Skip to content

N E V I K U P

Find your Heart, Find the Happiness.

☰
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ
  • หน้าแรก
  • ท่องเที่ยว
  • คาเฟ่รีวิว
  • เรื่องสั้นสั้น
  • เรื่องยาว
  • สารบาญ

บ้านบ้าน

เกี่ยวกับเรื่องบ้านที่เป็นวิมานของผมล้วนๆ ครับ

อ่านต่อ

ร่องรอยผู้บุกรุก

บ้านบ้าน 14 August 201328 October 2015

ไม่ไ้ด้คิดไปเองแน่ๆ ..เพราะเสียงนั่นมันมาจากหลังบ้าน!! เสียงคุยกันอย่างกระซิบกระซาบในความมืด ไม่แต่ผมที่ได้ยิน จิ๊กกี๋สุนัขสัญชาตญาณนักล่าหูขวากระดิ๊กตลอดเวลาที่มีเสียง ผมย่องอย่างแผ่วเบาในราตรีไปที่หลังบ้าน ค่อยๆแง้มประตูอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ หลังบ้านปกคลุมด้วยความมืด หลังจากเปิดประตูออกไป ผมรีบเปิดสวิตซ์ไฟทันที!! ทั้งสองตกใจอย่างสุดขีดเมื่อหันมาเจอผมอย่างจัง จิ๊กกี๋กระโจนเบียดผมออกจากประตูไป แต่ไม่ทัน มันเร็วมาก .. วิ่งตามกันบนกำแพงบ้านก่อนจะลัดเลาะปีนป่ายไปบนหลังคาอย่างแคล่วคล่อง ทิ้งไว้แต่ร่องรอยมูลและคราบน้ำบางอย่างไว้บนหลังตู้ มันคือกระรอกผัวเมียที่กำลังหาเรือหอ และมันก็เล็งหลังบ้านผมไว้ .. และภาพนี้คือหลักฐาน ภาพจากสถานที่จริง และอึของกระรอกจริงๆ

กระรอก
อ่านต่อ

อึลึกลับ

บ้านบ้าน 8 July 201325 August 2022

เมื่ออยู่ๆ ก็ปรากฏอึลึกลับของตัวอะไรสักอย่างที่คาดเดาไม่ได้ ณ ทางออกหลังบ้าน

ขี้ อึ
อ่านต่อ

น้ำท่วมบ้านนะเออ

บ้านบ้าน, สุขกะภาพ, ไดอารี่ 7 November 201128 June 2013

ขอคั่นทริปเที่ยวเมืองจีนด้วยสถานการณ์น้ำท่วมที่บ้าน

น้ำท่วม บ้าน
ลั่นทม..หลังบ้าน อ่านต่อ

ลั่นทม..หลังบ้าน

บ้านบ้าน 25 June 2011

เห็นว่าวันนี้อากาศดี เลยจะพาไปนั่งเล่นที่ระแนงหลังบ้านซะหน่อย.. บ้านทาวน์โฮมทั่วไปเกือบทุกหลังจะตีหลังบ้านทึบทำเป็นครัว เพราะบ้านมีพื้นที่น้อย แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น รู้สึกมันอึดอัดเกินถ้าจะปิดหลังบ้านทึบ เลยตีพื้นระแนงด้วยไม้สมาร์ทวูด และตีระแนงที่กำแพงให้สูงขึ้นอีกหนึ่งเมตร เพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้เล็กๆน้อยๆ ..ต้นลีลาวดีหรือชื่อเก่า “ลั่นทม” สองต้นซ้ายและขวานั้นได้อานิสงส์จากบ้านคุณเกลือ เห็นว่าเป็นพันธ์สามกษัตริย์คือมีดอกสามสี..ไม่พอเท่านั้นครับ หลังบ้านจะจืดไป จัดการละเลงสีเข้าไปตามใจชอบ อยากได้สีอะไรก็เทกันเข้าไป ตั้งใจว่าถ้าสีเก่าลอก จะทาสีใหม่ให้แซ่บกว่านี้ ถ้าเบื่อหน้าบ้านที่เป็นสวนสาธารณะก็จะแอบมานั่งในพื้นที่ส่วนตัวหลังบ้านได้ ‘ว่างๆก็เชิญนะครับ’

บ้าน ระแนง
อย่าโกรธเลยนะ อ่านต่อ

อย่าโกรธเลยนะ

บ้านบ้าน 16 February 2011

ความโกรธทำให้แก่เร็วขึ้นมาก ถ้าบอกว่าความโกรธทำให้แก่ คนเริ่มไม่กลัว เพราะถึงไม่โกรธคนก็แก่ขึ้นทุกวันอยู่แล้วโดยธรรมชาติ ความโกรธมักเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว และไม่ทันได้ตั้งตัว จนบางครั้งทำให้เผลอพลาดทำเรื่องที่ผิดพลาดใหญ่หลวงไปแล้วถึงได้สติ ซึ่งมันก็สายไปเสียแล้ว สำหรับผู้มีสติ ก็จะมองเห็นความโกรธ รู้เท่าทันและจัดการกับมันอย่างเหมาะสม ความโกรธมาได้อย่างไร คนเรามีประสาทรับรู้ 6 แห่ง เรียกว่าอายตนะทั้ง 6 ถ้าสิ่งทีี่รับรู้มาน่ารื่นรมย์ใจก็เป็นสุข แต่ถ้าได้รับรู้ในสิ่งที่ไม่ถูกใจก็เป็นทุกข์ หรือโกรธ จะโกรธมาก โกรธน้อย อยู่ที่ว่าสิ่งที่รับมามากน้อยแค่ไหน ประสาททั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ตา ได้เห็นภาพบาดใจ เช่น แฟนของเราไปกับคนอื่น โกรธ หู ได้ยินมาว่า แฟนเราไปกับคนอื่น โกรธ จมูก ได้กลิ่นน้ำหอมแปลกๆติดมากับเสื้อของแฟน โกรธ ลิ้น ได้รับรสอาหารที่ไม่อร่อย ไม่ถูกใจ โกรธ กาย ถูกเตะ/ต่อย/ตี โกรธมาก ใจ หลังจากได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้สัมผัสเรื่องไม่ดีทั้งหมดข้างต้นมาแล้ว เก็บเอามาคิดมาเป็นอารมณ์ .. โกรธ อาฆาต คิดมาก เครียด นั่นแหละครับ ที่มาของความโกรธ แล้วจะรู้เท่าทันมันได้อย่างไร ตา เห็นภาพบาดตา อย่าพึ่งวู่ว่ามโวยวายจนเสียการ ตั้งสติแล้วเข้าไปถามด้วยคำพูดที่ปกติและสุภาพที่สุด หู ได้ยินเรื่องไม่ดีมา อย่าพึ่งเชื่อทั้งหมด 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น หาข้อเท็จจริงด้วยใจที่ไม่ลำเอียงก่อน จมูก ได้กลิ่นไม่ดี ระงับความโกรธ ถามหรือหาความจริงด้วยใจไม่ลำเีอียง ลิ้น ทุกอย่างในโลกมีทั้งดีและไม่ดีเสมอ แม้ในสิ่งดีสำหรับบางคน ก็อาจไม่ดีสำหรับอีกคนก็ได้ เมื่อได้ลิ้มรสชาติไม่ดี ก็แค่ไม่กินมัน แต่ไม่ต้องถึงกับทิ้งหรือโวยวาย เพราะอาหารนั้นอาจถูกใจคนอื่น กาย หากได้รับการเตะ/ต่อย/ตี แล้วตอบโต้ ทุกอย่างจะไม่จบเพียงเท่านั้นจนกว่าจะมีผู้สูญเสีย ซึ่งนั่นแปลว่ามันสายไปแล้ว หากเขาเตะ/ต่อย/ตีเราแล้วมีความสุข เราควรจะดีใจที่ได้ช่วยให้คนอื่นสมหวัง ใจ ทำใจให้เป็นกลาง ปล่อยวาง ไม่นำมาสุมในหัวใจให้เป็นทุกข์ ..สาธุ ปล….

โกรธ
สุดเขต..สเลดเป็ด อ่านต่อ

สุดเขต..สเลดเป็ด

บ้านบ้าน, เรื่องทั่วไป 23 January 201128 October 2015

ไม่ได้ดูหนังในโรงนานพอสมควร 1.ไม่มีเวลา 2. ไม่มีเงิน 1. ไม่มีเวลา ก็น่าจะจริง การดูหนังมันต้องเข้าไปดูในโรง นั่งรถไป รถก็ติด..เสียเวลา ไปถึงห้างจองตั๋วดูหนัง ใช่ว่าถึงปุ๊บ จะได้ดูหนังปั๊บ ต้องรออย่างน้อยๆ 30 นาที – 1 ชั่วโมง แล้วระหว่างนั้นทำอะไรละ เดินดูของ กินข้าว เสียเวลาและเสียตังค์ ในห้างมีของวางเรียงรายล่อกิเลสเรามากมาย ไม่ควักตังค์ซื้อบ้างถือเก่งโคตร 2.ไม่มีเงิน เงินสำหรับดูหนังนะมี แต่ไม่มีเงินสำหรับกิจกรรมระหว่างรอดูหนังและค่าโดยสารสำหรับไปดูหนัง!! ที่ผ่านมาก็เลยอาศัยดูหนังแผ่นจากร้านเช่า ถูกดีแผ่นละ 20 แต่ต้องรีบไปคืนภายใน 1 วัน!! ก่อนหน้าจะดูหนังในโรงครั้งล่าสุดนี้ ดูหนังแผ่นเรื่อง “กวน มึน โฮ” เป็นหนังไทยจากค่าย GTH ที่อยากดูตั้งแต่เข้าโรง แต่ติดปัญหาจาก 2 ข้อข้างต้น พึ่งได้ดูแผ่นก็ชอบ สนุก จนอยากจะดูซ้ำ แต่ยังไม่ได้ดู เพราะเช่ามาวันเดียว ดูได้รอบเดียวก็ต้องรีบเอาไปคืน เดี๋ยวเขาปรับ!! ล่าสุดดูหนังในโรงเรื่อง สนุกแบบไม่หยาบคาย ไม่ตลกพร่ำเพรื่อ แอบมีแง่คิดเล็กๆ ไม่ต้องมาก คนดูไม่ชอบหนังที่ต้องขบคิดเยอะชีวิตมันเครียดพอแล้ว ถ้าเข้าไปดูหนังแล้วต้องนั่งคิดตีโจทย์เหมือนหนังเรื่อง inception ก็ไม่ไหว เครียด ปวดหัว งง เหี้ย ห่าอะไรไม่รู้ ดูจบแล้วต้องมานั่งคิดต่อ แต่ก็ยังไม่หายงง หลายซีนในหนังเรื่องนี้มีแอบจิก กัดแบบน่ารักๆ การจิกกัดทำนองนี้เมื่่อก่อนเป็นแนวถนัดของยุทธเลิศ แต่ตอนหลังๆเฮียแกทิ้งไป หนังของแกแต่ละเรื่องเลยดูไม่จืด ไม่สนุก และไม่ใช่(สำหรับผม)อีกต่อไป ความเห็นสำหรับ..หนังเรื่องนี้ – ไหนว่าเป็นผู้ชายนับ 3 เจอนางเอกมากกว่า 3 ครั้ง แต่ยังพูดมาเต็มปากกว่า 3 ครั้ง – การจีบหญิงแบบพระเอก ก็แนวดีอยู่หรอก แต่ใช้ในชีวิตจริงไม่ได้ – คนหน้าตาเหี้ยๆ ถึงไปบอกหญิงว่าใจโคตรหล่อ เขาก็ไม่เชื่อหรอก จริงๆ – ชอบที่นางเอกบอกว่าไม่ชอบดูหนังภาคต่อ แต่ชอบดูเรื่องใหม่ (ความคิดนี้ใช้ได้กับเรื่องคนเหล็ก 3 ภาคต่อทำได้ห่วยแตก…

บ้าน บ้าน บานแล้วบ้าน อ่านต่อ

บ้าน บ้าน บานแล้วบ้าน

บ้านบ้าน 8 December 2010

นานมาก ..ไม่ได้มาเขียนอะไรไว้ที่นี่เลย ดูเหมือนชีวิตช่วงนี้จะขาดหายไป ..อะไรทำให้เป็นแบบนั้น? คำตอบสั้นๆครับ “บ้าน” ตั้งแต่ตัดสินใจซื้อบ้าน โอน และเริ่มต่อเติมบ้าน ในหัวสมองผมก็มีแต่เรื่องบ้าน บ้าน และบ้าน หลายๆอย่างไอเดียที่เกิดขึ้นในหัว แต่เวลาลงมือทำจริง มันออกมาได้แค่ใกล้เคียง ใช่ว่าช่างจะไร้ฝีมือนะครับ แต่เพราะ.. 1. ถ่ายทอดไอเดียออกมาไม่เป็นภาพ ช่างเห็นเป็นอีกอย่างตามแบบของเขา 2. ไอเดียบางอย่างมีค่าใช้จ่ายสูงมาก 3. ข้อจำกัดในเรื่องเงิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าข้อสุดท้ายสำคัญสุด!! ทุกกระบวนการขั้นตอนของการซื้อ สร้าง และต่อเติมบ้าน ผมก็ได้ถ่ายรูปไว้หมดแล้วละ ตั้งใจว่าบ้านเสร็จเมื่อไร ค่อยมาเรียบเรียง เรียงลำดับภาพตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน เห็นถึงระยะเวลาและกระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อนเลย แต่ใช้เวลายาวนานยิ่ง บางอย่างก็ขัดใจเหลือเกิน แต่เสียดายไม่ได้เกิดมาเป็นช่าง ไม่อย่างนั้นไม่ง้อหรอกก ลงไปผสมปูน ตอกตะปูเองแล้ว สร้างบ้านไม่ให้งบบาน ทำไม่ได้ง่า่ยเลย มีเรื่องให้เสียเงินอีกมากมายครับ พูดเรื่องเงินแล้วปวดหัว ..พอก่อนๆ ที่อยากจะมาบันทึกไว้ในวันนี้คือความคืบหน้าของบ้าน ตั้งแต่จองเมื่อมีนา โอนมิถุนา และเดือนนี้ธันวา ก็ใกล้ย้ายเข้าไปอยู่ได้แล้วครับ ขอฤกษ์จากพระอาจารย์ได้ฤกษ์เข้าบ้านวันที่ 22 ธันวาคม เชิญพระเข้าบ้านและถือฤกษ์นอนเป็นวันแรกด้วยเลย ส่วนวันทำบุญบ้านก็ว่ากันอีกที ณ ตอนนี้งานหลักๆที่ยังขาดคือ งานทาสีของช่างผู้รับเหมา งานเก็บรายละเอียดสีของช่างโครงการ งานแก้ไฟบางจุด และงานม่านหน้าบ้าน อาทิตย์นี้จะลุยทำความสะอาดใหญ่ และหลังจากนั้นก็น่าจะเก็บข้าวของย้ายเข้าไปอยู่ได้แล้วละครับ ซื้อบ้าน ทำบ้าน ..ไม่ใช่เรื่องง่า่ยเลย หมดยาแก้ปวดหัวไปหลายเม็ดเลยละครับ!!

ปลูกองุ่นหน้าบ้านดีไหม? อ่านต่อ

ปลูกองุ่นหน้าบ้านดีไหม?

บ้านบ้าน 3 June 2010

หลังๆ ผมหันไปบันทึกแบบสั้นๆ ไว้ที่ thaithaidairy ส่วนเรื่องยาวๆ เป็นเรื่องเป็นราว ก็คงเขียนที่นี่แหละครับ บอกเผื่อมีใครมาๆหายๆ แล้วรู้สึกว่าบล็อกที่นี่ทิ้งช่วงนานไป ก็แว่บไปดูที่นั่นได้ (ที่นั่นคุณสามารถสมัครเขียนด้วยกันได้ด้วยนะ :P) วันนี้มาพูดถึงเรื่องบ้านใหม่(ที่ยังไม่ไปถึงไหน)อีกที ครั้งล่าสุดที่ไปดูบ้าน ก็สำเร็จไปประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์แล้วครับ ที่เหลือคงเป็นการตกแต่งรายละเอียดภายในบ้าน ทาสี และอื่นๆ  ระหว่างนี้ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า จะจัดบ้านอย่างไร ปลูกอะไรตรงไหน ใส่สีอะไรไปดี ฯลฯ คิดแต่ว่าจะใส่โน่นใส่นี่อ่ะนะครับ แต่ไม่เคยคิดถึงค่าใช้จ่าย 🙁 วันนี้แอบไปเห็นห้องน้ำแบบอนรักษ์ธรรมชาติ เห็นแล้วก็อยากได้ละนะครับ แต่คิดว่าห้องน้ำที่โครงการให้มา คงไม่ใหญ่พอที่จะทำแบบนี้ หรือถ้าจะขยายทำใหม่ ก็สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายไปเปล่า เอาเป็นว่าใช้ตามที่มีไปก่อน ไอเดียนี้ทดไว้ในใจ ไว้มีเรี่ยวแรงเมื่อไรค่อยลงมือ !! อีกอย่างที่อยากทำมาก คือระแนงหน้าบ้าน เมื่อก่อนหน้านี้คิดว่าคงปลูกไม้เลื้อยทั่วๆไป เช่น ม่านบาหลี ฯลฯ แต่วันก่อนไปทานอาหารแถวถนนอักษะ (หรือชื่อใหม่ ถนนอุทยาน) ไปทานร้านบ้านน้ำเคียงดิน ก็ไปเห็นไอเดียที่เขาปลูกต้นองุ่นให้มันเลื้อยนั่งร้านสวยงามทีเดียว มีลูกองุ่นด้วย แต่รสชาติหวานหรือเปรี้ยวมิได้ชิม  เลยได้ความรู้ใหม่ว่า องุ่นก็สามารถปลูกในกทม.ได้ และปลูกให้เป็นไม้เลื้อยได้เช่นกันหากปลูกอย่างถูกวิธี กลับถึงบ้านหาข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกองุ่นต่อ ก็ได้ไปเจอที่นี่ครับ ‘ปลูกองุ่นในเมืองก็ได้ ง่ายนิดเดียว‘ เขาสอนวิธีปลูกองุ่นในเมือง ตั้งแต่ขั้นตอนแรก จนถึงการดูแลรักษาและการทำให้องุ่นมีรสหวาน เห็นแล้วก็เกิดไอเดียครับ  เราต้องปลูกองุ่นหน้าบ้านให้ได้ !!! ตามคำแนะนำเขาก็คือว่า ต้องปลูกต้นองุ่นก่อนที่จะสร้างร้านให้มันขึ้นอย่างน้อย 3 เดือน พยายามรักษาต้นให้มันแตกใบให้ได้เยอะๆก่อน แล้วค่อยทำร้านให้มันเลื้อย 3 เดือนก็กำหนดบ้านผมเสร็จพอดี ดังนั้น ตอนนี้ต้องไปหาองุ่นมาเลี้ยงได้แล้วสินะ

องุ่น แต่งบ้าน
โต๊ะทำงาน ‘ธรรมดา..ที่ไม่ธรรมดา’ อ่านต่อ

โต๊ะทำงาน ‘ธรรมดา..ที่ไม่ธรรมดา’

บ้านบ้าน 8 April 201028 October 2015

แอบบไปเจอโต๊ะทำงานฝรั่งคนหนึ่งมา รู้สึกถูกใจในการจัดวางของใช้ต่างๆอย่างลงตัวและเหมาะเจาะดี โต๊ะทำงานที่เราไปเห็นตามห้าง หรือร้านขายเฟอร์นิเจอร์ จะมีการจำลองการวางคอมพิวเตอร์ แก้วน้ำ เอกสาร ฯลฯ  เห็นแล้วดูดี แต่เราลืมคิดถึงความเป็นจริง !! ความเป็นจริงที่ว่า ในชีวิตจริงของคนทำงานอย่างเราๆนั้น มีของใช้บนโต๊ะทำงานมากกว่านั้นเยอะมาก และไม่มีใครมาขยันเก็บโต๊ะทำงานให้สวยกิ๊กอยู่ทุกวัน ดังนั้น เวลาจะเลือกซื้อโต๊ะทำงานจริงๆ ต้องคิดถึงข้อนี้ด้วย ใช่ว่าเห็นอะไรสวย ก็จะซื้อจะเอาอยู่ร่ำ ดั่งโต๊ะทำงานที่ผมเอามาโพสต์ด้านบนนี้ วอเปเปอร์ด้านหลังเป็นสีฟ้าเข้ม โต๊ะเป็นแนวโปร่งเพื่อมองทะลุไปเห็นสีฟ้าได้อย่างสบายตา ความไม่ธรรมดาอยู่ที่ชั้นวางหนังสือและที่หนีบเอกสารทั้งซ้ายขวา โต๊ะคอมพิวเตอร์ธรรมดาๆ เลยกลายเป็นโต๊ะที่ไม่ธรรมดาทันที งานนี้ดูพอได้ไอเดียนะครับ

1 2
อ่านต่อ

บ้านกรูด ทะเล – สวย – สงบ

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 17 April 200923 September 2016

ปีใหม่แบบไทยๆ สาดน้ำ ปะแป้ง รดน้ำ ดำหัว ยึดรถเมล์ เผารถ ไล่กระทึบ ยิง ฟัน ฆ่า ฯลฯ กลายเป็นวันประวัติศาสตร์ไปอีกวัน นอกจาก 6 ตุลา , 14 ตุลา, พฤษภาทมิฬ , 7 ตุลา และล่าสุดสดๆร้อนๆ 12 เมษา คนไทยแบ่งเป็นฟักฝ่ายโดยแยกตามสี สีใหญ่ๆมี 2 สี แต่ไม่แน่ใจในอนาคตจะมีสีอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่ สีน้ำเงินที่โผล่มาแค่วันเดียวก็หายไป อาจจะเป็นสีเฉพาะกิจ แต่จะสีไหนก็ตาม เสื้อผ้าทั้งสองสีของผม ถูกพับเก็บไว้ในตู้มิดชิด ไม่ยอมใส่มันอีกต่อไป (ถึงจะชอบแค่ไหนก็ตาม)   วกมาเรื่องตัวเองบ้างดีกว่า สงกรานต์ปีนี้ก็เหมือนทุกๆทีครับ ..ไปทะเล ผมไม่ได้ไปเยี่ยมแม่ พี่น้อง หรือญาติผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์นานแล้ว..(จนลืมไปแล้วว่า วันสงกรานต์ต้องทำอะไรบ้าง ถึงจะถูกต้องตามจารีตประเพณี) จารีตประเพณีที่บังคับให้เราทำอะไรเหมือนๆกันในวันเดียวกันนี่เอง ทำให้เกิดปัญหา~ ปัญหารถติดเพราะต้องออกไปไหว้ผู้ใหญ่ในวันเดียวกัน ปัญหาสถิติคนตาย ปัญหาคนตกรถ อุบัติเหตุ ฯลฯ   เราถูกตั้งกฏ(โดยสื่อหรือใครก็ไม่รู้)ให้รักแม่รักพ่อปีละครั้ง รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ปีละ 3 วัน มีการรณรงค์ส่งเสริมให้ไปไหว้พ่อไหว้แม่ในวันดังกล่าว จนคนที่รักพ่อรักแม่อยู่ทุกวัน ไหว้พ่อไหว้แม่อยู่ทุกวัน รู้สึกไม่มั่นใจว่าที่ทำๆทุกวันนั่น ใช่รักพ่อรักแม่รึยัง? ต้องรีบไปไหว้เป็นพิเศษในวันนั้นให้ได้ ส่วนคนอื่นๆที่พ่อแม่อยู่ไกล ก็ต้องรีบออกจากบ้านออกเดินทางพร้อมกันในวันเดียวกัน จะไม่ไปก็ไม่ได้ เปิดทีวีช่องไหน ก็มีแต่ภาพดาราไหว้พ่อไหว้แม่ กอด จูบพ่อแม่อยู่นั่น จนคนดูเริ่มรู้สึก (แรกๆแค่รู้สึกคิดถึงพ่อแม่ แต่หลังๆชักรู้สึกมั่นไส้) ผมก็ไม่ได้แอนตี้ประเพณีแบบนี้กันหรอกนะครับ เพียงแต่ว่า ปีละครั้ง มันพอเหรอ?? รณรงค์ ส่งเสริมกันแค่ปีละครั้งเองเหรอ คนที่รักพ่อแม่จริงๆ ทำได้ทุกวันง่ายๆ ทำตัวให้เป็นคนดี จะทำอะไรไม่ดีก็ขอให้คิดถึงท่านก่อน ก่อนนอนกราบพระและระลึกถึงท่าน อุปัฏฐาก บำรุง ดูแล ตามสมควร ฯลฯ เอาละ พูดมาเยอะแยะนั่นนะ ความรู้สึก ความเห็นส่วนตัวล้วนๆครับ ไม่ต้องเห็นร่วมก็ได้ เอาภาพที่หนีกรุงเทพฯไปเที่ยวทะเลมาฝาก (ต้องใช้คำว่าหนีจริงๆ เพราะวันที่ไปนั่นนะ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดแล้ว…

อ่านต่อ

จุดเปลี่ยนของชีวิต..คุณลิขิตเองได้(นะ)

เรื่องทั่วไป, ไดอารี่ 29 January 201030 June 2016

ผมชอบดูรายการที่เขาสัมภาษณ์คนใหญ่คนโต หรือคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต คำว่า คนใหญ่คนโต ไม่ใช่เฉพาะ นายกรัฐมนตรี, สส. หรือคนร่ำรวมมหาศาลอย่างเดียว แต่หมายถึงคนที่มีความสุขในชีวิต มีอาชีพที่มั่นคง และได้ชื่อว่าประสบแล้วซึ่งความสำเร็จในชีวิต รายการแบบนี้มีน้อยเต็มทีในทีวีบ้านเรา เห็นมีเจาะใจที่ยังยืนยันยึดมั่นทำรายการแบบนี้มา ส่วนวู้ดดี้ เป็นรายการสัมภาษณ์เช่นกัน แต่สัมภาษณ์ดารา อิงกระแส เน้นถามแรงๆ แปลกๆ .. ส่วนสาระนั้นแทบไม่มี เมื่อวานนี้ผมได้ดูรายการสัมภาษณ์แบบนี้ 2 รายการ ไหนๆ ก็บอกไว้แล้วว่ารายการทำนองนี้มีสาระ ก็จึงต้องหาสาระจากการดูมาเล่าสู่กันฟังซะหน่อย รายการแรกบังเอิญได้ดูเมื่อตอนหัวค่ำ คม ชัด ลึก โดยพิธีกรน่ารัก อายุเท่ากันกับผม จอมขวัญ กัลยา แกได้ไปสัมภาษณ์คุณประเสริฐ รุ่งโรจน์ ผู้เป็นเจ้าของหนังสือ “แกะดำทำธุรกิจ” คำว่าแกะดำในความหมายของคุณประเสริฐ คือ การทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามคนหมู่มาก การสร้างทางเลือกใหม่ให้แก่ชีวิต การเลี้ยวขวาขณะที่คนหมู่มากเลี้ยวซ้าย ไม่ใช่คนขวางโลก แต่เป็นการคิดและการทำอย่างมีเหตุผลซึ่งแกทำและประสบความสำเร็จมากว่า 20 ปีแล้ว ..แกะดำของคุณประเสริฐน่าสนใจมั้ย? คุณประเสริฐเริ่มต้นชีวิตการทำงานจากศูนย์ แกจบวิศวะ แต่มาเริ่มทำงานด้านโฆษณาตอนอายุ 29 แกเริ่มต้นงานโฆษณาจากศูนย์จริงๆ เพราะแกไม่รู้จักกระทั่งคำว่า “อาร์ตเวิร์ก” คืออะไร แต่ 2 ปีผ่านไปทุกอย่างก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จอย่างล้นลามอย่า่งในปัจจุบัน จุดเปลี่ยนของคุณประเสริฐคือ ตอนที่ท่านประสบอุบัติเหตุ ต้องนอนนิ่งๆอยู่ในห้องไอซียูถึง 3 อาทิตย์ ตรงนั้นเองทำให้ท่านคิด และพิจารณาถึงวงจรชีวิตที่เป็นวงกลมอันนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ จากหลังมือเป็นหน้ามือ คุณประเสริฐบอกว่า คีย์เวิร์ดสำคัญของการประสบความสำเร็จ คือ การตั้งคำถามอย่างถูกต้อง การตั้งคำถามอย่างถูกต้อง จะนำไปสู่การหาคำตอบที่ถูกต้องเช่นกัน เมื่อตั้งคำถามผิด คำตอบก็จะหาไม่ได้ เมื่อไม่ได้คำตอบในชีวิต การดำเนินชีวิตจะดีได้อย่างไร แกะดำ ไม่ได้สอนให้ทำธุรกิจด้วยตัวเองอย่างเดียว แต่สอนให้รู้จักคิดต่าง เพื่อสร้างความสุขในชีวิต ในหน้าที่การงาน ให้ออกจากวงกลมของชีวิตของแกะขาว กล่าวคือ ตื่นเช้า ไปทำงาน พักเที่ยงกินข้าว เย็นกลับบ้าน นอน เช้าวันใหม่ ก็เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ..นั่นคือ แกะขาวของคุณประเสริฐ จากการได้ดูการสัมภาษณ์ ทำให้ผมเริ่มอยากรู้จักวิถีชีวิตของแกะดำมากขึ้น วันนี้เลยสั่งซื้อหนังสือของคุณประเสริฐมา 1 เล่มก่อน…

แกะดำ

เลือดชาวนา

เรื่องทั่วไป 5 March 2010

หลังจากเปิดหมวดหมู่ใหม่ ก็เลยอัดแต่เรื่องในหมวดหมู่ใหม่ไปเยอะ..วันนี้มาเข้าเรื่องที่อยู่ในหัวตามเดิมบ้าง หลายอย่างเกิดขึ้นและดับไปในหัว บางอย่างดับไปแล้วแต่ยังมั่นอยู่ในสัญญา คือยังจำได้อยู่ แต่บางอย่างได้หายไปแล้วกับกาลเวลา ไอเดีย หรือแรงบันดาลใจเกิดขึ้นในใจผมหลายครั้งมาก แต่น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถรักษาพวกเขาให้อยู่กับเราตลอดไป .. แต่มันต้องมีวิธีสิ ต้องมีวิธีที่จะรักษาไอเดียและแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นในใจ ณ เวลานั้นๆ ให้อยู่กับเราตลอดไป เพื่อใช้เป็นแรงขับเคลื่อนชีวิตให้ดำเนินไปอย่างถูกต้องตามครรลอง อังคารที่ผ่านมา มีความรู้สึกภาคภูมิใจในอาชีพบรรพบุรุษของผมเกิดขึ้น ซึ่งแทบจะกล่าวได้ว่ามันเกิดขึ้นน้อย และหลังๆแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยกับอาชีพนี้ นั่นคือ อาชีพชาวนา !! ชาวนาผู้น่าสงสาร ทำงานหนักทั้งปี แต่มีหนี้ท่วมตัว ฝนไม่ตกข้าวก็พัง ฝนตกมากข้าวก็เน่า มีลูกสาวลูกชาว ประดาลูกๆ ก็ไม่อยากเป็นชาวนา ไม่มีความภาคภูมิใจในอาชีพบรรบุรุษนี้แล้ว อยากเรียนต่อ เรียนสูงๆ ..ชาวนาผู้น่าสงสาร จะเอาเงินที่ไหนส่งลูกเรียน ในเมื่อข้าวราคาแสนถูก ผลิตผลแต่ละปีก็ย่ำแย่ ไม่น้ำแห้ง ก็น้ำท่วม แต่สุดท้ายด้วยความรักลูก ก็ต้องยอมสละสมบัติชิ้นสุดท้ายอันเป็นที่ทำงานมาทั้งชีวิต นั่นคือ ที่นา !! ชาวนาผุ้น่าสงสารทำนาเหมือนเดิม แตกต่างแต่ว่า นานั้นไม่ใ่ช่ของตนอีกต่อไป ความหวังสุดท้ายอยู่ที่ลูกชายลูกสาวที่ส่งเสียไปร่ำเรียนถึงในกรุง ชาวนาผู้น่าสงสารยังมีสัตว์เลี้ยงที่น่าสงสารยิ่งกว่าอีก นั่นคือ ควาย  ~ โง่เหมือนควาย ไอ้ควาย!! คนฉลาดในเมืองหลวงคอยตักตวงเอาผลประโยชน์จากชาวนาผุ้น่าสงสารที่พลัดหลงเข้ามาในเมืองหลวง กดขี่ข่มเหง คนที่ทนต่อสภาพกดดันนั้นได้ กลายเป็นอดีตชาวนาผู้มีประสบการณ์ทางมิจฉาชีพในเมืองหลวงสูง เขาผันตัวเองเป็นผู้ตักตวงผลประโยชน์ หลอกลวงคนอื่นบ้าง นั่นคือ ผลผลิตจากอดีตที่เจ็บปวดของเขา ชาวนาผู้น่าสงสารที่ไม่เข้าในเมืองหลวง ก็กลับถูกผู้อยู่ในเมืองดั้นด้นไปจนถึงชายทุ่ง หลอกลวงขอซื้อที่ด้วยราคาที่แทบจะถูกกว่าล้อรถยนต์ ความภาคภูมิใจในอาชีพชาวนาเมื่อในอดีตสูญสิ้น เมื่อกล่าวถึงอาชีพนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า “จน” และค่อนข้าง “โง่” จนเมื่ออังคารที่ผ่านมา ผมดูรายการคนค้นฅน ตอน  ตุ๊หล่าง เลือดชาวนา ความภาคภูมิใจในอดีตค่อนก่อตัวขึ้นใหม่ ตุ๊หล่าง เป็นผู้ที่ไม่หยุดคิดในการพัฒนาตนเองและวิชาชีพชาวนาเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง อาชีพชาวนาเป็นอาชีพที่ยิ่งใหญ่ในความคิดของตุ๊หล่าง และเขาทำให้ทุกคนรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตุ๊หล่างทำให้ทุกคนรู้ว่า ชาวนา ไม่ใช่อาชีพที่ยากจนหรือถึงจนก็จนแค่ภายนอก แต่ภายในใจนั้นเปี่ยมสุขอย่างล้นเหลือ ชาวนาอย่างตุ๊หล่างมิได้ทำแค่นา แต่ได้ทำหน้าที่ของนักอนุรักษ์ อนุรักษ์ธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้สารพิษเพื่อฆ่าแมลงในนา แต่เลี้ยงกบ เลี้ยงปลาเพื่อให้ช่วยฆ่าแมลงแทน ให้ธรรมชาติปรับธรรมชาติอย่างสมดุล โดยมนุษย์เป็นแค่ผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด  ตุ๊หล่างบอกว่า รู้สึกตัวเองด้อยพัฒนาลงทันที หากปีไหนไม่ได้ทำนา ทุกปีที่ลงมือทำนา นั่นหมายถึงการได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริง ตุ๊หล่างเลี้ยงข้าวด้วยความรัก…

คนค้นฅน ชาวนา

เข้าพรรษามาดื่มเบียร์ ~ ไม่เข้าท่า

ไดอารี่ 29 July 200829 May 2015

เดือนกรกฏาคม นอกจากจะเป็นเดือนที่คนดังๆ (เช่น อดีตนายกทักษิณ, กบสุวนันท์ ฯลฯ) เกิดแล้ว ในแผนกของผมยังมีคนเกิดในเดือนนี้ตั้ง 3 คน เริ่มตั้งแต่ต้นเดือน วันที่ 1 ก.ค. วันเกิดคุณพรชัย วันที่ 10 ก.ค. วันเกิดฮัท และ วันที่ 23 ก.ค. วันเกิดผม ปกติในแผนกจะมีประเพณีอย่างหนึ่งคือ ถ้าเป็นวันเกิดใคร ในภาคบ่าย เราก็จะสั่งพิซซ่า KFC มากินกัน แต่เดือนนี้พิเศษหน่อย เนื่องจากมีวันเกิดถึง 3 คน จึงถือฤกษ์นี้ ไปหาอะไรกินพิเศษๆหน่อย และตามเคยครับ หัวหน้าแสนสวยเป็นเจ้าภาพ ประเด็นคือ เราจะไปไหนกันดี ระหว่างผับ คาราโอเกะ และหมูกะทะ มีคนเสนอว่า ไปผับกันดีมั้ย? ดิ้นไป กินเหล้าไป.. กินเหล้า นี่มันเข้าพรรษา “ไม่เข้าท่า” รุจกล่าว ไปคาราโอเกะดีมั้ย? หัวหน้าแกไม่ชอบร้องเพลง เมื่อเจ้าภาพไม่แฮปปี้ คนอื่นๆก็เกิดอาการเกรงใจ ~ ตกลงไปที่สุดท้าย หมูกะทะ   ไปที่เดิมที่เคยไปเมื่อครั้งก่อน นั่นคือ กุ้งกะทะรสเด็ด สามแยกพระโขนง ทีแรกตั้งใจจะงดแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษา แต่มาคิดอีกที เราไม่ได้เป็นคนที่กินบ่อยขนาดนั้น จะออกพรรษาหรือเข้าพรรษา ก็กินนับครั้งได้ ตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันนี้ ผมกินเบียร์จริงๆจังๆ ไม่น่าจะเกิน 5 ครั้ง และครั้งนี้ทนการรบเร้าจากน้องกุ้งเชียร์เบียร์ไม่ไหว ก็เลยหมดกันไป 5 ขวด (เอง)   น้องกุ้งรสเด็ดคนเดิม แต่ระยะห่างเพียงไม่กี่อาทิตย์ อาจจะเพราะเธอเปลี่ยนลุคส์ หรือการแต่งตัวที่แปลกใหม่ ทำให้เธอดูพองขึ้น เอ..หรือผมคิดไปเอง เป็นไปได้ว่าเชียร์เบียร์ทุกวัน เบียร์เลยระเหยเข้าสู่ร่างกาย เกิดอาการแพ้เบียร์ทำให้พองขึ้น.. แต่จะอย่างไร..เธอก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขันครับ คะยั้นคะยอจนหมดไปหลายขวด….เข้าพรรษา ดื่มแอลกอฮอล ~ ไม่เข้าท่าอย่าเอาเยี่ยงอย่างนะครับ   ป.ล. วันเกิดปีนี้ ถือโอกาสไปทำบุญด้วยการไปบริจาคโลหิต หลังจากที่ไม่ได้ไปมาเกือบจะ 5…

เข้าพรรษา เบียร์

รับปริญญา..มหานคร

เรื่องทั่วไป 15 November 2009

วันเสาร์ที่ผ่านมา (14 พ.ย.52) มีเพื่อนที่ประสบความสำเร็จในการศึกษาอีกขั้นหนึ่ง นั่นคือ สำเร็จการศึกษาในชั้นปริญญาโท เพื่อนคนนั้นคือ ตุ๋อึ่ง หรือวนสัณฑ์ (สายัณห์) ศรีสร้อย ถ้านับเพื่อนที่มีอยู่(อันน้อยนิด)ของผมที่สำเร็จการศึกษาถึงขั้นปริญญาโทนั่นน้อยมาก ดังนั้น เมื่อเพื่อนคนหนึ่งประสบสำเร็จ ผมจึงไม่ลังเลที่จะไปร่วมแสดงความยินดี และถือโอกาสได้พบปะเพื่อนๆในกลุ่มอีกด้วย (ลองทายสิว่า..มือที่ปิดตา คือมือใคร) สำหรับตุ๋อึ่ง ผมไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอคือวันที่ตุ๋อึ่งมาประกันตัวผม เปล่าๆ ผมไม่ได้ติดคุก ต้องเรียกว่ามาค้ำประกันเพื่อเข้าทำงานให้ผม ตุ๋อึ่งเป็นเพื่อนที่มีน้ำใจเสมอ ไม่ว่าเพื่อนจะมีอะไรและหนักหนาแค่ไหน เอ่ยปากเมื่อไร ตุ๋อึ่งก็จะยื่นมือช่วยอย่างเต็มใจ ผมเฝ้ามองความสำเร็จของตุ๋อึ่งอย่างชื่นชม ตั้งแต่เขาเริ่มทำงานจนกระทั่งเปลี่ยนงานสู่ตำแหน่งที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นคนที่ไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาตัวเองอย่างน่าเอาเยี่ยงอย่าง ขณะที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยอยู่ ก็ไม่วายหาโอกาสไปเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น ขณะที่ผมยังจมอยู่กับความขี้เกียจและความกลัวว่า จะเรียนไม่จบ? ไม่มีตังค์เรียน..หรืออีกเหตุผลร้อยแปด แต่จริงๆแล้วก้อคือขี้เกียจนั่นเอง..   มหาวิทยาลัยมหานคร เขารับปริญญากันที่ไบเทคบางนาครับ ข้อดีของการรับที่นี่คือ สถานที่กว้างขวาง ไม่ร้อนแดด ไม่กลัวฝนเปียก..(วันนั้นฝนก็ตกด้วย)  หลังรับปริญญาเสร็จมีการไปกินเลี้ยงที่ร้าน เลจ ฮิวจ์ อยู่ในถนนเกษตร นวมินทร์ ตรงข้ามกับร้าน the pool หรือถ้าให้ง่ายก็อยู่ใกล้ๆร้านกุ้งเต้น มีป้ายใหญ่ๆ สูงๆ เป็นตระหง่าน ร้านเลจ ฮิวจ์ เป็นร้านกลางแจ้งขนาดใหญ่ กว้างมาก อยู่บนคลอง ตัวโต๊ะอาหารตั้งอยู่บนแพที่ผูกติดๆกัน มีคาราโอเกะด้วย(ถ้าสนใจ)  บรรยากาศดี ลมเย็นดี อาหารก็ถูก. งานนี้ตุ๋อึ่ง(ผู้รับปริญญา) เป็นผู้เลี้ยง พวกเราๆไปแสดงความยินดีกลับได้กินฟรีครับ (แฮะๆ) อ้อ..ไม่ได้ไปแค่สี่ห้าคนตามที่ปรากฏในภาพนะครับ ไปกันสิบกว่าคนครับ งานนี้จ่ายไปเท่าไรไม่รู้ เพราะผมกลับก่อนตั้งแต่ทุ่มครึ่งแย้วว..

อ่านต่อ

ทริป-เที่ยงท่อง-ล่องแพ

ท่องเที่ยว, สุขกะภาพ 12 February 201415 June 2019

พูดถึงจังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดที่อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครเพียงแค่ 128 กิโลเมตร (ระยะจากกรุงเทพถึงเขตจังหวัดกาญจนบุรี) แต่บรรยากาศและสถานที่เที่ยวของจังหวัดนี้มีเยอะครับ และถ้าพูดถึงกาญจน์ หลายคนก็จะคิดถึงเขื่อน แพ และน้ำตก ..ทริปนี้เราไปเขื่อนครับ ได้ที่พักที่ อนันตาริเวอร์ฮิลส์รีสอร์ท ซึ่งที่พักมีทั้งแบบแพ แบบห้องพัก และกางเต๊นท์ เราไปครั้งนี้ได้ทั้งแบบห้องแพ ห้องพักบนสันเขื่อน และกางเต๊นท์ครับ กลางวันอาจจะร้อนไปหน่อย แต่ขอบอกเลยว่าพอตะวันตกดินเท่านั้นละครับ..ความหนาวเย็นเริ่มมาเยือนทันที จุดแข็งของที่นี่นอกจากมีเครื่องเล่นในน้ำแล้ว อาหารรสชาตถือว่าเด็ดครับ ถ้าไปเป็นหมู่คณะที่นี่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี .. เล่นน้ำเหนื่อยๆ ขึ้นมาแล้วได้ทานข้าวอร่อยๆ ..แค่นี้ก็มีความสุขละครับ 🙂

อนันตาริเวอร์ฮิลส์รีสอร์ท เที่ยวกาญจนบุรี

ทุกวันนี้..ศึกไกลยังไม่ห่วง

เรื่องทั่วไป 6 November 2009

ปี 2113 รัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช หลังจากที่ไทยเสียกรุงให้แก่พม่าเพียงปีเดียว พระยาละแวกถือโอกาสเข้ามาปล้นและตีเมืองนครนายก สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชจึงทรงรับสั่งให้ยกทัพไปปราบ ให้ทหารนำปืนจ่ารงค์ยิงไปถูกพระจำปาธิราชของเขมรตายคาที่บนคอช้าง ทัพเขมรถอยกลับไปแต่ก็ย้อนกลับมาปล้นเมืองอีกหลายครั้ง นอกจากนี้พระยาละแวกยังนำทัพมากวาดต้อนผู้คนแถวจันทบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา พระยาละแวกยกทัพมาถึงปากน้ำพระประแดง โจมตีเมืองธนบุรี จับชาวเมืองธนบุรีและนนทบุรีเป็นเชลยจำนวนมาก แล้วได้รวบรวมไพร่พลหมายจะเข้าโจมตีกรุงศรีอยุธยา โดยแต่งทัพเรือ 30 ลำเข้าปล้นบ้านนายก่าย แต่โชคไม่ดีถูกปืนใหญ่ของไทยยิงตายเป็นจำนวนมาก ฝ่ายเขมรแตกทัพหนีกลับไปทางพระประแดง แต่ก็ยังกวาดต้อนผู้คนแถวสาครบุรีกลับไปอีกด้วย ปี 2129 รัชสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช พระยาละแวกเห็นว่าไทยกำลังสู้ศึกกับกรุงหงสาวดีอยู่ จึงฉวยโอกาสยกทัพเข้ามาตีเมืองปราจีนอีกครั้ง พฤติการณ์ของพระยาละแวก เข้าทำนองสุนัขลอบกัดมาตลอด ขณะที่ทางไทยเข้มแข็ง พระยาละแวกก็จะส่งเครื่องบรรณาการมาแสดงความเคารพยำเกรง ขออาศัยอยู่ใต้บารมี แต่เมื่อไรที่ไทยถูกข้าศึกทางพม่าเข้าตีจนเข้าตาจน พระยาละแวกก็จะฉวยโอกาสกระหน่ำซ้ำเติมทุกครั้งทุกทีไป ครั้นมาถึงรัชสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ปี 2136 ในพระราชพงศาวดารที่ชำระในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นั้น ได้กล่าวเอาไว้ถึงเมื่อคราวที่พระยาละแวกถูกจับพันธนาการนำมาถวายแด่องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งได้มีการบรรยายความในตอนนี้ว่า “สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวแย้มพระโอษฐ แล้วมีพระโองการตรัสถามพระยาละแวกว่า ท่านเป็นกษัตริยขัตติยราช บำรุงแผ่นดินกรุงกัมพูชาธิบดี มีกุรุราษฎร์เป็นแว่นแคว้นขัณฑสีมา ฝ่ายกรุงพระมหานครศรีอยุธยาก็มีปัจจันตชนบทเป็นแว่นแคว้น และสองพระนครนี้ก็เป็นราชธานีใหญ่ ถ้าจะใคร่ได้ราชสมบัติในพระนครศรีอยุธยาแผ่เสมามณฑลให้กว้างใหญ่ เหตุไฉนมิยกเป็นพยุหโยธาไปกระทำสงครามให้ต้องทำนองขัตติยราชรณยุทธ์อันเป็นที่บันเทิงหฤทัย กษัตราธิราชแต่ก่อน จึงคอยแต่หงสาวดีมาติดพระนครศรีอยุธยาครั้งใด ก็มีแต่ยกพลไปพลอยซ้ำเติมตีเอาเมืองชนบทประเทศ กวาดเอาอพยพมาเมืองทุกครั้ง ทำดุจกาอันลอบลักฝูงสกุณปักษาฉะนั้น ควรด้วยราชประเพณีและหรือประการใด ก็ครั้งนี้ถึงซึ่งอัปราชัยแก่เราแล้ว ก็จะคิดฉันใดเล่า ให้ว่าไปตามสัตย์ตามจริงจะได้เป็นเยี่ยงอย่างกษัตริย์ไปภายหน้า” “ พระยาละแวกกราบถวายบังคมทูลว่า ซึ่งข้าพระองค์เป็นคนโลภเจตนา มิได้กระทำสงครามตามราชประเพณีกษัตริย์ ไปลักลอบกระทำเสี้ยนหนามแก่พระนครศรีอยุธยานั้น โทษผิดถึงตาย ถ้าพระองค์พระราชทานชีวิตไว้ กรุงกัมพูชาธิบดีจะได้เป็นข้าขัณฑสีมากรุงเทพมหานคร ถ้ามิเลี้ยงก็ก้มหน้าตาย” “สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวได้ทรงฟังคำพระยาละแวกดังนั้น จึงตรัสว่า เราได้ออกวาจาไว้แล้วว่า ถ้ามีชัยแก่ท่าน เราจะทำพิธีปฐมกรรมเอาโลหิตท่านล้างบาทาเสียให้จงได้ ท่านอย่าอาลัยแก่ชีวิตเลย จงตั้งหน้าหาความชอบในปรโลกนั้นเถิด บุตรภรรยาญาติประยูรวงศ์นั้น เราจะเลี้ยงไว้ให้มีความสุขดุจแต่ก่อน” จากนั้นจึงได้พระราชโองการให้ตั้ง “พิธีปฐมกรรมโดยสาตร” เจ้าพระยาละแวก ซึ่งในพระราชพงศาวดารนั้น บรรยายถึงการตั้งพิธีปฐมกรรมดังกล่าวเอาไว้ว่า “ มีพระราชบริหารแก่มุขมนตรี ให้ตั้งการพิธีปฐมกรรมโดยสาตร พระโหราธิบดีชีพ่อพราหมณ์ ก็จัดแจงการนั้นเสร็จ จึงเชิญเสด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นบนเกย เจ้าพนักงานองครักษ์เอาตัวพระยาละแวกเข้าใต้เกย ตัดศรีษะเอาถาดทองรองโลหิตขึ้นไปชำระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระโหราธิบดีลั่นฆ้องชัย ชีพ่อพราหมณ์เป่าสังข์ประโคมดุริยดนตรีถวายมุรธาภิเษกทรงอาเศียรภาพโดยสาตรพิธีเสร็จ เสด็จเข้าพลับพลา” … พออ่านประวัติศาสตร์ในอดีตก็ไม่แปลกใจต่อเหตุการณ์ในปัจจุบัน! แต่ที่น่าแปลกใจ ก็คือ คนไทยที่มีใจไม่เป็นไทย คนพวกนี้ แค่ขับไล่ให้พ้นประเทศคง ไม่พอ ต้องเอามีดบั่นคอแล้วโยนให้ไอ้เข้มันกิน!!…

อ่านต่อ

น้องพฤกษ์

say, สุขกะภาพ 31 May 201523 September 2021

น้องพฤกษ์เป็นลูกชายขององอาจ เพื่อนข้างๆบ้านนี่เอง ถ้าผมมีลูก ก็จะไล่เลี่ยกันกับน้องพฤกษ์นี่แหละครับ กำลังน่ารักน่าชังน่าตี และซุกซนตามประสาเด็ก เรื่องที่เคยกังวลว่า จิ๊กกี๋จะเป็นปัญหาหรือจะรังแกน้องหรือไม่นั้น ดูจากภาพนี้คงหายกังวลครับ ปกติกี๋จะหวงบ้านมาก แต่วันนี้น้องพฤกษ์เดินต๊อกแต๊กๆ เข้าบ้าน นอกจากกี๋จะไม่เห่าแล้ว ยังเดินตามมาส่งกระดิกหางดุกดิกหมามันฉลาดครับ, มันรู้ใครมาดี ใครมาร้าย “จิตใจแม้จะซ่อนไว้ข้างใน แต่หมามันรู้ครับ“

อ่านต่อ

“โพสต์”

say, เรื่องทั่วไป 12 May 201811 June 2019

-1- หลังจากกลับจากโรงเรียนเย็นวันนั้น เด็กชายตื่นเต้นมากกับสิ่งที่เขาได้มาจากโรงเรียน เขาหลงใหลกับสิ่งนี้มาก ในสายตาเขามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ สามารถวาดการ์ตูน เขียนตัวหนังสือสวยๆงามๆ บนกระดานได้ เขาตื่นเต้นทุกครั้งที่ครูใช้มันสร้างสิ่งยิ่งใหญ่บนกระดาน และสำคัญว่ามันจะสามารถวาดหรือเขียนอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ มันคือสิ่งที่เรียกว่า “ชอล์ก” -2- ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือส่งตัวเองเข้าสู่โลกโซเชียล รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากเมื่อเห็นคลิปน่ารักๆ ที่เพื่อนเขาโพสต์ แต่พอนิ้วสไลด์ขึ้นขยับสายตาเลื่อนลงมาในโพสต์ถัดไป กลับเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นนิ่งเฉย แววตาแฝงความอิจฉา เมื่อเห็นภาพเพื่อนๆที่ถ่ายตามที่ท่องเที่ยวต่างๆในท่าทีที่มีความสุข นึกถึงตัวเองที่ตอนนี้ยังคงทำงานหนัก แต่ยังไม่สามารถมีเงินไปเที่ยวที่ไหนเหมือนคนอื่นๆ เขาไม่แม้แต่จะกดไลท์ และรีบเลื่อนมันพ้นๆไป สายตายิ่งแฝงความเคียดแค้นชิงชังหนักขึ้น เมื่อเลื่อนลงมาพบข่าวดาราที่เขาชื่นชอบถูกแฟนบอกเลิกทั้งๆที่มีลูกด้วยกันแล้ว -3- เด็กชายเสียใจนิดหน่อยที่พบว่า “ชอล์ก” ที่เขาได้มาจากโรงเรียนไม่สามารถเนรมิตตัวการ์ตูนหรือสิ่งสวยๆงามๆอย่างที่ครูทำได้ อีกทั้งพบว่า “ชอล์ก” ไม่ใช่ผู้สร้าง เป็นแต่เพียงเครื่องมือช่วยในการสร้างเท่านั้นหลังจากที่พยายามเที่ยววาดทั่วกำแพงบ้านและกำแพงวัดในหมู่บ้าน นอกจากภาพที่วาดจะไม่สวยงามแล้ว บางข้อความที่เด็กชายเขียนเป็นคำด่าหยาบคายระบายอารมณ์ส่วนตัว -4- ชายหนุ่มโพสต์ข้อความหยาบคายแสดงความคิดเห็นต่อข่าวดาราที่เขาชื่นชอบถูกแฟนบอกเลิกทั้งๆที่มีลูกด้วยกันแล้ว ทุกตัวอักษรที่เขาบรรจงพิมพ์แต่ละตัวเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชังด้วยอารมณ์ส่วนตัว แต่ใช้พื้นที่ข่าวในการแสดงออก ดังนั้น ข้อความที่เขาโพสต์ลงไปจึงเต็มไปด้วยอคติและบิดเบือนความเป็นจริงแทบทั้งสิ้น และเมื่อกดเผยแพร่ ข้อความของเขาก็เข้าสู่โลกโซเชียลอันไม่มีที่สิ้นสุดเสียแล้ว เจ้าของบ้านทั้งก่นด่า สาปช่างเมื่อเห็นว่ากำแพงเลอะไปด้วยข้อขีดเขียนเต็มไปหมด พระเณรเองก็ต้องทำความสะอาดกำแพงวัดยกใหญ่ ด้วยฝีมือของเด็กชายผู้ไร้เดียงสา หลังจากกดเผยแพร่ไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง ชายหนุ่มเริ่มมีสติและคิดได้ว่าข้อความเหล่านั้นไม่ถูกต้อง รีบกลับไปลบ..แต่สายไปเสียแล้ว ข้อความของเขาถูกแค้ปเจอร์ไว้หมดแล้ว หลังจากนี้อาจถูกดำเนินคดีในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลที่สร้างความเสียหายแก่ผู้อื่น การกระทำของทั้ง 2 คน ไม่แตกต่างกัน เป็นการกระทำแบบเด็กที่ไม่มีสติ แต่ความเสียหายเหมือนกัน เด็กทำยังเข้าใจว่าไร้เดียงสา แต่ถ้าผู้ใหญ่ทำเรียกว่าไร้ปัญญา!

อ่านต่อ

บาป-บุญ-คุณ-เธอ

สุขกะภาพ 3 April 2014

เมื่อตอนเด็กๆ พอยังจำความได้นิดๆหน่อยๆ แม่จะกระเตงผมไปวัดด้วย ขณะฟังพระท่านให้ศีลให้พรผมก็ปีนป่ายตามตัวแม่ แม่ก็พยายามจับมือผมพนมพร้อมกับดุว่าต่อหน้าพระอย่าซน ผมหยุดซนได้ไม่เกิน 10 วินาที ก็เริ่มซนใหม่ ตามประสาเด็ก   พอโตขึ้นมาหน่อย แม่ก็เริ่มสอนให้รู้จักใส่บาตรตอนเช้า ส่วนหนึ่งคือช่วยเป็นภาระแทนแม่ แม่มือไม่ว่าง ก็ได้ผมช่วยใส่บาตรแทน แม่ก็ได้บุญในฐานะคนจัดหาอาหารมาใส่บาตร ผมก็ได้บุญในฐานะตัวแทนมาทำบุญตักบาตร ความใกล้ชิดกับวัดวา พระสงฆ์องค์เจ้าตั้งแต่เด็กนี่เอง ทำให้เรากลัวในบาปบุญคุณโทษ เชื่อเรื่องกรรม ซึ่งอาจจะตรงข้ามกับคนในยุคปัจจุบันที่มองสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องขบขัน และมักมีคำถามแปลกๆ ว่า บาปบุญมีจริงเหรอ? นรกสวรรค์อยู่ตรงไหน? ทำดีได้ดีจริงหรือ? ฯลฯ ผมเองก็คงตอบไม่ได้ต่อคำถามเหล่านี้ เพราะตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นคำถาม เหมือนมันมีคำตอบอยู่แล้วในตัวของมัน มันจะค่อยๆชัดเจนเรื่อยๆ ตามวัย เห็นภาพนี้แล้วก็คิดถึงตัวเองตอนเด็กๆ ผมคงไม่นั่งเปะเหมือนเด็กในภาพ แต่วัย ณ ขณะนั้นคงไล่เลี่ยกัน คำอธิบายภาพ : ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือ iphone 4s หน้าร้านข้าวแกง/อาหารตามสั่ง ติดกับโรงพยาบาลเพชรเวช เสื้อสีม่วงนั่นคือพนักงานของโรงพยาบาลเพชรเวช

พระ ใส่บาตร

แบ่งตามหมวด

  • say (9)
  • กลอน (1)
  • คุยกับคอม (9)
  • ช่วยชิม (11)
  • ท่องเที่ยว (62)
  • บ่น (35)
  • บ้านบ้าน (16)
  • พูดจาภาษาฝรั่ง (9)
  • วิ่ง (26)
  • สุขกะภาพ (74)
  • เพลงสั้น (11)
  • เรื่องทั่วไป (87)
  • เรื่องยาว (9)
  • เรื่องสั้นสั้น (53)
  • แมคบุค (4)
  • ไดอารี่ (63)

Copyright © 2020. All rights reserved.

Contact me : nevikup@gmail.com
Facebook.com/aroundmeTH