวผมยาว ผู้ซ่อนแววตาไว้หลังแว่นตา ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สามส่วน เธอเป็นใคร ทำไมเขาไม่เคยเห็น อาพยายามจ้องมองเธออย่างจับผิด เธอตาหน้าตาเหมือนสักคนที่อยู่อาศัยอยู่ในคอนโดแห่งนี้ แต่ยิ่งคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก เมื่อลุงเกิดมาถึง เธอก็เฉลยสิ่งที่เค้าคิดทันที “วันนี้พ่ออยู่เวร เลยให้หนูลงมาแทน” เสียงกังวานสดใสชัดถ้อยชัดคำ ลักษณะแบบนี้เธอน่าจะเรียนครุศาสตร์ หรือไม่ก็นิเทศ หรือถ้าไม่เช่นนั้นคงต้องเป็นแม่ค้าขายอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่เดี๋ยวนะ พ่ออยู่เวร งั้นก็แสดงว่า เธอเป็น.. “ค่ะ ปกติหนูพักอยู่กับย่า แต่ช่วงนี้ปิดเทอมเลยกลับมาเยี่ยมพ่อ” “ไม่คิดว่าหมวดสรวัฒน์จะมีลูกสาวโตน่ารักขนาดนี้นะเนี่ย” ลุงเกิดเดินมาตรงกลางวงม้านั่งหินอ่อน ที่มีคนอื่นๆ นั่งรออยู่แล้ว “ลุงเกิด ที่มานี่ เราอยากจะรู้ความคืบหน้า ตกลงยามมันกลับจากต่างจังหวัดหรือยัง?” พันเปิดประเด็นทันทีอย่างใจร้อน “เฮ้อ..” ลุงเกิดถอนหายใจก่อนจะกล่าวสืบไปว่า “ข้าก็พยายามจะไม่คิดมาก และไม่อยากจะหาคนผิดหรอกนะ แต่ดูๆ เรื่องนี้มันก็แปลกๆจริงๆ” “ยังไงเหรอลุง” “เมื่อเช้านี้ข้าไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัย ต้นสังกัดที่ส่งยามมาทำงานที่นี่ เขาบอกว่า วิเชียรลาออกไปแล้ว ไม่ได้ลากลับบ้านอย่างที่เราเข้าใจ พรุ่งนี้ทางบริษัทจะส่งยามคนใหม่มาแทน” “อ้าว ..แล้วใครเป็นคนบอกว่ายามลากลับบ้าน” “เรื่องนี้วิเชียรเป็นคนบอกข้าเอง ข้าก็เลยสงสัย ว่าทำไมวิเชียรถึงต้องโกหกข้า ที่ผ่านมามันก็ดูเป็นคนดีคนหนึ่ง ส่วนว่าบ้านที่ต่างจังหวัดอยู่ไหน มีครอบครัวเป็นอย่างไร อันนี้ไม่รู้เลย” “ฉันว่ายามคนนี้มันแปลกๆอยู่นะลุงเกิด ” หลังจากนั่งฟังอยู่นาน…

ใจหายไปเลย

ไดอารี่ 8 September 2008

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เขียนเลย ไม่อยากจะอ้างงาน อ้างโน่น อ้างนี่ ท้ายที่สุดแล้ว ก็คือความขี้เกียจและไร้วินัยในตัวเอง   สถานการณ์บ้านเมืองก็ยังคลุมเครือ จะไปต่อก็ไม่ได้ ถอยไปก็ยาก อยู่อย่างงงๆ กันต่อ ก็ต้องรอดูกันต่อไปอย่างมีสติ ช่วงนี้ต้องพิจารณาข่าวกันอย่างมีสติมากขึ้น ข่าวมาจากไหน เป็นกลางหรือเอนเอียงก็มีผลต่อการพิจารณา อย่าตื่นข่าวเกินเหตุ ~ บอกตัวเอง เมื่ออาทิตย์ก่อน (ประมาณวันที่ 31 สิงหาคม) พึ่งรู้ตัวว่า ATM หายไป รู้ตัวตอนที่จะกด ATM ตอนประมาณ 5 ทุ่ม รีบมานั่งทบทวนว่ามันหายนานแค่ไหนแล้ว โชคดีว่า มันพึ่งหายได้วันเดียว ที่ว่าโชคดี เพราะบางครั้ง ระยะเวลาระหว่างการกดเงินมันห่างกันเป็นอาทิตย์ กว่าจะรู้ตัวเงินอาจหมดจาก ATM แล้วก็ได้ รีบโทรไประงับบัตรและเช็คยอดเงินว่าอยู่ครบมั้ย   ตอนที่รอคำตอบจากคอลเซ็นเตอร์ตอนเช็คยอดเงิน ใจระทึกมาก อารมณ์ประมาณโทรไปถามผลสอบจากเพื่อนที่กำลังดูจากป้ายประกาศให้ ถึงแม้ ATM จะมีรหัสป้องกัน หากกดผิด 3 ครั้ง มันจะยึดบัตร แต่อย่าลืมว่าบัตร ATM ในปัจจุบันอยู่ในรูปของบัตร DEBIT ด้วย นั่นคือ สามารถใช้รูดเงินได้ .. ผมเริ่มใจคอไม่ดี   แต่สุดท้าย ยอดเงินในบัญชีก็อยู่ครบจากเหตุการณ์นี้ ผมเลยมานั่งตรึกตรองว่า ATM หายตอนไหน ที่ไหน ยังไง? เพราะปกติผมเป็นคนค่อนข้างรอบคอบในเรื่องนี้ คิดไปคิดมา ก็เลยจำได้ว่า น่าจะเกิดขึ้นที่ตลาดคลองตัน ขณะกดเงินอยู่นั้น บังเอิญโทรศัพท์เข้า ผมรับโทรศัพท์พร้อมกับหยิบเงินใส่กระเป๋า แต่ลืมหยิบบัตรมาด้วย!! ปัญหาจาก ATM หายที่ตามมาก็คือ การต้องไปธนาคารเพื่อทำ ATM ใหม่ ปกติของธนาคารไทยพาณิชย์ สามารถไปทำใหม่ที่สาขาไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นสาขาที่ได้ไปเปิดบัญชีไว้ก็ได้ ผมเปิดบัญชีไว้ที่เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน แต่จะไปทำ ATM ใหม่ที่สาขาคลองตัน ปรากฏว่า สมุดบัญชีผมด้านหลังไม่มีลายเซ็นต์ของพนักงานที่เปิดบัญชีให้ จึงไม่สามารถทำได้ในสาขาอื่น ต้องไปที่สาขาที่เปิดบัญชีเท่านั้น !!   ถามว่ากรณีนี้ ผมผิดเหรอ?“คุณไม่ผิดหรอกครับ..เจ้าหน้าที่เขาลืมเอง” พนักงานชายตอบในเมื่อพวกคุณผิดเอง…

atm

ทำไม..ฝนตกขึ้นฟ้า

เรื่องทั่วไป 4 February 2010

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย เป็นเหตุให้ไม่ได้รีวิว แนะนำที่ท่องเที่ยว มีภาำพถ่าย(สวยๆ)มาอวดเลย พึ่งรู้ว่าขาจรส่วนใหญ่ที่พลาดเข้าเว็บผมมาจาก google ด้วยคีย์เวิร์ดเรื่องท่องเที่ยวเป็นหลัก รู้สึกสิ่งที่ตัวเองทำมา 2 อาทิตย์ไม่ไร้ค่าเสียทีเดียว หลังจากอดอาหารคาวในมื้อเย็น และวิ่งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้น้ำหนักหายไป 2 กิโลกรัม !!!! ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้หายไปสักอย่างน้อย 5 กิโล วันนี้ตั้งใจจะเล่าเรื่องหนังสืออีกเล่มที่พึ่งอ่านจบไปของคุณวินทร์ เหลียววาริณ “ฝนตกขึ้นฟ้า” ชื่อเรื่องดูธรรมด๊า ธรรมดา จนแทบไม่น่าสนใจ แต่เนื้อหา และวิธีเล่าเรื่องสนุก ได้รสชาติยิ่ง ผมชอบผลงานของคุณวินทร์ ตรงที่แกมีอะไรแปลกๆมาเล่าให้เราอ่านอยู่เรื่อยๆ ด้วยวิธีที่ไม่ซ้ำ สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์เด่นชัดของคุณวินทร์ คือการตีแผ่สังคมอย่างตรงมาตรงไป ชัดเจน และแรง ประชดประชัน แดกดันได้สะใจ บทรักมีพอได้อรรถรสไม่ถึงกับลึกซึ้งกินใจ แต่พอทำให้ใจไม่ห่อเหี่ยวเกินไปนัก ฝนตกขึ้นฟ้า คุณวินทร์บอกว่า เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นแบบหนังฟิล์มนัว (ถ้าไม่เข้าใจคำว่าฟิล์มนัวก็คลิกดู) ทั้งบทพูด เนื้องเรื่อง เป็นในรูปของภาพยนตร์มากกว่าตัวหนังสือ ซึ่งนั่นหมายความว่า ถ้าได้อ่านเรื่องนี้ เหมือนได้ดูหนังเรื่องหนึ่งทีเดียว บทพูด ฉากชัดเจนมาก และเสน่ห์ของงานเขียนคุณวินทร์อีกอย่างคือ แฝงปรัชญา ข้อคิด และคำคมในตัวละครมากมาย ไม่ว่าพระเอก หรือผู้ร้าย มีเหตุผลของตัวเองที่จะทำแบบนั้น ถ้าได้อ่านแค่เหตุผลของผู้ร้าย ผมก็เข้าข้างและเชื่อผู้ร้าย แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลจากทางฝั่งพระเอก ตรงนั้นจึงทำให้เราคิด และชั่งใจว่า เหตุผลข้างไหนน่าฟังกว่ากัน ผู้เขียนไม่ได้ชี้ชัดว่า เหตุผลของใครถูก ปล่อยให้ผู้อ่านไปคิดและตัดสินใจเอาเอง นี่ก็คือเสน่ห์อีกข้อของคุณวินทร์ ให้เกียรติผู้อ่านเสมอ  ผู้อ่าน 10 คน ไม่จำเป็นต้องมีความเห็นเหมือนกันในเรื่องเดียวกันนี้ มองอาร์ตเวิร์ดของเรื่อง “ฝนตกขึ้นฟ้า” แว่บแรกก็นึกแปลกใจ ทำไมภาพประกอบ และเลขหน้าต้องทำกลับหัวให้ผู้อ่านรำคาญใจด้วย แต่พอได้อ่านเนื้อเรื่องจึงเข้าใจ อยากรู้มั้ยครับ ทำไมคุณวินทร์ถึงจัดอาร์ตเวิร์กกลับหัวอย่างนั้น? ผมไม่บอกนะครับ อยากรู้ไปหาซื้ออ่านเอาเอง แต่ยืนยันนะครับว่า .. สนุกกว่าหนังบางเรื่องเสียอีก

อ่านต่อ

เที่ยวเมืองไทย..ให้คึกคัก..ฉันรักเมืองไทย

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 8 June 200914 May 2016

ไม่รู้มาก่อนว่าที่เมืองทองธานี (อาณาจักรใหม่ของไทยชาติ) มีงาน วันนี้(อาทิตย์ 7 มิถุนายน 2552) ตุปัดตุเป่กันไปจึงพบว่า..เขามีงานชนกันตั้ง 3 งานนนนนนนนนนน   งานแรกเป็นงานท่องเที่ยวไทย ไทยครึกครื้นเศรษฐกิจคึกคัก ไม่ได้ตั้งใจจะมาหาที่เที่ยว ก็เลยได้แต่เดินดูแพกเกจเที่ยวต่างๆนานาประดามี พบว่ามีหลายที่หลายแห่ง ให้ราคาค่อนข้างถูกมากครับ ใครที่วางแผนเที่ยวตอนปีใหม่ ถ้าได้จองกันตั้งแต่วันนี้เลย จะได้ราคาค่อนข้างดี แต่น้อยคนที่จะวางแผนเที่ยวปีใหม่ตั้งแต่วันนี้..เพราะมันอีกตั้งหลายเดือน กว่าจะถึงวันนั้น ไม่รู้คนร่วมทริปกับเราจะยังอยากจะไปอยู่อีกมั้ย? ทีเด็ดของงานนี้อยู่ที่เขาจำลองสถานที่ท่องเที่ยวและประเพณีของแต่ละภาคมาไว้ มีกันทุกภาคส่วน เห็นแล้วก็คึกคักคึกครื้น อยากเสียเงินเหลือเกิน เดินกันที่นี่พอหอมปากหอมคอ หอบแฮ่กแล้ว ก็ไปอีกงาน งานนี้เรียกตัวเองอย่างเป็นทางการอย่างไร จำชื่อไม่ได้ รู้แต่ว่าเป็นงานสินค้าจากโรงงานลดล้างสต็อก คือเสื้อผ้า ของใช้ ยี่ห้อดังๆ ไม่ว่าจะเป็นไนกี้ คอกโคได ฯลฯ ต่างขนเอาเสื้อผ้ามาลดราคากันแหลก (แต่ลดยังไง ผมก็ว่ายังแพงอยู่ดี) มีอีกเยอะแยะมากมายครับ จำชื่อไม่ได้ มาลดมาขายกัน งานนี้ได้เสื้อให้คุณแม่ 2 ตัว งานนี้คนเยอะกว่าคนท่องเที่ยวอีก เดินกันชนิดหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว อีกงานหนึ่ง เป็นงานเกี่ยวกับเกษตร วิชาการเกษตรปีที่ 39 ประมาณนี้ งานนี้คนจะน้อยกว่าทุกงาน แต่ก็ยังดูเยอะอยู่ดี งานนี้เขาขนเอาต้นไม้มาไว้ซะรกครึ้ม ไม้พืชสวน สารพัดเห็ด ต้นไม้ยืนต้น ต้นทุเรียน ต้นกาแฟ ต้นข้าว ฯลฯ  มีพันธ์ไม้ขายด้วย ก็เดินอยู่พักหนึ่ง ได้กาแฟห่อใหญ่กับน้ำองุ่นกลับบ้าน คิดว่าพอละ งานนี้เหนือย แต่ไม่ค่อยน่าเบื่อ  ที่เมืองทองสถานที่กว้างขวาง ห้องน้ำเยอะ ถึงคนมากก็ไม่รู้สึกว่าแน่น ไม่เหมือนทีศูนย์ประชุม ช่วงนี้มีงานประเภทนี้บ่อยๆ ทุกภาคส่วนต้องการช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจไทย  ถ้าไทยซื้อของไทย เที่ยวเมืองไทย ก็เท่ากับช่วยคนไทยช่วยเศรษฐกิจไทย แต่ขณะที่ทุกส่วนต่างช่วยคนไทยด้วยกันอยู่ สอสอผู้มีเกียรติหลายท่าน ก็แอบไปต่างประเทศด้วยข้ออ้างสุดคลาสสิค ไปดูงาน ไปประชุม ประชุมในเมืองไทยแล้ว คิดอะไรไม่ออกรึไง..นิสัย

อ่านต่อ

3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอนกับอากาศ 3 องศา

ท่องเที่ยว 8 December 201917 March 2020

เที่ยวอินทนนท์มาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้อยากสัมผัสกับบรรยากาศหนาวจริงๆของอินทนนท์สักครั้งหนึ่ง จึงเป็นที่มาของทริป “3 วัน 2 คืน เที่ยวอินทนนท์..กางเต๊นท์นอน” ขอรวบรัดตัดความข้ามเรื่องการเดินทาง วาปทีเดียวมาโผล่ที่อินทนนท์เลยละกันนะครับ ฉากแรกของทริปนี้คือที่นี่ครับ โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน คิดแค่ว่าขนเต๊นท์ขึ้นบนรถแล้วไปหาที่กางเอาดาบหน้าที่อินนทนนท์ เปิดกูเกิ้ลเห็นแว่บๆว่ามีที่กางเต๊นท์ชื่อชลธารวิว แต่พอไปถึงสถานที่จริง รู้สึกว่าไม่เหมือนที่คิดไว้สักเท่าไร ขณะขับออกมาจากตรงนั้นนิดหนึงก็พบที่แห่งนี้ครับ ค่ำคืนแรกในเต๊นท์บนอินทนนท์ หนาวสะใจมากครับ ..พอพระอาทิตย์ตกดินอากาศลดลงเหลือ 3 องศา หนาวจนหมูกระทะที่สั่งมากินหน้าเต๊นท์ไม่สามารถปิ้งย่างได้ ต้องรีบหลบเข้าเต๊นท์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความหนาวลดลง หลังจากค่ำคืนที่หนาวเหน็บผ่านพ้นไป เช้ารุ่งขึ้นก็ยังอุตส่าแหกขี้หูขี้ตาขึ้นไปบนยอดดอยอินทนนท์อีกนะ เราว่าเราไปเช้าแล้วคือออกไปตอนตี 5 ครึ่ง ปรากฏว่ามีคนไปเช้ากว่าเราอีก คนบนนั้นเยอะจนรถติด สุดท้ายจึงลงมาหาข้าวกินข้างล่าง คืนที่สอง “ลานกางเต๊นท์ต้นสน อุทยานแห่งชาติอินทนนท์” อุทยานแห่งชาติอินทนนท์มีจุดกางเต๊นท์ที่เป็นของอุทยานและมีค่าบริการถูกมากครับเพียงคืนละ 50 บาท ที่นี่จึงเป็นที่พักสำหรับคืนที่สองของทริปนี้ และเช่นเคยครับ “นอนเต๊นท์” ข้อดีของคืนที่สอง คือ ที่นี่ความหนาวลดลง หรืออุ่นขึ้นนั่นเอง ที่นี่อากาศอยู่ที่ประมาณ 10 องศา (แต่ก็ยังหนาวอยู่ดีสำหรับผม) ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของที่นี่คือเดินไปไม่ไกลจากจุดกางเต๊นท์ที่เป็นป่าสนนี้ ก็จะมีร้านอาหารให้บริการอย่างหนาตา คืนที่สองนี้รู้สึกไม่โดดเดี่ยวเท่าคืนแรก มีนักท่องเที่ยวที่ชอบนอนเต๊นท์มากันอย่างหนาตา แต่ก็ไม่หนาแน่นจนอึกกระทึก เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากเก็บเต๊นท์รอจนน้ำค้างที่เกาะเต๊นท์แห้งดีแล้ว ก็เก็บข้าวของกลับบ้าน. ทริปนี้อยากสัมผัสความหนาวบนอินทนนท์ ก็ถือว่าได้ดั่งใจ ทริปหน้าไปไหนเดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง

อินทนนท์
อ่านต่อ

ลาก่อนน้องมารชมพู

บ่น, ไดอารี่ 2 April 20178 June 2019

ความผูกพันธ์ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ ที่ หรือสิ่งของ หากเราใช้ชีวิตกับมันนานๆย่อมมีความผูกพันธ์..และครั้งนี้ก็เช่นกัน จำใจจากน้องมารชมพูด้วยความอาลัยรัก

jazz น้องมารชมู

รู้เขา (แต่)ไม่รู้เรา

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 18 February 2011

Facebook, Twitter หรือระบบ Social Network ตัวอื่นๆที่อนุญาตให้ผู้ใช้โพสต์ข้อความลงบนพื้นที่สาธารณะได้ ทำให้เรารู้จักตัวตนของคนอื่นได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในปัจจุบัน สามารถโพสต์ข้อความได้แบบ Everything Everywhere คือโพสต์อะไรจากที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ เมื่อเกิดอารมณ์ ความรู้สึก โกรธ โมโห ดีใจ เสียใจ ตอนไหนยังไง ก็แสดงออกออนไลน์มาได้เลย ข้อดี คือ ถ้าเจอเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุบนท้องถนน หรือที่ไหนก็ตาม เราก็โพสต์แจ้งข่าวสารแด่เพื่อนฝูงและชาวโลกได้เลย ณ ขณะนั้น เพื่อนและชาวโลกก็สามารถรับรู้ข่าวสารได้ในทันที ข้อเสีย คือ ถ้าโมโห โกรธ หรือเจอเหตุการณ์ที่น่าสนใจเข้า ไม่ทันได้พิจารณาให้ดีก็รีบโพสต์แจ้งชาวโลก บางข้อความอาจกลายเป็นการด่า ประจาน หรือนำความลับของคนอื่นมาเผยแพร่ เมื่อไม่นานมานี้ พนักงานต้อนรับในโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศจีน เห็นดาราเข้ามาเช็คอินเพื่อพักในโรงแรมที่ตนทำงานอยู่ จึงรีบทวิตเตอร์บอกเพื่อนตัวเอง จากข้อความทวิตเตอร์นั่นเอง ทำให้มีแฟนคลับแห่มาขอลายเซ็นต์ จนดาราคนนั้นที่ตั้งใจจะมาพักผ่อนเงียบๆ ไม่ได้รับความสุขตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก ความรู้ถึงผู้บริหาร พนักงานที่ทวิตเตอร์คนนั้นจึงถูกให้ออกจากงาน ข้อความที่ถูกโพสต์ผ่าน Facebook หรือ Twitter ส่วนใหญ่ออกมาจากความรู้สึกและอารมณ์สดๆร้อนๆของผู้โพสต์ เมื่อก่อนถ้าเราไปเจอเหตุการณ์ที่ไม่ถูกใจบางอย่างเข้า ก็ต้องกลับมาถึงบ้าน > เปิดคอมพิวเตอร์ > ต่ออินเทอร์เนต > เปิดเว็บไซต์ > ล็อกอิน > โพสต์ข้อความ จะเห็นว่ากระบวนการกว่าจะถึงขั้นตอนของการโพสต์ข้อความมีมาก จนทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นเบาบาง หรือแทบจะหายไปหมดแล้ว และการปะติดปะต่อเรียบเรียงเรื่องราวก็เริ่มเลือนลางจำไม่ค่อยไ้ด้ แต่ปัจจุบันขั้นตอนการโพสต์ข้อความจาก 5-6 ขั้นตอนลดเหลือขั้นตอนเดียว คือ โพสต์ได้เลยทันที!! ดีใจ== โพสต์ เสียใจ== โพสต์ โกรธ == โพสต์ด่า เมื่อกระบวนการโพสต์สั้นลง มันจึงไม่ผ่านกระบวนการคิด ข้อความทุกอย่างที่เราโพสต์ มันจะบอกตัวตนของเราทั้งหมด!! ผม Follow นักข่าวหลายคน เพื่อหวังติดตามข่าวสารแบบใกล้ชิด จึงทำให้พบว่า นักข่าวที่เราเห็นเขานั่งอ่านข่าวหน้าทีวีทุกวันนั้น เขาอ่านอย่างเดียวตามสคริปต์ที่มีคนเขียนให้อย่างสวยหรู เพราะข้อความที่เขาโพสต์เองบนทวิตเตอร์ พบว่ามันไม่เหมือนเขาในจอทีวี ในโลก พ.ศ. 2554 เราสามารถเรียนรู้อุปนิสัยใจคอคนอื่นที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ผ่านตัวหนังสือไม่กี่ตัว คำถามต่อไปก็คือ คุณอยากให้คนอื่นๆรู้จักคุณในแง่ไหน?…

facebook twitter

ทะเล-ทะเลาะ

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 20 October 200816 June 2019

ปีนี้ ถ้านับครั้งนี้ด้วย ก็จะเป็นแค่ครั้งที่สอง ที่ผมจะไปทะเลลลลลลลลลลล…ล พูดถึงทะเล ก็จะมีภาพเหล่านี้ลอยเข้ามาในหัว แน่นอนไปทะเลต้องมี..ทะเล ท้องฟ้าสีฟ้าสด.. ทราย.. สายลม.. เสียงหัวเราะ.. ความสุข.. นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวผมเมื่อนึกถึงทะเล อาทิตย์นี้ผมได้ไปทะเล กับที่ทำงาน ชั่งใจอยู่นานสองนาน สามนาน สี่นาน ห้านาน..ว่าจะไปดีหรือไม่ เพราะการไปครั้งนี้ค่อนข้างไปกันหลายชีวิต ใช่ว่าจะมีแต่แผนกเรา มีหลายๆแผนกไป ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และส่วนใหญ่ชอบกินเหล้า ผมตัดสินใจ ด้วยการอวดอ้างสรรพคุณความสนุกจากเพื่อนคนหนึ่ง “การไปทะเลกะคนเยอะๆๆ นี่สนุกนะ ทริปนี้มีกิจกรรมเยอะแยะมากมาย รับรองๆ สนุกแน่ๆ สนุกจริง” ผมตัดสินใจอย่างยากเย็น ด้วยอยากพักผ่อนจริงๆ หลังจากที่เหนื่อยมาหลายวันมากแล้ว กลัวไม่สนุก กลัวไม่ได้พักผ่อน ~ และสุดท้ายก็ตัดสินใจ ไป… ~ ตามกำหนดการณ์ คือ ออกเดินทางเจ็ดโมง แต่เลทไปจนถึงแปดโมงกว่า ไม่เป็นไรไม่ถือสา แต่ที่ผมเริ่มจะรับไม่ได้ คือ การเดินทางครั้งนี้ไปด้วยรถทัวร์พัดลม โอ้วววว ไม่นะ ครั้งสุดท้ายที่ผมเดินทางด้วยรถทัวร์พัดลม คือเมื่อสัก 3 ปีก่อน เดินทางไปทอดผ้าป่าสามัคคีกับพิภพที่สกลนคร ครั้งนั้นทั้งเหนื่อย ร้อน และหนวกหู เพราะเครื่องเสียกระหึ่มรถมาก ครั้งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากครั้งนั้นเลยยย เครื่องเสียงดังมาก ยิ่งกว่าในผับเสียอีก โอ้ ไปถึงทะเลเกือบบ่าย ทะเลที่ว่า คือหาดแม่รำพึง ระยองนี่เองครับ เลยไปไม่ไกล ภาพทะเล ความสนุกที่วาดไว้บนหัวหายหมดสิ้น ทะเลร้อนมาก หาดก็ไม่น่าลงเล่นเท่าไร ที่พักแย่ไปใหญ่ หาที่เป็นส่วนตัวไม่ได้เลย เพราะไปกันเยอะ กิจกรรมก็ขำๆดี แต่ผมไม่สนุกด้วย ตกกลางคืนงานเริ่มส่อแววล่ม เมื่อบรรดาขี้เมาเริ่มมีการกระทบกระทั่งกัน จอโปรเจกเตอร์ตัวใหญ่ที่ไว้ฉายคาราโอเกะ ภาพแจ่มดี แต่เครื่องเสียงห่วยชนิดไม่น่าให้อภัย เครื่องเสียงไม่ดีอยู่แล้ว คนร้องกลับเป็นขี้เมาอ้อแอ้ ผมทนกับสภาพนี้ไม่ไหวแล้ว จึงทิ้งกลุ่มออกมาเดินเล่นที่ชายหาดอย่างเงียบๆ คิดถึงความหฤโหดของการเดินทางในวันพรุ่งนี้ แดดร้อนๆ รถพัดลมอับๆ บวกกับเครื่องเสียนรกแตก กูตายแน่ๆ ผมกลับเข้ามาในงานอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้เข้าไปร่วม ได้แต่นั่งดูข้างนอก เริ่มเห็นความวุ่นวายลางๆ มีการกระทบกระทั่ง มีปากเสียงกันหลายคู่ หลายคน จนในที่สุดเมื่อเวลาห้าทุ่ม…

ทะเล ระยอง

ด.ช.จุ๊บ

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 18 June 2008

ครบ 5 เดือนของเจ้าจุ๊บ จุ๊บ มาดูพัฒนาการของมันหน่อยยยยย… แรกเริ่มเดิมที ผมเข้าใจมาตั้งนานว่าเป็นเพศเมีย ตั้งชื่อให้ซะน่ารักว่า “จุ๊บ จุ๊บ” คือกระต่ายนี่ ไม่สามารถมองอวัยวะเพศแล้วรู้ว่าเป็นเพศอะไร เหมือนแมว หรือสุนัข ลูกอัณฑะก็ไม่มี มีอวัยวะเหมือนอวัยะเพศเมีย ก็เลยเข้าใจมาตลอดว่า มันเป็นเพศเมีย..อีกอย่างหนึ่ง กิริยามารยาทของมันก็เป็นเพศเมียแท้ๆ ทั้งขี้อ้อน ขี้เล่น กริยามารยาท ทำให้ผมเชื่ออย่างนั้นว่ามันคือ เพศเมีย.. แต่แล้ววันหนึ่ง ได้พาเจ้าจุ๊บไปเที่ยวบ้านเพื่อนบ้านที่เขามีกระต่ายที่มีอายุเท่าๆกัน พอไปเห็นเท่านั้นแหละ ไอ้จุ๊บสำแดงธาตุหื่นขึ้นมาทันที มันขึ้นคร่อมกระต่ายเพื่อนบ้าน ตอนนั้นเองที่ผมมองเห็นอวัยวะเพศของมันโผล่ออกมา..ความจริงก็ปรากฏ ! มันเป็นผู้ชายยย    ลองดูภาพเจ้าจุ๊บครับ ซนมั่กๆ น้ำ อาหารก็มีให้พร้อม แต่มันไม่ค่อยสนใจในสิ่งที่มีหรอกครับ ปีนป่ายไปดูดน้ำก็อกบ้าง ปีนไปกินต้นไม้ในกระถางบ้าง กินอิ่มแล้วก็นอน นอน และนอน พอกลางคืนตอนนั่งดูทีวี หายง่วง มาเล่น มาอ้อน มากวน .. แต่มีนิสัยที่น่ารักอย่างหนึ่งคือ เขาจะอึ ฉี่เป็นที่เป็นทางครับ ที่ๆของเขาคือกระถางต้นไม้ที่ผมประยุกต์ให้เป็นห้องน้ำ (ดั่งภาพบนขวาสุด)   เจ้าจุ๊บมัน นอนได้ทุกท่า หลับได้ทุกที่จริงๆ

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓

เรื่องทั่วไป 5 January 2010

เข้าสู่ปีใหม่ 2553 ละ ..ตั้งใจจะทำอะไร หรือมีแผนอะไรก็ต้องดำเนินการ ส่วนตัว ผมจะอัพบล็อกแห่งนี้อย่างสม่ำเสมอ และจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน ช่วงนี้คนใกล้ตัวและคนรู้จักหลายๆคนล้มป่วยกันเยอะ ทำให้เราอยู่เฉยไม่ได้ละ ต้องวิ่งๆๆ ก่อนอื่นเลยจะมารวบรวมเรื่องราวก่อนและหลังปีใหม่มาดๆนี้ 1. เริ่มต้นด้วยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2552 ผมถูกหวย(ใต้ดิน)ครั้งที่ 3 ในชีวิต หลังจากซื้อบ้าง ไม่ซื้อบ้างมาโดยตลอด ครั้งแรกผมถูกหวยตอนอายุประมาณ 12 ขวบ ถูก 2 ตัว 1 บาท ได้ 70 บาท ดีใจมาก .. ครั้งที่ 2 ตอนอายุประมาณ 20 ต้นๆ ถูก 50 บาท ได้ 3 พันกว่าบาท 2 ครั้งนั้น ผมได้เลขจากไหนไม่รู้นะ แต่ครั้งนี้(ครั้งที่ 3 ) ได้มาจากการตีความอย่างมีระบบ (555) เริ่มต้นที่หัวหน้าผมเอง เกริ่นนำเรื่องหวยว่าจะแทงจากจำนวนเหรียญทองที่ไทยได้จากซีเกมส์ นั่นคือ 86 เหรียญ ผมก็เอาด้วยเลย 86, 68 เลขละ 60 บาท กันพลาดต้องกลับไปกลับมา แต่เอ่ะ..ว่ากันว่า ถ้าเป็นผู้ชายต้องขยับขึ้น ผู้หญิงต้องขยับลง ผมเลยขยับขึ้นจาก 86 เป็น 87 เย็นวันนั้น หวยออกเลขท้าย 2 ตัว 87 ด้วยประการฉะนี้เอย. 2. ปีนี้ผมเคาน์ดาวน์ที่กทม. นั่งปิ้ง ย่างเนื้อ ลูกชิ้น ที่ระเบียง ท่ามกลางแสงจันทร์ เสียงร้องต้อนรับปีใหม่ และแสงไฟพลุจากรอบบ้าน แน่นอนที่สุด ผมไม่ได้นั่งคนเดียว ผมอยู่กับคนรักครับ!! 3. ออกเดินทางไปเที่ยวในเช้ามืดของวันที่ 1 ม.ค. 2553 ถนนโล่ง ขับสบาย ไปทีหลัง และกลับก่อนในวันที่…

๒๕๕๓ ปีใหม่
อ่านต่อ

บาป-บุญ-คุณ-เธอ

สุขกะภาพ 3 April 2014

เมื่อตอนเด็กๆ พอยังจำความได้นิดๆหน่อยๆ แม่จะกระเตงผมไปวัดด้วย ขณะฟังพระท่านให้ศีลให้พรผมก็ปีนป่ายตามตัวแม่ แม่ก็พยายามจับมือผมพนมพร้อมกับดุว่าต่อหน้าพระอย่าซน ผมหยุดซนได้ไม่เกิน 10 วินาที ก็เริ่มซนใหม่ ตามประสาเด็ก   พอโตขึ้นมาหน่อย แม่ก็เริ่มสอนให้รู้จักใส่บาตรตอนเช้า ส่วนหนึ่งคือช่วยเป็นภาระแทนแม่ แม่มือไม่ว่าง ก็ได้ผมช่วยใส่บาตรแทน แม่ก็ได้บุญในฐานะคนจัดหาอาหารมาใส่บาตร ผมก็ได้บุญในฐานะตัวแทนมาทำบุญตักบาตร ความใกล้ชิดกับวัดวา พระสงฆ์องค์เจ้าตั้งแต่เด็กนี่เอง ทำให้เรากลัวในบาปบุญคุณโทษ เชื่อเรื่องกรรม ซึ่งอาจจะตรงข้ามกับคนในยุคปัจจุบันที่มองสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องขบขัน และมักมีคำถามแปลกๆ ว่า บาปบุญมีจริงเหรอ? นรกสวรรค์อยู่ตรงไหน? ทำดีได้ดีจริงหรือ? ฯลฯ ผมเองก็คงตอบไม่ได้ต่อคำถามเหล่านี้ เพราะตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นคำถาม เหมือนมันมีคำตอบอยู่แล้วในตัวของมัน มันจะค่อยๆชัดเจนเรื่อยๆ ตามวัย เห็นภาพนี้แล้วก็คิดถึงตัวเองตอนเด็กๆ ผมคงไม่นั่งเปะเหมือนเด็กในภาพ แต่วัย ณ ขณะนั้นคงไล่เลี่ยกัน คำอธิบายภาพ : ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ iphone 4s หน้าร้านข้าวแกง/อาหารตามสั่ง ติดกับโรงพยาบาลเพชรเวช เสื้อสีม่วงนั่นคือพนักงานของโรงพยาบาลเพชรเวช

พระ ใส่บาตร

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (10)
  • ท่องเที่ยว (57)
  • บ่น (36)
  • บ้านบ้าน (17)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (69)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (47)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (65)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH