Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

สุขกะภาพ

อ่านต่อ

Solo Camping | กางเต็นท์คนเดียว

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 30 January 202213 March 2022

เป็นครั้งแรกของผมสำหรับการออกเที่ยวคนเดียว และโดยเฉพาะการเที่ยวแบบแคมป์หรือกางเต็นท์นอน เป็นความอยากที่เก็บไว้มานานแล้ว เมื่อมีโอกาสจึงขอลองสักครั้ง และครั้งนี้ผมเลือกที่นี่ครับ Lakeview Cafe กาญจนบุรี หลังจากดูรีวิจากที่คนอื่นเขาเคยมาแล้ว ภาพภูเขาที่สะท้อนกับทะเลสาปเหมือนภาพวาดดึงดูดใจราวกับมีเสียงเรียกร้องให้ผมมาเยือนทุกค่ำคืน ในที่สุดผมก็มาตามคำเรียกร้อง และก็ไม่ผิดหวังเลย ภาพในหัวที่คิดกับสถานที่จริงไม่แตกต่างกันเลย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มีไม่กี่ครั้งที่ความคาดหวังจะกลายเป็นความผิดหวังเมื่อเจอของจริง ที่เป็นเช่นนั้น เพราะคนส่วนใหญ่นำเสนอแต่มุมที่สวยงามและถ่ายภาพเฉพาะมุมที่สวยที่สุดเท่านั้น แต่ที่นี่ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมรับรองได้ กับราคาค่ากางเต็นท์คืนละ 300 บาท มีจุดให้ต่อไฟ มีห้องน้ำแยกชายหญิง ผมว่าคุ้มค่ามากครับ ทริปนี้ผมใช้เต็นท์ขนาดเล็กที่พกพาง่ายและเบาอย่าง naturehike หลังจากทำอาหารเย็นอย่างง่ายๆ กินเสร็จแล้ว ก็นั่งชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน แม้จะเริ่มย่างเข้าฤดูร้อน แต่พอหลังตะวันตกดินอากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ จนกระทั่งก่อนเข้านอนในเวลา 5 ทุ่ม ผมเช็คสภาพอากาศอยู่ที่ 18 องศา นอนหลับสบาย การได้ใช้ชีวิตคนเดียวแบบเงียบๆ ทำให้ใจผมสงบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รอบตัวได้ยินเพียงเสียงสรรพสัตว์ ไม่มีเสียงรถราและผู้คน ค่ำคืนนี้มีแต่เราผู้เดียว ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างช้าช้าโดยไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น ลองไปเที่ยวแบบนี้ดูสักครั้งนะครับ แล้วจะพบว่าตัวเราที่เรารู้จัก อาจไม่ใช่ตัวเราที่เราเป็นก็ได้.

Lakeview กาญจนบุรี
อ่านต่อ

เที่ยวถ้ำธารลอด อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ กาญจนบุรี

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 18 September 202124 September 2021

หลังจากกักตัวอยู่แต่ในบ้านตั้งแต่โควิดระบาดรอบ 2 รอบ 3 มาเป็นแรมเดือน..ก็ตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2564 เป็นต้นมา จนถึงเดือนกันยายนี้ ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหนไกลเลย เต็มที่ก็แค่เซเว่นหน้าหมู่บ้าน อาการคิดถึงธรรมชาติ การเดินทางกำเริบเป็นระยะ จนกระทั่งรัฐบาลสั่งคลายล็อกเปิดจุดท่องเที่ยวบางแห่งได้ เราจึงเริ่มมองหาที่เที่ยวบ้าง และที่นี่คือที่แรกที่เราออกเที่ยว หลังการคลายล็อก ถ้ำธารลอด อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ถ้ำธารลอดแบ่งเป็น ถ้ำธารลอดใหญ่และถ้ำธารลอดเล็ก ถ้ำธารลอดใหญ่ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ ถ้ำธารลอดใหญ่มีลักษณะคล้ายสะพานหินธรรมชาติ มีความกว้าง 60 เมตร ตัวถ้ำด้านล่างยาว 60 เมตร กว้าง 40 เมตร และสูง 40 เมตร บนเพดานถ้ำมีโพรงขนาดใหญ่ที่แสงแดดส่องลอดเข้ามาในถ้ำได้ ทำให้ภายในถ้ำสว่างและมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่ตามพื้นถ้ำ ที่ฟากหนึ่งของผนังถ้ำมีภาพเขียนสีรูปพญานาค ซึ่งชาวกะเหรี่ยงเชื่อว่าถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่อยู่ของพญานาค นอกจากนี้แล้วยังมีหลักฐานปรากฏว่าบริเวณนี้เป็นที่ฝังศพของมนุษย์โบราณ จากการค้นพบโครงกระดูกเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันนำไปจัดไว้ให้ชมที่พิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณ โครงการพระราชดำริห้วยองคต อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี ทริปนี้ออกเดินทางกัน 3 คนครับ (ก่อนหน้านี้มี 5 แต่ติดธุระมาได้แค่นี้) ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าก็ถึงยังจุดหมายปลายทาง จัดการกางเต็นท์ที่พักเรียบร้อย ทานข้าวเที่ยงเสร็จก็เตรียมตัวเดินเท้าท่องเที่ยวธรรมชาติ เสน่ห์ของที่นี่คือนอกจากมีที่บริการจุดกางเต๊นท์ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำครบครันแล้ว ยังมีกิจกรรมเดินป่าขนาดกำลังน่ารักให้เราเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติอีกด้วย จุดเริ่มต้นการเดินเริ่มจากถ้ำธารลอดเล็ก ภายในถ้ำกว้างขวางมืดแต่มีไฟติดตามจุดพอให้เห็นทางเดินได้ ภายในถ้ำมีสายน้ำไหลผ่าน และพอผ่านจุดนี้ไปก็จะเข้าสู่การเดินป่า เป็นป่าที่มีทางเดินสะดวกครับ เด็กเล็กตั้งแต่ 10 ขวบขึ้นไปสามารถเดินได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครอง เพราะมีบางจุดที่มีความเสี่ยง ทางเดินจะเป็นทางเรียบ และค่อยๆชันขึ้นเรื่อยๆ แต่มีบันไดให้เดิน ไม่ลำบากมาก ตลอดทางก็จะมีน้ำตกเป็นระยะให้ได้ถ่ายภาพ หรือลงไปเล่นได้ตามใจชอบ บรรยากาศดีมาก ใช้เวลาประมาณชั่วโมงเศษๆก็จะถึงจุดที่เรียกว่าถ้ำธารลอดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่บนเขาสูงมีลักษณะคล้ายถ้ำพระยานคร แต่โปร่งกว่า มาถึงจุดนี้ถ้ามีเวลาก็สามารถเดินทางต่อไปอีกนิดหนึ่งจะถึงวัด (ขออภัยที่จำชื่อวัดไม่ได้) เราใช้เวลาในการเดินชมธรรมชาติไปและกลับประมาณ 4 ชั่วโมง กลับถึงเต็นท์ก็ได้เวลาสำหรับอาหารเย็นแล้ว ค่ำคืนนี้มีฝนพร่ำๆ พอให้นอนสบาย นอนฟังเสียงฝนคละเคล้ากับเสียงน้ำตกไกลๆได้บรรยากาศการมาพักผ่อน เช้าวันต่อมาเราตื่นกันแต่เช้าครับ ประมาณตีห้าครึ่ง ตั้งใจจะวิ่งออกกำลังกายไปที่น้ำตกสไลเดอร์ เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่ด้านหน้าอุทยานห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร วิ่งไปกลับก็จะได้ระยะ 10 กิโลเมตรพอดี ระยะทางที่ค่อนข้างเป็นเนินซะส่วนใหญ่ ประกอบกับความฟิตก็ไม่ได้มีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ทำการให้วิ่งในวันนี้เหนื่อยเป็นพิเศษ…

กาญจนบุรี ถ้ำธารลอด อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์
อ่านต่อ

เที่ยวหาดสามพระยา ประจวบคีรีขันธ์

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 1 January 202124 September 2021

ต้อนรับปีใหม่ด้วยการพาหมาม่อนไปเที่ยวทะเล ~ ถือว่าเป็นทริปเอาใจหมา เพราะก่อนหน้านี้หนีไปเที่ยวเหนือซะหลายวัน ทริปนี้เลยถือโอกาสพาหมาไปเอาบรรยากาศทะเล ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยพาไปหนหนึ่งแล้ว ครั้งนั้นไปหาดเจ้าสำราญนอนบ้าน ครั้งนี้ไม่เหมือนก่อนเพราะม่อนจะนอนเต็นททททททท์ หาข้อมูลอยู่นานพอสมควรว่าที่ไหนบ้างเขาต้อนรับน้องหมาและที่สำคัญคนต้องไม่เยอะวุ่นวายเกินไป เพราะหมาอาจจะตื่นคนได้ ที่สำคัญเกรงใจคนอื่นเขา (โดยเฉพาะคนที่ไม่ชอบหมา) จนได้ข้อมูลมาว่า หาดสามพระยา สามารถพาหมามาพักแรมได้ แต่กระนั้นก็ได้เผื่อแผนสองไว้แล้วว่า ถ้าที่สุดเจ้าหน้าที่เปลี่ยนกฏกระทันหันไม่ยอมให้หมาเข้าพัก ก็จะลอง walkin ตามรีสอร์ทหรือเลวร้ายที่สุดก็แค่ขับรถกลับบ้านเท่านั้นเอง.. แต่โชคดีที่นี่ต้อนรับหมา.. หาดสามพระยา หาดสามพระยา ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคิรีขันธ์ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สวย และยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ที่นี่จะเป็นบริเวณของหาดทรายที่สวยงาม ร่มรื่น และเงียบสงบ ยาวประมาณ 2 กิโลเมตร จากเชิงเขาสูงไปจดปากคลองเขาแดง ที่สำคัญคือมีทิวสนขนานไปกับชายทะเลเป็นทิวแถว คอยให้ความร่มรื่น ทำให้ไม่ร้อนจนเกินไป.. อากาศช่วงปีใหม่นี้ถือว่าเย็นสบายมาก มีลมเบาๆ กลางคืนอากาศหนาวจับใจ..อยากจะอยู่ต่ออีกสักคืน แต่เจ้าหมาม่อนตื่นที่จนไม่เป็นอันนอน อาจจะแปลกที่นิดหน่อยกับการนอนเต็นท์ หลังจากสั่งอาหารจากร้านสวัสดิการมาทานเสร็จเรียบร้อย ก็เก็บของกลับบ้านครับ อ่อ..อาหารร้านสวัสดิการที่นี่รสชาติเป็นที่เลืองลือเลยนะครับว่าอร่อย และราคาไม่แพง ปิดท้ายด้วยบั้นท้ายลูกสาว..หมาม่อน ทริปหน้าว่ากันใหม่~

กางเต็นท์ ประจวบคีรีขันธ์ ม่อน หาดสามพระยา
อ่านต่อ

แม่ฮ่องสอน..ตะลอนเที่ยว: ปางอุ๋ง

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 20 December 202024 September 2021

ปางอุ๋ง หลังจากออกจากปางมะผ้า ชุมชนหมู่บ้านจ่าโบ่ เราก็มุ่งหน้าสู่ปางอุ๋ง..เส้นทางที่แม้สวยงามเพียงใด แต่เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศที่เป็นเส้นทางที่วิ่งไปตามเขา เราจึงขับรถไปด้วยความวิงเวียนพอสมควร ทั้งโค้งขึ้นและโค้งลงเขา จนในที่สุดเราก็เดินทางมาถึง.. ปางอุ๋ง ปางอุ๋ง หรือชื่อเต็มก็คือ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)” เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่อันตราย อยู่ติดแนวชายแดนพม่ามีกองกำลังต่างๆ มีการขนส่ง ปลูกพืชเสพติด รวมไปถึงการบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าอยู่เสมอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินีนาถจึงมีพระราชดำริให้รวบรวมราษฎรกลุ่มน้อยบริเวณนั้น และพัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริมอาชีพปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ โดยมีพระราชประสงค์สร้างความมั่นคงแนวชายแดน พัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎร ให้ดีขึ้นและฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืนตลอดไป ไปเที่ยวแม่ฮ่องสอน ต้องไปปางอุ๋ง ไปเสพธรรมชาติและความงดงามของสายน้ำยามเช้า คอยลุ้นว่าจะมีหมอกบนสายน้ำมั้ย..อากาศที่ปางอุ๋งว่ากันว่าหนาวทั้งปี และครั้งนี้ก็หนาวจริง น้ำนี่เย็นเจี้ยบบบ ผมมาครั้งนี้ ก็เพื่อจะได้พูดเต็มปากว่าได้มาแล้ว ที่ใครเคยพูดว่าปางอุ๋งสวย เราก็จะได้มาเห็นด้วยตัวเองว่าจริงมั้ย..ก็สวยจริงนะครับ แต่วันที่ผมมานั้นไม่มีหมอก T_T ข้อเสียอย่างหนึ่งของจุดกางเต๊นท์ที่นี่คือ ทำเลดีๆ สวยๆติดริมน้ำ ถูกเต๊นท์เช่าของเจ้าหน้าที่กางทิ้งไว้หมด จะมีนักท่องเที่ยวหรือไม่ก็ตาม เต๊นท์ก็จะกักที่ไว้อย่างนั้น วันที่ผมไปนักท่องเที่ยวไม่ได้เยอะมากนัก แต่เต๊นท์เช่าเหล่านั้นก็ถูกกางกักที่ไว้เช่นนั้น นอกจากจะกักที่ดีๆไว้แล้ว ยังมองดูเกะกะวิวสวยๆไปหมด เป็นไปได้ไหมครับว่าเต๊นท์เช่าเราไม่ต้องกางทิ้งไว้ รอเวลามีคนมาขอเช่าแล้วค่อยไปกางให้เขา ณ ตำแหน่งที่ผู้เช่าอยากให้กาง เต๊นท์เองก็จะไม่โทรมเร็ว และมีพื้นที่ให้นักท่องเที่ยวคนอื่นบ้าง ครั้นจะไปกางเต๊นท์ในจุดที่ห่างจากผู้อื่น วิวสวย เงียบๆ แต่ก็จะไกลจากห้องน้ำมาก.. เช้าวันต่อมา หลังจากออกไปวิ่งเป็นระยะทาง 6 กิโลเมตร ผมกลับมาอาบน้ำในขณะที่น้ำเย็นมากกกกก ก .. แต่เหงื่อท่วมตัวแบบนี้ไม่อาบไม่ได้ครับ คนอื่นๆที่นั่งหนาวผิงไฟ ออกอากาศตกใจเล็กน้อยที่เห็นผมอาบน้ำ หลังจากเก็บเต๊นท์ ทานข้าวเช้าเราก็บอกลาปางอุ๋ง.. ขากลับผมตั้งใจจะยิงยาวจากปางอุ๋ง ไปกรุงเทพเลยโดยไม่วนกลับมาทางเชียงใหม่ และเส้นทางที่เลือกนั่นคือ ไปทางแม่สะเหรี่ยง ถนนดี รถน้อย แต่ไกลกว่าและโค้งเยอะกว่ามากครับ ระหว่างทางก็เลยแวะร้านกาแฟเรื่อยๆ ออกเดินทางต่อเข้าสู่โหมดภูเขาและมหากาพย์โค้ง โค้งจนร้องขอชีวิต ในที่สุดก็มีจุดให้แวะเมื่อเราผ่านไปแล้วกว่าพันโค้ง!! ขับรถมาถึงแม่สอด ก็มืดค่ำพอดี ก็เลยต้องหาที่หลับที่นอนที่แม่สอดและระหว่างทางกว่าจะถึงที่พักนั่นก็ระทึกพอสมควรครับ แม่สอดเป็นอำเภอที่ติดกับชายแดนพม่า ถนนมืดสนิทด้านซ้ายเป็นเหว ด้านขวาเป็นภูเขาและราวกับว่าเราขับรถอยู่คนเดียวในหุบเขา นานๆจะมีรถสวนมาสักคัน..ถ้าใครกลับจากแม่ฮ่องสอนเพื่อเข้ากรุงเทพ ไม่แนะนำเส้นทางนี้นะครับ ~ เปลี่ยวเกิ้น จบละครับทริปแม่ฮ่องสอน..ตะลอนเที่ยว เจอกันใหม่ทริปหน้า.. ปิดท้ายด้วยเส้นทางวิวสวยๆจากแม่สอด.

ปางอุ๋ง แม่ฮ่องสอน
อ่านต่อ

แม่ฮ่องสอน..ตะลอนเที่ยว: ปางมะผ้า

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 19 December 202024 September 2021

วันที่ 3 ของการมาเที่ยวแม่ฮ่องสอน หลังจากเก็บเต๊นท์และสัมภาระที่หยุนไหลใช้เวลาเกือบ 10 โมงกว่า เรามุ่งหน้าไปปางอุ๋งโดยปักหมุดพักกินข้าวเท่ียวที่ร้านก๋วยเตี๋ยวยอดนิยมอย่าง “ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาจ่าโบ่” ระหว่างทางก็แวะเที่ยวแวะชิมกาแฟไปตลอดทาง ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายนั่นคือ ชุมชนบ้านจ่าโบ่ เวลาเที่ยงกว่าๆ จึงทำให้ร้านก๋วยเตี๋ยวจ่าโบ่คึกคัก มีลูกค้าหนาตา ชุมชนบ้านจ่าโบ่ ชุมชนบ้านจ่าโบ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากปายมากนัก ใช้เวลาเดินทางจากปายประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ขับรถจากปายตรงไปอีก 12 กิโลเมตร เจอแยกบ้านแม่ระนาเข้าไปยังหมู่บ้านขับรถตรงไปอีก 4 กิโลเมตร เส้นทางทำใหม่ราดยางตลอดทาง เมื่อมาถึงหมู่บ้านเราก็จะได้เจอกับร้านก๋วยเตี๋ยวห้อยขาซึ่งเป็นร้านขึ้นชื่อของที่นี่ เพราะนอกจากจะมีก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยในราคาหลักสิบให้ได้ทานแล้ว มองไปรอบๆ จะเห็นว่าตั้งอยู่ในมุมที่เหมาะเจาะมองเห็นภูเขาที่สวยงามสลับซับซ้อน หลังจากอิ่มหน่ำสำราญทั้งก๋วยเตี๋ยว ข้าวและกาแฟแล้ว ก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ หนทางต่อจากนี้ไปปางอุ๋ง รับรองว่าใครธาตุอ่อนมีอ๊วกออกมาแน่นอน.. มันช่างคดเคี้ยวเลี้ยวลดจนเคลื่นไส้..

ก๋วยเตี๋ยวห้อยขาจ่าโบ่ จ่าโบ่ ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน
อ่านต่อ

แม่ฮ่องสอน..ตะลอนเที่ยว: ปาย-หยุนไหล

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 18 December 202024 September 2021

หลังจากออกจากห้วยน้ำดัง จุดหมายที่ตั้งใจไว้คืออำเภอปาย เราไม่ได้จองที่พัก หลังรถเรามีเต๊นท์และอุปกรณ์ปิ้งย่าง ดังนั้นจุดที่เรากำลังมองหาคือจุด กางเต๊นท์ เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ครั้งที่มาเที่ยวปายครั้งแรก ผมประทับใจจุดกางเต๊นท์ตรงโป่งน้ำร้อนท่าปายมาก มีความเป็นธรรมชาติสูง และน่าจะมีเพื่อนกางเต๊นท์เยอะไม่เหงาไม่น่ากลัว คิดได้ดังนั้นก็มุ่งหน้าไปที่นั่นทันที ระหว่างทางมีป้ายเล็กๆข้างถนนก่อนถึงโป่งน้ำร้อนท่าปาย “ก๋วยเตี๋ยวห้อยขา” แวะไปห้อยขาซะหน่อย.. หลังจากอิ่มท้องก็ออกจากร้านและมุ่งหน้าโป่งน้ำร้อนท่าปาย..รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย (จริงๆก็ผิดหวังมากเลยละ) ความเป็นธรรมชาติแบบเมื่อก่อนหายไปหมดละ โป่งน้ำร้อนได้รับการทำให้เป็นกิจจะลักษณะด้วยการก่อปูนทุกบ่อ ดูเหมือนจะเจริญขึ้น แต่ทำไมผมไม่รู้สึกประทับใจ บรรยากาศโดยรวมดูเงียบเหงา อาจจะเพราะโควิดด้วยส่วนหนึ่ง พื้นที่ดูเหมือนไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร ถ้าจะกางเต๊นท์นอนที่นี่คืนนี้คงมีแต่เต๊นท์เราหลังเดียวให้เปล่าเปลี่ยวหัวใจ เมื่อภาพในหัวไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ จึงต้องรีบหาที่พักใหม่ก่อนจะมืดค่ำ เราต้องการที่พักแบบกางเต๊นท์ จนในที่สุดก็มาสะดุดกับคำว่า “หยุนไหลทะเลหมอก” คำว่า “หยุนไหล” ไม่น่าตื่นเต้นเท่ากับภาพประกอบ ภาพที่มีจุดกางเต๊นท์อยู่บนพื้นที่สูงวิวแบบ 360 องศา มองลงมาเห็นอำเภอปายทั้งอำเภอ ไม่รอช้า..มุ่งหน้าไปทันที ขับออกจากอำเภอปายมาทางหมู่บ้านสันติชลประมาณ 30 นาที ทะลุผ่านหมู่บ้านสันติชลเข้าไปอีกครับ จะมีทางเข้าที่ต้องขับผ่านหมู่บ้านเป็นถนนเล็กๆ และเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายจะเห็นป้ายคำว่า “หยุนไหล” อยู่บนเนินเขาเล็กๆ หยุนไหล..จุดชมวิวทะเลหมอก และจุดกางเต๊นท์ ที่นี่มีบริการทั้งเต๊นท์ให้เช่าและเต๊นท์นำมากางเองครับ ถ้านำเต๊นท์มาเองอย่างผมค่าบริการอยู่ที่คนละ 100 บาทเท่านั้น มีห้องน้ำ จุดล้างภาชนะ รวมถึงปลั้กไฟให้ใช้ ส่วนวิวรับรองว่าคุ้มค่ามาก.. เช้าวันรุ่งขึ้นผมตั้งใจจะวิ่งซิตี้รัน เพื่อชมวิถีชาวบ้านแถวนี้สักหน่อย ประมาณ 6 โมงเช้าฟ้าเริ่มสาง ผมก็เริ่มวิ่งจากเขาลงมา และภาพต่อไปนี้คือภาพที่ได้จากการวิ่งซิตี้รันประมาณ 6 กิโลเมตร กลับจากวิ่งประมาณ 9 โมงแล้ว แดดเริ่มมาต้องรีบเก็บเต๊นท์ ทานข้าวเช้าจุดมุ่งหมายของเราต่อไป นั่นคือ “ปางอุ๋ง” ออกจากหยุนไหลละครับ ใครชอบกางเต๊นท์ที่นี่คืออีกทางเลือกหนึ่ง ช่วงนี้ไปยังไม่หนาวมากนักตกกลางคืนแค่ 15 องศา ชาวบ้านบอกว่าช่วงหนาวมากๆ มีต่ำกว่า 10 องศาแนะ โพสต์หน้าเจอกันที่ “ปางอุ๋ง”

ปาย หยุนไหล แม่ฮ่องสอน
อ่านต่อ

แม่ฮ่องสอน..ตะลอนเที่ยว: ห้วยน้ำดัง

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 17 December 202024 September 2021

กลายเป็นประเพณีของผมไปซะแล้วครับ สำหรับการท่องเที่ยงทางเหนือช่วงหน้าหนาว จุดเริ่มต้นก็จะคล้ายๆกันทุกปี นั่นคือไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายที่ลำพูน หลังจากนั้นค่อยเลือกเป้าหมายต่อไปว่าจะไปไหน ปีที่แล้วไปอินทนนท์ ส่วนสำหรับปีนี้เราเลือก “แม่ฮ่องสอน“ แม่ฮ่องสอน พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน และยังคงเป็นป่าไม้ตามธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ โดยมีเนื้อที่ป่าไม้ ประมาณ 10,976.979104 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 6,860,611.94 ไร่) คิดเป็นร้อยละ 85.99 ของเนื้อที่จังหวัด มีทิวเขาเรียงตามแนวทิศเหนือ–ใต้ขนานกัน  ดูจากข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นของจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว บันเทิงแน่นอนครับ การขับรถขึ้นลงเขาอันสลับซับซ้อนคดเคี้ยวเป็นตัวเอส ต้องมีความระมัดระวังสูงมาก ไม่สามารถใช้ความเร็วได้มากนัก ผู้ที่มีธาตุเบาอาจมีการมึนหัวและอาเจียนได้ หลังจากไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางจากลำพูนตัดเชียงใหม่มุ่งสู่แม่ฮ่องสอน เป้นหมายแรกของวันนี้คืออำเภอยอดฮิตนั่นคือ ปาย ก่อนถึงปายมีร้านกาแฟเล็กอยู่บนยอดเขาระหว่างทาง เราพักกินน้ำกินท่าพอให้หายเมารถก่อน หลังจากได้พักดื่มกาแฟ เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย ก็เริ่มเดินทางต่อ และจุดหมายต่อมาของเราก็คือจุดชมวิวยอดฮิตอีกเช่นกัน อยู่ก่อนถึงอำเภอปาย นั่นคือ “ห้วยน้ำดัง” ห้วยน้ำดัง เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีสภาพป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 179.5 ตารางกิโลเมตร หรือ 112,187.5 ไร่ ภูมิศาสตร์เป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เป็นป่าต้นน้ำที่มีทัศนียภาพงดงาม มีความสูงตั้งแต่ 400-1,962 เมตร จากระดับน้ำทะเล โพสต์นี้ต้องจบตรงนี้ก่อน เรามัวแต่ดื่มด่ำกับธรรมชาติจนลืมไปว่าคืนนี้เรายังไม่มีที่นอน! ตอนต่อไปเราจะไปหาที่หลับที่นอนในอำเภอปายกัน…

ปาย แม่ฮ่องสอน
อ่านต่อ

เทมวัลลีย์ เขาใหญ่

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 25 March 202025 March 2020

เขาใหญ่ยังเป็นสถานที่ๆมีมนต์เสน่ห์ ใครคิดอะไรไม่ออกว่าจะไปไหนก็มักจะไปเริ่มต้นที่เขาใหญ่ก่อนเสมอ ใกล้กรุงเทพ เดินทางสะดวก มีธรรมชาติที่สัมผัสได้ และที่สำคัญมีรีสอร์ท โรงแรม ที่พักเยอะมากกก ทั้งราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น วันนี้ขอเสนอที่พักหลักพันของโรงแรมที่เรียกตัวเองว่า “เทมวัลลีย์” ผมพักในเรตราคาต่ำสุดนั่นคือ คืนละสี่พันสองร้อยบาท บรรยากาศโดยรอบโรงแรม ด้วยราคาที่พักและการบริการบวกอาหารอร่อยโรงแรมนี้คุ้มค่าการมาพักผ่อนมากครับ แต่สำหรับผมไปพักบ่อยๆไม่ได้ (เดี๋ยวไม่มีเงินกินข้าว) ทริปหน้าค่อยว่ากันใหม่ครับ

เขาใหญ่ เทมวัลลีย์
อ่านต่อ

ทริปวันเดียว-เที่ยวน้ำตก-นอนเต๊นท์-กาญจนบุรี

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 5 October 201912 November 2019

เป็นอีกหนึ่งปุ้บปั้บทริป..คุยโทรศัพท์กับเพื่อนว่าเสาร์นี้ไปกินข้าวกันมั้ย แค่ชวนกินข้าวร้านดีๆแถวบ้าน รู้ตัวอีกทีมากินข้าวกลางป่าที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติสายน้ำและภูเขาซะแล้ว.. ที่หลับที่นอนคืนนี้อยู่ที่จังหวัดกาญจนบุรีห่างจากน้ำตกเอราวัณประมาณ 7 กิโลเมตรติดกับเขื่อนศรีนครินทร์ กางเต๊นท์บนผาที่มองด้านล่างลงมาเป็นเขื่อน ใกล้ๆกันมีน้ำตกที่ไม่ปรากฏชื่อในแผนที่!! สายน้ำเล็กๆที่ไหลผ่านหน้าเต๊นท์พวกเรา คือน้ำที่แบ่งสายมาจากน้ำตกซึ่งไหลลงมาจากภูเขาลงเขื่อน บรรยากาศต้องบอกว่าสุดๆจริงๆ   หลังจากกางเต๊นท์เสร็จก็ลองเดินสำรวจน้ำตกครับ ทีแรกนึกว่าน้ำตกเล็กๆ แต่พอเดินลัดเลาะไปตามเสียงน้ำตกก็พบว่า ไม่เล็กเลย แต่เนื่องจากทางที่เดินลงมาค่อนข้างลำบาก คนก็เลยไม่นิยมมาเล่น กอรปกับค่อนข้างอันตรายนิดนึ่งเพราะด้านล่างเป็นเขื่อน ถ้าลื่นมีหวังไหลลงเขื่อนแน่นอน หลังจากสำรวจเสร็จก็กลับไปทำอาหารกินกันที่เต๊นท์ครับ บรรยากาศทำอาหารกินเองหวนให้ระลึกถึงสมัยเข้าค่ายลูกเสือ สมัยนั้นได้มาม่าปลากระป๋องนี่ก็ถือว่าเลิศแล้ว คืนนี้มีฝนปรอยๆทำให้บรรยากาศเย็นลงนิดนึง นอนฟังเสียงฝนและเสียงน้ำตก บางคนอาจรำคาญ แต่สำหรับผมบอกเลยว่า ฟินนนนน เช้าประมาณตี 5 เปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดกีฬา ออกไปวิ่งที่เขื่อนศรีนครินท์ บรรยากาศต้องบอกว่าคุ้มค่าตื่นมากๆ..หมอกหนาเต็มพื้นที่ ราวกับวิ่งบนสวรรค์ หลังจากวิ่งเสร็จก็กลับมาทานอาหารเช้ากันที่เต๊นท์ และหลังจากนั้นสายๆ ก็เก็บเต๊นท์ และมุ่งหน้าไปหาน้ำตกอีกที่หนึ่ง เราออกเดินทางจากจุดกางเต๊นท์ประมาณ 40 กิโลเมตร ก็มาถึง “น้ำตกแม่ขมิ้น” น้ำตกแม่ขมิ้น เป็นอุทยานแห่งชาติครับ ดังนั้น จึงมีบริการจุดกางเต๊นท์ มีร้านค้าสวัสดิการ เรียกว่าเป็นอีกที่หนึ่งสำหรับคนที่ชอบกางพักแบบกางเต๊นท์ มีเต๊นท์ให้เช่าหรือจะเอาเต๊นท์มาเองก็สะดวก จบปุ้บปั้บทริปแต่เพียงเท่านี้ครับ

กาญจนบุรี น้ำตกแม่ขมิ้น
1 2 3 … 8
อ่านต่อ

เสด็จสู่สรวงสวรรคาลัย

ไดอารี่ 13 October 20163 November 2017

    * เป็นวันที่โลกมืดมิดและหยุดนิ่ง ได้ยินเพียงเสียงร่ำไห้

สวรรคต ในหลวง
อ่านต่อ

เที่ยวท่อง..ล่องเหนือ – Day 1 ลำพูน

ท่องเที่ยว 13 December 201721 December 2017

ทริปใหญ่ส่งท้ายปี ปีนี้ล่องเหนืออีกครั้ง หลังจากครั้งที่แล้วไปแค่เชียงใหม่ – ดอยอินทนนท์ ครั้งนี้คิดการใหญ่จะไปให้ถึงเชียงราย ดอยแม่สลองด้วยการขับรถไปเอง แผนที่วางไว้คร่าวๆ ก็คือ วันแรกไปพักที่ลำพูนก่อน โรงแรมอิซี่เจ้าเดิมที่ไปพักครั้งก่อน ซึ่งการไปพักซ้ำทำให้ได้ราคาถูกลงนิดนึง สาเหตุที่ต้องพักที่ลำพูนก่อน เพราะมีภาระกิจต้องพาเจ้าหลานตัวเล็กไปส่งให้ตาเลี้ยง วันที่สอง ไปกางเต๊นท์นอนบนดอยอ่างข่าง วันที่สาม ไปนอนบนดอยแม่สลอง วันที่สี่ เข้ามาพักในตัวเมืองเชียงราย วันที่ห้า มุ่งหน้าพิษณุโลก วันที่หก กลับบ้าน นี่คือแผนแบบคร่าวๆ ก่อนหน้าจะออกเดินทางหนึ่งอาทิตย์ ผมพาเจ้าตาลตาลรถคู่ใจไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและเช็คระยะ 15000 กิโลเมตร ทริปนี้จะสนุกหรือไม่ปลอดภัยหรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับมันแล้วละ วันที่ 2 ธันวา ประมาณ 6 โมงครึ่งล้อหมุนออกจากบ้าน เจ้าหลานมีอาการงอแงเล็กน้อย เพราะต้องจากพ่อแม่มันไป การจากกันครั้งนี้ไม่รู้เมื่อไรจะได้พบกันอีก แต่เจ้าหลานตัวน้อยเหมือนเริ่มจะชินกับการจากลา เพราะครั้งนี้ไม่ใ่ช่ครั้งแรก มันร้องไห้แป๊บเดียวก็หยุดและเริ่มตื่นเต้นกับการเดินทาง.. การเดินทางครั้งนี้ผมเลือกไปทางด่วนบางปะอิน คราวก่อนไปทางสุพรรณบุรี ความจริงเส้นทางที่ไปทางสุพรรณบุรีใกล้กว่า กูเกิ้ลบอกว่ามีระยะทางแค่ 656 กิโลเมตร แต่ทางที่มุ่งไปทางด่วนมีระยะทางถึง 692 กิโลเมตรแถมมีค่าทางด่วนอีกต่างหาก แต่ผมก็เลือกที่จะไปทางนั้น ดู๊ดู -_” จำไว้เลยว่า ถ้าไปทางเหนือโดยเดินทางจากบ้าน ต้องไปทางสุพรรณบุรี!! ลางไม่ดีตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง น้องชายแฟนซึ่งเป็นพ่อของหลานที่เราจะพาไปฝากตาที่ลำพูนแจ้งมาทางเฟสบุคว่า มันลืมโทรศัพท์ไว้ที่เบาะหลังรถ! ซึ่งก็ยากที่จะกลับรถเอาไปให้ เพราะนี่ก็ออกมาไกลถึงอยุธยาแล้ว จึงตั้งใจว่าถ้าเจอไปรษณีย์จะแวะส่งไปให้ ประมาณ 10 โมงเช้า ขับมาเรื่อยๆจนถึงนครสวรรค์ หันไปเห็นไปรษณีย์ขนาดใหญ่ตรงสี่แยก จึงแวะเข้าไปหมายจะส่งโทรศัพท์กลับคืน แต่เจ้ากรรมวันนั้นเป็นวันเสาร์ไปรษณีย์บอกจะเปิดทำการตอนบ่ายสอง ป่วยการที่จะรอ จึงออกเดินทางต่อไปยังลำพูน ถึงลำพูนประมาณบ่าย 4 โมงใช้เวลาเกือบ 10 ชั่วโมง เพราะแวะหลายจุด แต่ละจุดก็ใช้เวลาค่อนข้างมาก เช็คอินที่พักที่ลำพูนเรียบร้อยแล้ว ก็พาเจ้าหลานตัวเล็กไปส่งให้คุณตา ทานอาหารเย็นกับคุณตาเรียบร้อยก็กลับที่พัก และฝากโทรศัพท์ให้คุณตาช่วยเป็นภาระส่งคืนเจ้าของด้วย วันแรกแห่งการเดินทางสิ้นสุด ณ ตรงนี้ ด้วยความที่ร่างการค่อนข้างฟิต จึงไม่มีความเหนื่อยสำหรับการขับรถยาวไกลนี้เลย การออกกำลังกายทำให้การเที่ยวสนุกยิ่งขึ้น ก่อนจะหมดวันแห่งการเริ่มเดินทาง จึงอยากจะบันทึกสั้นๆถึงเมืองลำพูน เมืองลำพูนเป็นครั้งที่สองแล้วสำหรับการมาพัก เมืองลำพูนเป็นเมืองเล็กๆ มีถนนหนทางเล็กๆ พอหลังตะวันตกดินก็เงียบ สงบ และมืดมาก การขับรถในตัวเมืองต้องระวังมากๆ เพราะด้วยขนาดถนนที่เล็ก…

easy hotel ลำพูน

ภูผาทลายเพียงเพราะเธอปรายตามอง

ไดอารี่ 7 May 2011

สตรีเพศถูกสร้างขึ้นอย่างประณีต อ่อนโยน และสวยงาม พระเจ้ามอบพลังที่ยิ่งใหญ่แก่บุรุษเพศ มอบความสวยงามแก่สตรี พลังที่ยิ่งใหญ่ยังต้องสยบต่อความงดงาม.. ทุกละอองอณูเนียนเรียบงดงาม รอยยิ้ม แววตา นั่นยังไม่นับรวมถึงคำเจรจาที่เสนาะโสต ทุกความงดงามทำลายเสียซึ่งความแข็งแกร่งของชายหนุ่ม น้ำไหลลึกล้ำ แม้นดูไร้โทษ แต่ทำลายภูผาได้ สตรีเพศก็เฉกเช่นกัน นุ่มนวลชวนฝัน น่าหลงใหล สามารถทำลายชายหนุ่ม แม้นเปี่ยมพลังหยาบกระด้างชั่วพริบตา

สตรี หญิง

กิจกรรมใหม่..รับปี 2554

ไดอารี่ 17 January 2011

เริ่มมีเสียงหนาหูขึ้นว่า ผมอ้วน แรกก็รู้สึกเฉยๆ อ้วนขึ้นก็ดีจะได้มีบุคลิกไปอีกแบบ แต่เอาเข้าจริงมันชักจะรับไม่ได้ เพราะร่างกายก็จะดูไม่ฟิต ทำอะไรเหนื่อยง่าย เสื้อผ้าก็แน่น ฯลฯ บวกกับตั้งแต่เข้าสู่ปีใหม่มายังไม่มีกิจกรรมอะไรที่ทำให้เป็นพิเศษเพื่อตัวเอง จึงคิดกิจกรรมเพื่อตัวเองขึ้นอย่างนึง นั่นคือ “กิจกรรมรีดน้ำหนักภายใน 1 เดือน” กิจกรรมก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่จะลดอาหารมื้อเย็น หรือทานเพียงผักและผลไม้ และจะออกกำลังกายทุกวัน ถ้าไม่ได้ออกวิ่งตอนเช้า ก็ต้องออกวิ่งในตอนเย็น ถ้าไม่ได้วิ่งเย็น ก็ต้องวิ่งเช้า .. กิจกรรมนี้จะทำต่อเนื่องอย่างน้อย 1 เดือนเพื่อประเมินผลก่อน และหากได้ผลดีไม่ลำบากจนเกินไป จะทำต่อไปเรื่อยๆ ที่สำคัญและที่ยากที่สุดคือการเริ่มต้น จะเริ่มต้นเมื่อไร และเริ่มต้นได้ไหม.? โอกาสหน้าจะมาแจ้งให้ทราบ สวัสดีปีใหม่ 2554

ภาษาไทย..ภาษาใคร

เรื่องทั่วไป 18 March 200929 June 2016

อาจจะไม่ใช่คนเก่งด้านภาษาไทยมากมาย แต่รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไร เวลามีคนใช้ภาษาไทยแบบผิดเพี้ยน นักข่าวหรือพิธีกรตามทีวี ช่องไหนที่พูด ร. เป็น ล. โรงเรียน เป็น โลงเลียน ผมจะย้ายช่องทันที ทำตัวเป็นสื่อแล้ว คุณต้องแม่นกว่าคนอื่นเป็นหมื่นเท่า ผมชื่นชอบกระดานสนทนายักษ์ใหญ่แห่งไทยประเทศ อย่างพันทิพย์ ที่นี่เขาอนุรักษ์นิยมภาษาไทยดีมาก ใครพิมพ์คำสมัยใหม่แบบวัยรุ่น เช่น อารัย, อาลัย, เทอ, ทามมาย, มัยอ่ะ ฯลฯ จะถูกแบน หรือถูกตำหนิ การพิมแชทด้วยคำผิดๆ เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ภาษาผิดๆในอนาคต พอใช้บ่อยๆ นานๆเข้า ทำให้งงว่า ตกลง อันไหนถูกหรืออันไหนผิด เช่นคำว่า ทีฆายุโก กับ คำว่า ฑีฆายุโก พอจะรู้ไหมว่าคำไหนถูก คำไหนผิด ถ้าตอบไม่ได้ แนะนำให้กลับไปอ่านกระทู้ก่อนหน้านี้ (อ่านกระทู้ดังกล่าวคลิก) วันนี้ได้คุยกับคนๆหนึ่งที่แอดผมมา ซึ่งก็ไม่รู้มาจากไหน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ผมคุยได้กับทุกคน ยกเว้นคนที่คุยกับผมด้วยภาษาแบบนี้ เก๋ วงเวียนใหญ่ says: งง อารัยคือภาษาวิบัติ เช่นอารัยหรอ OkNevikup says: ใช่ อารัย, เส้า ฯลฯ เก๋ วงเวียนใหญ่ says: เจ้า พ่อ แต่อ่านออกมาก็เป็นคำนิ เอาหน่า อย่าให้ปวดหัวเลยนะ ขอไว้สักคนเถ นะเจต OkNevikup says: มันคือจุดเริ่มต้นของความสับสนระหว่างคำถูก/ผิด เก๋ วงเวียนใหญ่ says: อืมม OkNevikup says: พิมบ่อยๆ ถึงเวลาจะใช้จริง มันจะงงว่าอันไหนถูก/ผิด ข่าวช่องไหนที่นักข่าวอ่าน โรงเรียนเป็นโลงเลียน เราจะไม่ดูเลย เก๋ วงเวียนใหญ่ says: พอ แยกออกนะ ว่าควรใช้สำนวณแบบไหนในการใช้ภาษานะ OkNevikup says: ถ้าไม่คุยกับเราก็ได้นะ เก๋ วงเวียนใหญ่ says: ก้อเหมือนกันนะ นาย…

ทำบุญกันเถอะ

ไดอารี่ 29 June 2008

จำไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้ว ที่ไม่ได้ไปทำบุญที่เป็นรูปเป็นร่าง เป็นจรืงเป็นจัง เคยแต่ทำบุญเล็กๆน้อยๆ โดยบังเอิญ เช่น มีซองผ้าป่ามาแจกในที่ทำงาน , ร่วมสมทบทุนสร้างห้องสมุด, สร้างโบสถ์ ฯลฯ ซึ่งนั่นเป็นบุญที่ผ่านเข้ามาโดยบังเอิญ อานิสงส์ของบุญที่ผ่านเข้ามาโดยบังเอิญนี้ ก็ใช่ว่าจะไ่ม่มี มีครับ แต่อาจไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยดีนัก เพราะบุญที่จะส่งผลอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยนั้น พระพุทธศาสนาสอนว่า ต้องประกอบด้วยเจตนาทั้ง ๓ คือ ๑. ปุพพเจตนา คือ เจตนาการแต่การทำบุญ มีความตั้งใจแต่แรกแล้วว่าจะทำบุญ ตั้งใจอย่างแน่วแน่ มีความสุขในเจตนาที่ริเริ่มจะทำบุญนั้น ๒. มุญจนเจตนา คือ เจตนาในขณะที่ทำบุญ มีความปีติ อิ่มเอมใจในการทำบุญ ไม่มีความตระหนี่ถี่เหนียว หรือทำโดยไม่เต็มใจ แต่ทำด้วยความรู้สึกดี ๓. อปราปรเจตนา คือเจตนาหลังจากทำบุญแล้ว หมายความว่าหลังจากที่ได้ทำบุญ ก็มีใจแช่มชื่น คิดถึงทีไรก็มีความสุขใจ เกิดศรัทธาเลื่อมใสในบุญอยู่ไม่หาย อุตส่าห์กล่าวอ้างเรื่องบุญมาในตอนตั้นมานั้น ก็เพื่อจะบอกว่า วันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ผมไปทำบุญมาครับ ไปทำบุญที่รพ.สงฆ์ รพ.สงฆ์เป็นรพ.ที่รักษาพระที่อาพาธครับ (อาพาธ แปลว่า ป่วย, ไม่สบาย) ถึงแม้การไปทำบุญครั้งนี้ เราไม่ได้เตรียมของไปเยอะแยะมากมาย แต่เจตนาที่่จะไปทำบุญครั้งนี้ เกิดขึ้นมาแล้วตั้งแต่เมื่อวาน นั่นหมายความว่า เรามีปุพพเจตนาครับ ของที่ไปทำบุญนั้น ก็มีนม กับขนมปัง ไปถวายขณะที่พระท่านกำลังฉันเพล (ฉันเพล คือ การรับประทานอาหารมื้อกลางวันของพระ ซึ่งจะมีในเวลา ๑๑.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. เลยเวลานี้ไปห้ามรับประทานของขบเคี้ยว) เสร็จสรรพถวายไป ๒๑ รูป หลังจากถวายของเสร็จก็เดินเล่นรอบๆบริเวณรพ.นิดหน่อย มีข้อมูลหนึ่งน่าสนใจสำหรับหลายๆคนที่คิดจะแต่งงานครับ หลายคู่สมรสใช้รพ.สงฆ์เป็นที่แต่งงาน เพราะที่นี่มีแพกเก็จจัดงานแต่งให้ มีสถานที่อย่างดี พร้อมกันนั้นยังได้จัดพระสงฆ์มาร่วมพิธีทำบุญในงานแต่งด้วย สำหรับใครที่อยากแต่งงาน พร้อมทำบุญไปด้วย สถานที่นี่ก็น่าสนใจครับ ก่อนกลับแวะไปร่วมทำบุญกับเจ้าหน้าที่ด้วย งานนี้ได้บุญกันอื้อครับ ขอบุญรักษาทั่วหน้ากัน ~

ปราสาทพระวิหาร..มรดกใคร? มรดกโลก

เรื่องทั่วไป 8 July 2008

วันนี้ชาวเขมรต่างโห่ร้องดีใจกันทั่วหน้าครับ หลังองค์การยูเนสโกมีมติให้ปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ผมในฐานะคนไทย ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ หรือแย่อะไรมากมายอย่างที่ข่าวนำเสนอ ข่าวพยายามนำเสนออาการของคนสองประเทศ ประเทศหนึ่ง(เขมร) โห่ร้องดีใจ ตัดฉับมาที่อีกประเทศหนึ่ง(ไทย) เสียใจผิดหวัง อารมณ์ประมาณบอลยูโร ตอนที่สเปนเอาชนะเยอรมันในรอบตัดเชือกได้ยังไงยังงั้น มันไม่ได้มีอะไรแย่มากมายขนาดนั้นครับ คนไทยเข้าใจมานานนมแล้วว่าปราสาทพระวิหาร ไม่ใช่ของคนไทย เป็นของๆเราแต่เพียงบันไดขึ้น รู้กันอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด แล้วทำไมจู่ๆวันนี้มาเกิดอาการอยากได้ของชาวบ้านเขาละ ถึงแม้วันนี้ปราสาทพระวิหารจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้ว แล้วยังไง เขาจะลากเอาบันไดฝั่งไทยไปด้วยเหรอ ก็เปล่านี่ ก็ยังตั้งอยู่อย่างนั้น ดีเสียอีก ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก คนทั้งโลกจะได้รู้จัก จะได้อยากมาเท่ี่ยว มาดู มาชม เวลาจะมา มายังไงละ ถ้าไม่นั่งเครื่องบินมา นั่งเครื่องบินก็มาลงที่ไทย ไทยก็ได้อีกแหละ พักโรงแรมก็พักที่โรงแรมในไทย ไทยก็ได้อีกแหละ เวลาจะขึ้นไปเที่ยวชมปราสาทพระวิหาร ก็ต้องขึ้นฝั่งไทย ต้องซื้อโน่นซื้อนี่ที่ข้างบันไดฝั่งไทย ไทยก็ได้อีกแหละ เรื่องนี้ที่ยืดยาวซะขนาดนี้ คุยกันไม่จบซักที ก็เพราะมีการเมืองมาเอี่ยว รู้ทั้งรู้ว่าเราร้องแรกแหกกระเฌอกันแค่ไหน ก็ไม่มีวันได้คืนอยู่แล้ว เหมือนมาณพที่เที่ยวร้องเอาพระจันทร์และพระอาทิตย์ เหมือนพราหมณ์ที่ร่ำร้องเอาลูกชายที่ตายจากไปแล้ว..ไม่มีวันได้คืืนหรอกครับ เอาเวลาทะเลาะๆกันนั่น มาพูดจากัน มองไปข้างหน้า แล้วมาพัฒนาประเทศกันดีมั้ย กรณีปราสาทเขาพระวิหารนี้ ผมก็แหกปากในมุมของคนรู้คนเห็นน้อยนะครับ อาจจะผิดหรือถูก แต่ก็ไม่ได้ให้เห็นตาม ป.ล. ปีนี้มีวันแห่งชาติเกิดขึ้นอีกวันครับ นั่นคือ วันงดดื่มสุราแห่งชาติ ครม.ให้ วันเข้าพรรษา เป็น วันงดดื่มสุราแห่งชาติ

เขาพระวิหาร

แต่งงานกันอีกแล้ววว..ว

เรื่องทั่วไป 11 January 2010

วันเสาร์ซึ่งเป็นวันเด็กแห่งชาติ เป็นวันแต่งงานของเทพรัตน์ โสภาค หรือไอ้เทพ เทพรัตน์เป็นเพื่อนสมัยอยู่พระบาทเมื่อหลายสิบปีก่อนโน้น  หลังจากแยกย้ายตามวิถีของแต่ละคน ก็มีอันต้องพลัดพรากจากกัน แต่ก็ได้ยินข่าวคราวและข่าวคาวของมันเป็นระยะๆ แต่ไม่ได้มีโอกาสได้ปะหน้ากันจริงๆจังๆสักที จนเมื่อกลางปีที่แล้ว ได้มีโอกาสไปงานแต่งของมิสเตอร์สิงห์ จึงได้พบหน้าค่าตากันในตอนนั้น เจ้าสาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของแฟนมิสเตอร์สิงห์ ทราบจากมิสเตอร์สิงห์ว่า เทพรัตน์จีบเจ้าสาวอยู่ก่อนแล้ว แต่เวลาเข้าไปหา จะไปคนเดียวก็เขินอาย เลยชวนมิสเตอร์สิงห์ไปด้วย แต่ครั้นจะชวนมิสเตอร์สิงห์ไปบ่อยๆ ก็จะเกรงใจ จึงใช้อุบายให้มิสเตอร์สิงห์รักกับคนพี่ซะ ทีนี้จะได้มีแรงจูงใจที่จะไปด้วยกัน จากวันนั้นถึงวันนี้ทุกอย่างก็ลงเอยอย่างที่ควรจะเป็น มิสเตอร์สิงห์ชิ่งแต่งงานก่อนเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นจึงถึงคิวของเทพรัตน์ นักรักจอมวางแผน (555+) งานแต่งเขามีแห่ขันหมากในตอนเช้า และเลี้ยงฉลองในตอนเย็น ตอนเช้าผมไม่ว่าง ก็เลยถือโอกาสไปตอนเย็นแทน งานเลี้ยงจัดที่สมาคมศิษย์เก่าอำนวยศิลป์ ข้างๆโรงเรียนเพชรัตน์ ประชาชื่น เป็นอาคารอเนกประสงค์เก่าๆ ข้างในจัดเป็นโต๊ะจีนประมาณ 50 โต๊ะ แขกเรื่อคับคั่งดี แต่ผมข้องใจธีมของงาน หน้างานจัดซุ้มดอกไม้ให้คู่บ่าวสาวได้ถ่ายรูปกับแขก มีภาพบ่าวสาวถ่ายคู่กัน น่ารักน่าชัง หวานแหวว สดใส กุ๊กกิ๊ก  แต่พอก้าวขาเข้าไปข้างใน นึกว่ามางานหมอลำซิ่งพาเพลิน มีเพลงหมอลำ สลับเพลงลูกทุ่งโจ๊ะๆ พอพิธีบนเวทีเริ่ม พิธีกรมาในชุดสีดำ!! โอ่ะ..นี่กูมางานศพเหรอเนี่ยะ ตะกี้ยังเป็นงานหมอลำพาเพลินอยู่เลยนะ ทั้งนักร้องบนเวที ทั้งพิธีกรชวนกันแต่งชุดดำมาซะอย่างนั้น นี่ถ้าผมเป็นเจ้าของงาน คงโดดตีลังกา 2 รอบ ก่อนจะเสยหน้าทั้งคู่ด้วยปลายรองเท้า ช่างให้เกียรติกับงานแต่งอันเป็นมงคลซะเหลือเกิน หลังพิธีบนเวทีเสร็จ ผมก็ถือโอกาสลาเพื่อนๆกลับก่อน คืนนี้ไม่กล้าแตะแอลกอฮอลล์ เพราะวันอาทิตย์ตั้งใจจะไปบริจาคเลือด งานนี้ไม่ได้แอ้มเค้กแต่งงานเลย ดูท่าแล้วคงไม่เหลือถึงเราแน่ๆ ผมไม่ชินการร่วมโต๊ะกับคนแปลกหน้า และไม่ชอบการรับประทานอาหารแบบค่อยๆทยอยมาทีละจานๆ เลยขอตัวกลับก่อนแบบเกรงใจๆ ผมได้เขียนอวยพรคู่บ่าวสาวในสมุดแล้ว และปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้คำอวยพรนั้นสัมฤทธิ์ผล ผมอวยพรสั้นๆไปว่า “ขอให้รัก อยู่คู่กับทั้งคู่ตลอดไป”

แต่งงาน
อ่านต่อ

โคราช-เขาใหญ่​..ครั้งที่เท่าไรไม่รู้

สุขกะภาพ 20 February 20173 November 2017

ไปพักผ่อนเฉยๆนี่แหละครับ แต่จะไปวันหยุดนักขัตฤกษ์หรือวันเสาร์อาทิตย์นั้นนะหรือ คนก็เยอะเกิ๊น เลยเลือกเดินทางวันศุกร์และกลับบ่ายๆวันอาทิตย์ดีกว่า ไปโคราชไปเยี่ยมพี่กุ้ง พี่ต้อมผู้ดูแลรีสอร์ทอารมณ์ดี และวินดีรีสอร์ท วันแรกไปโคราชก่อน ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากพี่กุ้งพี่ต้อมเช่นเคย ..ทั้งสองคนนี้เป็นพี่น้องกันที่น่าเอาตัวอย่างในเรื่องความรักพี่รักน้องและเรื่องการต้อนรับปฏิสันถาร ดูแลดีมาก ทั้งที่พัก อาหารการกิน กระทั่งพาไปเที่ยวในที่ๆพอจะไปได้ในเวลาอันจำกัด  การดูแลเอาใส่ใจต่อแขกนี้ ใช่ว่าจะทำกับคนรู้จักเท่านั้นนะครับ แกดูแลแขกที่มาพักที่รีสอร์ทด้วยอัธยาศัยอันดีเช่นกัน จึงทำให้รีสอร์ทเล็กๆ มีคนเข้ามาพักเต็มตลอดปี เช้าวันเสาร์แม้จะตื่นสายสักหน่อย แต่ผมก็ไม่ลังเลที่จะหยิบรองเท้าออกไปวิ่ง ..เมื่อตอนเย็นแอบเห็นแล้วละว่าแถวนี้มีสวนสาธารณะกว้างขวางและมีคนออกกำลังกายมากมาย สวนนี้มีชื่อว่่า “สวนน้ำบุ่งตาหลั่ว” ตรงกลางเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ รอบๆมีถนนอย่างดีสำหรับวิ่ง เดิน และปั่นจักรยาน แยกเลนสำหรับนักปั่นและนักวิ่งโดยเฉพาะครับ คือดีงามมาก กว้างพอสมควร วิ่ง 1 รอบระยะทาง 3.2 กิโลเมตร เช้าวันนั้นจัดไป 10 กิโลเมตร อยากจะวิ่งให้มากกว่านั้น แต่แดดเริ่มแยงตา เสียดายที่ตื่นสายไปหน่อย.. วันที่สองจากโคราชมา มุ่งหน้าเขาใหญ่ งานนี้จัดที่พักพรีเมี่ยมเลยครับ เทมส์ วัลลีย์ เขาใหญ่ สนนราคาที่พักคืนละ 4,200 บาท ถือว่าแพงที่สุดเท่าที่เคยพักมา ตัวโรงแรมอยู่ในถนนธนรัชต์ที่จะมุ่งหน้าขึ้นเขาใหญ่ไม่ห่างจากปาลิโอมากนัก ตัวโรงแรมอลังการอย่างที่เขาว่าจริงๆ สไตล์ยุโรป (ยุโรปไหนนี่ไม่รู้) บรรยากาศในตัวโรงแรมก็เหมือนอยู่ต่างประเทศ เปิดเพลงคันทรี่เบาๆ ทั่วโรงแรม แต่ละตึกเน้นปลูกต้นตีนตุ๊กแกให้เลื้อยไปทั่วตัวโรงแรม งานนี้เอาภาพมาโชว์อย่างเดียวดีกว่า เล่าแล้วบรรยายไม่ถูก..

เขาใหญ่ เทมส์ วัลลีย์

อาโรคฺยปรมา ลาภา

เรื่องทั่วไป 9 June 2008

วันนี้มีข่าวเศร้าที่สะเทือนความรู้สึก.. สองสามีภรรยา พึ่งจดทะเบียนกันได้ไม่กี่วัน ก็พากันกินยาฆ่าตัวตาย โดยฝ่ายหญิงได้เขียนจดหมายลาตายที่ให้ความกระจ่างแด่คนที่อยู่ด้านหลังว่า.. ฝ่ายชายเป็นโรคร้าย คือ โรคเส้นเลือดในสมองตีบ ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงในการรักษา  หากไม่รักษาอาจทำให้ตาบอด อัมพาต หรือเป็นเจ้าชายนิทราตลอดชีวิต ทั้งคู่รักกันมาก จึงไม่อาจทนรับกับสภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ทางออกทางเดียวที่จะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต คือการตายไปด้วยกัน ฝ่ายหญิงจึงไปหายามาผสมกับอาหาร ให้ฝ่ายชายทานก่อน เพื่อที่ว่าชายหนุ่มจะได้ไม่ต้องอยู่คนเดียวจนนาทีสุดท้ายของชีวิต และหลังจากนั้นเธอก็กินอาหารที่ผสมยาตายตามไปด้วยกัน.. ทั้งคู่นอนตายด้วยสภาพที่นอนกอดกัน สร้างความรันทดใจแก่ผู้พบเห็นยิ่ง อ่านข่าวนี้แล้ว..สะเทือนใจ พระพุทธพจน์ที่ว่า อาโรคฺยปรมา ลาภา (ไม่ใช่ อาโรคฺยา ปรมา ลาภา ที่มักเขียนผิดๆกันนะครับ) ลาภที่ยิ่งใหญ่ คือความไม่มีโรค น่าจะเข้ากับข่าวนี้ได้ และเพื่อป้องกันโรคร้อยแปดพันประการ…วันนี้เราออกกำลังกายกันรึยัง?

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (57)
  • บ่น (36)
  • บ้านบ้าน (17)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (69)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (47)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (65)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH