ไม่รู้ว่าวันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม เป็นวันฤกษ์ดีอะไร ขนาดไหน ยังไงนะ รู้แต่ว่า วันนี้มีงานของคนรู้จักที่ต้องไปร่วมด้วยช่วยกัน ถึง 2 งาน !!
งานแรกเป็นงานแต่งของเพื่อน สิงห์ หรือ เนธิวรรธน์ สิงห์ทอง เริ่มงานตั้งแต่ 8 โมงเช้า กินเลี้ยงกันตอนเที่ยงจนถึงเย็น
งานที่สองเป็นงานทำบุญบ้าน พร้อมทำบุญให้ปู่ผู้ล่วงลับ งานเริ่ม 10 โมงเช้าเป็นต้นไป!!
วันตรงกันพอไหว แต่นี่งานยังตรงกันอีก
โชคดีตรงที่ว่า งานทั้งสองอยู่ไม่ห่างกันมากนัก งานหนึ่งเกิดขึ้นแถวสะพานพระนั่งเกล้า อีกงานหนึ่งอยู่ประชาชื่น 44 งานนี้ต้องวางแผนกันดีๆหน่อย ไม่อย่างนั้นอาจมีปัญหาได้ จังหวะนี้คิดถึงเพลงของทาทาขึ้นมาทันที “..อยากเก็บเธอไว้……ทั้งสองคน”
หลังจากวางแผนไว้ในใจแล้ว เช้าวันอาทิตย์ก็ดำเนินตามแผนการณ์ทันที
ผมต้องตื่นเช้าในเวลาปกติในวันทำงาน คือ 6 โมงครึ่ง อาบน้ำ แต่งตัว ไปงานแต่งในตอนเช้าก่อน บรรยากาศตอนเช้า มีทำบุญเลี้ยงเช้าพระ เสร็จแล้วมีแห่ขันหมากในเวลา 9.09 นาที บรรยากาศของงานแต่งละนะ ขาดไม่ได้เลยคือแอลกอฮอล์ ตอนเช้าด้วยความจำใจให้ดื่มไป 2 แก้ว หลังจากแห่ขันหมากเสร็จ ผมต้องขึ้นแท็กซี่เพื่อไปอีกบ้านหนึ่ง เพื่อทำบุญบ้าน งานนี้ได้รับความไว้วางใจให้เป็นทายก มีหน้าที่อาราธนาศีล, อาราธนาพระปริตร ถวายของพระ ฯลฯ
หลายคนชมบอกว่าทำหน้าที่ได้ดี โดยหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังนั้นระกำแสน ด้วยฤทธิ์เหล้าในงานแต่งแค่ 2 แก้ว ทำเอาสมองอลอึง อาราธนาศีลแบบมึนๆ สมองสั่งการได้ช้ากว่าปกติ (เข้าใจเลยว่าตัวเองคออ่อน(มาก) และที่เข้าใจมากไปกว่านั้น คือ คนกินเหล้า เป็นคนอันตรายแค่ไหน หากต้องทำหน้าที่ขับรถ) ขณะที่เข่าทั้งสองข้างพอง ด้วยต้องคุกเข่าบนพื้นแข็งเป็นเวลานาน
หลังจากทำหน้าที่ทายกเสร็จสิ้น ก็บึ่งกลับไปที่งานแต่งอีกครั้ง ครั้งนี้ยิงตรงไปยังสถานที่กินเลี้ยง นั่นคือ ร้านแดรี่ ควีน สะพานพระนั่งเกล้าฯ พอไปถึง เพื่อนๆหลายคนเมาล่วงหน้าไปแล้ว วันนี้อาจจะเมาเร็วกว่าปกติ ด้วยอากาศที่ร้อนระอุ บวกกับดีกรีของเหล้าแบบ on the rock (เหล้าเพียวๆไม่ผสมโซา น้ำอัดลม หรือน้ำแข็ง) พอผมย่างกรายไปถึง เพื่อนๆเหมือนกลัวเราจะเสียเปรียบที่ยังไม่เมา ยื่นแก้วให้ชนิดแก้วชนแก้ว คนที่ลื่นเป็นปลาไหลอย่างผม ยังหาทางบ่ายเบี่ยงไม่ได้เลย ขณะเหล้าเข้าสู่ลำคอ รู้สึกละอายที่เมื่อก่อนมา ได้รับศีลห้าต่อหน้าพระสงฆ์มามาดๆ
มางานแต่ง ถ้าไม่พูดถึงงานแต่งบ้างเลยก็ดูจะใจจืดใจดำไปหน่อย
งานแต่งระหว่าง วัน & สิงห์ จัดแบบไทยๆ ช่วงเช้ามีทำบุญเลี้ยงพระ เก้าโมงเก้านาทีมีการแห่นาคอ้อมบ้านเจ้าสาวก่อนวกเข้าสู่ปะรำพิธี หลังจากเจิมหน้าผากและรดน้ำสังข์เสร็จสิ้น ก็นั่งรถไปยังงานกินเลี้ยงเลย ผิดจากปกติทั่วไปที่มักนิยมกินเลี้ยงในตอนค่ำ (อันนี้ได้รับความกระจ่างจากสิงห์(เจ้าบ่าว)ว่า เลี้ยงตอนเที่ยงประหยัดดี ไม่บานปลาย แขกเรื่อกลับบ้านเร็ว ไม่นั่งแช่ )
ในร้านที่กินเลี้ยงถูกแบ่งวรรณะออกเป็น 2 วรรณะ คือ วรรณะใน กับ วรรณะนอก วรรณะนอก ได้รับคำชี้แจงจากฝั่งเจ้าบ่าวว่าดีกว่าข้างใน(นะ) เพราะปลอดโปร่ง แดดส่อง คนเดินไป-เดินมาครึกครื้น(นะ) เจ้าบ่าวบอกว่าดีขนาดนั้น ก็เลยกันวรรณะนอกนี้ให้เพื่อนๆ ญาติๆฝ่ายตัวเอง ส่วนวรรณะใน (ซึ่งเจ้าบ่าวบอกว่าไม่ค่อยดีนะ) มีแอร์เย็นฉ่ำ บนเวทีมีดนตรี มีคาราโอเกะ ยกให้เพื่อนและผู้ใหญ่จากที่ทำงานปัจจุบัน ก็คงจะเดากันออกนะครับว่า วรรณะไหนดูดีกว่ากัน
บ่นไปอย่างนั้น แต่ก็เข้าใจที่จัดไว้อย่างนี้ !!!
บรรยากาศงานดูฉุกละหุก และวุ่นวายไปนิ๊ดนึ่ง มีเรื่องที่ไม่คาดเดาเกินขึ้นตลอดเวลาตั้งแต่เช้า เช่น ตอนแห่ขันหมาก ฝั่งเจ้าสาวจะมีผู้มากั้นทางเดิน ไม่ให้เจ้าบ่าวเดินผ่านไปง่ายๆ ต้องมีการแจกซองก่อน แต่อยู่ๆขบวนแห่ก็เปลี่ยนเส้นทางเดินซะอย่างนั้น เหมือนคนเมาขับรถหลบด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เง้อ~
แต่ถึงจะยังไงก็เข้าใจ งานแต่งก็ใช่ว่าจะมีกันบ่อยๆ ผ่านไปได้ด้วยดีเช่นนี้ได้ก็โอเค ~ ถ้าอยากปรับปรุงแก้ไข ก็คงต้องรองานแต่งใหม่ในโอกาสหน้า(นะ)
ปีนี้มีเพื่อน และคนรู้จักแต่งกันหลายคู่ ส่วนใหญ่แค่ใส่ซองช่วย ไม่เคยไปร่วมสักที งานนี้ ด้วยเป็นคนที่สนิทและรู้จักกันมานมนานมาก ไม่ไปไม่ได้แล้ว นอกจากไปร่วมเป็นสักขีพยานในงานและใส่ซองช่วยตามธรรมเนียมแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผมได้ทิ้งไว้ในงานแต่งนั้นคือ คำอวยพร
ผมได้ไปยืนเขียนอวยพรในสมุดอวยพรข้างๆ อนุชิต(เพื่อนอีกคนที่แต่งไปเมื่อต้นปีนี้แล้ว) พอเขียนเสร็จหันไปดู ถึงกับร้องโอ้ด้วยกันทังคู่ เพราะคำอวยพรเหมือนกันยังกับลอกกันมา..
ว่ากันว่า ชีวิตการแต่งงานก็เหมือนการซื้อลอตเตอรี่ ถ้าได้คู่ดีก็เหมือนถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ส่วนใหญ่มักถูกแค่เลขท้าย 2 ตัว ดีมาหน่อยก็ถูกรางวัล ที่ 5 จะหาคนที่ถูกรางวัลมากกว่านั้น ยากเต็มที ..แต่จะยังไง
ขอให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 (นะ) สิงห์ !!