Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

Month: July 2006

เจ้าหญิงสุคันธา #2 อ่านต่อ

เจ้าหญิงสุคันธา #2

เรื่องยาว 31 July 2006

เมื่ออรุณรุ่ง พระอาทิตย์ฉายแสงยามเช้า เจ้าหญิงในร่างของดอกกระดาษ เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้น พอได้สติ เหม่อมองท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย ยังเข้าใจว่าตัวเองเพียงฝันไป แต่มันคงเป็นฝันที่ยาวนานยิ่ง เมื่อไรจะตื่นจากฝันร้ายนี้เสียที “เธอ ๆ ๆ ได้สติแล้วเหรอ?” เสียงดอกไม้ดอกเดิมเรียกเธออีกครั้ง ครั้งนี้เองเธอจึงได้รู้ว่าไม่ได้ฝันไป “ฉันชื่อจรรยา เธอชื่ออะไร” ดอกกระดาษสีเหลืองเอ่ย “​ฉัน..น” เจ้าหญิงกล้ำกลืนน้ำตา รู้สึกสับสนในชีวิตยิ่ง แยกแยะไม่ออกว่าอันไหนเป็นฝัน อันไหนเป็นจริง ตอนนี้กำลังฝันอยู่หรือว่าช่วงเวลาที่เป็นเจ้าหญิงนั้นเป็นฝันกันแน่ “เธอไม่ต้องร้องไห้หรอก ช่วงแรกๆเราทุกคนก็เป็นเหมือนเธอกันทั้งนั้นแหละ” เจ้าหญิงปาดน้ำตา “พวกเธอเป็นยังไงเหรอ” “พวกเราทุกคนล้วนถูกสาป โดยแม่มดปีศาจ” “แม่มด” “ใช่ ดอกกระดาษที่เบ่งบานหลากสีเต็มท้องทุ่งนี้ ล้วนเป็นมนุษย์ที่ถูกสาปทั้งสิ้น” “ท..ทำไม” “เมืองนี้ตั้งอยู่บนเขาที่ยากแก่การเพาะปลูกดอกไม้ เมื่อก่อนก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เมื่อองค์หญิงประสูติขึ้น พระราชาต้องการจะเอาใจองค์หญิงองค์นี้ จึงรับสั่งให้ปลูกดอกไม้ทั่วเมือง ทุกดอกล้วนปลูกขึ้นได้อย่างสวยสดงดงาม ยกเว้นดอกกระดาษ” “ทำไม” “ดอกกระดาษเป็นดอกที่ขึ้นได้เฉพาะพื้นที่ พระราชารับสั่งให้คนสวนผู้ชำนาญในการปลูกดอกไม้ทั่วเมืองมาปลูก ก็ไม่สามารถปลูกได้ ทรงกริ้วมาก อยากจะเอาชนะธรรมชาติ จึงรับสั่งว่า ถ้าใครสามารถปลูกดอกกระดาษได้ ถ้าอยากได้อะไรพระองค์จะพระราชทานให้ทันที!” “ครั้งนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งอาสาจะปลูกต้นไม้ โดยจะขอใช้เวลาเพียง ๑ เดือน พระราชาทรงอนุญาต และเมื่อครบ ๑ เดือน ดอกกระดาษหลากสีสันก็เต็มอุทยาน ในตอนนั้น ไม่มีใครรู้ว่านางใช้วิธีไหนเนรมิตดอกไม้เหล่านี้ แต่พร้อมๆกับการเบ่งบานของหมู่ดอกไม้ ก็มีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นในเมือง นั่นคือ อยู่ๆชาวบ้านก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ครั้งละคนสองคน ตอนนั้นเราเองก็ไม่รู้ แต่เดี่ยวนี้รู้แล้วว่า ที่หายไปนั้น หายไปไหน?” “หายไปไหน” เจ้าหญิงถามประสาซื่อ “ก็ถูกนำสาปเป็ดอกไม้อยู่นี่ไง” “พระราชาทรงพอพระทัยมาก จึงรับสั่งถามว่า เจ้าอยากได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทน? หญิงนั้นตอบว่า หม่อมฉันมีลูกสาวอยู่คนหนึ่งอายุเท่าๆกับองค์หญิง พ่อของเด็กเสียชีวิตตั้งแต่ลูกยังเล็ก หม่อมฉันเพียงหวังให้ลูกเป็นเจ้าหญิงองค์หนึ่งคู่กับพระราชธิดา เมื่อหญิงนั้นกล่าวจบ พระราชาทรงกริ้วมาก ถือว่าเป็นการหลบลู่ ไม่รุ้จักฟ้าสุงแผ่นดินต่ำ โทษครั้งนี้ถึงกับต้องถูกประหาร ๗ ชั่วโคตร แต่ด้วยความดีความชอบที่นางสามารถปลูกดอกไม้ที่ไม่มีใครสามารถปลูกได้ ถ้าจะฆ่าทิ้งเสียก็เสียดาย จึงรับสั่งให้นางเป็นคนดูแลสวน ปลูกดอกไม้ ห้ามออกจากสวนนั้นจนชั่วชีวิต” “หญิงคนนั้น ชื่ออะไร” เจ้าหญิงเอ่ย หลังจากฟังอย่างเลื่อนลอยอยู่นาน “ไม่มีใครรู้ว่านางชื่ออะไร…

เจ้าหญิงสุคันธา
เจ้าหญิงสุคันธา #1 อ่านต่อ

เจ้าหญิงสุคันธา #1

เรื่องยาว 28 July 2006

รู้สึกตัวอีกครั้ง เจ้าหญิงกลับพบตัวเองโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่ท่ามกลางทุ่งร้าง ที่ไม่มีใคร รอบข้างมีเพียงต้นไม้เหี่ยวเฉา ดอกไม้แห้งๆ ที่รอวันตายด้วย ขาดน้ำมาจุนเจือและขาดการดูแลมาแรมปี เจ้าหญิงพยายามพยุงตัวเองขึ้น แต่เรี่ยวแรงไม่รู้หายไปไหนหมด ” ช .. ช ช่วย..ด” เสียงเจ้าหญิงยังคงเครืออยู่แค่ลำคอ ยามเมื่อลมพัดมา ก็โอนเอนไปตามแรงลมอย่างไร้แรงต้าน เจ้าหญิงหลับตาพยายามรวบรวมสติและคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เมื่อคืน .. ใช่..เมื่อคืนมีงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของเธอ พอเวลาก้าวเข้าสู่ยามสอง เธอก็เข้าสู่วัย ๒๐ บริบูรณ์ ข้าราชบริพาร พ่อค้าประชาชน เสนาอำมาตย์ ต่างจุดพลุบรรเลงเพลงรื่นเริง เป็นคืนที่ท้องฟ้าเต็มไปด้วยหมู่ดาว แสงไฟที่พวยพุ่งจากการจุดของเหล่าพนักงาน ช่วยแต่งเติมท้องฟ้าให้งดงามยิ่งนัก เสียงโห่ร้องก้องกู่ไม่ขาดสาย ของกำนัลนานัปประการจากเมืองเพื่อนบ้านที่ร่วมแสดงความยินดี บิดากับมารดายืนเคียงข้างกันยิ้มร่วมดื่มฉลองในการเลี้ยงครั้งนี้ เวลาผ่านไป..อย่างมีความสุข เมื่อเค้กชิ้นใหญ่ที่สุดในเมืองที่สั่งทำเป็นพิเศษ จากการระดมของช่างเค้กมีฝีมือทั่วอาณาจักร เค้กชิ้นนี้ถือว่าเป็นเค้กมงคล หลังจากเจ้าหญิงเป่าเค้กแล้วจะแบ่งทุกชิ้นให้แก่ประชาราษฏร์ ก่อนการเป่าเค้กชิ้นใหญ่ มีการดับไฟทุกดวง มีเพียงแสงเทียน ๒๐ ดวงจากเค้กชิ้นโตนั้น เมื่อสิ้นสุดเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ เจ้าหญิงอธิษฐานก่อนจะเป่าเทียนบนเค้กใบใหญ่ หลังจากเทียนแท่งสุดท้ายดับลง อันธการก็ปกคลุมทั่วอาณาบริเวณ… องค์หญิงจำได้แค่นั้น และเมื่อรู้สึกตัวอีกที เธอก็อยู่ที่ไหนสักแห่ง ที่เธอไม่คุ้นเคย น่ากลัว และไม่มีใคร “นี่ เธอๆ เธอได้ยินฉันมั้ย” เสียงใครคนหนึ่งดังจากข้างหลังเจ้าหญิง แต่ไม่น่าจะเรียกเจ้าหญิง เพราะชั่วชีวิต ไม่เคยมีใครเรียกนางด้วยน้ำเสียงที่กันเอง และไร้ความเคารพอย่างนี้ นางพยายามพยุงตัวเองขึ้นอย่างช้าช้า มองไปรอบๆ ก็ไม่ปรากฏว่ามีใคร มีแต่ความว่างเปล่า และลมพัดวูบวาบที่ทำให้ร่างเธอโอนเอน “เธอ เธอนั่นแหละ ฉันอยู่นี่” เสียงนั้นอยู่ใกล้เจ้าหญิงยิ่ง นางจึงมองไปตามเสียง เจ้าหญิงแทบสิ้นสติสมประดีกับสิ่งที่นางได้ประสบ เจ้าของเสียงนั้นเป็นดอกไม้สีเหลืองที่เหี่ยวแห้งรอวันตาย! เธอรู้จักดอกไม้ชนิดนี้ดี ดอกไม้นี้ชื่อว่า *ดอกกระดาษ เป็นดอกไม้ที่อยู่ได้นานวัน ไม่รู้จักโรย เมื่อถูกละอองน้ำค้างหรือน้ำเพียงเล็กน้อย ดอกจะหุบได้ ทุกเดือนเจ้าป้ากัญจนาวลัยผู้ดูแลอุทยานหลวงจะให้คนนำมาถวาย แต่ทุกดอกที่นางเคยเห็น ล้วนสดสวยไม่แห้งเหียวใกล้ตายเช่นนี้ เจ้าหญิงรวบรวมสติ แล้วเอ่ยขึ้น “ท..ที่นี่ คือ ที่ไหน ท..ทำไมดอกไม้พูดได้” “เธอก็ลองมองดูตัวเธอเองสิ แล้วจะรู้ว่าทำไมดอกไม้พูดได้” เจ้าหญิงสำรวจตัวเอง นางแทบสิ้นสติอีกครั้ง เมื่อพบว่าตัวนางเองเป็นดอกไม้ ! โปรดติดตามตอนต่อไป ข้อมูลเพิ่มเติม…

เจ้าหญิงสุคันธา
ของมือสอง อ่านต่อ

ของมือสอง

เพลงสั้น 20 July 2006

เรื่องมันเริ่มที่ตลาดนัดสะพานพูทธ เจ้าของเรื่องชื่อต๋องไอ้ต๋องกับแฟนชอบไปเดินตลาดสะพานพุทธมาก และร้านที่มันชอบไปหมกตัวอยู่นานๆ คือ ร้านรองเท้ามือสอง (มือสาม มือสี่ หรือมือห้าก็มี) ครั้งหนึ่ง เจ้าต๋องได้รองเท้ามาคู่หนึ่ง เป็นรองเท้าหนังสีน้ำตาล มันภาคภูมิใจมาก เพราะทั้งสวย และยังดูดีอยู่ มันอุตส่าห์เอามาอวดเพื่อนๆที่หออย่างภาคภูมิใจ ด้วยความใหม่ ถ้าเทียบกับราคาที่ให้ไป คุ้มมากๆ คืนนั้นต๋องกลับห้องไปด้วยความอิ่มใจเช้าต่อมา มันก็ใส่ไปอวดเพื่อนๆที่มหาลัย ให้เพื่อนๆทายว่า ราคาเท่าไร พอเพื่อนๆตั้งราคาสูงลิ่บ มันก็เฉลยด้วยราคาที่ทุกคนคาดไม่ถึง แต่ต๋องเป็นคนที่เห่อของ แต่ไม่รักษาของ วันนั้นมันพารองเท้าคู่นั้นกลับหอด้วยสภาพที่มอซอ สะบักสะบอมพอสมควร ปกติก่อนจะใส่นั่นแหละถึงทำความสะอาดอีกครั้ง คืนนั้นเลยทิ้งรองเท้าคู่โปรดให้มอมแมมซะอย่างนั้น ต๋องเล่าว่า ประมาณตี 2 กว่าๆ เกือบตี 3 มันได้ยินเสียงตะกุกตะกักตรงหน้าประตู ทีแรกไม่ใส่ใจ คงเป็นแมวข่วนหน้าประตู แต่คิดได้ว่าที่หอเขาห้ามเลี้ยงสัตว์ ก็ชักแปลกใจ แต่ด้วยความง่วง นอนต่อด้วยท่านอนคว่ำหน้าบนเตียง สักพักเสียงตะกุกตะกักก็ดังขึ้นอีก ครั้งนี้ดังขึ้นกว่าเดิม!ต๋องชักรำคาญ หันหลังกลับไปดู ทั้งที่ยังนอนคว่ำหน้าบนเตียงภาพที่เห็นคือ มีเงาตะคุ่มๆ กำลังทำอะไรสักอย่างใกล้ประตู ด้วยความกลัว ต๋องเอาผ้าห่มคลุมหัวนอนคลุมโปงจนถึงเช้า คืนต่อมา เจ้าต๋องชักปอด แต่ต้องนอนคนเดียว เพราะชวนเพื่อนคนไหนไม่มีใครยอมมานอนด้วย (ต๋องกับแฟน รักกัน แต่ก็ไม่นิยมที่จะมาอยู่ด้วยกันก่อนแต่ง เหมือนวัยรุ่นทั่วๆไป) และแล้ว..ที่เวลาเดิม(ประมาณตี 2-3) มีเสียงตะกุกตะกักตรงที่เดิมอีกแล้ว ทีแรกต๋องนอนคลุมโปง แต่คิดไปคิดมา เราจะอยู่ด้วยความกลัวแบบนี้อีกนานเท่าไร ตัดสินใจจะเปิดไฟ เพื่อดูให้ชัดเจน……แต่ สวิซไฟดันอยู่ข้างประตู ซึ่งใกล้กับเงาตะคุ่มๆนั่น ขณะกำลังคิดหาทางจะทำอะไรสักอย่าง สายตาก็ไม่ได้ละจากเงานั่น แต่เมื่อเพ่งพินิจจึงยิ่งแปลกใจ เงาตะคุ่มนั่นกำลังทำอะไรกับรองเท้าคู่โปรดของเขา! “เหมือนกำลังนั่งขัดรองเท้าว่ะ ต..แต่ รองเท้าก็ไม่ได้สะอาดนะ ตอนเช้าก็เหมือนเดิม” ต๋องเล่าเพื่อนๆ จึงสันนิษฐานและสรุปเหมือนกันว่า อาจเป็นรองเท้าผีสิง! “กูว่าเมิงเอาไปถวายวัดเหอะ” เพื่อนคนหนึ่งเสนอ“บ้า พระที่ไหนใส่รองเท้าหนัง” ต๋องค้านทันที“งั้น เมิงก็เอาไปทิ้งซะไป ไม่เช่นนั้นเขาจะมาหารองเท้าทุกคืนแน่”“โหยย .. เสียดายว่ะ”“เอางี้สิ ต๋อง…” ผมแน่ะบ้าง“แกก็เอาไปขาย หรือไม่ก็ไปจำนำดิ” เราไม่รู้ว่าต๋องเลือกวิธีไหน จนกระทั่งวันหนึ่ง พวกเราเห็นพี่ชายของแฟนไอ้ต๋อง(ที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเจ้าต๋องนัก) ใส่รองเท้าคู่นั้น หลังจากนั้น เจ้าต๋องก็ไม่เคยเจอเงาตะคุ่มกับเสียงตะกุกตะกักนั่นอีกเลยแต่ความเฮี้ยนยังไม่หยุด “เมื่อคืนพี่ชายเราถูกผีหลอก รุ่งขึ้นไข้แตกเลยอ่ะ เธอเชื่อมั้ยต๋อง…

สิ้นโศก..โลกก็สดใส อ่านต่อ

สิ้นโศก..โลกก็สดใส

เรื่องสั้นสั้น 13 July 200631 July 2015

ช่วงนี้ แถวบ้านเราฝนตกเกือบทุกวัน ฝนตกบ่อยๆ แบบนี้ พ่อค้าแม่ขาย ต่างบ่นกันไปตามๆกัน เหล่าคนที่ใช้ชีวิตริมถนน ใต้สะพานต้องนอนอย่างหนาวเหน็บ เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้คิดถึงผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง.. เธอถูกพ่อแม่ประณามว่าไม่รักดี เธอหนีไปกับคนรัก ไปใช้ชีวิตในฝันที่ชายป่า ในที่ๆคนไม่รู้จัก อาศัยการอยู่ร่วมกัน เธอตั้งท้องขึ้น เมื่อท้องแก่เต็มที่ เธอเริ่มวิตกถึงความลำบากในการเลี้ยงลูกในที่ๆไม่มีญาติ จึงทำให้เธอคิดถึงพ่อแม่ญาติพี่น้องในเมืองหลวง ซึ่งมีฐานะและความเป็นอยู่ที่สบาย คิดได้ดังนั้น ในวันเดียวกันนั่นเอง ขณะที่ผู้สามีออกไปทำงานที่ไร่นาตามปกติ เธอหนีออกจากบ้าน เพื่อกลับไปยังมาตุภูมิ ผู้สามีเกิดสังหรณ์ใจในวันนั้น จึงกลับบ้านเร็วกว่าปกติ พบข้าวของบางอย่างหายไปพร้อมกับภรรยา จึงออกติดตามในทันที..! ฝ่ายภรรยายเมื่อออกเดินทางถึงกลางป่า เกิดอาการปวดท้องจะคลอดลูกอย่างหนัก เธอไม่สามารถทนอาการปวดท้องนั้นได้ จึงนอนคลอดลูกอยู่ตรงกลางป่านั่นเอง พอดีที่สามีมาถึงทัน จึงช่วยพยาบาลและนำกลับบ้าน เหตุการณ์นี้ผ่านไป ฝ่ายสามีคิดว่าภรรยาคงไม่อยากหวนกลับบ้านอีกแล้ว แต่แล้ว..เมื่อท้องลูกคนที่สอง เธอมีความคิดแบบเดิมอีก กล่าวคือ คิดอยากไปใช้ชีวิตในช่วงคลอดลูกในที่ๆปลอดภัยและสบาย เมื่อสามีออกไปทำงานตามปกติ เธอพร้อมกับลูกชายวัยขวบกว่า ก็ประคองท้องที่โตกว่าแปดเดือนหนีออกจากบ้านอีกครั้ง เหตุการณ์เหมือนหนังฉายวนมารอบเดิม สามีรู้ข่าวและออกติดตาม ไปทันเจอภรรยาที่กลางป่า และที่นั่นเองภรรยาของเขาก็คลอดลูกคนที่สอง เหตุการณ์น่าจะจบแบบเดิม แต๋..วันนั้นเกิดพายุและฝนตกอย่างหนัก เธอเองเพิ่งคลอดลูก ไม่มีเรี่ยวแรง ลูกเองยังอ่อนตัวแดง ผู้สามีเห็นเหตุการณ์ดังนั้น จึงถือพร้าเข้าป่าเพื่อหาที่หลบฝน เคราะห์ซ้ำกระหน่ำซัด งูเห่าเองก็หลบฝนมาเจอเข้ากับเขาพอดี ปรี่เข้ามาฉกที่ขาแล้วเลื้อยหายไป เขาเจอพิษงูเห่านอนเสียชีวิตอย่ตรงนั้น ฝ่ายภรรยาเฝ้ารอการกลับมาของสามีโดยไม่รู้ว่าสามีเสียชีวิตแล้ว คืนนั้นฝนตกหนัก เธอใช้ร่างต่างหลังคาคร่อมลูกน้อยเกิดใหม่ไว้ ร่างกายที่โรยแรง บวกกับลมและสายฝนที่หนักทั้งคืน ร่างของหญิงพึ่งคลอดใหม่ จึงซีดขาวราวกับซากที่ไม่มีเลือดเนื้อ เมื่อค่ำคืนที่โหดร้ายผ่านไป เธออุ้มลูกที่เกิดใหม่ และจูงมือลูกชายคนโตเดินออกไปหาสามี ภาพที่ปรากฏต่อหน้าแทบทำให้เธอสิ้นใจ สามีนอนตายข้างจอมปลวก เมื่อเห็นว่าสามีตายแล้ว เธอกลั้นความเศร้าโศกประคองร่างที่ไร้เรี่ยวแรง อุ้มลูกคนเล็กด้วยมือขวา จูงมือลูกคนโตด้วยมือซ้าย หมายกลับไปยังบ้านพ่อแม่ที่ในเมืองหลวง การเดินทางเป็นไปอย่างทุลักทุเลจนมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง ด้วยเจอฝนตกหนักทั้งคืน แม่น้ำตื่นๆจึงกลายเป็นแม่น้ำที่เชี่ยวกราด เธอไม่สามารถอุ้มลูกทั้งสองข้ามแม่น้ำไปพร้อมๆกันได้ จึงคิดว่าจะอุ้มข้ามทีละคน ครั้งแรกอุ้มลูกคนเล็กข้ามแม่น้ำไปก่อน โดยให้ลูกคนโตยืนรออยู่อีกฟากหนึ่ง เมื่อนำลูกคนเล็กข้ามแม่น้ำได้แล้ว จัดการหากิ่งไม้ใบหญ้าปูแล้วให้นอนตรงนั้น ส่วนตนลงลุยแม่น้ำเพื่อข้ามกลับไปรับลูกชายอีกคน ขณะที่เธอเดินข้ามถึงกลางแม่น้ำนั้น เหยี่ยวตัวใหญ่มีสายตาที่คมกริบ สามารถมองเห็นเหยื่อในระยะไกลๆได้ วันนั้นมันบินมายังแม่น้ำนั้นพอดี สายตาก็เหลือบไปเห็นเด็กเกิดใหม่ที่นอนริมแม่น้ำ เนื้อตัวเป็นสีแดงราวกับชิ้นเนื้อ มันปรับการบินต่ำลงเพื่อล็อคเป้าหมายให้ชัดเจนขึ้น และแล้วมันก็บินโฉบหมายมุ่งตรงมายังเด็กน้อยที่นอนริมแม่น้ำ ผู้แม่เห็นดังนั้น จึงรู้ทันทีถึงอันตรายที่กลายกล้ำมาใกล้ลูกน้อย ขณะที่กลางแม่น้ำไม่สามารถทำอะไรได้ จะวิ่งฟ่าแม่น้ำกลับมา ความเร็วคงสู้เจ้าเหยี่ยวร้ายนี้ไม่ได้ จึงยกมือทั้งสอง พร้อมโห่ขับไล่…

อ่านต่อ

หัวใจไร้สาร

เรื่องสั้นสั้น 1 July 20068 June 2019

ผมชอบบรรยากาศตอนกลางคืนของกรุงเทพฯ ยิ่งดึกเท่าไร หัวใจยิ่งสงบไปด้วย งานที่คั่งค้างเมื่อตอนกลางวันถูกสะสางเสร็จโดยเวลาไม่นานในตอนกลางคืน แม้จะเป็นค่ำคืนที่ยากจะหาใครมาสนทนาปราศัยได้ถูกคอ เพราะคงไม่มีใครมานั่งปราศัยคุยแก้เหงาในคืนที่เปลี่ยวเปล่า ทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยกับหน้าที่การงานเมื่อตอนกลางวัน .. แต่ผมไม่ ผมอยากให้กลางคืนมีมากกว่ากลางวัน .. คอมพิวเตอร์ คือเพื่อนที่คอยอยู่กับผมแม้ในยามดึกดื่นค่ำคืน ผมรู้ว่ามันชักงอแงเวลาที่ผมชวนมันอยู่ดึก ๆ บางครั้งมันแกล้งหยุดไปเฉย ๆ ก็มี บางครั้งแกล้งแฮงค์ ค้างไม่ยอมพูดจา ..ผมต้องปิดมัน แล้วเปิดขึ้นมาใหม่ มันคงรู้ตัวเองดีว่า คงขัดใจผมไม่ได้ เลยจำยอมต้องทนนั่งเป็นเพื่อนผมจนดึก ๆ ดื่น ๆ .. วันหนึ่งขณะที่ผมทำงานตัวเองจนเสร็จ แต่ดูเวลาที่ข้างฝาพึ่งจะ 5 ทุ่มกว่า เอ๊ะ ..เสร็จไวกว่าทุกวัน ..อย่ากระนั้นเลย ลองเล่นอินเตอร์เนทดูสิ เขาว่าสนุกหนักหนา เวลาแชท ..ลงโปรแกรมยอดฮิตไป ทั้ง msn , icq ได้คุยกับคนหลายคน มากหน้าหลายตา ทั้งนักศึกษา คนทำงาน ..แต่ไม่เห็นสนุกอย่างที่เค้าพูดกันเลย ส่วนใหญ่ ก็จะมาถามว่า ชื่ออะไร? เรียนหรือทำงาน? อายุเท่าไร และสุดท้ายมีแฟนรึยัง? ผมเบื่อกับคำถามเหล่านี้ เหมือนกับกำลังถูกสัมภาษณ์โดยใครก็ไม่รู้ .. จนในที่สุด ในคืนวันหนึ่ง หลังจากที่ผมออนไลน์ทิ้งไว้โดยนั่งอ่านกระทู้ต่าง ๆ ที่เยาวชนไทยสร้างสรรค์จรรโลงใจ ใช้เป็นที่ระบายด่าคนนู้นคนนี้อย่างไม่รู้สึกรู้สา .. อยู่ ๆ ก็มีคนแอดผมในmsn “หวัดดีค่ะ ว่างไหม ขอคุยด้วยได้ไหม” ” อ้อ ว่างครับ” ผมพิมพ์ตอบไปอย่างใจเย็น “นอนดึกแบบนี้ประจำเหรอ” “ครับ ..ผมชอบบรรยากาศกลางคืนของกทม.” “ญา ก็ชอบค่ะ มันเงียบดี” เธอแนะนำชื่อตัวเอง และจากนั้นผมกับเธอก็คุยกันอย่างถูกคอ เรามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกัน เราต่างหนีความวุ่นวายจากสังคมมาสู่อีกสังคมที่ไม่วุ่นวาย แต่คล้ายจะวุ่นวาย … เราต่างแลกเบอร์โทรของกันและกัน โทรคุยกันจนในที่สุด เธอก็นัดเจอกัน ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของนักแชททั่วไป ที่เมื่อคุย ต้องขอเบอร์โทร และนัดเจอกัน ซึ่งเมื่อเจอแล้ว ถ้าพอใจกัน ก็คบกันต่อไป ถ้าไม่พอใจ…

น้องหมา..ผู้น่ารัก

เรื่องทั่วไป 12 May 2010

สมัยเด็กๆ สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของผม คือ หมา น้องหมาสมัยเด็กของผม ก็เป็นหมาบ้านธรรมดาทั่วไป ข้างบ้าน หรือเพื่อนมีลูกหมาคอกใหม่ก็ขอเขามาเลี้ยงตั้งแต่มันยังเด็กเล็ก เลี้ยงไว้ใต้ถุนบ้าน ทำบ้านเป็นกล่องกระดาษให้มันนอน พอรุ่งเช้าชีวิตเด็กบ้านนอกที่มีสัตว์เลี้ยงวิ่งตามอย่างซื่อสัตย์ช่างเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ด้วยพื้นที่เลี้ยงก็กว้าง ที่วิ่งเล่นก็เยอะแยะมากมาย  มีข้อห้ามเพียงนิดเดียวสำหรับคนเลี้ยงหมา คือ ห้ามเลี้ยงหมาให้ดุกัดคนอื่น หรือกัดสัตว์เลี้ยงอย่างเป็ด หรือไม่ มิฉะนั้น น้องหมาผู้น่ารักจะถูกวิสามัญ และผู้เลี้ยงอาจถูกปรับ หากมันไปกัดเป็ด ไก่ หรือกัดใครเข้า ตั้งแต่เลี้ยงมา น้องหมาของผมก็ไม่เคยเกเร กัดเป็ด กัดไก่ หรือกัดใครให้เจ้าของเดือดร้อน มันทำหน้าที่เฝ้าบ้านอย่างดี และคอยไปไหนมาไหนกับเราด้วยอย่างซื่อสัตย์ .. วันเวลาผ่านไป ผมได้ย้ายถิ่นฐาน  ปัจจุบันมาใช้ชีวิตอยู่กลางเมืองหลวง  ก็ให้หวนรำลึกถึงเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ในวัยเด็ก ผมอยากเลี้ยงหมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะเลี้ยงหมาอย่างเมื่อในอดีตไม่ได้อีกแล้ว เพราะพื้นที่และภูมิประเทศไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อตะก่อนตอนเด็ก ..แน่นอน คนกรุงเทพฯนิยมเลี้ยงหมานอก อย่างชิสุ พุดเดิ้ล ปอมฯ ชิวาวา ฯลฯ ซึ่งหมานอกเหล่านี้ก็แพงแสนแพง ซื้อมาแพงไม่พอ อาหารการกินของมันก็แพงกว่าอีก ..จากที่เคยคิดอยากจะเลี้ยงก็ต้องมาคิดหนัก แต่จะอย่างไร ก็คิดๆอยากเลี้ยงไว้สักตัวเหมือนกัน …มองน้องชิสุ น้องปอม  หรือไม่ก็น้องชิวาวาไว้  กำลังมองที่ถูกใจ และถูกราคาอยู่ หากใครมีช่วยแนะนำสักตัวด้วยนะครับ ผมสัญญาด้วยเกียรติของลูกเสือสำรอง จะดูแลและรักมันอย่างดีครับ ไว้ถ้ามีน้องหมาจริงๆ จะเอามาแนะนำให้รู้จักกันอย่างทั่วหน้า..นะ วันนี้เอาน้องหมาเทศมาให้ดู เพื่อเรียกน้ำย่อยความน่ารักซะก่อน

สุนัข หมา
อ่านต่อ

แก้ปีชง

สุขกะภาพ 24 February 201428 October 2015

ตั้งแต่เด็กจนโต พึ่งเคยได้ยินคำว่า ชง หรือปีชง ก็เมื่อไม่กี่ปีนี่เองครับ กว่าจะเข้าใจว่ามันคืออะไร ยังไง และทำไมก็เมื่อได้ยินเขาพูด อ่านที่เขาเขียน เขาบอกมาหลายครั้งถึงกระจ่าง “ชง”  ถ้าทางบ้านๆ ก็จะเรียกว่า “เคราะห์” คล้ายๆกับเมื่ออายุเบญจเพศจะมีเคราะห์ แต่ปีชง นี่นับตามปีเกิด แต่นับอะไรยังไงนั้นไม่รู้ครับ เป็นการนับแบบจีน เบญจเพศนี่เข้าใจง่ายมาก อายุ 25 จะมีเคราะห์ …… ทุกคนสามารถมีอายุ 25 ทั้งนั้น และเกือบทุกคนก็ต้องมีอุบัติเหตุ มีเคราะห์กันบ้างใน 1 ปี แต่พอมีอุบัติหรือเคราะห์ในช่วง 25 ปุ๊บ นั่นไง เบญจเพศ! เช่นเดียวกับปีชง อะไรนิดหน่อย ป่วยบ่อย ไอ้โน่นหาย ไอ้นี่เสีย เสียเงินหาย เงินหมด งานหาย นั่นไง ปีชง เบญจเพศ ต้องไปทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ปีชง ต้องทำไง? ต้องไปวัดจีน ไปบูชากระดาษเงินกระดาษทอง เขียนชื่อ อายุลงในกระดาษแล้วต้องไปทำพิธีอธิษฐานกับพระเจ้าไท่ ซื่อ เอี่ยะ พร้อมเอากระดาษปัดสิ่งชั่วร้ายออกจากตัว 13 ครั้ง เสร็จพิธี! ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องไปทำครับ เพราะผมไม่ใช่คนจีน ไม่ได้นับถือพระเจ้าอะไรใดๆทั้งนั้น แต่ก็ไป … คนเยอะและวุ่นวายกับการแก้ปีชงมาก ธุรกิจหากินกับความกลัวของคนยังจะเจริญเติบโตไปได้อีกเยอะ ..เพราะคนกลัวโดยเฉพาะกลัวต่อสิ่งที่มองไม่เห็น แต่เชื่อว่ามีจริง ตอนเข้าแถวซื้อกระดาษแล้วมานั่งกรอกชื่อที่โต๊ะ อารมณ์สมัครงานหรือสมัครเรียนอะไรสักอย่าง ยัยคนขายกระดาษก็เร่งทำยอดมาก กระชากเงินออกจากมือเราอย่างรวดเร็วหลังจากส่งกระดาษให้เราเสร็จ ทำแล้วสบายใจก็ทำไปเถอะ…แก้แล้วนะ ปีชง

ปีชง มะเมีย

ไม้ม้วน ไม้มลาย

เรื่องทั่วไป 4 August 2008

วันก่อนมีปัญหาถกกันในแผนก เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย เพื่อนคนหนึ่งใช้ภาษาไทยคำว่า “ไว้” ใช้เป็น “ใว้” ตลอด (ไม้มลาย เป็นไม้ม้วน) และยืนยันว่าตัวเองถูก ผมจึงแนะนำไปว่า “ไม้ม้วนนะ มีแค่ 20 คำ ท่องผู้ใหญ่หาผ้าใหม่..ได้มั้ย ถ้าท่องได้ ท่องให้จบ นั่นคือไม้ม้วนทั้งหมดที่มีใช้ ถ้านอกเหนือจากนั้น ถือเป็นไม้มลาย” มันก็อุตส่าทบทวน แล้วมาคัดค้านกับผมใหม่ว่า คำว่าไว้น่าจะเป็นไม้ม้วนนะ เพราะมันมีในบทผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ด้วย.. ผมก็ เฮ้ย..มันมีด้วยเหรอ ท่องมาแต่เด็ก ไม่ยักจะเคยได้ยิน ไหนลองว่าให้ฟังสิ มันก็เริ่มเลยครับ.. “ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ใว้ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ..นี่แหละๆๆ ตรงหาผ้าใหม่ใว้นี่แหละ เห็นมั้ยๆ มันมีจริงๆด้วย” มันหน้ามึนมาก ท่องมาได้ ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ไว้ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ..วันนี้ก็เลยหาหาบทดังกล่าวมาอ้างอิง เดี๋ยวนี้ใช้ผิดกันเยอะครับ ภาษาไทย เขียน/ใช้ให้ถูก จะได้ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานอีกนานเท่านาน.. ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่  ให้สะใภ้ใช้คล้องคอใฝ่ใจเอาใส่ห่อ  มิหลงใหลใครขอดูจะใคร่ลงเรือใบ  ดูน้ำใสและปลาปูสิ่งใดอยู่ในตู้  มิใช่อยู่ใต้ตั่งเตียงบ้าใบ้ถือใยบัว  หูตามัวมาใกล้เคียงเล่าท่องอย่าละเลี่ยง  ยี่สิบม้วนจำจงดี   วันเดียวกัน อีกคนถามผมเกี่ยวกับภาษาไทย (อย่างกับผมเป็นอาจารย์ภาษาไทยอย่างนั้นแหละ ไม่ใช่นะครับ แต่ตอบได้เท่าที่รู้) ถามมาว่า “คำว่าสังเกตเนี่ย สระอุ ไว้ใต้ ต.เต่า หรือ ก.ไก่ ดี” ใครรู้ช่วยตอบผมทีครับ ถ้าถามว่า คำว่าสังเกต มีสระอุ หรือไม่มี ยังจะพอแก้ไขได้ ถามมาแบบนี้ อาการหนักครับ

กุ้งรสเด็ด

สุขกะภาพ, เรื่องทั่วไป 4 July 2008

เพื่อนคนหนึ่งกำลังจะบรรจุเป็นร้อยตรี และจะไปประจำการที่ 3 จังหวัดภาคใต้ เมื่อไปประจำการที่นั่นแล้ว ก็ไม่รู้เมื่อไรจะได้กลับมาอีก จะมีโอกาสกลับมาไหม หรือยังไง ก็ไม่รู้ ..ก็จึงถือโอกาสนี้เลี้ยงส่งกัน ตามความคาดหมายทีแรก คิดว่าน่าจะมีเพื่อนมามากกว่านี้ แต่ถึงเวลาจริงๆ เนื่องจากอีกวันเป็นวันทำงาน คนโน้นติดงานบ้าง คนนี้อยู่ไกล ฯลฯ ก็เลยมากันได้แค่ไม่กี่คน งานนี้เราไปกินกันที่ร้านรสเด็ก สามแยกพระโขนง เป็นร้านกุ้งกะทะบุพเฟ่ต์ คนละ 99 บาท เดิมทีร้านนี้เป็นของคุณสมรักษ์ เนื้อย่างเกาหลี แต่พี่แกบริหารงานอีท่าไหนไม่ทราบ ถึงได้ตกมาอยู่ในมือของรสเด็ดในปัจจุบัน การเดินทางไปสะดวกมาก จากแยกคลองตันไป ก็มีหลายสาย 25, 71, 40 หรือรถซุบารุขนาดเล็กก็ได้ วิ่งตรงมาจนถึงสามแยก ร้านจะตั้งอยู่กลางแยกพอดี สังเกตง่ายเห็นชัด ห่างจาก BTS พระโขนงประมาณ 50 เมตร ว่ากันถึงบรรยากาศ ร้านนี้บรรยากาศไม่ค่อยจะดีมากนัก ออกจะแออัดไปนิ๊ด (ร้านหมูกะทะในความคิดผม ควรจะเป็นแบบสวนๆ โล่งๆ สบายๆ หน่อย) แต่คนเยอะพอสมควร ขนาดไปตั้งแต่ 6 โมงเย็น ก็เริ่มจะหาที่นั่งลำบากเสียแล้ว ส่วนอาหาร ถ้าเทียบกับที่อื่นๆ แล้ว ที่นี่ค่อนข้างให้อาหารเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นกุ้งที่มีมาให้เป็นระยะๆ ปลาหมึก ปลาเผา สเต็ก และอาหารทั่วๆไป ข้าวพัดรสชาติไม่เพี้ยน ของหวานก็หลากหลายครับ (บางที่ผมเคยเห็นของหวานมีไม่เกิน 5 อย่าง แต่ที่นี่เป็นสิบ) ที่นี่มีเบียร์หลายยี่ห้อให้ทดลองชิม น้องๆเชียร์ก็มีหลายเจ้า Hineken, Tiger, Cheer, Singha ฯลฯ เจ้าภาพงานนี้ปฏิเสธเบียร์ Tiger ด้วยเหตุผล น้องเชียร์เบียร์ไม่น่ารัก แถมปากร้าย แต่ยอมดื่มเบียร์ Cheer แม้ไม่เคยดื่มเลยในชีวิต ด้วยเหตุผลนี้ครับ หน้าตาเหมือนลูกครึ่งญี่ปุ่น แต่เธอปฏิเสธว่าไม่ใช่ และบอกว่ามาจากขอนแก่น ! สอบถามชื่อนาม เธอชื่อ กุ้ง มีชื่อจริงว่า สาวิตรี แซ่ไหล ธุรกิจบัณฑิตย์ ปี 2…

กุ้ง
อ่านต่อ

ทริปสันหนอกวัว 3 วัน 3 คืน

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 10 November 202218 December 2022

กลับไปสู่ป่าเขาอีกครั้งตามคำเรียกร้องของจิตวิญญาณ เสียงลมและแสงแดดกำลังต้องการตัว ทริปนี้ผมไป “สันหนอกหวัว”

กาญจนบุรี สันหนอกวัว เดินป่า
อ่านต่อ

คนตัวเล็กเล็ก

บ่น, สุขกะภาพ 3 February 20143 February 2014

สงครามแย่งอำนาจในบ้านเมืองเรากำลังดำเนินไปอย่างอึมครึม ถึงกรุงเทพจะถูกเซตสถานะให้เป็น Shutdown หรือ Restart  แต่อย่าลืมว่าทุกชีวิตในกรุงเทพก็ต้องดำเนินต่อไป ต้องกิน ต้องใช้ ต้องจ่าย จ่ายหนี้ จ่ายค่าเทอมลูก จ่ายค่ายา จ่ายค่าขนม จ่ายค่าเช่าบ้าน ฯลฯ ชายวัยกลางคนที่ทิ้งบ้านเกิดมาหากินในเมืองใหญ่ที่ถูก Shutdown  ภาระที่แบกไว้บนบ่าดูเหมือนหนักหนา แต่เทียบไม่ได้กับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบรออยู่ด้านหลัง ลูกและเมียรอเขาอยู่ที่บ้านอย่างมีความหวัง วันนี้เขาจะเจออะไรบ้าง? ของบนหาบจะขายได้หมดไหม? วันนี้จะถูกเทศกิจไล่หรือเปล่า? จะถูกรถเฉี่ยวชนไหม?   ฯลฯ คนใหญ่ๆ โตๆ  เขาคงตัวใหญ่เกินไปที่มองเห็นคนตัวเล็กๆบนถนน

อ่านต่อ

ทริปปั่นปั่น กับ น้องขาวเพรียว

สุขกะภาพ 30 March 201525 August 2022

เมื่อต้นปีมีโอกาสไปต่างจังหวัด ครั้งนี้ไปคนเดียวครับ  อย่ากระนั้นเลย เดี๋ยวรถจะเบา จึงหิ้วน้องเพรียวขาวขึ้นรถไปด้วย .. ก็จึงเกิดมีภาพน้องเพรียวขาวกับบรรยากาศลูกทุ่งๆ ฉะนี้แล

ขาวเพรียว จักรยาน
อ่านต่อ

ย่ำปราณบุรี..กับแพททีเซียทัวร์

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 30 October 20097 June 2019

ต่อจากโพสต์ที่แล้ว (อ่านกินปู กินหมึก ศึกษาธรรมชาติ..ที่หาดปราณบุรี) โพสต์นั่น ทั้งหมดเป็นภาพจากกล้องคอมแพคพานาโซนิค ลูมิก หลังจากโพสต์ไปแล้ว มีหลายคนถามว่า ไม่เห็นมีภาพถ่ายรีสอร์ทที่พักเลย..ก็อย่างที่บอกนะครับ ผมไม่อยากจะโฆษณาให้เขาสักเท่าไร แต่มาคิดอีกที ..เราไม่ได้โฆษณา แต่อันไหนดี ก็น่าเอามาเผยแพร่แบ่งปัน เผื่อคนอืื่นอยากไป จะได้เลือกถูก..คิดได้ดังนั้น ก็เลยเข้าไปเอาภาพของเจ้าวรนัส (เขียนด้วยภาษาอังกฤษว่า voranas อ่านว่า วอ-ระ-นัส (ถ้าเพศเมีย เป็น voranus เพศผู้ จึงเป็น voranas ดังนี้แล)) เพราะจำได้ว่ามันถ่ายรีสอร์ทไว้อยู่หลายภาพ กล้องเขากะกล้องเรานี่มันคนละระดับกันเลยครับพี่น้อง  กล้อง nikon d80 พร้อม Accessory เต็มหลังคารถ 6 ล้อ ไหนเลยเราจะเทียบเท่าได้ แต่ตกว่าไปด้วยกัน ..ก็เลยอาศัยเอาภาพมาประกอบบล็อกซะน่อย บรรยากาศในห้องพัก “พูลสวัสดิ์ ปาล์ม รีสอร์ท” ห้องน้ำครับ ..เก่าไปนิดนึง แต่น้ำอุ่นดี ด้านหน้าบ้านมีสระว่ายน้ำ แบ่งเป็นสระเด็ก สระผู้ใหญ่ (และสระคนชรา) อันนี้คือหน้าบ้าน..น่ามองมั้ย? บรรยากาศสระว่ายน้ำในยามค่ำคืน..สามารถเล่นได้ตลอด 24 ชม.ครับ เป็นสระน้ำเค็ม (แต่ยิ่งเค็มกว่าเดิม เมื่อพวกเราลงเล่น(ไม่รู้มีใครแอบฉี่หรือเปล่าในคืนนั้น 555+)) ส่วนอีกที่หนึ่ง กาลาโมน่า ..ไม่มีภาพประกอบครับ แต่อย่างที่เคยแนะนำไปแล้ว (อ่าน)  ดังนั้น จะไม่กล่าวซ้ำอีก ก็คงพอได้ไอเดียสำหรับใครที่มีแผนจะไปปราณบุรี .. งานนี้ต้องขอบคุณแพททีเซียทัวร์ ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ว่า “เที่ยวสนุกเหมือนครอบครัว ..กับทัวร์แพททีเซีย” เห็นเจ๊แพททีเซียบ่นอุ๊บว่า หลังจากจบทริปนี้ว่าผิวหมองไปเยอะด้วยกรำแดดกล้า  อีกทั้งกล้ามแขน/ขาก็ขึ้นเพราะว่ายน้ำทั้งคืน 555+ ป.ล. ถ้าไป อย่าลืมแวะอาหาร อุดมโภชนา อร่อย บรรยากาศดี ราคาไม่แพงนัก (ไม่ได้ค่าโฆษณานะ แต่อยากบอก)

ปราณบุรี
อ่านต่อ

จอมบึงมาราธอน ครั้งที่ 32

วิ่ง, สุขกะภาพ 15 January 20173 November 2017

การไปวิ่งจอมบึงมาราธอนถือเป็นความใฝ่ฝันของนักวิ่งทั้งหลาย เพราะไม่ใช่ว่าใครจะไปวิ่งได้ นอกจากมีเงิน มีเวลาแล้ว ยังต้องลุ้นว่าสมัครแล้วจะได้รับเลือกให้ไปวิ่งหรือเปล่า ตอนสมัครวิ่งใจยังไม่พร้อมสำหรับมาราธอนเลยเลือกในระยะที่ตัวเองสามารถทำได้ก่อน นั่นคือระยะฮาล์ฟ แต่พอถึงเวลาจริงกลับเสียดายระยะมาราธอน.. เราน่าจะจบมาราธอนแรกเสียทีนี่เลย

จอมบึงมาราธอน
อ่านต่อ

รีวิวที่พัก ที่เที่ยวเขาใหญ่ ณ มายโอโซน My Ozone

ท่องเที่ยว 3 August 201918 March 2020

ขอต้อนรับสู่ my ozone ดินแดนดุจปราสาทในเทพนิยาย, พูดถึงเขาใหญ่ ที่นี่มีที่ให้เที่ยวหลายที่ แต่ถ้ามีเวลาแค่วันเดียวและที่พักของคุณคือที่ มาย โอโซน ขอแนะนำว่าตัดที่เที่ยวที่อื่นทิ้งให้หมด และใช้ชีวิตใน 1 วันของคุณที่มาย โอโซนเท่านั้น สืบเนื่องจากได้รับของสมนาคุณจากเพื่อนคนหนึ่ง ผู้ซึ่งมอบรางวัลแด่มิตรภาพด้วยที่พักดีๆ ที่เหมาะแก่การไปพักผ่อนในช่วงเวลาสั้นๆ ..ก็จึงเป็นที่มาของการมาที่พักที่หรูหราในครั้งนี้  ที่นี่จะมีที่พักทั้งแบบเป็นห้องและเป็นหลัง ราคาก็แตกต่างกันไป มีไฮไลท์ตรงปราสาทที่เด่นตระหง่าเป็นทั้งที่รับประทานอาหารเช้า ฟิสเนต และสระว่ายน้ำ แต่สำหรับผมสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่านั้นคือ สนามหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา .. เช้านี้ต้องออกไปวิ่งซะหน่อยแล้ว พาไปชมห้องพักแบบ standard ซึ่งเป็นที่พักของคนในค่ำคืนนี้  ทุกอย่างในห้องพักดูดีมีราคา เตียงนุ่มสมราคา ตำแหน่งแสงไฟแต่ละจุดไม่แยงตา ไม่ทำร้ายสายตา นอนได้แม้ในเวลากลางวัน แง้มบานประตูด้านหลังออกไปจากเห็นทุ่งหญ้าสวยงาม แค่ใช้ชีวิตในห้องนอนนี้ก็คิดว่าคุ้มค่ามากแล้ว ..แต่อย่าเลยครับ ด้านนอกห้องยังมีอะไรให้เที่ยวชมอีกมาก นอนแต่พอหายเหนื่อย ออกไปเที่ยวรอบๆดีกว่า.. อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับที่นี่เลย นั่นคือ สระว่ายน้ำ นอกจากจะมีโซนที่นั่งริมสระหลากหลายทั้ง outdoor และ indoor แล้ว ขนาดของสระใหญ่พอที่จะให้กระโดดโลดเล่นว่ายได้จนเหนื่อยหอบเลยละครับ  ข้อดีของที่นี่อีกอย่างคือ ไม่หวงสนามหญ้า ด้านหน้าปราสาทและด้านหน้าที่พัก สามารถจอดบนสนามได้เลย อ้อมไปด้านหลังปราสาทจะพบดอกหญ้าเป็นกลุ่มแนวสวยงาม ซึ่งจะมีสนามหญ้าเป็นเนินสนับกันไปสวยงาม มองออกไปไกลๆเป็นแนวเขาใหญ่ ราวกับที่นี่เป็นปราสาทที่ตั้งอยู่ใจกลางป่าเขาในยุคเก่า หยุดใจที่วุ่นวายสักพัก หายใจอย่างช้าๆ และสะกดเวลาให้เดินช้าที่สุด ผมกับเจ้าขาววิ่งอ้อมออกด้านหลังปราสาทที่เป็นสนามกอล์ฟ สำหรับคนที่ชอบวิ่งหรือชอบปั่นจักรยาน นี่คือสวรรค์ชัดๆ ถนนคอนกรีตเล็กๆลัดเลาะไปตามเนินเขาเล็กๆ มองไปจนลับหูลับตาราวกับว่าเชิญชวนให้เราออกไปสัมผัสมัน รุ่งขึ้นอีกวัน ออกไปสำรวจโซนอื่นๆบ้าง เห็นว่ามีสวนดอกไม้อยู่ไกลๆด้านหน้าโน้น ส่วนร้านกาแฟเห็นมีคนเยอะ ก็เลยไม่ได้แวะครับ เป็นเวลา 2 วัน 1 คืนที่รู้สึกว่ามีอะไรให้ค้นหาตลอดเวลาครับ ห้องก็น่านอนน่าอยู่ แต่ก็คิดว่ามีเวลาน้อยเกินที่จะนอนหลับเฉยๆแล้วตื่นขึ้นแต่งตัวออกจากที่พัก หากอยากหลับตาและตื่นขึ้นท่ามกลางปราสาทกลางป่าเขา ที่นี่คือคำตอบครับ

มายโอโซน เขาใหญ่

แบ่งตามหมวด

  • say (8)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (61)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (88)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (52)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH