พบกันน้อยนิด
หลังจากหายไปนาน เรากลับมาแล้ว..
Find your Heart, Find the Happiness.
หลังจากหายไปนาน เรากลับมาแล้ว..
เมื่อวานขณะกำลัง Standup Meeting อยู่นั้น พลันได้ยินเสียงเจ้าม่อนเห่าแปลกๆ แบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนทั้งเห่าทั้งขู่ พอเบือนหน้าจากหน้าจอมีตติ้งหันไปดูเท่านั้นแหละ !!งูเห่ากำลังแผ่หัวชูคอฟ่อๆ หมาก็เห่างูก็เห่า ดูสถานการณ์แล้ว ไม่น่าจะอาจสามารถจัดการเองได้ จึงรีบไปตามยาม พอยามมาถึงก็ใช้วิธีวิสามัญฆาตกรรมแบบไม่ต้องมีหมายเรียก ปิดคดีภายในไม่ถึง 10 นาที งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้ไอ้ม่อน หมาหน้ามึนตัวนี้ นี่ถ้าเราไม่มีหมาไว้สังเกตสังกาหน้าบ้าน สถานการณ์อาจเลวร้ายกว่านี้ ฝั่งที่โชคร้ายอาจไม่ใช่งูเห่า แต่อาจเป็นใครสักคนภายในบ้าน
-1- หลังจากกลับจากโรงเรียนเย็นวันนั้น เด็กชายตื่นเต้นมากกับสิ่งที่เขาได้มาจากโรงเรียน เขาหลงใหลกับสิ่งนี้มาก ในสายตาเขามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ สามารถวาดการ์ตูน เขียนตัวหนังสือสวยๆงามๆ บนกระดานได้ เขาตื่นเต้นทุกครั้งที่ครูใช้มันสร้างสิ่งยิ่งใหญ่บนกระดาน และสำคัญว่ามันจะสามารถวาดหรือเขียนอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ มันคือสิ่งที่เรียกว่า “ชอล์ก” -2- ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือส่งตัวเองเข้าสู่โลกโซเชียล รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเมื่อเห็นคลิปน่ารักๆ ที่เพื่อนเขาโพสต์ แต่พอนิ้วสไลด์ขึ้นขยับสายตาเลื่อนลงมาในโพสต์ถัดไป กลับเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นนิ่งเฉย แววตาแฝงความอิจฉา เมื่อเห็นภาพเพื่อนๆที่ถ่ายตามที่ท่องเที่ยวต่างๆในท่าทีที่มีความสุข นึกถึงตัวเองที่ตอนนี้ยังคงทำงานหนัก แต่ยังไม่สามารถมีเงินไปเที่ยวที่ไหนเหมือนคนอื่นๆ เขาไม่แม้แต่จะกดไลท์ และรีบเลื่อนมันพ้นๆไป สายตายิ่งแฝงความเคียดแค้นชิงชังหนักขึ้น เมื่อเลื่อนลงมาพบข่าวดาราที่เขาชื่นชอบถูกแฟนบอกเลิกทั้งๆที่มีลูกด้วยกันแล้ว -3- เด็กชายเสียใจนิดหน่อยที่พบว่า “ชอล์ก” ที่เขาได้มาจากโรงเรียนไม่สามารถเนรมิตตัวการ์ตูนหรือสิ่งสวยๆงามๆอย่างที่ครูทำได้ อีกทั้งพบว่า “ชอล์ก” ไม่ใช่ผู้สร้าง เป็นแต่เพียงเครื่องมือช่วยในการสร้างเท่านั้นหลังจากที่พยายามเที่ยววาดทั่วกำแพงบ้านและกำแพงวัดในหมู่บ้าน นอกจากภาพที่วาดจะไม่สวยงามแล้ว บางข้อความที่เด็กชายเขียนเป็นคำด่าหยาบคายระบายอารมณ์ส่วนตัว -4- ชายหนุ่มโพสต์ข้อความหยาบคายแสดงความคิดเห็นต่อข่าวดาราที่เขาชื่นชอบถูกแฟนบอกเลิกทั้งๆที่มีลูกด้วยกันแล้ว ทุกตัวอักษรที่เขาบรรจงพิมพ์แต่ละตัวเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังด้วยอารมณ์ส่วนตัว แต่ใช้พื้นที่ข่าวในการแสดงออก ดังนั้น ข้อความที่เขาโพสต์ลงไปจึงเต็มไปด้วยอคติและบิดเบือนความเป็นจริงแทบทั้งสิ้น และเมื่อกดเผยแพร่ ข้อความของเขาก็เข้าสู่โลกโซเชียลอันไม่มีที่สิ้นสุดเสียแล้ว เจ้าของบ้านทั้งก่นด่า สาปช่างเมื่อเห็นว่ากำแพงเลอะไปด้วยข้อขีดเขียนเต็มไปหมด พระเณรเองก็ต้องทำความสะอาดกำแพงวัดยกใหญ่ ด้วยฝีมือของเด็กชายผู้ไร้เดียงสา หลังจากกดเผยแพร่ไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง ชายหนุ่มเริ่มมีสติและคิดได้ว่าข้อความเหล่านั้นไม่ถูกต้อง รีบกลับไปลบ..แต่สายไปเสียแล้ว ข้อความของเขาถูกแค้ปเจอร์ไว้หมดแล้ว หลังจากนี้อาจถูกดำเนินคดีในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น การกระทำของทั้ง 2 คน ไม่แตกต่างกัน เป็นการกระทำแบบเด็กที่ไม่มีสติ แต่ความเสียหายเหมือนกัน เด็กทำยังเข้าใจว่าไร้เดียงสา แต่ถ้าผู้ใหญ่ทำเรียกว่าไร้ปัญญา!
วิ่งให้เข้าเส้นชัยใครก็วิ่งได้, แต่วิ่งให้เข้าเส้นชัยแบบสบายๆ นี่ต้องมีตารางฝึก ไปได้ตารางฝึกจากพันทิปมา มีตารางวิ่งย่อมดีกว่าวิ่งลอยๆ ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ผลที่ดีกว่าแล้ว ยังอาจเจ็บตัว บาดเจ็บอีก คำแนะนำจากจขกท. CT- Cross train เป็นกิจกรรมที่ทำในวันที่ไม่ได้วิ่ง เลือกกิจกรรมที่เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ (cardio workout)ยาวประมาณ 30 นาที เช่น ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ TT- Time Trial วิ่ง warm up 1.6km จากนั้นวิ่ง pace (ความเร็วในการเคลื่อนที่ปกติ หมายถึงระยะเวลานาทีที่ใช้วิ่ง/เดินต่อหนึ่งกิโลเมตร) สบายๆ จากนั้นจับเวลาในการวิ่งเร็ว เป็นระยะทาง 3.2km แล้วพยายามวิ่งให้เร็วขึ้นสำหรับ TT ครั้งต่อไป R&R Run-Rest & Recovery run วิ่ง 4.8km – 6.4km ที่ pace สบายๆ ไม่ต้องรีบเร่ง ทุก ๆ 4 อาทิตย์จะเป็นอาทิตย์ R&R INT- Intervals วิ่ง 1.6km แบบสบาย ๆ จากนั้นให้สลับระหว่างหนึ่งนาทีแบบวิ่งเร็ว (ประมาณ 80-90%) แล้วก็หนึ่งนาทีวิ่งแบบสบาย ๆ หรือวิ่งเร็ว (80-90%) สองนาที แล้วก็วิ่งแบบสบาย ๆ หนึ่งนาที เป็นระยะทาง 3.2km จากนั้นให้วิ่งแบบสบาย ๆ อีก 0.8km เป็นการ Cool down T- Tempo run ( 4.8km – 6.4km ) วิ่ง 1.6km ที่ความเร็วปกติ จากนั้นวิ่งเร็วขึ้น Tempo run (สปีดเร็วกว่าปกติ สามารถพูดได้ 3-4…
เข้าสู่ปีที่ 10 ของเธอแล้ว ถ้าเป็นคนก็อายุประมาณ 65 ปี เป็นป้าที่เอาแต่ใจ และจนถึงวันนี้จิ๊กกี๋ก็ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็น “หมา” ไม่รู้จะบอกเธอยังไง กลัวเธอรับไม่ได้
น้องพฤกษ์เป็นลูกชายขององอาจ เพื่อนข้างๆบ้านนี่เอง ถ้าผมมีลูก ก็จะไล่เลี่ยกันกับน้องพฤกษ์นี่แหละครับ กำลังน่ารักน่าชังน่าตี และซุกซนตามประสาเด็ก เรื่องที่เคยกังวลว่า จิ๊กกี๋จะเป็นปัญหาหรือจะรังแกน้องหรือไม่นั้น ดูจากภาพนี้คงหายกังวลครับ ปกติกี๋จะหวงบ้านมาก แต่วันนี้น้องพฤกษ์เดินต๊อกแต๊กๆ เข้าบ้าน นอกจากกี๋จะไม่เห่าแล้ว ยังเดินตามมาส่งกระดิกหางดุกดิกหมามันฉลาดครับ, มันรู้ใครมาดี ใครมาร้าย “จิตใจแม้จะซ่อนไว้ข้างใน แต่หมามันรู้ครับ“
เรามักใช้ชีวิตด้วยความเคยชิน.. เคยชิน..กับการตื่น 6 โมงเช้าในวันจันทร์ถึงศุกร์ และเกือบเที่ยงในวันเสาร์อาทิตย์ เคยชิน..กับการบ่นเมื่อรถติดตามมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทั้งๆที่มันก็ติดทุกวัน เคยชิน..กับการกินกาแฟเอสเปรสโซ่หวานน้อยก่อนการเริ่มทำงาน เคยชิน..กับการเข้างานช้า ทั้งๆที่หลายครั้งมาถึงออฟฟิสเช้า เคยชิน..กับการกินอาหารแบบเดิมๆ รสชาติเดิมๆ และปฏิเสธอาหารอื่น ทั้งๆที่มีรสชาตดีกว่า เคยชิน..กับสังคมเน่าๆ ทั้งที่สามารถทำให้มันดีได้ เคยชิน..กับการคุยคนเดียวมากกว่าต้องไปคุยกับใคร เคยชิน..กับการอยู่คนเดียว เคยชิน..กับการไม่ต้องคิดถึงใคร เคยชิน..หรือจริงๆแล้วไม่ใช่ความเคยชิน แต่เป็นความแตกต่างตั้งแต่ต้น
(ต่อจากตอนที่แล้ว ปริศนาการตาย) อา หรือ สระอา พงศ์พัฒนพงศ์ นักศึกษาปี 4 คณะนิติศาสตร์ แม้จะพึ่งย้ายมาอยู่ที่รมณียคอนโดได้ไม่นาน แต่ด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกต เขาจึงรู้จักเกือบหมดทุกคนในคอนโดแห่งนี โดยที่คนเหล่านั้น รู้จักเขาเพียงไม่กี่คน อา เป็นคนที่รักความยุติธรรม ไม่ชอบการเอาเปรียบ เขาเลือกเรียนในคณะนิติศาสตร์โดยไม่ลังเลหลังจากพ่อเสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำ ทิ้งความมุ่งมั่นและความตังใจเดิมที่จะเรียนศิลปะ แม้จะทำใจได้ยากเหลือเกิน แต่ความเจ็บช้ำในอดีตพลักดันให้อามุ่งมั่นในทางแห่งความยุติธรรม เขาอยากจะผดุงมันไว้อย่างน้อยที่สุดเพื่อพ่อผู้ล่วงลับ ถึงวันนี้เขาก็ยังยืนยันว่า พ่อถูกฆาตกรรม ไม่ใช่อัตวินิบาตกรรม!!! เหตุการณ์ที่สีนวลเสียชีวิตด้วยความแปลกประหลาด ยังอยู่ในความสนใจของทุกคน ดังนั้น วันต่อมา จึงมีคนมาร่วมสังเกตการณ์มากกว่าวันแรก อาสังเกตเห็นว่า บุคคลหนึ่งซึ่งไม่ควรจะหาย แต่หายไป เขาเฝ้าสังเกตความผิดปกติอยู่เงียบๆ แล้วก็บังเกิดความผิดสังเกตอีกครั้งหนึ่ง !! ในบรรดาผู้ที่ให้ความสนใจต่อเหตุการณ์นี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ หรือคนแก่ ส่วนเด็กวัยรุ่น ก็คงมีแต่เขา แต่วันนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่ง หญิงสาวผมยาว ผู้ซ่อนแววตาไว้หลังแว่นตา ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์สามส่วน เธอเป็นใคร ทำไมเขาไม่เคยเห็น อาพยายามจ้องมองเธออย่างจับผิด เธอตาหน้าตาเหมือนสักคนที่อยู่อาศัยอยู่ในคอนโดแห่งนี้ แต่ยิ่งคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก เมื่อลุงเกิดมาถึง เธอก็เฉลยสิ่งที่เค้าคิดทันที “วันนี้พ่ออยู่เวร เลยให้หนูลงมาแทน” เสียงกังวานสดใสชัดถ้อยชัดคำ ลักษณะแบบนี้เธอน่าจะเรียนครุศาสตร์ หรือไม่ก็นิเทศ หรือถ้าไม่เช่นนั้นคงต้องเป็นแม่ค้าขายอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่เดี๋ยวนะ พ่ออยู่เวร งั้นก็แสดงว่า เธอเป็น.. “ค่ะ ปกติหนูพักอยู่กับย่า แต่ช่วงนี้ปิดเทอมเลยกลับมาเยี่ยมพ่อ” “ไม่คิดว่าหมวดสรวัฒน์จะมีลูกสาวโตน่ารักขนาดนี้นะเนี่ย” ลุงเกิดเดินมาตรงกลางวงม้านั่งหินอ่อน ที่มีคนอื่นๆ นั่งรออยู่แล้ว “ลุงเกิด ที่มานี่ เราอยากจะรู้ความคืบหน้า ตกลงยามมันกลับจากต่างจังหวัดหรือยัง?” พันเปิดประเด็นทันทีอย่างใจร้อน “เฮ้อ..” ลุงเกิดถอนหายใจก่อนจะกล่าวสืบไปว่า “ข้าก็พยายามจะไม่คิดมาก และไม่อยากจะหาคนผิดหรอกนะ แต่ดูๆ เรื่องนี้มันก็แปลกๆจริงๆ” “ยังไงเหรอลุง” “เมื่อเช้านี้ข้าไปที่บริษัทรักษาความปลอดภัย ต้นสังกัดที่ส่งยามมาทำงานที่นี่ เขาบอกว่า วิเชียรลาออกไปแล้ว ไม่ได้ลากลับบ้านอย่างที่เราเข้าใจ พรุ่งนี้ทางบริษัทจะส่งยามคนใหม่มาแทน” “อ้าว ..แล้วใครเป็นคนบอกว่ายามลากลับบ้าน” “เรื่องนี้วิเชียรเป็นคนบอกข้าเอง ข้าก็เลยสงสัย ว่าทำไมวิเชียรถึงต้องโกหกข้า ที่ผ่านมามันก็ดูเป็นคนดีคนหนึ่ง ส่วนว่าบ้านที่ต่างจังหวัดอยู่ไหน มีครอบครัวเป็นอย่างไร อันนี้ไม่รู้เลย” “ฉันว่ายามคนนี้มันแปลกๆอยู่นะลุงเกิด ” หลังจากนั่งฟังอยู่นาน…